บทที่ 82 ความหายนะในการยืมเงิน (อ่านฟรี)
วันหยุดเนื่องในวันชาติจีนเมื่อรวมกับวันหยุดสุดสัปดาห์ก็เป็นสองวัน ในยุคสมัยนั้นไม่มีความคิดของสัปดาห์ทอง ไม่มีแม้กระทั่งวันหยุดสุดสัปดาห์สองวัน
ในตอนบ่าย เฝิงหยู่และบรรดนักเรียนช่วยกันนำข้าวโพดไปใส่ไว้ในรถแทรกเตอร์ หลังจากที่ข้าวโพดถูกบรรจุลงบนรถทั้งหมด กิจกรรมนี้จึงถือว่าสิ้นสุด
นักเรียนคนใดที่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้กับที่นี่ ก็ถือโอกาสกลับบ้านในช่วงวันหยุด แล้วค่อยกลับไปโรงเรียนในคืนวันอาทิตย์ เฝิงหยู่ได้แจ้งให้พ่อของเขาล่วงหน้าแล้ว รถจี๊ปของเฝิงซิ่งไท่จึงมาจอดรอพวกเขาอยู่ข้างนอกไร่นา
เฝิงหยู่ เหวินตงจุน หลิวคุนและหลี่น่าได้นั่งรถจี๊ปกลับไปที่ไร่นาของพวกเขา ทั้งสามคนนั่งอยู่ที่เบาะหลัง ส่วนหลี่นานั่งอยู่บนที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้า ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อตลอดทาง ได้แต่ก้มหน้า ไม่กล้าเงยหน้ามองเฝิงซิ่งไท่ แต่เฝิงซิ่งไท่ยังก็ยังหาหัวข้อมาพูดคุยกับเธอ
เหวินตงจุนและหลี่คุนส่งเสี่ยงหัวเราะอย่างเงียบๆ ส่วนเฝิงหยู่พยายามเปลี่ยนหัวข้อโดยตลอด หากเฝิงซิ่งไท่รู้ว่าเฝิงหยู่และหลี่น่ากำลังคบหาดูใจกันอยู่ เฝิงซิ่งไท่ได้เอาไม้กวาดหยากไย่มาตีก้นเขาแน่ สอบเข้าโรงเรียนมัธยมที่ดีที่สุดในเมืองได้ยากลำบาก ไม่คิดตั้งใจเรียน แต่ริอาจหาแฟนในวัยนี้!
เฝิงซิ่งไท่ส่งลี่หลี่น่าและหลิวคุนไปยังหมู่บ้านก่อน แล้วเดินทางกลับไปยังพื้นที่เพาะปลูกโดยใช้ทางลัด
เมื่อรถขับมาถึงประตูบ้านของพวกเขา เฝิงหยู่รู้สึกประหลาดใจที่มีจักรยานสองสามคันจอดอยู่ข้างนอก ที่บ้านมีแขกมาเยี่ยมเหรอ?
เมื่อเฝิงซิ่งไท่เห็นรถจักรยานเหล่านั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป และไม่ยอมหยุดรถ เขาเลี้ยวรถไปอีกทาง ขับรถพาเฝิงหยู่ไปที่บ้านของเหวินตงจุน
"ลูกไปเล่นที่บ้านของตงจุนก่อนสักครึ่งชั่วโมง แล้วค่อยกลับบ้านนะ"
เฝิงหยู่ถามด้วยใบหน้าสงสัย "พ่อครับ มีอะไรหรือเปล่า?"
"ลูกไม่ต้องสนใจหรอก อีกครึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ค่อยกลับบ้าน เชื่อฟังพ่อ! "
เมื่อเฝิงหยู่เข้ามา เหวินตงจุนก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เฝิงหยู่พึ่งกลับบ้านไปไม่ใช่เหรอ? ทำงานในไร่นาทั้งวันเขาไม่เหนื่อยเลยหรือไง?
"เฝิงหยู่ พ่อแม่ของนายจะลงทุ่งนาเหรอ? กินถั่วลิสงไหม จะดื่มน้ำก็เทเอาเอง "
"ครอบครัวฉันเก็บเกี่ยวเสร็จตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ฉันยังไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พ่อสั่งฉันอยู่ที่นี่ครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยกลับบ้าน"
แม่ของเหวินตงจุนจึงพูดออกมาตรงๆ "ต้องมีคนมาขอยืมเงินครอบครัวของเธออีกแน่ๆ วันๆมีแต่คนไปบ้านเธอเพื่อยืมเงิน พ่อของเธอเลยยุ่งกว่าพ่อของตงจุนที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านเสียอีก "
"ยืมเงิน? ยืมเงินอะไรเหรอครับ? " เหวินตงจุนถาม ครอบครัวของเฝิงหยู่ไม่มีญาติพี่น้องอยู่ในหมู่บ้าน แล้วใครกันที่ยืมเงินจากพวกเขา?
เฝิงหยู่ก็เข้าใจได้ในที่สุด อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบทเป็นเรื่องที่ไม่ดีนัก ด้วยเพราะมีขนาดเล็กเกินไป ข่าวคราวต่างๆจึงแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว หากมีบางสิ่งเกิดขึ้นในครอบครัวใด ผู้คนจะรู้เรื่องนี้ในวันรุ่งขึ้น
ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็พูดว่าครอบครัวตระกูลเฝิงกลายเป็นคนร่ำรวยไปแล้ว ลูกสาวได้สามีร่ำรวยในเมือง ดูสิ เฝิงซิ่งไท่มีรถจี๊ปให้ขับ ทั้งที่หัวหน้าหมู่บ้านนั่งรถจักรยานยนต์เล็กๆอย่างรถเจี่ยหลิงเท่านั้น
มีบางคนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเฝิงซิ่งไท่ เมื่อไปบ้านตระกูลเฝิงแล้วเอ่ยปากยืม 3,000 RMB เฝิงซิ่งไท่ก็ให้ยืมเงินโดยไม่กระพริบตาเลย ทำให้คนอื่นๆ เชื่อมันว่าตระกูลเฝิงร่ำรวยมั่งคั่งแล้วจริงๆ
นั่นทำให้ใครหลายคนมาที่บ้านของเขาเพื่อยืมเงิน ต่างก็ใช้ข้ออ้างว่าต้องการซื้อรถแทรกเตอร์แต่เงินไม่เพียงพอ ทั้งยังพูดว่าปีนี้ทำไร่ทำนาได้กำไรไม่ดีนัก ภรรยาและลูกๆอดๆอยากๆ ขอยืมเงินมาประทังชีวิต ทั้งยังมีบางคนที่ต้องการยืมมากกว่าหนึ่งหมื่นหยวนเพื่อซื้อเครื่องเก็บเกี่ยว แล้วจะจ่ายเงินคืนสองปีหน้า!
ตอนแรกเริ่มให้พวกเขายืมสักสองสามพัน เพราะเฝิงซิ่งไท่มีเงินสดที่บ้านประมาน 50,000 หยวน แต่ต่อมาผู้คนมายืมเงินที่บ้านมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังมีคนไร้ยางอายที่ไม่คิดจะจ่ายดอกเบี้ย แถมยังจะทยอยจ่ายคืนในอีก 3-5 ปีข้างหน้า มีบางคนที่อ้างว่าพวกเขาเคยช่วยเฝิงซิ่งไท่ทำไร่ทำสวน ตอนนี้เฝิงซิ่งไท่ก็ร่ำรวยแล้ว ดังนั้น ควรจะให้เงินพวกเขาซัก3-5พัน พวกเขาช่างไร้ยางอายมาก เพราะเงินจำนวนนี้ไม่ได้ขอยืมแต่ขอฟรีๆโดยไม่คืน!
เฝิงซิ่งไท่ขุ่นเคืองใจ ลูกชายของเขาทำงานหาเงินจำนวนนี้มา เงินเหล่านี้ไม่ได้หล่นลงจากฟากฟ้า ทำไมเขาจะต้องให้ยืมเงินด้วย? ตอนแรกเริ่มยังดีหน่อย บอกว่ายืมแล้วจะคืนให้ปีหน้า ทั้งยังจะจ่ายดอกเบี้ยให้สูงกว่าธนาคารเล็กน้อย แต่คนที่มาหลังจากนั้นช่างนิสัยเสีย ครอบครัวของตนไม่ใช่ธนาคาร!
แต่เพราะพวกเขาทุกคนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน เฝิงซิ่งไท่จึงยังไว้หน้าไม่ไล่พวกเขาออกไป แต่ก็ปฏิเสธพวกเขาอย่างสุภาพด้วยการบอกว่าเขาให้ยืมเงินไปหมดแล้ว แต่คนเหล่านี้ไม่เชื่อ ทั้งยังพูดว่า "ในเมื่อให้XXX ยืมเงิน แล้วทำไมถึงไม่ให้ฉันยืม?"
เฝิงซิ่งไท่ได้แต่ข่มความโกรธและคิดว่า: "เงินเหล่านี้เป็นของฉัน ฉันจะให้ใครยืมเงินก็ได้ มีปัญหาอะไร ฟังจากน้ำเสียงของนาย ราวกับว่าแค่ฉันไม่ให้นายยืมเงิน เหมือนฉันติดหนี้นายแล้วไม่คืนยังไงยังงั้น ! "
เฝิงซิ่งไท่ไม่สบอารมณ์แล้ว เขาจึงปฏิเสธทุกคนที่มาหาเขาเพื่อยืมเงิน!
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง เฝิงหยู่ก็กลับบ้าน เมื่อไม่เห็นจักรยานเหล่านั้น เฝิงหยู่จึงคิดว่าคนเหล่านั้นได้กลับไป แต่เมื่อเขาเดินเข้าไปในบ้าน เขาก็เห็นคน 2 คนนั่งอยู่ข้างใน ดูท่าทางเหมือนพวกเขาจะรอกินอาหารค่ำ
"โอ้ เสี่ยวหยู่กลับมาแล้ว เป็นยังไงบ้าง เคยชินกับโรงเรียนใหม่ในเมืองหรือเปล่า? จริงสิ พี่สาวของเธอมีแฟนร่ำรวยที่เป็นถึงเจ้าของธุรกิจในเมือง เขาคงดีกับเธอสินะ "
"ใช่ พี่เฝิงโชคดีมาก ลูกสาวตกถังข้าวสารได้มีแฟนที่ร่ำรวย ส่วนลูกชายได้เรียนที่ดีดี เด็กฉลาดเช่นนี้ เขาคงสอบเข้ามหาวิทยาลัยในอนาคตได้แน่นอน เมื่อกลับชุมชนมาเขาอาจจะได้อยู่ในฐานะผู้นำก็เป็นได้ "
เฝิงหยู่ถามอย่างประหลาดใจว่า "ลุงซ่ง ลุงเจิ้ง มาทำอะไรที่บ้านผมเหรอครับ? ป่านนี้แล้ว ไม่กลับบ้านไปทานข้าวกับครอบครัวละครับ? "
รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาก็หุบลง เด็กคนนี้กำลังไล่พวกเขาทางอ้อม
ยังดีหน่อยที่เฝิงซิงไท่พูดปราม "เสี่ยวหยู่ พูดอะไรนะ!"
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของทั้งสองคนอีกครั้ง ดูเหมือนเฝิงซิ่งไท่ยังต้องการไว้ "หน้า" อีกประเดี๋ยวคงชวนพวกเขาให้อยู่ต่อทานอาหารเย็นด้วยกัน ได้กินกับข้าวหลายอย่าง แถมอาจจะมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีก หลังจากนั้นพวกเขาจะขอยืมเงินจากเฝิงซิ่งไท่ต่อหน้าลูกชายของเขา ดูสิว่าจะกล้าปฏิเสธพวกเขาไหม
เฝิงซิ่งไท่พูดต่อ "ลุงซ่งและลุงเจิ้งของลูกจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเวลาไหนต้องกลับบ้านไปทานข้าว? ยังต้องให้ลูกช่วยเตือนเชียวเหรอ "
รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาหุบลงอีกครั้ง หรือตอนนี้เขาต้องพูดว่าไม่กลับบ้านหรอก อยากจะอยู่ต่อทานข้าวที่นี่? เจ้าของบ้านไม่ยินดีต้อนรับ อยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์
"ใช่ ใช่ พวกเรากำลังจะกลับ พี่เฝิง วันพรุ่งนี้ผมจะมาใหม่ เรายังมีเรื่องที่ต้องคุยกันอีก"
"ผมก็จะกลับแล้ว พี่เฝิงไม่จำเป็นต้องไปส่ง"
หลังจากที่ทั้งสองเดินออกไป เฝิงซิ่งไท่ก็ถอนหายใจ เวลานี้จางมู่วากลับมาจากข้างนอกพอดี เมื่อเธอเห็นเฝิงหยู่ความกังวลบนใบหน้าของเธอก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง: "ลูกแม่ หิวแล้วหรือยัง มื้อเย็นลูกอยากจะทานอะไร เดี๋ยวแม่ทำให้? "
"มันฝรั่งทอดผัดและไข่เป็ดเค็ม"
ขณะที่รอแม่ทำอาหาร เฝิงหยู่ถามพ่อของเขาว่า "พ่อครับ ครอบครัวเราให้คนยืมเงินไปเท่าไหร่ ให้ยืมไปกี่คนเหรอครับ?"
"ให้ยืมเงินประมาณ 40,000 หยวน ก็หลายสิบคนอยู่ พวกเขายังลงนามในสัญญา บางคนจะคืนใน 1 ปี บางคนจะคืนใน 2ปี เฮ่อ ... การมีเงิน ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี " เฝิงซิ่งไท่จุดบุหรี่หนึ่งมวน แล้วสูดควัน
"พ่อครับ เราย้ายไปอยู่ในเมืองกันเถอะ มีตึกใหม่ซึ่งสร้างเสร็จแล้วในปีนี้ พวกเราไปซื้ออพาร์ทเม้นท์เพิ่มอีกสักห้อง จะได้ไปให้พ้นๆจากคนไร้ยางอายเหล่านี้ "
“ไม่ได้หรอก ถ้าเราซื้ออพาร์ทเมนท์ พวกเขาจะคิดว่าเรารวยมาก แล้วจะมีข้ออ้างมายืมเงินจากเรา อย่างน้อยๆเราไม่สามารถย้ายได้ในปีนี้”
"พ่อครับ เงินที่ให้ยืมเงินไปแล้วก็ช่างมันเถอะ ตอนนี้พวกเรารวยมั่งคั่งแล้วจริงๆ อย่าว่าแต่เงิน40,000 หยวนเลย ต่อให้เป็นเงิน 4 ล้านหยวนผมก็มี แต่เราจะให้กู้ยืมเงินเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ โดยเฉพาะคนอย่างลุงซ่งและลุงเจิ้ง พวกเขาไม่ได้ทำงานทำการ เอาแต่เล่นไพ่นกกระจอกทุกวัน ถึงพ่อจะให้พวกเขายืมเงิน พวกเขาก็ไม่มีทางคืน หรือให้ผมช่วยคิดหนทางที่จะทำทุกคนในหมู่บ้านของเรามีเงิน พ่อกับคนอื่นๆจะได้หาเงินกัน! "
เฝิงหยู่มีความคิดไอเดียหนึ่ง เช่นนั้นแล้วจะสามารถกำจัดคนที่น่ารำคาญเหล่านั้นได้
…………………………….
บทที่ 85 - เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา
เฝิงหยู่โทรศัพย์ไปขอลาหยุดที่โรงเรียนเป็น 1 สัปดาห์เพื่อช่วยพ่อของเขาตั้งโรงงาน แต่เขาให้เหตุผลกับทางโรงเรียนว่าลุงสองของเขาหกล้มจนได้รับบาดเจ็บ เขาต้องดูแลลุงในช่วงเวลา 2-3 วันนี้ แต่แน่นอนว่าเขาไม่มีลุงคนที่สอง
"เสี่ยวหยู่ ทำไมเราถึงใช้เครื่องจักรขุดดิน? ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่กัน? เราใช้คนขุดไม่ได้เหรอ ค่าใช้จ่ายจะได้ถูกกว่า อีกอย่าง ส่วนนี้เป็นเพียงรากฐาน ทำไมเราต้องขุดให้ลึกด้วย? 1 เมตรก็น่าจะเพียงพอแล้ว" เฝิงซิ่งไท่เจ็บปวดใจ ลูกชายของบ้านใช้เงินโดยที่ไม่คำนวนบ้างเลยหรือ?
"พ่อครับ เงินจำนวนนี้ขี้ปะติ๋วครับ อีกอย่าง การสร้างอาคาร รากฐานเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด จะมาขี้เหนียวกับเรื่องนี้ไม่ได้หรอกครับ "
"แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องสร้างกำแพงกั้นโรงงานก็ได้ ตอนนี้โรงงานผลิตอิฐในชุมชนกำลังวุ่นกับการจัดหาอิฐให้แค่พวกเรา "
เฝิงซิ่งไท่รู้สึกว่าการที่เฝิงหยู่ใช้เงินเพื่อสร้างกำแพงปิดล้อมพื้นที่เป็นการสิ้นเปลืองเงินตรา ถ้าต้องการพื้นที่เป็นลานกว้าง ก็แค่เอากิ่งไม้ต้นไม้มากั้นเป็นรั้วก็พอแล้ว มีความจำเป็นอะไรที่ต้องใช้อิฐสร้างกำแพงสูง 2 เมตรไว้รอบๆ?
"พ่อครับ เครื่องจักรของเราแพงมักนะครับ พ่อไม่กลัวว่าจะมีคนมาสร้างความเดือดร้อนให้เหรอครับ? ต่อให้ไม่จงใจ แต่หากพวกเด็ก ๆในหมู่บ้านแอบเข้าไปเล่นในโรงงาน จะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขาได้รับบาดเจ็บจากเครื่องจักร? พ่อจะทนดูได้เหรอครับ? เหนือกำแพงเราจะต้องติดตั้งลวดหนามสองเส้น และต้องมีสุนัขล่าสัตว์อย่างน้อย 10 ตัว ไม่เอาพันธ์ุผสมนะครับ มันคงขู่คนให้กลัวไม่ได้ "
เฝิงหยู่เริ่มพูดน้ำไหลไฟดับเกี่ยวกับแผนการของเขาในการสร้างโรงงาน แต่เมื่อเขาหันกลับไปมอง กลับพบว่าเฝิงซิ่งไท่ไม่อยู่แล้ว เลยรู้สึกหดหู่ใจ ในยุคสมัยนี้มีช่องว่างระหว่างอายุด้วยเหรอ?
เพื่อรักษาคุณภาพของการก่อสร้าง เฝิงหยู่ได้ใช้เงินจำนวนมากจ้างวานวิศวกรจากบริษัทก่อสร้างชั้นนำในเมืองมาดำเนินการก่อสร้างให้ ตอนแรกหัวหน้าวิศวกรไม่สนใจ เพราะนี่เป็นเพียงโรงงานในชนบท ไม่จำเป็นต้องมีวิศวกรมาคอยควบคุมดูแลการก่อสร้าง นั่นเป็นการดูถูกพวกเขา
แต่หลังจากที่เฝิงหยู่บอกว่าจะจ่ายเงินค่าจ้างให้ 50 หยวนต่อวัน เขาก็เปลี่ยนความคิดของเขาทันที เขาเป็นวิศวกร เงินเดือนเดือนหนึ่งประมาณ 100 หยวนเท่านั้น ทำงานเพียง10 วันก็จะได้เงิน 500 หยวน เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจมาก!
คนงานก่อสร้างทั้งหมดไม่ว่าจะในชุมชน ในเมือง หรือเขตปกครองต่างถูกเชิญมาเท่าที่จะหาได้ มีคนงานมากกว่า 100 คน ทั้งยังมีเครื่องจักรก่อสร้างอีกจำนวนหนึ่ง เพราะเฝิงหยู่ต้องการให้เสร็จอย่างรวดเร็ว
อีก 2 สัปดาห์ที่ดินจะแข็งตัว ไม่เหมาะกับการก่อสร้าง เขาจึงต้องเร่งรัดการก่อสร้างโรงงานให้เสร็จภายในเวลาสั้นๆ
เฝิงหยู่ยังต้องการให้กำแพงรอบโรงงานหนา 50 เซนติเมตร แม้ว่าวิศวกรจะบอกว่า 37 ซม.ก็เพียงพอ แต่เฝิงหยู่กลับรู้สึกว่าความหนา 37 ซม.ไม่ทนทานจะกลัวอะไรกัน มีอิฐ มีปูนซีเมนต์และมีคนงานมากพอ แค่สร้างโรงงานที่แข็งแกร่งทนทานไปสิ!
ถ้าเป็นอิฐกลวง เฝิงหยู่ยังต้องการให้เสริมคานเหล็กอีกจำนวนหนึ่ง
โรงงานแบ่งออกเป็น 4 ส่วน โรงสกัดน้ำมัน โรงกลั่นน้ำตาล โรงแปรรูปอาหาร คลังสินค้าสำหรับการจัดเก็บผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ แต่ละส่วนมีพื้นที่มากกว่า 10,000 ตารางเมตร ในอดีตโรงงานนี้ถือว่าเป็นโรงงานขนาดใหญ่
เฝิงหยู่วางแพลนจะขยายโรงงานในอนาคต หลังจากติดตั้งเครื่องจักรชุดแรกแล้วก็จะเหลือที่ว่างขนาดใหญ่ไว้ด้านหลัง ต่อไปเฝิงหยู่จะค่อยๆสร้างสิ่งก่อสร้างเติมเต็มพื้นที่ว่างทั้งหมด เขาต้องการที่จะสร้างโกดังกักเก็บวัตถุดิบเพิ่มขึ้น!
"ผู้จัดการเฝิง ค่าใช้จ่ายสำหรับก่อสร้างสำหรับโรงงานแห่งนี้คงสูงไม่น้อย"
"ไม่ถือว่าแพงมากนัก น่าจะประมาณ 1 ล้านหยวน " เฝิงหยู่รู้สึกว่าราคาถูกมาก เวลาอีกไม่เกิน10 ปีจะมีทางหลวงตัดผ่านชุมชนของพวกเขา ซึ่งจะห่างจากโรงงานประมาณ 100 เมตรเท่านั้น อีกสิบปีให้หลังโรงงานแห่งนี้สามารถขายได้อย่างน้อยหลายสิบล้าน!
แม้ว่าเงินลงทุนเริ่มแรกจะเกินกว่าที่กำหนด แต่เฝิงหยู่กลับไม่รู้สึกว่าเขาจะขาดทุน เขาไม่สนใจแม้ว่าโรงงานจะไม่ทำกำไรเลยก็ตาม เพราะเฝิงหยู่มั่นใจว่าเขาสามารถหาเงินได้ ทั้งยังเป็นผลกำไรจำนวนมาก
วิศวกรตกใจมาก เด็กคนนี้พูดจาวางท่าใหญ่โตจริงๆ เด็กจากครอบครัวที่มั่งคั่งนี่ช่างแต่งต่างโดยสิ้นเชิง เขาสามารถพูดถึงเงิน1ล้านหยวนราวกับเป็นเงิน 100 หยวน ในแถบชนบทเงินจำนวน1 ล้านหยวนสามารถสร้างอาคารสูงได้ถึง 2 แห่ง!
เฝิงหยู่ติดต่อกับคิริเลนโกก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาตัดสินใจเลือกเครื่องจักรการผลิต 3 ประเภท คือ เครื่องสกัดน้ำมัน เครื่องกลั่นน้ำตาล และแปรรูปอาหาร ต้องเป็นเครื่องจักรดีที่ดีที่สุด และเป็นรุ่นใหม่สุด ส่วนราคาไม่สำคัญ
เครื่องจักรเหล่านี้ถือว่าเป็นเครื่องจักรที่มีทั่วไปในประเทศโซเวียต แต่หากต้องการรุ่นที่ดีที่สุดและรุ่นใหม่สุด จะต้องจ่ายราคาที่แพงมาก จึงจำเป็นต้องเจรจากันเรื่องราคาเสียหน่อย เครื่องสกัดน้ำมัน และเครื่องกลั่นน้ำตาลจะใช้โมเดลเครื่องจักรในปี 1985 ส่วนเครื่องแปรรูปอาหารจะใช้โมเดลเครื่องจักรปี 1983
นี่เป็นเครื่องจักรที่ทันสมัยที่สุดในประเทศจีน ส่วนราคา คิริเลนโกให้ส่วนลด 70% เพราะถือว่านี่เป็นข้อตกลงส่วนตัวระหว่างเขากับเฝิงหยู่ จะไม่ถูกบันทึกลงในบัญชีของบริษัท
เทคโนโลยีของเครื่องจักรเหล่านี้ก้าวหน้ากว่าเครื่องจักรในประเทศจีนมากกว่า 10 ปี เฝิงหยู่ได้ซื้อเครื่องผลิตเหล่านี้มาในราคาครึ่งหนึ่งของเครื่องจักรที่ผลิตในประเทศ ราคาถูกแสนถูกจนหาที่ไหนไม่ได้แล้ว แน่นอนว่าคิริเลนโกะได้ซื้อเครื่องจักรที่เป็น "เศษเหล็ก" จากโรงงานมา ในยุคสมัยนั้นมีการทุจริตเกิดขึ้นในสหภาพโซเวียต ซึ่งรวมถึงโรงงานของรัฐ กรรมการผู้จัดการของโรงงานหลายรายหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองโดยแอบขายเครื่องจักรการผลิตที่ไม่ได้ใช้ออกไป
มันง่ายดายที่จะได้รับเครื่องผลิตนี้ แต่การจะหาเครื่องผลิตทางการเกษตรถือเป็นเรื่องยุ่งยากกว่า เพราะเฝิงหยู่ไม่เพียงต้องการเครื่องผลิตเท่านั้น แต่เขายังต้องการเทคโนโลยีอีกด้วย
เทคโนโลยีนี้ไม่ใช่แค่เอกสารเท่านั้น แต่ต้องเป็นคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สหภาพโซเวียตได้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วเพราะพึ่งพาประเทศเยอรมันนีในการสรรค์สร้างบุคคลากรที่มีทักษะมีและช่ำชองในการทำงาน บุคลากรผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จึงไม่ได้รับการอนุญาตให้ย้ายออกจากสหภาพโซเวียต
อย่างไรก็ตาม สหภาพโซเวียตก็ได้มีความร่วมมือกับประเทศในยุโรปตะวันออกบางประเทศ แต่หลังจากที่มีเรื่องราวบาดหมางกับประเทศจีน วิศวกรของสหภาพโซเวียตก็ไม่เต็มใจที่จะมาทำงานในประเทศจีนอีก ส่วนใหญ่เป็นเพราะชื่อเสียงของประเทศจีนถูกให้ร้ายโดยประเทศอื่นๆ
คิริเลนโกได้ส่งเครื่องจักรที่โรงงานเครื่องจักรกลแห่งเมืองปิงต้องการมาถึงแล้ว แต่น่าเสียดายที่ไม่มีวิศวกรจากโซเวียตยินดีจะเดินทางมาที่ประเทศจีน เมื่อไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบและติดตั้งเครื่องจักรการผลิตมาช่วยชี้แนะ มันจึงกลายเป็นเรื่องยากสำหรับคนงานของโรงงานเครื่องจักรกล
แต่คิริเลนโกะสัญญากับเฝิงหยู่ว่าเขาจะแก้ปัญหานี้ในไม่ช้านี้ และรับประกันว่าเขาจะหาวิศวกรที่เต็มใจจะเดินทางไปยังประเทศจีน เฝิงหยู่ครุ่นคิดสักพักหนึ่ง แล้วบอกว่าเขาจะจ่ายเงินเดือนค่อนข้างสูงให้กับผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมเครื่องกลที่ยินยอมมาทำงานให้เขา
เศรษฐกิจของสหภาพโซเวียตกำลังตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด รายได้ของประชาชนซบเซาลงตั้งแต่ปีพ. ศ. 2523 ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป พวกเขากำลังตกลงสู่ความตกต่ำ
ช่างกลที่มีฝีมือจะได้รับเงินเดือนประมาณ 500-800 รูเบิลต่อเดือน แต่เฝิงหยู่เสนอเงิน 1,000 รูเบิ้ลต่อเดือน ขอเพียงพวกเขายินยอมพร้อมใจมาทำงานที่จีน
วิศวกรก็ต้องเลี้ยงดูครอบครัว ครอบครัวในสหภาพโซเวียตก็เหมือนกัน ผู้ชายจะออกไปทำงาน ในขณะที่ผู้หญิงอยู่บ้านคอยเลี้ยงลูก เฝิงหยู่ไม่เชื่อว่าการที่เขาเสนอเงินเดือนให้สูงขนาดนั้น จะไม่มีวิศวกรยินยอมมาทำงานให้เขา
ในเมื่อเฝิงหยู่ยินดีจ่าย เรื่องจึงจัดการได้ง่ายหน่อย คิริเลนโกะบอกกับเฝิงหยู่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสรรหาวิศวกรจำนวนมาก แต่สัก 3-5 คนคงไม่เป็นปัญหา!
......
เวลไม่ถึงในหนึ่งสัปดาห์ การก่อสร้างก็เสร็จสิ้น เสียงประทัดดังสนั่น เสียงปรบมือก็ดังลั่น ทุกคนล้วนมีรอยยิ้มเบิกบาน มีเพียงเฝิงซิ่งไท่คนเดียวที่ยิ้มอย่างฝืนทน
วันก่อนเฝิงหยู่ได้คำนวณจำนวนเงินทั้งหมดที่ใช้ในการก่อสร้างโรงงาน หัวใจของเฝิงซิ่งไท่เต้นสนั่นจนแทบจะทะลวงออกมา เฝิงหยูพูดว่าใช้เงินไปนิดหน่อยเอง แล้วทำไมถึงแพงขนาดนั้น? เงินจำนวนนี้ยังไม่รวมค่าเครื่องจักร หากรวมในค่าใช้จ่ายของเครื่องจัก จำนวนเงินที่ใช้ทั้งหมดน่าจะถึง 2 ล้าน?
ลงทุนทำน้ำมัน กับน้ำตาลแค่นี้ เมื่อไหรจะได้ทุนคืน? ลูกชายตัวดี จะต้องโดนตีสักที จะได้หลาบจำ!