ตอนที่ 182 ไม่บอกชื่อ
เพียงแค่หลิน ฮวงเดินออกจากห้องโถงของสมาคมนักล่า มู่ หลานก็หยุดเขา
"หัวหน้ามู่ มีอะไรรึเปล่าครับ?" หลิน ฮวงคิดว่ามันแปลก
"สิ่งที่คนที่ลงทะเบียนพูดมันจริงรึเปล่า? ที่ว่านายเลื่อนเป็นระดับเงินจากคนปกติใน6เดือน?" มู่ หลานถามโดยตรง
"มันคือเรื่องจริง."
หลิน ฮวงคิดว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะปิดบัง เพราะมันถูกเปิดเผยออกไปตั้งแต่เขาลงทะเบียนที่สมาคม
"ทักษะชีวิตแบบไหนที่นายฝึก?มันเป็นไปได้ยังไงกัน ?มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำเช่นนั้นแม้ว่าสิ่งที่นายฝึกจะเป็นทักษะชีวิตขั้นสูง ฉันคิดว่าฉันค่อนข้างมีพรสวรรค์และฉันต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งปีกว่าจะถึงระดับเงิน " มู่ หลานบอกความเร็วในการฝึกของเธอ
"ฉันฝึกวิชาโจมตีพยุหะ" หลิน ฮวงมองไปที่มู่ หลานด้วยรอยยิ้ม
"ขั้นเริ่มต้นของการฝึกวิชาโจมตีพยุหะเทียบไม่ได้กับทักษะชีวิตระดับสูง ตอนนี้นายอยู่ระดับไหน?" มู่ หลานขมวดคิ้ว
"ระดับ6" หลิน ฮวงโกหก
"นายสามารถฝึกวิชาโจมตีพยุหะถึงระดับ 6 ได้ภายในหกเดือน?นายคืออัจฉริยะที่แท้จริง! " มู่ หลานคิดว่ามันไม่น่าเชื่อที่หลิน ฮวงจะมาถึงระดับ6ของวิชาโจมตีพยุหะภายใรน6เดือน เพราะบางคนต้องติดอยู่ที่ระดับ5นานกว่าสิบปี
หลิน ฮวงยิ้มโดยไม่พูดอะไร จากนั้นมู่หลานก็กล่าวกับเขา“ฉันจะเสนอชื่อนายลงการฝึกเร่งรัด”
“มันคืออะไร?มันคล้ายกับบัตรผ่านพิเศษ?”มันเป็นครั้งแรกที่หลิน ฮวงเคยได้ยิน
"แน่นอนว่าไม่ การผ่านพิเศษนั่นแค่สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้เป็นนักล่าสำรองและคิดจะกลายเป็นนักล่าปกติเลย มีคนประเภทนี้อยู่หลายคน การฝึกเร่งรัดคือสิ่งที่สมาคมนักล่าจะมอบให้แก่อัจฉริยะทุกคน ทุกคนที่ผ่านล้วนเป็นอัจฉริยะทั้งหมด ไม่เพียงแต่พวกเขาจะได้รับสิทธิ์เข้าถึงแหล่งข้อมูล แต่พวกเขาจะได้รับข้อมูลที่เหมือนกับนักล่าระดับเพลิงสวรรค์...”มู่ หลานอธิบาย
"ทำไมผมจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน?" หลิน ฮวงไม่คิดว่ามู่ หลานจะโกหกเขา เขาแค่อยากรู้เพราะเขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
"เป็นเรื่องปกติ ในสมาคมนักล่า มีเพียงนักล่าระดับทองเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เข้าถึงเรื่องนี้ได้”มู่ หลานยิ้ม
"ถ้าเป็นความจริง ที่ว่างก็คงจะมีจำกัด ถ้าคุณจะแนะนำผม ผมอาจไม่สมควรได้รับมัน ผมพูดถูกไหม?" หลิน ฮวงไม่รู้ว่าเขาเคยถูกแนะนำมาก่อนแล้ว แต่เขาก็ถูกปฏิเสธในระหว่างการตรวจสอบขั้นสุดท้าย
"ถูกต้องมันมีจำนวนจำกัด ในเขต7ปีหนึ่งจะมีไม่ถึง4คนที่สามารถผ่านการตรวจสอบ ถึงแม้จะมีบางครั้งที่มากกว่านั้น แต่ก็ไม่เคยเกินหกคน การเสนอที่เราส่งจะต้องผ่านการตรวจสอบสามรอบ สองรอบแรกง่าย แต่ไม่ใช่สำหรับรอบสุดท้าย เพราะมันจะต้องผ่านผู้บริหาร 12 คน เพียงแค่มีหนึ่งคนที่ไม่เห็นด้วย การตรวจสอบก็จะถูกปฏิเสธ อย่างไรก็ตามฉันมั่นใจว่านายจะผ่าน!" มู่ หลานเชื่อในตัวหลิน ฮวงอย่างมาก
"งั้น ผมก็ขอขอบคุณล่วงหน้า เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ คืนนี้ ผมขอเลี้ยงอาหารเย็นคุณเอง”หลิน ฮวงพูด แม้ว่าเขาจะไม่คิดว่าเขาจะผ่านการตรวจสอบ แต่เขาก็ไม่อยากปฏิเสธความหวังดีของมู่ หลาน
"ฉันมีธุระบางอย่างที่ต้องรีบกลับไปทำ ฉันจะต้องรีบกลับบ้านหลังจากที่ฉันทำเรื่องการลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อย."มู่ หลานยิ้ม "แต่ฉันจะส่งการลงทะเบียนให้นายภายในวันนี้ ไม่ต้องห่วง”
"ไม่เป็นไร คุณอยากจะทำมันตอนไหนก็ได้ตามแต่คุณสะดวก" หลิน ฮวงยักไหล่ "งั้นเราก็จะเลื่อนมื้อเย็นของเราออกไปก่อน"
"แน่นอน เราจะพูดถึงเรื่องนี้เมื่อเราเจอกันครั้งหน้า" มู่ หลานพยักหน้า เธอถามอีกครั้งว่า "โอ้ใช่ นายจะกลับบ้านเมื่อไหร่?"
"ผมยังไม่ได้จองตั๋ว ผมยังไม่แน่ใจ ถ้ามีตั๋วพรุ่งนี้ก็ผมก็จะจองเลยหรือถ้าไม่มี ผมก็ต้องรอจนกว่าจะถึงสัปดาห์หน้า" หลิน ฮวงไม่คิดว่าเขาจะได้ตั๋ว เพราะมันใกล้วันหยุด
"นายสามารถตรวจสอบได้เลยตอนนี้ ถ้ามันไม่มีเที่ยวบิน ฉันสามารถช่วยนายได้" มู่ หลานเริ่มให้ความช่วยเหลือหลิน ฮวง
"ไม่เป็นไร เนื่องจากการประเมินนั้นจบเร็วกว่ากำหนดและยังมีเวลาก่อนจะถึงปีใหม่ อีกหนึ่งสัปดาห์ผมค่อยกลับก็ยังได้”หลิน ฮวงปฏิเสธ
"ฉันจะตรวจดูมันให้" จากนั้นมู่ หลานก็มองหาตั๋วของยานคริสตัลปีศาจ เธอมีรายละเอียดส่วนตัวของหลิน ฮวงในการลงทะเบียนการประเมิน เธอพบตารางเวลายานบินที่เขาต้องการภายในไม่กี่วินาที
อย่างไรก็ตามยานบินได้ถูกจองเต็มแล้ว หลิน ฮวงเห็นมันจากด้านข้าง
"งั้นผมจะจองตั๋วสำหรับสัปดาห์หน้าแทน”
"ไม่เป็นไร ยังมีที่ว่างในห้องวีไอพี" จากนั้นมู่ หลานก็จองตั๋ว
ภายในเวลาไม่ถึงสามวินาทีตั๋วก็ถูกส่งไปที่แหวนหัวใจจักรพรรดิของหลิน ฮวง
หลิน ฮวงไร้คำพูด "ผมจะโอนเงินให้คุณ โปรดส่งรายละเอียดบัญชีของคุณให้ผม"
"ไม่จำเป็น คิดซะว่านี่คือการขอโทษที่ฉันเกือบจะปล่อยให้นายถูกเซี่ย หยูฆ่า" มู่ หลานยังคงรู้สึกไม่ดีกับเรื่องนั้นอยู่ จากนั้นเธอก็หันกลับไปที่ห้องโถงของสมาคมนักล่า
หลิน ฮวงตกใจและยังคงยืนอยู่ที่ที่เขายืนอยู่ เขารู้ว่ามู่ หลานจะไม่รับเงินเขาแม้ว่าเขาจะไล่ตามเธอไป เขาส่ายหัวและเดินไปยังโรงแรม โรงแรมที่หลิน ฮวงจองอยู่ใกล้กับจตุรัสเป่ยหมิงที่ยานคริสตัลปีศาจจะลงจอด
ในห้องพักโรงแรม เขานั่งบนโซฟาห้องนั่งเล่นและมองการ์ดสองใบในมือเขา มีการ์ดมอนสเตอร์ระดับหากยากสองตัว หนึ่งคืออสูรดาบตาเดียวขณะที่อีกหนึ่งคืออินทรีอเล็กซานเดรี้ยน เขามีการ์ดเลื่อนขั้น5ใบ ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้เขาได้รับการ์ดมอนสเตอร์ระดับสุดยอดสองใบ หลิน ฮวงคิดไว้ว่าจะเลื่อนขั้นอสูรดาบตาเดียวเพราะมันจะทรงพลังอย่างมากเมื่อมันเป็นระดับสุดยอด
อย่างไรก็ตาม หลิน ฮวงไม่แน่ใจว่าเขาควรอัพเกรดอินทรีอเล็กซานเดรี้ยนซึ่งเป็นมอนสเตอร์กลายพันธ์เหมือนกันไหม เพราะเขามีสัตว์บินเพียงตัวเดียว หากมันถูกอัพเกรด เขาจะไม่สามารถเปิดเผยมันได้บ่อยนัก มอนสเตอร์กลายพันธ์สองครั้งแต่ละตัวจะก่อให้เกิดความโกลาหล นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงลังเล เนื่องจากการรุกรามของพวกนอกรีตเพิ่งจะผ่านพ้นไป มันจะมากเกินไปหากหลิน ฮวงอัพเกรดมันทันที
จากนั้นเขาก็เก็บการ์ดทั้งคู่ลงไปและหยิบการ์ดมอนสเตอร์ระดับสุดยอดออกมา มันคือปีศาจเถาวัลย์แดนดิไลอัน แม้ว่ามันจะเป็นมอนสเตอร์ระดับสุดยอด มันก็มีทักษะเพียงสองอย่างเท่านั้นซึ่งก็คือเมล็ดสูบกลืนและการควบคุมสัมบูรณ์ ในขระเดียวกัน ทักษะที่สามยังไม่ได้พัฒนา แม้ว่ามันจะอยู่ในระดับเงินขั้น3 หลิน ฮวงก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเขาอัพเกรดมัน
หลิน ฮวงมีช่องทักษะมอนสเตอร์เหลือสองช่อง ขณะที่เขากำลังรอคอยให้อสูรดาบตาเดียวและปีศาจเถาวัลย์กลายเป็นมอนสเตอร์ระดับสุดยอดเพื่อที่เขาจะสามารถสกัดทักษะได้ในครั้งเดียว ไม่ว่าจะเป็นอะไร ทักษะของมอนสเตอร์ระดับสุดยอดจะต้องทรงพลังกว่ามอนสเตอร์อื่นใด
หลังจากคิดอยู่สักพัก หลิน ฮวงก็เก็บการ์ดและเปิดปฏิทินในแหวนหัวใจจักรพรรดิเขา มันเป็นวันที่21ธันวาคม มันคือหนึ่งเดือนก่อนปีใหม่ เขาสามารถใช้เวลาไปกับหลิน ซินและหลิน ซวนได้ในช่วงเดือนนี้รวมถึงการรักษาเสถียรภาพของพลังชีวิตเขา หลิน ฮวงไม่ได้ทำอะไรมากนักในเมืองเป่ยซวนช่วงสองวันที่ผ่านมา เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเดินเล่น ซื้อของฝากและฝึกวิชาโจมตีพยุหะสามถึงสี่ชั่วโมงในตอนกลางคืน
สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือมีใครบางคนกำลังพูดถึงเขาอยู่ในระหว่างสองวันนี้ มันคือผู้บริหารซู เทียนยู่ที่ได้รับการแนะนำครั้งที่สอง เขาวางแผนที่จะเมินเฉยข้อความ แต่เนื่องจากมันถูกส่งมาโดยมู่ หลาน เขาจึงอ่านข้อความอย่างลังเลใจ ในข้อความ หลิน ฮวงได้ถูกอธิบายในรูปแบบต่างๆ มู่ หลานไม่เพียงแต่จะเอ่ยถึงความเร็วที่น่ากลัวและมอนสเตอร์กลายพันธ์สองครั้งของเขา แต่เธอยังอธิบายถึงความช่วยเหลือของหลิน ฮวง
ซู เทียนยู่ตกตะลึงหลังจากอ่านคำอธิบาย เขามักจะคิดว่ามู่ หลานคือคนที่ค้นพบว่าพวกนอกรีตกำลังลอบทำอะไร เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นหลิน ฮวงที่ค้นพบ
“ดูเหมือนเด็กนี่จะเหมาะกับการฝึกมาก ฉันดูหมิ่นเขาไป!”ซู เทียนยู่ขมวดคิ้วเมื่อกล่าวเช่นนี้“แต่ทว่า มันยากที่จะผ่านการตรวจสอบเนื่องจากผู้บริหารทุกคนล้วนหัวโบราณและมีฐิติสูง พวกเขาจะไม่มีทางยอมรับใครบางคนที่พวกเขาได้ปฏิเสธไป โดยเฉพาะเฒ่าหลี่...”
“พ่อ ผมมาเรียกไปกินข้าวเย็น!”ชายวัยกลางคนร่างสูงเคาะประตูห้องซู เทียนยู่
“โอ้ พ่อจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”ซู เทียนยู่พยักหน้า
ชายที่อยู่ตรงประตูเห็นรูปหลิน ฮวงและถาม“พ่อ ทำไมเด็กคนนี้จึงดูคุ้นๆ?”
“เขาคือหนึ่งในคนที่อยู่ในการประเมินของลูก”ซู เทียนยู่พยักหน้า
“ผมจำได้แล้ว ชื่อของเขาคือหลิน ฮวง เขาและเด็กสาวอีกคนเป็นเพียงสองคนที่สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับวัชพืชได้ในระหว่างการประเมินที่สอง”ชายวัยกลางคนคือหัวหน้าผู้คุมรอบแรกของการประเมิน ซู จั่นเพิง
“โอ้ จริงรึ?”ซู เทียนยู่เลิกคิ้วขึ้น“ลูกคิดยังไงเกี่ยวกับเขา?”
“ผมไม่รู้อะไรมาก ผมได้ยินเรื่องเขาจากโจว หลิน เขาสนใจในเด็กคนนี้ แต่ทว่า เราก็ไม่ได้ทดสอบความสามารถของเขาในระหว่างการประเมินทั้งสองรอบ ดังนั้นเราจึงไม่รู้ถึงขอบเขตความสามารถเขา หากพ่ออยากจะรู้ พ่อก็ควรจะถามหัวหน้าผู้คุมรอบสามและสี่”ซู จั่นเพิงตอบอย่างสุภาพ
“พ่อมีความเห็นจากหัวหน้าผู้คุมทั้งสอง...”ซู เทียนยู่ยิ้มแหย
“มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับเด็กนี่?เขาก่อให้เกิดปัญหา?”ตอนนี้ ซู จั่นเพิงอยากรู้อยากเห็น
“เขาไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาใด หัวหน้าผู้คุมทั้งสองได้แนะนำเขาต่อการฝึกเร่งรัด ดูเหมือนเด็กนี่จะมีความสามารถจริงๆ นั่นมันแย่เกินไป...”
“ไม่ใช่ว่ามันควรเป็นเรื่องดี มันแย่ยังไง? พ่อ หากพ่อคิดว่าเขามีความสามารถ ก็ให้เขาผ่านการตรวจสอบขั้นสุดท้ายสิ”ซู จั่นเพิงคิดว่ามันเป็นเรื่องง่าย
“นั่นแหละ พ่อได้แนะนำเขาไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่เขาถูกปฏิเสธในการตรวจสอบขั้นสุดท้าย…”ซู เทียนยู่ส่ายหัว
“งั้นพ่อก็กังวลว่าเหล่าผู้บริหารจะคิดว่าพ่อกำลังตำหนิพวกเขาหากพ่อแนะนำเขาเป็นครั้งที่สอง?”ซู จั่นเพิงค้นพบสิ่งที่พ่อของเขากังวล“ผมขอดูเอกสารของเขาหน่อยได้ไหม?”
“ได้สิ”ซู เทียนยู่พยักหน้าและนำเอกสารของทั้งสองผู้คุมออกมา หลังจากที่อ่านเอกสาร ซู จั่นเพิงก็กลายเป็นจริงจัง“พ่อ เราไม่อาจปล่อยเขาไปได้ หากองค์กรอื่นได้ตัวเขาไป มันจะเป็นความสูญเสียของเรา”
“พ่อรู้ แต่ปัญหาก็คือเขาจะไม่ผ่านการตรวจสอบขั้นสุดท้าย!”ซู เทียนยู่พยักหน้าแต่เขาก็รู้สึกหมดหนทาง
“ผมพนันว่าพ่อต้องกังวลเกี่ยวกับเฒ่าหลี่?”ซู จั่นเพิงรู้ถึงปัญหา
ซู เทียนยู่ไม่ได้พูดอะไร
“หากเป็นเรื่องนั้น งั้นก็มีทางออกอยู่”ซู จั่นเพิงยิ้ม
“มันคืออะไร?”ซู เทียนยู่เลิกคิ้วขึ้น
“ตระกูลมู่มีความใกล้ชิดกับคุณฟู่ บอกให้เธอส่งเอกสารให้คุณฟู่ ตราบเท่าที่คุณฟู่บอกกับเฒ่าหลี่ ปัญหาก็จะคลี่คลาย”ซู จั่นเพิงแนะนำ
“แต่หากคุณฟู่ต้องการตัวหลิน ฮวงละ?”ซู เทียนยู่ไม่แน่ใจว่านี่คือทางออกที่ดี
“คุณฟู่ได้ถอนตัวจากรัฐบาลกลางมากว่า30ปีแล้ว ในระหว่าง30ปีนี้ มีอัจฉริยะมากมายในเขต7 พ่อเห็นเขาต้องการใครงั้นหรอ?”ซู จั่นเพิงคิดว่าซู เทียนยู่กังวลโดยเสียเปล่า
“เอาละงั้น พ่อก็จะเขียนจดหมายถึงตระกูลมู่....”เมื่อเขากำลังเดินไปที่โต๊ะ หญิงสาวก็เดินเข้ามา
“ฉันกำลังรอให้คุณมาทานมื้อเย็น ทำไมทั้งสองคนจึงเอาแต่พูดคุยกันหะ?อาหารมันเย็นหมดแล้ว...”
“ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ....”ซู เทียนยู่พยักหน้าถี่ยิบขณะที่ซู จั่นเพิงหัวเราะใส่เขา