ตอนที่ 28 เหยื่อ (FREE)
ไม่นาน ช่วงเวลา 10 กว่าวันได้ผ่านพ้นไป เนื่องจากสัตว์ที่ล่าได้น้อย หมู่บ้านภูเขาทางใต้จึงจำเป็นต้องส่งหน่วยล่าสัตว์ขึ้นไปบนภูเขาอีกครั้ง
ในครั้งถัดๆมา ฟาง เจิ้งจือ ก็มักจะวิ่งไปเก็บสมุนไพรตลอดทุกครั้งจนกระทั่งฟ้าเริ่มมืดจึงกลับมา สมาชิกของหน่วยล่าสัตว์ต่างคุ้นชินกับเรื่องพวกนี้เป็นอย่างดี
พวกเขาแค่เตือน ฟาง เจิ้งจือ ให้ระมัดระวังและรีบหนีทันทีเมื่อเจอสัตว์ขนาดใหญ่
หลังจากขึ้นไปบนภูเขา 7-8 ครั้ง ฟาง เจิ้งจือ ยังจับไม่ได้แม้แต่กระต่ายหรือแม้แต่ขนมันสักเส้น
ผลที่ออกมาทำให้ฮูหยินหลี่ยิ่งกล่าวเยาะเย้ยอีกตามเคย
หัวหน้าหมู่บ้าน เมิ่ง ไป่ ก็ได้แต่ส่ายหัว “เฮ้อ...เจิ้งจือ ก็ยังเทียบไม่ได้กับการขึ้นเขาครั้งแรกๆของ เฮ่าเตอ..”
ถึงแม้ชาวบ้านจะคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ อายุยังน้อย และเขาต้องการประสบการณ์ แต่นี่มัน 7-8 ครั้งแล้วนะ เขาควรที่จะเริ่มจับบางอย่างได้บ้างแล้วสิ
พวกเขาไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
เวลาผ่านไปชาวบ้านก็ไม่สนใจอีกว่า ฟาง เจิ้งจือ จะจับอะไรมาได้บ้าง เพราะเขาไม่มีทางที่จะจับอะไรมาได้อยู่แล้ว
ชาวบ้านต่างรู้สึกอึดอัด แต ฉิน ซูเหลียน กลับยินดี
“เจิ้งจือ ลูกรีบซ่อนตัวอยู่ข้างหลังนะเมื่อขึ้นไปบนภูเขานั้นเป็นเรื่องที่ดีแล้ว!”
“แม่...ที่จริงข้าไม่ได้ซ่อนตัวอยุ่ข้างหลังนะ” ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกพูดไม่ออก ข้าไม่ใช่คนอย่างนั้นนะ ท่านเป็นแม่ของข้าท่านไม่รู้หรือไง?
“แม่รู้ๆ แม่รู้ดี ฮ่าฮ่า...ตะกร้าใบใหญ่ที่เจ้าแบกขึ้นไป เจ้าใช้ไว้แอบงีบหลับใช่ไหม?” ฉิน ซูเหลียน เหลือบมองไปที่ตระกร้าใบใหญ่ที่ ฟาง เจิ้งจือ มักแบกไปเป็นประจำ
“...” ฟาง เจิ้งจือ คิดว่าเขาควรจะไปอ่านหนังสือต่อดีกว่า
หลังจากเข้าไปห้องของตัวเองแล้ว เขาก็เริ่มอ่านกฎแห่งเต๋าอีกครั้ง...
ช่วงนี้นอกจากเวลาที่เขาใช้ไปกับการขึ้นไปบนภูเขา ส่วนใหญ่เขาใช้เวลาในการอ่านและจดจำหนังสือ ความสามารถในการอ่านของเขานั้นรวดเร็วตั้งแต่อยู่ที่โลกเดิมอยู่แล้ว รวมถึงการทำความเข้าใจก็เป็นไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เนื่องจากความเร็วในการอ่านหนังสือของเขาสูงมาก ฟาง เจิ้งจือ จึงเข้าไปยืมหนังสือจากหอแห่งเต๋าเป็นประจำ
ใบหน้าของ หวัง อันฮุย เต็มไปด้วยความโง่งม “เด็กที่พึ่งอายุ 7 ขวบทำไมถึงอ่านหนังสือได้รวดเร็วขนาดนี้? เขาเข้าใจมันจริงๆหรือเปล่า นี่มันเร็วกว่าข้าอ่านอีกนะ!”
ถ้า ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้มีพรสวรรค์ เขาก็คงอ่านไปเรื่อยๆโดยไม่คิดอะไร
หวัง อันฮุย อยากให้เป็นอย่างหลังมากกว่า เพราะถ้าเป็นเพราะเหตุผลแรก มันคงเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก...
ฟาง เจิ้งจือ นั้นไม่รู้ว่า หวัง อันฮุย คิดอะไร เขาแค่ศึกษาทบทวนตามแบบของตัวเอง ทุกครั้งที่เขาไปยังหอแห่งเต๋าเขาพยายามจะหาหนังสือที่ดูเนื้อหา ‘ละเอียด’ มากพอ
ความก้าวหน้าของเขารวดเร็ว?
มันเป็นอะไรที่มองเห็นได้ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ต้องถามอะไรอีก....
ยิ่ง ฟาง เจิ้งจือ อ่านหนังสือไปเท่าไหร่ เขายิ่งรู้สึกว่าตัวเองก้าวหน้าไปเท่านั้น และยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ในหัวใจของเขา ต้นอ่อนที่ตอนแรกมีใบไม่มีกี่ใบ ถูกแทนที่ด้วยต้นไม้เล็กๆ มีกิ่งประมาณ 3-5 กิ่ง เต็มไปด้วยใบไม้จำนวนมาก ที่ด้านล่างดินที่ชุ่มชื้นค่อยๆนุ่มขึ้นเรื่อยๆ
การควบคุมร่างกายของ ฟาง เจิ้งจือ พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
นอกจากความสามารถนการควบคุมทุกส่วนของร่างกายแล้ว ตอนนี้เขายังสามารถรู้สึกถึงกระดูกของตัวเองได้อีกด้วย แต่มันยังแข็งเกินไป เขาจึงยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพมันได้ เขาต้องการเวลามากกว่านี้
กลางคืนผ่านพ้นไป
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาเช้า ฟาง เจิงจือ ได้ติดตามหน่วยล่าสัตว์ขึ้นไปบนภูเขาอีกครั้ง
“ขึ้นไปบนภูเขา!” ติง ฉินซาน ออกคำสั่ง หน่วยล่าสัตว์เคลื่อตัวอออกจากหมู่บ้านในทันที
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ท้องฟ้ายังคงมืดเล็กน้อย หน่วยล่าสัตว์ได้เดินทางมาถึงบริเวณที่พวกเขาใช้ล่าสัตวเป็นประจำ
“ลุงฉินซาน ข้าจะไปเก็ยสมุนไพร!” ฟาง เจิ้งจือ บอกกับ ติง ฉินซาน
“วันนี้ข้าจะกลับมาพร้อมกับสัตว์แน่นอน!” ฟาง เจิ้งจือ คิดอยู่สักพัก ก่อนจะพูดเตือนหน่วยล่าสัตว์ถึงสิ่งที่เขากำลังจะทำ
“ฮ่าฮ่าฮ่า...เจิ้งจือ รีบไปรีบกลับละ!” ติง ฉินซาน ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย
“ฮ่า ฮ่า เจ้าคิดว่าวันนี้เด็กน้อยนั่นจะจับอะไรได้บ้าง?” สมาชิกของหน่วยล่าสัตว์คนอื่นๆถามขึ้นมาด้วยความสงสัยเมื่อเห็น ฟาง เจิง้จือ เดินจากไป
“เขาจะจับอะไรได้ละ? เจ้าคิดจริงๆงั้นหรือว่าเด็ก 7 ขวบจะมีความสามารถขนาดขนาดนั้น? ถ้าเขาดวงดีก็คงได้แค่กระต่ายมาสักตัว!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เสียงหัวเราะดังขึ้นทั่วหน่วยนักล่า ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มการล่าสัตว์ที่เป็นเรื่องอันคุนเคยสำหรับพวกเขา
…
การเคลื่อนไหวของ ฟาง เจิ้งจือ นั้นเป็นไปอย่างรวดเร็ว ขาสั้นๆพาเขาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วดั่งสายลม
การที่จะเคลื่อนไหวได้รวดเร็วนั้นเป็นเรื่องง่ายๆ เขาก็แค่ใช้สมาธิควบคุมกล้ามเนื้อขาทั้งสองข้าง และลดน้ำหนักของช่วงตัวท่อนบนลง....
เขาคุ้นชินกับภูมิประเทศในแถบนี้ดีเนื่องจากเขาเคยผ่านมา 7-8 ครั้งแล้ว ควรกระโดดตรงไหน ควรหลีกเลี่ยงทางไหน เขารู้ทุกอย่างหมดแล้ว
ไม่นานนักเขาก็วิ่งใกล้ถึงเขตแดนของหมู่บ้านภูเขาทางเหนือ
ที่ที่เขาได้เตรียมแผนการบางอย่างไว้...
เขาขยับตัวเดินไปรอบๆหินขนาใหญ่ที่วางอยู่ตามพื้นพร้อมกับมองที่กระดาษในมือ จากนั้นเขาก็คลุมหลุมที่เขาขุดขึ้นมาด้วยหญ้า...
“ฟุบ ฟุบ!...”
ทันทีที่เสียงของลูกธนูที่แหวกอากาศดังขึ้นมา ฟาง เจิ้งจือ ก็รู้แล้วว่าหน่วยล่าสัตว์ของหมู่บ้านภูเขาทางเหนือได้มาถึงแล้ว
แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก เขาเพียงแต่คอยสังเกตุการเคลื่อนไหวรอบๆตัวและค่อยๆดำเนินแผนการของเขาต่อไปอย่างช้าๆ
เมื่อเขาจัดเรียงหินตามที่พอใจได้นั้นก็เป็นตอนเที่ยงแล้ว เขาหยิบข้าวกล่องออกมานั่งกินอย่างผ่อนคลาย
จนกระทั่งถึงบ่าย ในที่สุดเขาก็ยืนขึ้น บิดขี้เกียจ จากนั้นเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยปุยเมฆสีขาว ใบหน้าของเขาเย็นเฉียบเพราะถูกลมที่พัดมาจาภูเขาปะทะ เขาก็คอยฟังเสียงการเคลื่อนไหวของหน่วยล่าสัตว์ มุมปากของเขาค่อยๆยกขึ้นเผยให้เห็นรอยยิ้มที่สดใส
จากนั้นเขาก็ค่อยๆเดินไปยังทิศที่ได้ยินเสียงหน่วยล่าสัตว์ของหมู่บ้านทางเหนือ
....
ในตอนเดียวกันนั้นเอง สมาชิกหน่วยล่าสัตว์ของหมู่บ้านภูเขาทางเหนือวันนี้ล่าสัตว์ได้เป็นจำนวนมาก และไม่นานในท้องของนักล่าทั้ง 20 คนก็ถูกอัดแน่นไปด้วยเนื้อสัตว์
สิ่งที่น่ายินดียิ่งในวันนี้คือ ด้วยความเก่งกาจของรองหัวหน้า จาง หยางปิง พวกเขาสามารถจับหมูป่าเขี้ยวเหล็กได้
สัตว์ป่านั้นเหมือนเป็นสมบัติที่เดินได้บนภูเขาคังหลิง
หมูที่จับได้ถือว่าเป็นสัตว์ป่าขนาดเล็กแต่ก็ต้องพึ่งพละกำลังของคนกว่า 10 คน จึงจะล้มมันได้
ถึงแม้พวกเขาต้องทุ่มเทและบาดเจ็บกันมากจากการจับหมูป่าเขี้ยวเหล็ก แต่ผลที่ได้นั้นคุ้มค่ามาก นอกจากตัวของมันที่มีขนาดใหญ่และมีเนื้อที่นุ่มมาก ส่วนที่คุมค่าที่สุดของมันคือเขี้ยวเหล็กทั้ง 2 ข้าง
มันเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งกว่าเหล็กทั่วๆไป รวมถึงคมและทนทานกว่าด้วย นอกจากนี้มันเป็นอาวุธโดยธรรมชาติไม่ต้องใช้กระบวนการมากมายในการทำเป็นวุธแค่นำมันมาทำเป็นหอกก็ใช้งานได้แล้ว
ฟาง เจิ้งจือ ที่ดูอยู่ มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มอีกครั้ง หมู่ป่าเขี้ยวเหล็กตัวนั้นต้องเป็นของข้า...
ทันใดนั้นเองได้มีอะไรบางอย่างพุ่งออกมาจากพุ่มไม้
เพจหลัก : Gate of god TH