TWO Chapter 256 หอกเทียนโม่
TWO Chapter 256 หอกเทียนโม่
หลังจากที่ปิดช่องพันธมิตร โอหยางโชวยังคงคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ของสมรภูมิครั้งที่ 3 อยู่ ความคิดที่ว่า ควรจะเข้าร่วมฝ่ายใด, กลยุทธ์ที่จะใช้ และสิ่งที่ต้องเตรียมพร้อม มันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขา
ในขณะที่เขายังคงคิดเกี่ยวกับสมรภูมิ ไป๋หนานผูก็เดินเข้ามา และกล่าวว่า “เรียนท่านลอร์ด หัวหน้าฝ่ายคลังอาวุธ หวังเกา ขอให้ท่านไปพบเขาที่ฝ่าย เพื่อพูดคุยเรื่องอาวุธที่จะสร้างสำหรับท่าน”
โอหยางโชวรู้สึกประหลาดใจในสิ่งที่เขากล่าว มันเป็นเวลา 5 วันแล้ว ที่หวังเกาเริ่มที่จะถลุงเหล็กกล้าอุกกาบาต และมันสมควรที่จะเสร็จสิ้นแล้วในตอนนี้ แล้วเหตุใดหวังเกาถึงได้ขอให้เขาไปที่นั่น แทนที่จะส่งมันมาให้เขาตรวจสอบที่นี่?
เขาไม่ต้องการคิดมากเกินไป โอหยางโชวเดินออกไปจากคฤหาสน์ของลอร์ดทันที
เมื่อเขาไปถึงฝ่ายคลังอาวุธ ช่างตีเหล็กหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูก็รีบเข้ามาคำนับทักทายโอหยางโชว ภายใต้การนำทางของเขา พวกเขาเดินไปยังที่ทำงานส่วนตัวของหวังเกา
เมื่อเข้าสู่ที่ทำงานนั้นแล้ว พวกเขาก็ได้รับการต้อนรับจากคลื่นความร้อนที่แผ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ในที่ทำงานนั้น มีช่างตีเหล็กคนอื่นอีก 3 คน พวกเขาคอยช่วยเหลือหวังเกา ในการชุบหอกครั้งสุดท้าย เมื่อโอหยางโชวไปถึงที่นั่น มันชัดเจนว่าการสร้างหอกอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญ และบนร่างกายของหวังเกาก็เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ และมันก็ระเหยทันทีที่หยดลงบนโต๊ะทำงานของเขา
ช่างตีเหล็กเดินเข้าไปหาหวังเกาและกระซิบที่หูของเขา
หวังเกาพยักหน้า แต่ยังคงทำขั้นตอนสุดท้ายของการสร้องหอกต่อไป ไม่มีอะไรต้องกังวล โอหยางโชวตัดสินใจที่จะอยู่ที่นั่นและสังเกตการณ์
10 นาทีต่อมา หวังเกาก็หยุดมือของเขา และจัดระเบียบสิ่งต่างๆ วางเครื่องมือลง แล้วใช้ผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อออก ก่อนที่จะเดินไปมาหาโอหยางโชว และคำนับเขา “คำนับท่านลอร์ด!”
โอหยางโชวพยักหน้า แล้วกล่าวว่า “แล้ว...เจ้าเรียกข้ามาที่นี่ทำไมกันหรือ?”
“อาวุธที่ทรงพลังอำนาจ จะมีจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง ทุกครั้งที่มีการสร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ มันจะต้องได้อาบเลือดของเจ้าของของมัน ท่านลอร์ด หลังจากนี้ ท่านจะต้องหยดเลือดของท่านลงบนหอก เพื่อเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการกำเนิดจิตวิญญาณของมัน”
โอหยางโชวเข้าใจความหมายที่เขาจะสื่อ มันเหมือนกับว่าเขาใช้เลือดของเขาเป็นรหัสผ่าน เพื่อให้แน่ใจว่าอาวุธชิ้นนี้จะสามารถใช้ได้โดยเขาเท่านั้น
โดยไม่ลังเล โอหยางโชวชักกระบี่ที่เอวออกมา แล้วกดมันที่ฝ่ามือของเขาอย่างระมัดระวัง จากนั้น เขาก็หยดเลือดของเขาลงในชาวขนาดเล็ก จนชามเต็มไปด้วยเลือดของเขา เมื่อเพียงพอแล้ว ผู้ช่วยก็รีบหยิบผ้าพันแผลมา และช่วยเขาพันแผลอย่างรวดเร็ว บาดแผลเล็กๆเช่นนี้ ไม่ได้เป็นปัญหากับผู้ที่ฟื้นฟูร่างกายได้รวดเร็วอย่างโอหยางโชวเลย
หวังเกาหยิบชามเลือดกลับไปที่โต๊ะทำงานของเขา และบอกให้ผู้ช่วยใส่หอกเข้าไปในเตา เมื่อหอกกลายเป็นสีแดงเพราะความร้อนของเปวงเพลิงแล้ว หวังเกาก็เทเลือดของโอหยางโชวลงบนหอกด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
ทันทีที่เลือดสัมผัสกับหอก เลือดก็ไหลซึมเข้าไปในหอกทันที ในพริบตา หอกก็ถูกปกคลุมด้วยชั้นแสงสีแดงสดใส แสงสีแดงสดใสกระพริบอย่างต่อเนื่อง ราวกับมันมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ
จากนั้น ท่ามกลางเปลวเพลิงที่ร้อนแรงและแสงสีแดงสดใส ภาพเทพอสูรก็ปรากฎขึ้น มันปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความโหดร้ายและความตายออกมา
จากนั้น ก็เกิดฟ้าแลบสว่างสดใส ราวกับมันส่องแสงสว่างข้ามผ่านท้องฟ้า และมีเสียงคำรามดังขึ้นหลังจากฟ้าแลบ สิ่งที่เห็นและได้ยินทั้งหมด เกิดขึ้นจากหอกที่น่าทึ่งนี้
“ตอนนี้แหละ!” ปรากฎการณ์เหลือธรรมชาติดังกล่าวไม่ได้ทำให้หวังเกาวอกแวก เขายังคงสงบและตะโกนใส่ผู้ช่วยของเขา พวกเขาร่วมมือกันสร้างหอกต่อไป โดยผ่านกระบวนการต่างๆ
เมื่อหวังเกาใช้ค้อนตีมันครั้งสุดท้ายเสร็จ เขาก็ทรุดตัวลงในทันที การสร้างหอกได้เสร็จสิ้นแล้ว หวังเกาแทบจะไม่สามารถยืนได้แม้ว่าเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้ช่วยก็ตาม เขาเกือบจะเป็นลมล้มลงไป แต่หวังเกากลับไม่ได้แสดงออกถึงความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าใดๆ แต่เป็นความสุขและความสำเร็จที่ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา
ในขณะเดียวกันนั้น เสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ดังขึ้นที่หูของโอหยางโชว
“แจ้งเตือนระบบ : ขอแสดงความยินดีกับผู้เช่นฉีเยว่หวู่ยี่ สำหรับช่างตีเหล็กของเขา หวังเกา ที่ได้เลื่อนเป็นช่างตีเหล็กขั้นแกรนด์มาสเตอร์, รางวัลพิเศษ : คะแนนชื่อเสียง 2,000 แต้ม”
จากนั้น ก็มีประกาศดังขึ้น
“ประกาศจากระบบ : ขอแสดงความยินดีกับเมืองซานไห่ ที่ได้รับช่างตีเหล็กขั้นแกรนด์มาสเตอร์คนแรกของเกมส์, รางวัลพิเศษสำหรับเมืองซานไห่ : ฉายา ‘แหล่งกำเนิดการหลอม’”
โอหยางโชวตรวจสอบฉายา ‘แหล่งกำเนิกการหลอม’
แหล่งกำเนิดการหลอม : ความเชี่ยวชาญของช่างตีเหล็กในดินแดน เพิ่มขึ้น 10%, ดึงดูดผู้อพยพที่เป็นช่างตีเหล็กเข้ามาในดินแดนเพิ่มขึ้น 15%
สถานะทั้ง 2 นี้ มีประโยชน์มาก จากการคาดเดาของโอหยางโชว พวกเขาควรจะได้รับฉายาอื่นๆเพิ่มอีก เช่น ‘แหล่งกำเนิดการตัดเย็บ’
การเลื่อนขั้นของหวังเกา และสถานะของฉายา ‘แหล่งกำเนิดการหลอม’ จะช่วยเพิ่มความเร็วในการพัฒนาช่างตีเหล็กทั้งหมดในดินแดน และมันยังจะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมทางทหารอีกด้วย
หลังจากที่ใช้เวลาพักอยู่ชั่วครู่ หวังเกาก็หยิบหอกขึ้นมา แล้วเดินไปหาโอหยางโชว ก่อนจะกล่าวว่า “ท่านลอร์ด หอกเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว โปรดตั้งชื่อให้กับมันด้วยขอรับ”
ตามความต้องการของเขา หอกทั้งหมดเป็นสีดำ หนัก 35 กิโลกรัม ยาวประมาณ 300 เซนติเมตร โดยหัวหอกยาวประมาณ 37 เซนติเมตร
ส่วนที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุดของหอกก็คือ ในช่วงที่หอกถูกสร้างขึ้น ภากสลักของเทพอสูรได้ปรากฎขึ้นบนหอกโดยอัตโนมัติ ภาพสลักนี้ดูสมจริงและหอกดูเหมือนเป็นอวตารของเทพอสูร จากที่หวังเกาบอก เขาไม่ได้สลักมันไว้บนหอก แต่มันเกิดจากเลือดของเขาที่ซึมเข้าไปในหอก
โอหยางโชวจึงเชื่อมโยงมันกับสายเลือดเทพอสูรของเขาได้ในทันที เขากล่าวว่า “เนื่องจากหอกถูกสร้างขึ้นจากอุกกาบาตที่ตกลงมาจากฟากฟ้า และได้รับการหล่อเลี้ยงจากเลือดของเทพอสูร ข้าจะขอตั้งชื่อมันว่า ‘หอกเทียนโม่’”
ชื่อ : หอกเทียนโม่(ระดับทองคำขาว)
ความแข็ง : 75
ความคม : 65
ความทนทาน : 55
ลักษณะพิเศษ : การดูดเลือดของอสูร(มีโอกาสที่มันจะพัฒนาขึ้นทุกครั้งที่หอกได้ซึมซับเลือด)
การประเมิน : สร้างจากอุกกาบาตที่ตกลงมาจากฟากฟ้า และอาบเลือดของเทพอสูร หลังจากเปลี่ยนรูป มันได้กลายเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ และสามารถใช้ได้เฉพาะคนที่หยดเลือดของเขาไว้เท่านั้น ไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้, ไม่สามารถทิ้งได้ และสามารถวิวัฒนาการได้
ถ้าไม่มีเลือดของโอหยางโชวที่มีสายเลือดเทพอสูร บางที หอกอาจจะถูกทำลาย หรือถ้าสำเร็จ มันก็คงเป็นได้มากสุดแค่ระดับทองดำ
หอกเทียนโม่ทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย ความแข็งแกร่งของมันเทียบได้กับกระบี่ฉิงเฟิงของซ่งเจี๋ย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ หอกเทียนโม่สามารถวิวัฒนาการได้ จากคำอธิบายของลักษณะพิเศษ การดูดเลือดของอสูร เมื่อหอกได้อาบเลือดของศัตรูที่เหมาะสมอย่างเพียงพอ มันจะสามารถพัฒนาได้อีกระดับ และกลายเป็นหอกชั้นนำของโลก
ขณะที่เขาสัมผัสหอกเบาๆ เขาก็กล่าวว่า “หอกเทียนโม่ ตามข้าเข้าสู่สนามรบ เจาะทะลวงศัตรูและอาบเลือดของพวกเขา เราจะสร้างตำนานที่ไม่มีใครลบล้างได้”
ราวกับหอกมีชีวิต มันสั่นอย่างฉับพลัน และแสงสีแดงก็เปล่งออกมา
เมื่อเห็นเช่นนั้น โอหยางโชวก็มีความสุขมาก เขาไม่รู้ว่าหอกมีจิตวิญญาณได้อย่างไร ดูเหมือนว่าสายเลือดเทพอสูรนั้นจะทรงพลังอย่างมาก เขาเริ่มคิดว่าในครั้งต่อไป พวกเขาควรจะลองทำแบบเดียวกันนี้ เมื่อต้องการสร้างชุดเกราะหมิงกวงที่ระดับสูงขึ้น
สุดท้าย หลังจากที่ได้รับอาวุธศักดิ์สิทธิ์นี้ โอหยางโชวก็เริ่มตรวจสอบสถานะของเขา
ชื่อ : ฉีเย่วหวู่ยี่
ฉายา : มาควิสแห่งเหลียนโจว, คนรักชาติ
อาชีพ : นายทหาร(อาชีพรอง)
ดินแดน : เมืองซานไห่
คะแนนการกุศล : 90,500/102,400
ตำแหน่ง : มาควิสขั้น 3
เลเวล : 55
ชื่อเสียง : เป็นที่รู้จัก (77,000/100,000)
พลังภายใน : (5,800/10,000)
โครงสร้างร่างกาย : 18+8
ความเข้าใจ : 21+4
โชคดี : 5
เสน่ห์ : 8
ความเป็นผู้นำ : 75+10
กำลัง : 38+5
สติปัญญา : 20
การเมือง : 56
ความสามารถพิเศษ : เทพสงคราม(เพิ่มพลังการต่อสู้ 20%)
ลักษณะพิเศษ : การครอบครองอสูร(พลังต่อสู้เพิ่มขึ้น 200% เป็นเวลา 30 นาที หลังจากสิ้นสุด จะอยู่ในช่วงเวลาที่อ่อนแอชั่วคราว)
ศิลปะกำลังภายใน : เทคนิคการบ่มเพราะกำลังภายในของจักรพรรดิเหลือง(ขั้น 4/12)
ฝึกฝน : ปาจีฉวน(ปฏิบัติได้อย่างคล่องแคล่ว), เพลงหอกตระกูลหยาง(กลายเป็นเชี่ยวชาญ)
ศิลปะสงคราม : หลิวเถา(ฉบับหวูเถา)
ทักษะ : การเก็บขั้นสูง, การต่อเรือขั้นต้น, การเจรจาขั้นกลาง, การประเมินขั้นสูง, การใช้อาวุธขั้นสูง, การขี่ขั้นต้น, การใช้หอกขั้นต้น, การยิงธนูขั้นต้น, เทคนิคการฝึกสัตว์ป่าให้เชื่อง ขั้นต้น
ภาหนะ : ม้าฉิงฟู่ชั้นสูง(ระดับทองคำขาว)
เครื่องประดับ : แหวนแห่งความกล้า(ระดับเหล็กดำ), สร้อยคออันโหดร้าย(ระดับเงิน)
ชุดเกราะ : เกราะหมิงกวงขุนพล(ระดับทองคำขาว)
อาวุธ : หอกเทียนโม่(ระดับทองคำขาว)
ไอเท็มพิเศษ : ยันต์ประหายเลือด, ยันต์พละกำลัง, ยันต์เร่งเดินทัพ, ตุ๊กตาตัวแทน, ลูกประคำเย็น, แผนที่ขุมสมบัติของอ่าวเป่ยไห่
หลังจากที่ผู้เล่นมาถึงเลเวล 50 ความยากลำบากในการเพิ่มเลเวลาก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากผ่านมา 5 เดือน ตั้งแต่สงครามโจวหลู่ เลเวลของโอหยางโชวเพิ่มขึ้นจาก 48 เป็น 55 เท่านั้น
ท่ามกลางสถานะที่ได้มา หลังจากที่ค่าสถานะใดเพิ่มขึ้นถึง 80 แต้มแล้ว หากต้องการเพิ่มค่าสถานะนั้นต่อไป มันจะต้องใช้แต้มสถานอิสระถึง 5 แต้ม ในการเพิ่มค่าสถานนะ 1 แต้ม และหลังจากที่ค่าสถานะถึง 90 แต้มแล้ว มันจะต้องใช้แต้มสถานะอิสระถึง 10 แต้ม
โอหยางโชวตัดสินใจว่า เมื่อเขาอัพค่าความเป็นผู้นำถึง 80 แต้มแล้ว เขาก็จะเน้นไปที่การอัพค่ากำลังให้ถึง 80 แต้ม จากนั้น เขาค่อยกลับมาอัพค่าความเป็นผู้นำอีกครั้ง
ยังคงมีระยะห่างที่กว้างใหญ่ระหว่างสถานะของเขาและลั้วซีสิน และมันยังยิ่งกว้างขึ้นหากเขาไปเทียบกับค่าสถานะของขุนพลซี สถานะของเขาในตอนนี้ เทียบได้กับนายทหารขั้นกลางเท่านั้น
เดือนที่ผ่านมานี้ โอหยางโชวสามารถเลื่อนเป็นขั้นที่ 4 ของเทคนิคการบ่มเพาะกำลังภายในของจักรพรรดิเหลืองได้แล้ว ความจุของกำลังภายในฉีเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า หรือมากถึง 10,000 จุด ตอนนี้ เขาสามารถทำการบ่มเพาะได้ทุกวัน โดยการหมุนวน 1 รอบ จะสามารถสร้างฉีได้ 10 จุด, ใน 1 วัน เขาสามารถสร้างฉีได้ 120 จุด และถ้าเขาต้องการเลื่อนเป็นขั้นที่ 5 เขาจะต้องใช้เวลาอีกเดือนเศษๆ
สิ่งที่สำกคัญที่สุดก็คือ โอหยางโชวรู้สึกว่า เขาได้มาถึงขีดจำกัดของเขา ในเรื่องของการเพิ่มจำนวนการหมุนวนฉีแล้ว
หากปราศจากปาฏิหาริย์หรือสถานการณ์พิเศษ มันคงยากที่เขาจะเพิ่มประสิทธิภาพมันได้อีกครั้ง
ในบรรดาอุปกรณ์ของโอหยางโชว ชุดเกราะและอาวุธของเขาอยู่ในระดับทองคำขาม ปัญหาก็คือ เครื่องประดับของเขา มีเพียงแหวนแห่งความกล้า(ระดับเหล็กดำ) และสร้อยคออันโหดร้าย(ระดับเงิน) เท่านั้น
หลังจากปิดหน้าต่างสถานะของเขาแล้ว โอหยางโชวก็ออกจากฝ่ายคลังอาวุธ
เมื่อเขากลับมาที่สำนักงานของลอร์ด เล่ยสุ่นก็มารอพบเขาอยู่ที่นั่นแล้ว แม้ว่าเล่ยสุ่นจะยุ่งกับการฝึกอบรม ปฏิบัติการของฝ่ายข่าวกรองก็ไม่ได้หยุดลง ดังนั้น ข้อมูลที่สำคัญต่างๆจึงยังคงถูกรายงานให้โอหยางโชวทราบอย่างสม่ำเสมอ
“ท่านลอร์ด ข้ามีข่าวใหม่ของทุ่งหญ้าจะรายงานขอรับ!”
ตั้งแต่ที่ได้เห็นเล่ยสุ่น โอหยางโชวก็ได้เตรียมใจไว้แล้ว มันผ่านมา 3 เดือนแล้ว นับตั้งแต่ปฏิบัติการไฟป่า ดังนั้น สมดุลระหว่างเผ่าต่างๆในทุ่งหญ้าทั้งหมด ควรจะพังทลายได้แล้วตอนนี้
ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมานี้ ไม่มีวันใดเลยที่โอหยางโชวหยุดการเฝ้ามองทุ่งหญ้า
หลังจากปฏิบัติการไฟป่า กองทัพตะวันตกของเผ่าเทียนฉีก็ล่มสลาย และมันต้องใช้เวลาพอสมควรในการสร้างขึ้นใหม่ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงสูญเสียความสามารถในการป้องปรามเผ่าต่างๆทางทิศตะวันตก
เผ่าขนาดกลางได้เริ่มแสดงเขี้ยวเล็บของพวกเขา พวกเขาไม่สนใจคำเตือนที่ได้รับจากเผ่าเทียนฉี และเริ่มรุกรานเผ่าที่ขนาดเล็กกว่าพวกเขา ปล้นปศุสัตว์และทรัพยากรของพวกเขา และเข้าครอบครองทุ่งหญ้าของพวกเขา
ผลลัพธ์? เผ่าเทียนฉีทำได้เพียงประกาศเตือนเท่านั้น แต่พวกเขากลับไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ ปฏิกิริยาของพวกเขาถูกตีความว่า พวกเขาได้สูญเสียอำนาจไปแล้ว และสิ่งนั้นทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่
ด้วยเหตุนี้ เปลวไฟแห่งสงครามจึงเริ่มแพร่กระจายออกไปทั่วทั้งทุ่งหญ้า จากตะวันออกสู่ตะวันตก จากเหนือสู่ใต้
ในพริบตา สงครามได้กลืนกินทุ่งหญ้าทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ตลาดนอกเมืองมิตรภาพกลับได้รับประโยชน์จากสงคราม พวกเขาได้รับม้าฉิงฟู่มากมาย เพียงพอที่จะเติมเต็มกรมทหารที่ 2 ได้ โดยแลกเปลี่ยนพวกมันกับธัญพืชและแร่เหล็ก
แฟนเพจ : TWOแปลไทย