ตอนที่ 50 ความบังเอิญครั้งที่สามนับเป็นชะตาลิขิต !
เมื่อได้ยินหงส์ไฟน้อยพูดดังนั้น นัยน์ตาของเฟิ่งจิ่วก็เต็มไปด้วยความปิติ นางยื่นมือไปหยิกแก้มน้อยๆสีชมพูนั่นและกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าเจ้าพร่ำบอกอยู่เสมองั้นรึว่ารังเกียจข้ามากแค่ไหนน่ะ?”
“แน่นอนว่าตัวข้าผู้สูงส่งยังรังเกียจเจ้าอยู่ ทว่าอย่างไรซะเจ้าก็เป็นคนของข้า การที่ข้ารังแกเจ้านั้นไม่เป็นปัญหาอันใด ทว่าข้าจะไม่ยอมให้ผู้อื่นมาทำเช่นนั้น”
“ด้วยร่างกายเล็กกระจ้อยนี่น่ะรึ?” นางเลิกคิ้วขึ้นและหัวเราะเบาๆ “ข้าว่าแค่ผลักเบาๆเจ้าก็ร่วงแล้ว”
ด้วยสัมผัสได้ถึงข้อกังขาในพลังของเขา หงส์ไฟน้อยจึงยืนขึ้นในฉับพลันและประกาศกร้าว
“ตัวข้าผู้สูงส่งนั้นคือหงส์ไฟ เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์โบราณ! แม้ว่าขณะนี้จะยังเป็นทารก ทว่าข้านั้นได้รับสืบทอดพลังของเหล่าบรรพบุรุษและอำนาจอันยิ่งใหญ่!”
“ได้ ได้ ได้ งั้นบอกข้าทีว่าตอนนี้เจ้าทำอะไรได้บ้าง?” นางพูดกลั้วหัวเราะและถามอย่างไม่จริงจัง
ยังไงซะเขาก็เป็นแค่เด็กที่ดูเหมือนหนูน้อยอายุราวๆสามขวบ จะแข็งแกร่งได้ซักแค่ไหนกัน?
“อย่าได้ตัดสินตัวข้าผู้สูงส่งจากรูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นเด็ก ข้านั้นทรงพลังเทียบเท่ากับผู้ฝึกพลังขั้นกำเนิดวิญญาณ หากมิใช่ว่าจิตสำนึกของชายผู้นั้นพันธนาการข้าไว้ตอนอยู่ที่วังลับใต้บาดาลนั่น กะอีแค่อาคมกั้นเขตแดนแท้จริงแล้วไม่อาจหยุดตัวข้าผู้สูงส่งไว้ได้แต่อย่างใด”
ร่างเล็กๆนั้นยืดตัวตรงเชิดคางขึ้น พยายามยิ่งที่จะส่งสายตาสื่อความว่า ‘ข้าน่ะ ทรงพลังสุดๆ’ ไปหาเฟิ่งจิ่ว ซึ่งทำให้นางไม่อาจระงับมุมปากให้ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มได้ นางมองเขาด้วยสายตาเอ็นดูพลางเล่นตามน้ำไป
“แท้จริงแล้วเจ้านั้นทรงพลังมากหรอกรึ!?”
“แน่นอน!” เขาดูภาคภูมิใจในตัวเองอย่างมาก นัยน์ตาของเขาลุกโชนไปด้วยจิตวิญญาณ
“แต่ไม่ว่าเจ้าจะทรงพลังขนาดไหน เจ้าก็ยังเป็นสัตว์ใต้พันธสัญญาของข้า และข้าก็เป็นนายของเจ้าอยู่ดี”
นางพูดด้วยแววตายิ้มแย้ม เอ่ยเตือนถึงข้อเท็จจริงที่เจ้าหนูน้อยอยากลืมใจจะขาด ดังคาดนางเห็นร่างเล็กๆนั้นห่อเหี่ยวลงในทันใด ขณะที่เขาหันมามองนางด้วยสายตาโศกเศร้าและสิ้นหวัง
“จริงด้วย! เจ้าอยากเข้าไปอยู่ในแหวนมิติไหม? หาไม่แล้ว หากจู่ๆมีเด็กเล็กอย่างเจ้าปรากฏตัวขึ้นในป่าเก้าวงกต เจ้าคงเป็นที่ดึงดูดความสนใจเป็นแน่ หากเหล่าผู้ฝึกวิชาพวกนั้นพบว่าเจ้าคือหงส์ไฟน้อยพวกเราคงได้เจอปัญหาใหญ่”
อาจารย์ของนางบอกไว้ตอนที่กำลังจะส่งทั้งคู่มาที่นี่ว่า เมื่อออกมาจากสุสานศาสตราแล้ว พวกเขาจะกลับไปโผล่ที่ป่าเก้าวงกต เนื่องจากว่าพวกเขาอยู่ที่ใต้ดินของป่าเก้าวงกต อาจารย์สามารถส่งพวกเขาออกไปจากใต้ดินได้ ทว่าไม่อาจส่งออกไปนอกป่าเก้าวงกต
ตอนแรกหงส์ไฟน้อยนั้นอยากจะปฏิเสธ ทว่าเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย เขาก็พยักหน้าแม้ว่าจะไม่เต็มใจนัก เนื่องจากนางนั้นอ่อนแออย่างยิ่ง แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง ทว่าการดึงดูดความสนใจมาที่พวกเขานั้นย่อมไม่ใช่เรื่องดี
“น่ารักจริงๆเลย”
หลังจากเห็นเขาพยักหน้า เฟิ่งจิ่วก็อุ้มหงส์ไฟน้อยขึ้นมาหอมเขาหนึ่งฟอดและเห็นใบหน้าเล็กๆ นั้นกลายเป็นสีแดงก่ำในทันที ปฏิกิริยาตอบรับที่ดูเขินอายนั้นทำให้นางหัวเราะออกมาดังลั่น
เฟิ่งจิ่วเปิดมิติของแหวน ซึ่งหงส์ไฟน้อยก็รีบเข้าไปในทันที
หลังผ่านไปสามชั่วยาม เสาของกระแสพลังที่หมุนวนก็ปรากฏขึ้น มันส่งเสียงฟุ่บ และแล้วนางก็ถูกดูดเข้าไป...
“หืม? ที่นี่ที่ไหนกัน?”
นางมองไปรอบๆบริเวณที่นางเพิ่งจะมาถึง ดูเหมือนว่ายังคงอยู่ในป่าเก้าวงกต ทว่ากลับไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆอยู่บริเวณนั้น ไม่พบแม้แต่สัตว์ป่าสักตัว ทุกสิ่งดูเงียบสงัดและน่าขนลุก
อีกอย่าง มันเป็นยามค่ำคืนแล้ว
“บรื๋ออ! หนาวเป็นบ้า” นางถูแขนของตัวเองพลางคิดในใจ [เจ้าทึ่มกวนซีหลินนั่นจะยังรอข้าอยู่รึเปล่ากันนะ?]
หลังจากเดินไปได้ระยะหนึ่ง นางก็พลันได้ยินเสียงของการต่อสู้
[การต่อสู้?]
แววตาของนางเต็มไปด้วยความฉงน นางรีบซ่อนตัวตนในทันทีขณะที่เดินเข้าไปหาเสียงเหล่านั้น
เมื่อไปถึง นางซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่และยื่นหัวออกมาเล็กน้อยเพื่อสังเกตการณ์ เมื่อเห็นเงาร่างอันคุ้นเคย นางก็ตัวแข็งทื่อโดยไม่ตั้งใจ และกระพริบตาเพื่อดูให้แน่ใจอีกครั้ง
[ลุงคนนั้น? นั่นเขาอีกแล้วเหรอ?]
เมื่อรวมกับสองครั้งก่อน ที่นางพบเขาครั้งนี้อีก ทั้งหมดรวมเป็นสามครั้ง! ดังที่ภาษิตโบราณว่าไว้ความบังเอิญครั้งที่สามนั้นมิใช่ความบังเอิญแต่เป็นโชคชะตา เช่นนั้นคงเป็นชะตาลิขิตเป็นแน่ เพราะในเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่วันพวกเขาก็เจอกันถึงสามครา
ทว่า เหตุใดจึงดูเหมือนว่าเขามีบางอย่างผิดปกติกัน?