ตอนที่ 179 มู่ หลานปะทะเซี่ย หยู
เมื่อมู่ หลานพูดจบ เธอก็สังเกตเห็นเด็กสาวด้านหลังหลิน ฮวง กำลังก้มตัวลง และจับจ้องมาที่วิดิโออย่างสงสัย
“บัดซบ!ฉันซวยแล้ว!”สีหน้าของหลิน ฮวงเปลี่ยนไปทันทีและเขาก็รีบปิดหน้าสื่อสาร จากนั้นเขาก็ติดต่อกับอินทรีอเล็กซานเดรี้ยนผ่านจิต
มันกระพือปีกหลายรอบในอากาศและพยายามจะกำจัดเซี่ย หยู
อย่างไรก็ตาม ขาของเซี่ย หยูดูเหมือนจะฝึงลึกลงไปในแผ่นหลังของมัน เธอยืนอย่างมั่นคงบนหลังมันขณะที่มันกำลังดิ้นรน แม้ว่าอินทรีจะเหวี่ยงตัวมันขึ้นลงในอากาศ ขาของเซี่ย หยูก็ไม่เคยหลุดออกจากร่างมัน
กลับเป็นหลิน ฮวงเองที่ต้องก้มตัวลงกอดอินทรีไว้แน่น เขาคว้าขนมันแน่นเพราะเขาเกือบจะตก
“หึ นายรู้ตัวตนของฉันแล้วแต่ก็ยังทำท่าทีโง่เขลา?”เซี่ย หยูจ้องมองหลิน ฮวงอย่างไร้อารมณ์
“ไม่ ฉันเพิ่งจะรู้”หลิน ฮวงบอกความจริงกับเธอเพราะเขารู้ว่าเขาไม่อาจกำจัดเธอได้“ฉันไล่ตามจุดสีแดงบนแผนที่ที่แสดงว่าสมาชิกขององค์กรนอกรีตอยู่ที่ไหนและเธอก็อยู่ที่นั่นพอดี”
“นายรู้เกี่ยวกับเรามากแค่ไหน?”ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นจริงจัง
“เกือบจะทุกอย่าง”หลิน ฮวงรู้ดีว่าเขาไม่อาจปิดบังได้
“ผู้หญิงคนนั้นได้แจ้งสมาคมนักล่าถึงเรื่องนี้ยัง?”เซี่ย หยูถามต่อ
แม้ว่าหลิน ฮวงจะปิดหน้าสื่อสารไปทันที เขาก็รู้ว่าเธอกำลังสื่อถึงใคร
“ใช่แล้ว สมาคมนักล่าได้ส่งผู้หลุดพ้นมาที่นี่แล้ว”หลิน ฮวงพยักหน้าและกล่าว“เธอควรจะหยุดซะ!”
“ในกรณีนี้ ฉันจะพานายกลับไปกับฉัน”เซี่ย หยูยื่นแขนออกมาจับเขาหลังจากที่พูดจบ
อย่างไรก็ตาม หลิน ฮวงได้เรียกอินทรีอเล็กซานเดรี้ยนกลับมาก่อนที่เธอจะพูดจบเสียอีก พวกเขาทั้งคู่ล่วงหล่นกลางอากาศและการโจมตีของเซี่ย หยูก็พลาดเป้า
เพียงเมื่อเขากำลังจะถึงพื้น เขาก็อัญเชิญอินทรีออกมาอีกครั้งและบินขึ้นไปในท้องฟ้า
อินทรีอเล็กซานเดรี้ยนบินขึ้นไปในท้องฟ้าแต่ เซี่ย หยูก็เริ่มไล่ตามพวกเขามาทันที
เซี่ย หยูมีใบหน้าเย็นชาขณะที่ยิ้มให้พวกเขา เสียงของเธอถูกส่งมาหาหลิน ฮวงอย่างชัดเจน“ยิ่งนายพยายามจะสู้กับฉันมากเท่าไร ฉันก็ยิ่งอยากจะพานายกลับไปยังองค์กรมากเท่านั้น!”
“เธอมันบ้า!”หลิน ฮวงตะโกนใส่เธอ และสั่งอินทรีอเล็กซานเดรี้ยน“ลงไป!”
อินทรีหดปีกของมันลงและพุ่งลงพื้น
“ไม่มีทางที่นายจะหนีพ้น!”เสียงของเซี่ย หยูดังขึ้นอีกครั้ง เธอไม่ยอมแพ้การไล่ล่า
ก่อนที่เขาจะลงถึงบ้าน อินทรีอเล็กซานเดรี้ยนก็กระพือปีกของมันอีกครั้งและร่อนผ่านอากาศ
“ช้าลงหน่อย!”
หลิน ฮวงเห็นต้นไม้ใหญ่อยู่ไม่ไกล เขากระโดดไปทางต้นไม้และใช้ขาทั้งสองข้างก้าวไปบนกิ่งไม้
จากนั้นเขาก็กระโดดจากกิ่งหนึ่งไปอีกกิ่งและทะยานหนี
“คิดว่าหนีเข้าไปในป่าแล้วนายจะรอดงั้นหรอ?”อีกครั้ง เสียงของเซี่ย หยูดังขึ้นด้านหลังเขา
เมื่อเขาเห็นพื้นที่เปิดตรงหน้าเขา เขาก็เร่งความเร็ว กระโดดลงจากกิ่งไม้ไปบนพื้นเปิดโล่ง และหยุด
“ยอมแพ้แล้ว?”เซี่ย หยูยังคงลอยอยู่กลางอากาศ ไม่สัมผัสกับพื้นดินเพราะเธอกลัวว่าจะมีกับดักอยู่บนพื้น
“อินทรีอเล็กซานเดรี้ยนไม่อาจบินได้เร็วกว่าเธอและฉันก็ไม่สามารถหนีไปจากเธอได้ การพยายามหลบหนีถือเป็นการเสียพลังไปโดยเปล่าประโยชน์”หลิน ฮวงยักไหล่
“งั้นนายจึงคิดที่จะยอมแพ้และไปกับฉันแต่โดยดี?”เซี่ย หยูยิ้ม เธอยิ่งสนใจในตัวหลิน ฮวงมากขึ้นหลังจากไล่ล่าเขา
“แน่นอนว่าไม่ ฉันไม่มีวันยอมแพ้ใครโดยง่าย”หลิน ฮวงส่ายหัว“เนื่องจากฉันไม่สามารถหนีได้ งั้นมันก็มีทางเลือกเดียว!”
“นายต้องการจะสู้กับฉัน?”เซี่ย หยูหัวเราะเมื่อเธอได้ยินสิ่งที่หลิน ฮวงกล่าว“นายรู้ระดับพลังของฉันไหม?”
“ฉันรู้ว่าเธอคือผู้หลุดพ้นขั้นเพลิงสวรรค์”หลิน ฮวงพยักหน้า
“ใช่ นายพูดถูก แต่ทว่า ฉันไม่ใช่ระดับเพลิงสวรรค์ขั้น1 แต่เป็นระดับเพลิงสวรรค์ขั้น2 และฉันก็เกือบจะบรรลุระดับเพลิงสวรรค์ขั้น3แล้ว แม้ว่านายจะสามารถอัญเชิญมอนสเตอร์กลายพันธ์ระดับทองขั้น3ได้ นายก็ไม่อาจต่อกรกับฉันได้”เซี่ย หยูแสยะยิ้มเมื่อเธอเผยระดับพลังที่แท้จริงให้เขารู้
หลิน ฮวงเคยได้ยินเกี่ยวกับสีทั้ง5ในระดับเพลิงสวรรค์มาก่อน หลังจากที่ไฟชีวิตถูกจุดขึ้น สีที่เปลี่ยนไปแต่ละสีของไฟชีวิตจะหมายถึงการพัฒนาของระดับพลัง เหล่าคนที่อยู่ในระดับเพลิงสวรรค์ขั้น3จะสามารถฆ่าสิ่งมีชีวิตระดับเพลิงสวรรค์ขั้น1ได้ทันที แม้กระทั่งระดับเพลิงสวรรค์ขั้น2ก็ยังทรงพลังกว่าระดับเพลิงสวรรค์ขั้น1มาก มันจะไม่เป็นการพูดเกินจริงหากบอกว่าเซี่ย หยูสามารถฆ๋ามอนสเตอร์กลายพันธ์ระดับทองขั้น3ได้ในพริบตา
หลิน ฮวงต้องการจะอัญเชิญไทแรนด์เพื่อที่จะถ่วงเวลาเธอสักเล็กน้อย แต่ทว่า เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอบอกเขา เขาก็ลังเล
ในเวลานั้นเอง เสียงแหลมก็ดังขึ้นและนกยักษ์ก็บินมาทางพวกเขา
“มู่ หลาน?!’หลิน ฮวงสามารถรับรู้ถึงแร้งมังกร4ปีกได้ทันที
เซี่ย หยูเองก็เงยหน้าขึ้นเช่นกันและมองไปที่แร้งมังกร4ปีก เธอรู้ได้ทันทีว่าใครคือเจ้าของมัน
แร้งมังกร4ปีกกระพือปีกของมันและทะยานลงบนพื้น ก่อให้เกิดฝุ่นคลุ้ง
มู่ หลานกระโดดลงจากแร้งมังกร4ปีกและเรียกมันกลับ จากนั้นเธอก็มองหลิน ฮวงและถาม“ไม่เป็นไรนะ?”
“คุณเกือบจะฆ่าผม…”สิ่งที่หลิน ฮวงกล่าวคือความจริง เขากำลังบินอยู่กลางอากาศ พยายามที่จะถ่วงเวลาเธอสักเล็กน้อย หากมันไม่ใช่เพราะเธอเขาก็คงไม่ต้องมาหนีหัวซุกหัวซุนแบบนี้
“ฉันขอโทษ เธออยู่ข้างหลังนายและฉันก็ไม่เห็นเธอแต่ทีแรก ฉันรู้เพียงแค่ว่ามีคนอยู่ด้านหลังนายหลังจากที่เธอก้มตัวลง..”มู่ หลานขอโทษทันที
“ไง หัวหน้าผู้คุม คุณเป็นยังไงบ้าง?”เซี่ย หยูมองมาที่มู่ หลานด้วยรอยยิ้ม
“เธอคือหัวหน้าของพวกนอกรีต?”มู่ หลานขมวดคิ้วและมองเซี่ย หยู
“ใช่แล้ว”เซี่ย หยูยิ้มขณะที่มองมู่ หลาน“เธอคือมู่ หลาน บุตรสาวแห่งตระกูลราชวงศ์มู่ เธออายุ17ปีและมีระดับทองขั้น3 เชี่ยวชาญในวิชาดาบและยังเป็นผู้ควบคุม ปัจจุบันเธอเป็นนักล่าระดับทองอันดับ4ในเขต7 ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะมาหาฉันด้วยตัวเธอเอง หากฉันสามารถจับเธอได้ การปฏิบัติการนี้จะไม่ถือว่าล้มเหลว”
“งั้นมาดูกันว่าเธอจะสามารถทำเช่นนั้นได้ยังไง!”แม้ว่าจะเผชิญกับผู้หลุดพ้น เธอก็ยังไม่มีความกลัวบนใบหน้าของธอ เธอถือดาบสีน้ำเงินระดับสมบัติไว้ในมือ
“เธอกำลังถือดาบแหวกสมุทรระดับ5ดาว ตระกูลมู่ลงทุนกับเธอไปมาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเธอจึงไม่กลัวแม้ว่าจะเผชิญกับผู้หลุดพ้น”เซี่ย หยูสามารถระบุดาบยาวในมือมู่ หลานได้ทันที
“ฉันฆ่าผู้หลุดพ้นระดับเพลิงสรรค์มาสามคนแล้วด้วยดาบเล่มนี้”มู่ หลานกล่าวเสียงเย็น
“ดาบดี แต่ทว่า เธอไม่อาจเปลี่ยนความจริงที่ว่าเธอเป็นระดับทองขั้น3ไปได้ ไม่สำคัญว่าเธอจะมีสมบัติที่ทรงพลังแค่ไหน เธอจะไม่สามารถใช้พลังมันได้อย่างเต็มที่”เซี่ย หยูแยะยิ้มขณะที่เธอกล่าวและเคียวสีดำขนาดใหญ่ก็ปรากฏในมือเธอ
“ใหญ่มาก...”หลิน ฮวงถอนหายใจเมื่อเห็นอาวุธที่ดูเหมือนเคียวแห่งความตาย ขนาดของเคียวไม่เหมาะกับขนาดร่างกายของเซี่ย หยูแม้แต่น้อย เธอสูงประมาณ1.6เมตร แต่เคียวของเธอกลับยาวประมาณ2เมตร
“ฉันจะแสดงให้เธอเห็นถึงพลังที่แท้จริงของสมบัติเมื่อผู้หลุดพ้นระดับเพลิงสวรรค์เป็นคนใช้”ทันทีที่เธอพูดจบ เธอก็หมุนควงเคียวขนาดใหญ่และตวัดใส่มู่ หลาน เธอดูเหมือนจะใช้มันได้ง่าย
เคียวของเธอปล่อยลำแสงสีดำที่ก่อให้อากาศโดยรอบบิดเบี้ยวขณะที่มันถูกยิงออกไป
แม้ว่าลำแสงสีดำจะดูเหมือนช้า แต่มันกลับปรากฏตรงหน้ามู่ หลานในชั่วพริบตา
เห็นได้ชัดว่าเซี่ย หยูได้ตัดหลิน ฮวงออกจากการต่อสู้ไปแล้วเพราะเธอเชื่อว่าหลิน ฮวงไม่อาจทำอะไรเธอได้ด้วยระดับเงิน นอกจากนี้ เธอยังไม่กลัวว่าหลิน ฮวงจะหนีไปเพราะเธอต้องการเวลาเพียงสองนาทีเพื่อเอาชนะมู่ หลาน และเธอก็สามารถไล่จับเขาได้ทีหลัง
แน่นอน มู่ หลานจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้น
เธอไม่หลบการโจมตีแม้แต่น้อย เธอดึงดาบออกจากฝักโดยไม่ลังเล ปลดปล่อยลำแสงสีฟ้าที่คล้ายกับดาวหางสีน้ำเงินที่ตัดผ่านท้องฟ้า
ในไม่ช้า ปลายดาบของเธอก็ปะทะกับเคียวสีดำของเซี่ย หยู
เกิดเสียงดังขึ้นเมื่ออาวุธทั้งสองกระทบกัน มันไม่ใช่เสียงที่มักจะได้ยินเมื่ออาวุธกระทบกัน เสียงมันดูราวกับคลื่นพลังมหาศาลที่กำลังบดขยี้กัน
หลังจากนั้นไม่นาน แสงจากเคียวสีดำก็หายไป ร่างของมู่ หลานกระเด็นไปเล็กน้อยและแสงสีน้ำเงินก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง พุ่งไปทางเซี่ย หยูราวกับลำแสงพิโรธ
รูม่านตาของเซี่ย หยูขยายขึ้นทันใด ขณะที่ท่าทางของเธอแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง
เธอกวัดแกว่งเคียวขนาดใหญ่อีกครั้งและคลื่นดาบก็หายไป เมื่อมันปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันก็สัมผัสกับปลายดาบของมู่ หลานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น
มู่ หลานที่ลอยอยู่กลางอากาศถูกซัดกระเด็นออกไปและลอยไปไกลกว่า10เมตร
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอจึงกล้าท้าทายฉัน ไม่น่าเชื่อว่าตระกูลมู่จะสอนเธอถึงวิถีแห่งดาบอมตะ!”เซี่ย หยูเองก็ถอยหลังไปหลายเมตรเช่นกัน
“ฉันเองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน เท่าที่ฉันรู้ วิถีแห่งความตายคือทักษะต่อสู้ที่พวกนอกรีตจะสอนให้แต่เหล่านักบุญเท่านั้น(พวกนักบุญนอกรีต) ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอจึงเป็นระดับเพลิงสวรรค์ขั้น2 แม้ว่าเธอจะยังอายุน้อย หากเธอไม่ใช้ทักษะนี้ ฉันคงคิดว่าเธอเป็นป้าแก่ที่ทำตัวราวกับเด็กสาว”มู่ หลานสามารถยืนยันตัวตนของเธอได้หลังจากการต่อสู้
“ฮืมมม เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกฉันว่าป้าแก่ ฉันต่างหากที่ควรจะพูดคำนั้นกับเธอ!”เซี่ย หยูโกรธ
“งั้นเธอก็ยอมรับว่าเธอหยุดเติบโตแล้ว?”มู่ หลานกล่าวขณะที่ยืดตัว
“บัดซบ ยัยแก่!”เซี่ย หยูดูเหมือนจะไวต่อเรื่องนี้ จากนั้นเธอก็ตวัดเคียวในมือเธอและคลื่นดาบก็หายไปอีกครั้ง
มู่ หลานแทงดาบเธอไปในพื้นดินทันทีและเกิดเสียงดังขึ้น จากนั้นมู่ หลานก็ถีบตัวถอยหลังไปยังต้นไม้ไม่ไกล เธอก้าวไปบนลำต้นและร่างของเธอก็หายไปในทันที
เพียงเมื่อเธอปรากฏตัวขึ้น ปลายดาบและเคียวของเซี่ย หยูก็ปะทะกันอีกครั้ง
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอจึงป้องกันการโจมตีได้ง่ายนัก เธอสวมเกราะวัฏจักรที่เป็นสมบัติป้องกัน4ดาว!”ท้ายที่สุดเซี่ย หยูก็สังเกตเห็นว่าการโจมตีเธอไม่อาจทำอันใดต่อมู่ หลานได้
“มันยังไม่สายเกินไปที่จะถอย พวกเราจะฆ่าคนของเธอ หากเธอยังยืนยันที่จะสู้กับฉัน เธอจะไม่สามารถหลบหนีได้อีกเมื่อกลุ่มผู้หลุดพ้นมาถึง!”มู่ หลานรู้ว่าเซี่ย หยูไม่มีวิธีจัดการกับเธอและการโจมตีของเธอก็ไม่มีผลกับเซี่ย หยูเช่นกัน
“ฮืม!หากฉันไม่อาจจับเธอได้ งั้นฉันก็จะจับเขา!”จากนั้น เซี่ย หยูก็ยื่นแขนมาทางหลิน ฮวง........