ตอนที่32 สมบัติ
ทันทีที่โค้ชเฉินเดินกลับขึ้นไปนั่งบนอัฒจันทร์ ชายวัยใกล้เคียงกับเขาก็ขยับมาใกล้ๆเขาเเล้วถาม "เห้ย เฉิน นี้เเกตัดสินใจเอาไอ้เด็ก10.75วินั้นไปเรียนที่มหาลัยเเล้วเหรอ?"
โค้ชเฉินไม่ได้คิดจะปิดบังอะไรเขาเลยผงกหัวเเล้วตอบไปตรงๆเข้าประเด็น"ฉันพึ่งให้สิทธิ์ในการรับเข้าเรียนเเบบอิสระกับเขาไป" "รับเข้าเรียนเหรอ? ไอเด็กนั้นโชคดีเป็นบ้า จะมีใครซักกี่คนที่ได้ที่เข้าเรียนมหาลัยเเค่วิ่งให้ได้ไม่เกิน11วินาที? เหล่า เฉิน นายไม่กังวลเลยเหรอว่าวันนี้เขาจะฝืนตัวเองอะ บางที เขาอาจจะไม่ได้ไวเเบบนี้ทุกวันที่ฝึกก็ได้ ถ้าเป็นอย่างงั้นไอ้เด็กนี้มันก็ฟลุ๊คได้นั้นละ" ผู้ชายคนนี้คือเพื่อนสนิทของเฉิน นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาพูดตรงๆได้
"นั้นเเหล่ะเป็นจุดที่เเกคิดผิด เหล่าเฉิน ในการวิ่งเร็ว100เมตร คนปรกติน้อยคนมากที่สามารถวิ่งภายใน11วินาทีได้ เพราะว่ามันเกิดขีดความสามารถทางร่างกายคนเราไปเเล้วยังไงละ ไม่มีใครก้าวผ่านกำเเพงนั้นได้เพียงเพราะว่าฝืนตัวเองหรอกนะ
มันเป็นเหมือนการกระโดดในห้องที่มีกรงขังอยู่บนเพดานเหนือหัว เราไม่สามารถโดดได้สูงเกินกว่ากรงนั้นเพราะมันขวางทางเราอยู่ ยิ่งเพดานสูงขึ้น มันก็ทำให้เรากระโดดได้สูงขึ้นตาม เราจะถือว่าไอ้การวิ่ง10.75เมตรเนี่ยเป็นเพดานที่สูงเอาเรื่องก็ได้ นั้นเป็นหลักฐานว่าเขามีพรสวรรค์ในฐานะนักกีฬา เขามีความสามารถมากทีเดียว"โค้ชเฉินบอก
โค้ชเฉินพูดต่อ "โค้ชของเขาอายุเเค่20กว่าๆเอง เหมือนเป็นเเค่เด็กมหาลัย เขาเด็กมาก! ฉันได้ยินมาว่าเขาเปิดคลาสฝึกเองด้วยนี้ เขาโชคดีมากเลยเเหล่ะที่มาเจอนักเรียนที่มีความสามารถขนาดนี้ เขาจะได้รับประสบการณ์ที่มีค่าในตอนที่สอน"
"ใช่ๆเเกพูดถูก หนึ่งในเด็กขแงเขาถูกเเกเลือกมาเข้าเรียนที่มหาลัยกีฬาเขต โค้ชนั้นดังเพราะนักเรียนของเขาเเล้วละ คลาสฝึกของเขาต้องมีคนมาเรียนเยอะมากเเน่ๆปีหน้า!" ทั้ง2คุยกันไปกันมา เเต่ไม่ได้ให้เครดิตไต้หลี่เลย หลี่ยังอายุน้อยเกินกว่าที่จะเป็นโค้ชที่ประสบความสำเร็จ จริงๆก็ในทุกๆสายงานเเหล่ะ คนอายุน้อยมักไม่ได้รับการยอมรับ
....
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว มันถึงเวลาของกลุ่มที่12 นักเรียน6ใน8คนของไต้หลี่วิ่งเสร็จไปเเล้ว เเล้วพวกเขาก็ทำตามเป้าหมายคือถึงคะเเนนมาตรฐานของนักกีฬาชาติลำดับ2ทั้งหมด เเล้วเพราะว่าในกลุ่มนี้ไม่มีเด็กของเขาเเข่ง หลี่เลยไม่ได้สนใจการเเข่งรอบนี้มากนัก เขาพาไฮหยางเฉินออกมาเเล้วกระซิบปลุกใจเขาให้หึกเหิม
อีกฝากนึงของที่นั่ง ตาของผอ.ฮาวกำลังจับตาสนามเเข่งอยู่ นักเรียนที่เเกร่งที่สุดของคลาสฝึกเขา พร้อมที่จะเเข่งเเล้ว
ไล๋ หว่อง นายคือไพ่ตายของเรา ทำให้เต็มที่ นายต้องทำให้โค้ชฮาวประทับใจให้ได้!โค้ชฮาวพูดกับตัวเอง
การเเข่งเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับเสียงปืนที่ดังลั่น นักเเข่ง8คนพุ่งตัวออก ในฐานะนักเรียนตัวท๊อป เขาอยู่ในตำเเหน่งที่นำหน้าเหนือทุกคน เเล้วทิ้งห่างนักเเข่งทุกคนไกลขึ้น ไกลขึ้นเรื่อยๆ
ดีมากเจ้าหว่อง! โค้ชฮาวกำหมัดเเน่นด้วยใบหน้าโล่งใจ
ที่หนึ่ง! โค้ชฮาวหายใจลึก เขามั่นใจว่าไล๋ หว่องจะวิ่งได้ภายใน11วินาทีเเน่นอน เเต่เขาไม่มั่นใจว่าหว่องจะเรียกความสนใจจากโค้ชเฉินได้ไหม
เเละผลของหว่องก็มาเเล้ว วู้วหู้ว! 10.84วินาที! โค้ชฮาวดีใจนั้นเป็นผลงานที่หน้าพอใจทีเดียว
"ดูนั้นซิ มีอีกคนเเล้วที่ได้น้อยกว่า11วินาที"
"เด็กนั้นน่าจะเป็นนักเรียนของโรงเรียนกีฬาเเน่ๆ เพราะคนของพวกนั้นตรบมือกันพรึบเลย"
"โค้ชจากโรงเรียนกีฬาต้องเก่งมาเเน่ๆถ้าฝึกเด็กให้วิ่งได้ขนาดนั้น"
"ฉันได้ยินมาว่าคนที่วิ่งได้10.75ก่อนหน้านี้ได้รับคัดเลือกเข้ามหาลัยเเบบอิสระเข้ามหาลัยกีฬาเขตด้วยนี้ ได้ยินมาว่าโค้ชเฉินอนุมัติด้วยตัวเองเลยนะ ฉันสงสัยจริงๆว่าเด็กนี้จะโชคดีเหมือนเด็กคนก่อนรึเปล่า"
ผู้คนเริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับการวิ่งรอบนี้ คณะมองดูโค้ชเฉิน
บนอัฒจันทร์ใหญ่ โค้ชเฉินพึ่งพูดถึงผลงานที่น่าพอใจนี้
"10.84วินาทีเลยหรอ น้อยกว่า11วินาทีอีกคนนึงเเล้ว ไปเอาข้อมูลมาซิ" โค้ชเฉินบอกผู้ช่วย เเล้วผู้ช่วยก็เอาข้อมูลของไล๋ หว่องมาให้เขาทันที โค้ชเฉินมองดูเอกสารเเล้วพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ "นักเรียนม.ปลายที่วิ่งได้10.84วินาที ก็ดีนะ" โค้ชเฉินคิดอยู่ซักพักเเล้วจากนั้นเขาก็ยืนขึ้น
"เห้ยเฉิน เเกจะเอาเด็กคนนี้ด้วยเหรอ คนนี้มันช้ากว่าคนที่เเล้วอีกนะ ทำไมเเกชอบคนนี้ซะละ?" เล่าหว่องถามกะทันหัน
"เเกรู้อะไรไหม ฉันไม่ค่อยมีทางเลือดเท่าไรหรอกวะ เพราะไม่นานมานี้ คนนี้พึ่งโดนดึงตัวโดยมหาลัยในเมืองใหญ่ ฉันจะไม่ยอมเสียโอกาสนี้ไปตอนนี้เเน่ๆ" เฉินพูด เเล้วเดินลงบันไดไปตอนที่เขาพูด
...
10.84วินาทีเหรอ ก็เป็นสกอร์ที่ดีนี้ ถึงเเม้ว่าหว่องจะช้ากว่าฉิงเหลียงซูก็เถอะ เเต่เขาอาจจะมีพรสวรรค์มากกว่าฉิงเหลียงซูก็ได้ ฉันเดาว่าเขาน่าจะมีพรสวรรค์ระดับC+เหมือนไฮหยางเฉิน ยังไงก็เถอะ เขาอยู่ไกลเกินกว่าที่ฉันจะตรวจสอบความสามารถเขาได้ ถ้านักเรียนคนนี้ได้ใช้วงเเหวนระเบิดพลังละก็ เขาอาจจะชนะฉิงเหลียงซูได้เเน่ๆ ไต้หลี่ถอนใจเบาๆ
ไต้หลั่ได้ค้นพบว่าการพัฒนาการขีดจำกัดของนักเเข่งนั้น มีผลที่จะทำให้วงเเหวนระเบิดพลังลดความสามารถลงเล็กน้อยด้วย ตัวอย่างเช่น
ถ้ามีคนวิ่งเร็ว100เมตรได้13วินาที วงเเหวนจะทำให้ช่วยลดเวลานั้นลงได้0.6วินาที เเต่ถ้าอีกคนวิ่งได้ประมาณ11วินาที ผลของความเร็วที่ได้จากเเรงระเบิดพลังจะลดลงเหลือ0.2วินาที
เเต่กระนั้นไต้หลี่ได้ประมาณการไว้เเล้วว่าถ้านักวิ่ง วิ่งได้ภายใน10วินาทีเมื่อไร วงเเหวนอาจจะไม่มีประโยชน์เเล้วสำหรับการพัฒนาการนั้นมันทำได้ไม่เกิน0.1วิเเน่ๆ การที่จะเป็นนักวิ่งที่ดี เเรงระเบิดพลังเป็น1ในสิ่งที่จำเป็น นักวิ่งที่มีขีดความสามารถสูงขึ้นก็ยังคงมีเเรงระเบิดพลังเท่าเดิม หมายความว่าวงเเหวนนั้นจะส่งผลน้อยลงเมื่อพยายามที่จะเร่งความเร็วขึ้น
สำหรับการวิ่งที่อยู่ใน10วินาที เวลาเพียงเเค่0.01วินาทีก็สำคัญ เพราะงั้น เพิ่มซัก0.1วินาทีก็ยอดเยี่ยมเเล้ว
...
โค้ชเฉินกำลังเดินมาหาเรา! นี้ มัน เยี่ยมจริงๆ! อัตราการเต้นของหัวใจฮาวพุ่งเป็นจรวด เขารู้ว่าการกระทำของโค้ชเฉินเเบบนี้ หมายความว่าหว่องกำลังจะถูกรับเลือกในการคัดตัวเเบบอิสระ ตอนนี้เขาเริ่มเพ้อว่าได้ยินเสียงผู้คนร้องเรียกเขาว่าเป็น"รองประธาน"เเล้ว
ผอ.ฮาวกระโดดลงจากเก้าอี้ เเล้วจัดเสื้อของเขา เเล้วไปเตรียมพร้อมต้อนรับโค้ชเฉิน ในขณะที่การเเข่งกลุ่มที่13กำลังเริ่มขึ้น ซึ่งไฮหยางเฉินก็อยู่ในนั้น
โค้ชเฉินกำลังเดินไปตามทาง ตรงไปที่ๆฮาวอยู่ ในเวลาเดียวกับที่ไฮหยางเฉินวิ่งอย่างบ้าคลั่งในลู่วิ่ง หลังจาก11วินาที โค้ชเฉินอยู่ไม่ถึง5เมตรจากผอ.ฮาว ใกล้มากจนฮาวแทบจะเห็นสิวบนหน้าเฉินแล้ว แต่ในเวลาเดียวกัน ไฮหยางเฉิน ก็ได้พุ่งทะลุเส้นชัยไปเป็นคนแรก
หน้าของฮาวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาขยับเข้ามาใกล้กับโค้ชเฉินแล้วยื่นมือออกไป เขาพูด “สวัสดีครับ โค้ชเฉิน ผม เฉาเหล็นฮาว จาก...”
เขายังพูดไม่ทันจบประโยค โค้ชเฉินหยุดกะทันหัน สายตาของเขาจ้องมองไปที่ไฮหยางเฉิน ผู้ที่พึ่งวิ่งผ่านเส้นชัยไป เฉินดูตกใจ มันเหมือนกับว่าเขาพึ่งค้นพบสมบัติ