ตอนที่33 เขามีความสามารถของนักกีฬาตัวท๊อป
ในฐานะโค้ชนักวิ่งตัวท๊อป โค้ชเฉินให้ความสำคัญกับความเร็วมากๆ เขามองไปที่ไฮหยางเฉิน เเล้วรู้ทันทีเลยว่าเขาวิ่งเร็วมาก เมื่อผลลัพท์ออกมา เขาเป็นคนเเรกที่ทำเวลาได้10.64วินาที
"10.64วินาที? จริงเหรอเนี่ย? เขาไปทำอะไรถึงได้เร็วขนาดนั้นละ?!"
"จับเวลาด้วยมือจะทำให้เป็นมาตรฐานเเบบอัตรโนมัติโดยการ+เพิ่มอีก0.24 10.64+0.24ก็เท่ากับ10.88วินาที นั้นดีพอสำหรับการเป็นนักกีฬาชาติลำดับ1เลยนะ"
มาตรฐานเวลาของนักกีฬาลำดับ1คือ10.93โดยใช้เวลาอัตโนมัติ เขาถึงเกณฑ์ชัวร์ๆอยู่เเล้ว"
"เขามาทำอะไรเนี่ย ทำไมเขาไม่ไปเเข่งอย่างเป็นทางการละ มาอวดของเหรอ?"
ผมเป็นครูพละมา10กว่าปี นี้เป็นครั้งเเรกที่ผมเจออะไรเเบบนี้ นักเรียนคนนี้มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นนักกีฬาลำดับ1เเต่กลับมาสอบนักกีฬาลำดับ2 เขาไปทำอะไรมาตั้งนานเนี่ย?"
ทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนกำลังพูดคุยกันเรื่องไฮหยางเฉิน คนที่พึ่งวิ่งได้10.64วินาที
เเละเพราะว่าผลเวลาที่ออกมาจับด้วยมือ เเละตามประเพณี การเปลี่ยนมาเป็นเเบบจับเวลาอัตโนมัติเเบบง่ายๆคือ+เพิ่มเข้าไปอีก0.24 ถึงงั้น คะเเนนสุดท้ายของไฮหยางเฉินก็ยังคงเป็น10.88วินาที ซึ่งก็สูงกว่ามาตรฐานของนักวิ่งระดับ1ที่10.93อยู่ดี ถ้าวัดกันที่ความสามารถ เขาไปอยู่ระดับต้นๆเเล้ว
เเต่โชคร้ายที่เฉินไม่สามารถรับใบประกาศระดับ1ได้ เพราะว่าโดยปรกติ นักกีฬาระดับสูงขึ้นไปจะไม่เหมือนการเเข่งธรรมดา พวกเขาต้องได้รับการทดสอบระดับชาติ ตัวอย่างเช่น ถ้านักวิ่ง100เมตรอยากจะเข้าเป็นนักกีฬาระดับ1เขาต้องได้รับผลยืนยันอย่างเป็นทางการจากการเเข่งขันระดับชาติ ให้ได้น้อยกว่า10.93วินาที การเเข่งขันอย่างเป็นทางการนี้ จะถูกจับเวลาด้วยระบบอัตโนมัติทั้งหมด เพราะงั้นผู้เข้าสมัครทุกคนจะถูกประเมินด้วยเวลาอัตโนมัติ
ด้วยการเเข่งขันที่มีการประเมินผลที่เเตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงนี้ ทำให้ระหว่างการเเข่งขัน นักวิ่งมักจะเกิดอาการกังวล เเละด้วยเหตุนี้อาจจะทำให้เกิดความผิดพลาดเเล้วก็ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร บางทีพวกเขาอาจจะทำได้เเค่70%-80%ของความสามารถทั้งหมดที่มีภายใต้เเรงกดดันนี้
บางครั้งคนเราก็ไม่ได้ใช้เเค่ความสามารถเเต่ก็ต้องอาศัยโชคที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จได้อีกด้วย เพราะว่าการเเข่งขันเเบบนี้มีเเต่นักกีฬาที่ระดับสูงเท่านั้นที่จะมีโอกาสที่จะได้มหาลัยโดยที่ไม่ต้องสอบ
สำหรับไฮหยางเฉิน ถึงเเม้ว่าเขาจะได้คะเเนนดี เเต่เส้นทางของเขายังอีกยาวไกล เขายังต้องการการฝึกอย่างมืออาชีพอีกมากเเละก็ประสบการณ์ที่เพียงพอในการที่จะเป็นนักกีฬาวิ่งอันดับ1
เเต่ถึงอย่างงั้น ด้วยสถิติที่สวยงาม มันดีมากพอที่จะพิสูจน์ถึงขีดจำกัดของไฮหยางเฉิน เเล้วก็ทำให้โค้ชเฉินประหลาดใจ
ไฮหยางเฉินนั้นเร็วกว่าฉิงเหลียงซูเพียง0.11วินาที เเต่ความต่าง0.11วินาทีเนี่ยละที่เป็นหลักฐานถึงความต่างของ2เลเวล ระหว่าง2ผู้เเข่งขัน ไล๋หว่องไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึงด้วยซ้ำ
โค้ชเฉินตอนเเรกเดินไปที่ไล๋หว่องเเละวางเเผนว่าจะให้ที่เรียนในมหาลัยกับเขาแต่ไฮหยางเฉินมีความสามารถมากพอที่จะเปลี่ยนแผนของโค้ชเฉิน คนแรกได้10.64วินาที ส่วนคนที่2ได้10.84วินาที ใครที่ยังสติดีอยู่ก็คงจะรู้ว่าต้องเลือกใคร โค้ชเฉินหันหลังกลับแล้วเดินจากไป ทิ้งไว้ให้ผอ.ฮาวอยู่ตามลำพัง
“อ้าว โค้ชเฉินครับ จะไปไหนครับ?” ผอ.ฮาวดูอายๆ มือของเขายื่นไปกลางอากาศ แต่โค้ชเฉินเดินจากไปแล้ว
ฮาวได้ยินเสียงของคนดู นั้นทำให้รู้ว่ามีใครบางคนวิ่งได้10.64วินาที!
“ใคร ใครเป็นคนทำได้อย่างงั้น? มันมาได้ยังไงเนี่ย?” ผอ.ฮาว ลนลาน เขารู้ถึงความต่างอันกว้างใหญ่ระหว่าง10.64 กับ 10.84วินาทีดี ตอนนี้เขาทำได้แค่หวังว่าคนที่ได้10.64จะหมดสิทธ์ด้วยเหตุผลอะไรซักอย่าง อาจจะทำให้เขายังมีโอกาสที่จะได้ที่นั่งในมหาลัยที่สุดท้ายอยู่
“ผมคิดว่าผมเคยเห็นนักเรียนคนนั้นมาก่อนนะ เขามาสมัครเรียนกับคลาสฝึกของเรา แต่ไม่ได้มาในวันรายงานตัว” เสียงโค้ชฮาวดั่งแว้วเข้ามาในหัวฮาว แล้วก็ทำลายความหวังสุดท้ายของเขา
...
“โค้ชหลี่ ผมผ่านแล้วครับ!” ไฮหยางเฉินวิ่งมาหาไต้หลี่ด้วยความตื่นเต้น แต่หลี่มองไปที่ไฮหยางเฉิน เห็นโค้ชเฉินรีบเร่งมาหาเขา
“นั้นโค้ชเฉินจากมหาลัยกีฬาเขตนี้ เขามาอีกแล้ว เขาเคยมาชวนฉิงเหลียงซูไปเรียน แล้วรอบนี้ก็เป็นไฮหยางเฉินก็ทำได้10.64วินาที โค้ชเฉินอาจจะรับเขาไปด้วยอีกคน!”
พอนึกถึงเรื่องนี้ ไต้หลี่ก็ยิ้มล่า เขาต้อนรับโค้ชเฉินแล้วกล่าว “สวัสดีครับโค้ชเฉิน ไม่คิดว่าเราจะได้เจอกันอีกครั้งเร็วขนาดนี้”
“คุณอีกแล้ว คุณคือ... คุณชื่ออะไรนะ?” โค้ชเฉินพยายามนึกชื่อของไต้หลี่ ถึงแม้ว่าจะพึ่งเจอไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วแต่เขาก็จำชื่อหลี่ไม่ได้
“ไต้หลี่ครับ ผมชื่อไต้หลี่” หลี่พูด เขาให้ชื่อของเขาไปโดยที่ไม่รู้สึกไม่พอใจเลยซักนิด
“อ้อ ใช่ คุณไต้หลี่!”โค้ชเฉินมองไปที่ไฮหยางเฉิน แล้วถามคำถามขึ้นมาอีก “เด็กที่วิ่งได้10.64นั้นเป็นนักเรียนของคุณเหรอ”
ใช่ครับเขาเป็นนักเรียนของผมเอง เขาชื่อไฮหยางเฉิน เป็นเด็กม.ปลายครับ“ไต้หลี่ดันไฮหยางเฉินออกมาข้างหน้า แล้วก็แนะนำเขาให้”เฉินเป็นคนที่มีความสามารถในการวิ่ง100เมตรมากครับ แถมเขายังเป็นคนที่ฝึกหนักมาด้วย เขาเป็นคนที่เก่งที่สุดในหมู่นักเรียนของผมเลย”ไต้หลี่พยายามหาคำพูดดีที่จะช่วยไฮหยางเฉิน ทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้เขาได้รับเลือก
เเต่ในทางตรงกันข้าม โค้ชเฉินไม่ได้รีบร้อนอะไรขนาดนั้น เขาไม่ได้ตั้งมั้นที่จะดึงเด็กเข้าเรียนเเล้ว เเต่ตอนนี้เขาสนใจในตัวโค้ช ไต้หลี่มากกว่า เด็กที่ทำสกอร์ได้ดีที่สุดทั้งหมดเป็นนักเรียนของไต้หลี่ ถ้าเเค่ฉิงเหลียงฮาวที่ชนะคู่เเข่งเขาอาจจะมองว่าหลี่โชคดีที่มาเจอเด็กที่มีพรสวรรค์เเบบนี้ เเต่นี้มีผู้ชนะอีกคนนึงไฮหยางเฉิน โค้ชเฉินเริ่มไม่เชื่อเเล้วว่ามันเป็นเเค่เรื่องบังเอิญ ด้วยประสบการณ์การทำงานมาอย่างเนิ่นนาน เขาบอกได้เลยว่าโค้ชหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา
โค้ชเฉินมองไปด้านหลังของไต้หลี่แล้วถาม “นี้คุณมีเด็กนักเรียนกี่คนในการสอบครั้งนี้ครับ คุณไต้หลี่?”
“8คนครับ ผมบอกคุณไปก่อนหน้านี้แล้วว่าผมทำงานคนเดียว ผมเปิดคลาสฝึกเอง แล้ว8คนนี้ก็ถูกฝึกมาโดยผมเอง พวกเขาอยู่กับผมมา2เดือนแล้วครับ” หลี่พูด
โค้ชเฉินพยักหน้าแล้วถามอีก “มีเด็กผ่านทั้งหมดกี่คนแล้วครับ”
“7ครับ”หลี่ตอบอย่างไม่ลังเล
“7ใน8คนที่ผ่านการทดสอบคุณสมบัติของนักกีฬาลำดับ2เลยเหรอ อัตราการผ่านมันสูงมากๆ! มีโค้ชระดับนี้อยู่ในเมืองเล็กๆแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย? บางทีเราอาจจะดูถูกโค้ชหนุ่มคนนี้ไป เขาอาจจะเป็นคนที่มีความสามารถก็ได้” โค้ชเฉินคิด
จากนั้นก็มีเสียงดังมาจากไกลๆ
“โค้ชหลี่ ผมทำได้แล้ว!”
นั้นคือเด็กของหลี่คนสุดท้าย เขาอยู่ในกลุ่มที่14 ไต้หลี่ยิ้มอย่างสบายใจ แล้วหันไปหาโค้ชเฉิน “นี้ครับโค้ชเฉิน ตอนนี้เด็กทั้ง8คนของผมผ่านหมดเรียบร้อยแล้วครับ