ตอนที่แล้วตอนที่ 23 เจอปัญหา (FREE)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 25 หน่วยล่าสัตว์ (FREE)

ตอนที่ 24 ตกตะลึง (FREE)


มือเล็กๆของ ฟาง เจิ้งจือ กำแน่นขึ้นอีกครั้งก่อนจะวิ่งไปที่ ฟาง เฮ่าเตอ เขาวิ่งผ่านไปทาง ฮูหยินหลี่ และ ‘บังเอิญ’ เหยียบเท้านางเข้า

 

“โอ้ยย!..” ฮูหยินหลี่ เกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที

ฟาง เจิ้งจือ แสร้งทำเป็นตกใจ หันกลับมาและสูญเสียสมดุลร่างกาย ‘บังเอิญ’ ล้มลงใส่หลังของ ฮูหยินหลี่

“ผลัก!” ฮูหยินหลี่ ทรงตัวไว้ไม่ได้เช่นเดียวดัน เธอล้มลงและนอนแผ่ลงไปบนพื้น

 

“โอ้ย!...ไอเด็กโง่ เจ้าตาบอดหรือไงกัน!...” เพราะว่ามีทรายกระเด็นเขาปากและตาของเธอทำให้เธอพยายามรีบลุกขึ้น และหันหัวกลับมา เธอพบว่าตาของเธอตอนนี้มองไม่เห็นอะไรเลย

ตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ ได้วิ่งผ่าน ฮูหยินหลี่ ไปแล้ว เข้ารีบวิ่งไปหาพ่อของเขา

เขาตรวจสอบอาการบาดเจ็บของพ่ออย่างละเอียด ถึงแม้เลือดตรงแผลที่ขาจะเริ่มหยุดแล้ว แต่แผลที่ใหญ่ขนาดนี้ เขากลัวต่อให้ใช้เวลารักษาขาเป็นปีก็อาจจะไม่ดีขึ้น

 

“โฮ เจิ้งจือ ลูก...พ่อ..พ่อไม่เป็นไร อย่ากังวลเลย...บอกแม่...แม่ของเจ้าว่า..อย..อย่าร้องไห้..” ฟาง เฮ่าเตอ ที่ปากเป็นสีม่วง ใบหน้าเปียกโชนไปด้วยเหงื่อ แต่เขายังพยายามพูดออกมาและเอามือซ้ายลูบไปที่หัวของ ฟาง เจิ้งจือ

 

“เจ้าเหมือนจะมีแรงล้นเหลือเชียวนะ! ทำไมไม่ทำตัวให้เป็นประโยชน์ ขึ้นไปล่าสัตว์บนภูเขานั่นซะละ!” ในที่สุดฮูหยินหลี่ ก็มองเห็นอีกครั้ง เห็นคนที่ผลักเธอล้มลง ฟาง เจิ้งจือ นั่นเอง

 

“ฮูหยินหลี่! นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสงควรพูด ตอนนี้เขายังเป็นแค่เด็กอยู่ แต่ตอนนี้เจ้ากลับบอกให้เขาออกไปล่าสัตว์เนี่ยนะ!”

“ใช่แล้ว! หลี่ เฮ่อ ลูกของเจ้าอายุมากกกว่า เจิ้งจือ นี่ ทำไมไม่ให้เขาไปแทนละ?”

หลังจากที่ชาวบ้านได้ยินสิ่งที่ฮูหยินหลี่พูด พวกเขาไม่สามารถทนนิ่งเฉยได้อีกต่อไป และเริ่มพูดตอกกลับไป

 

ใบหน้าของฮูหยินหลี่แดงคล้ำไปด้วยความหงุดหงิด เธอพึ่งรู้ตัวว่าเธออาจจะพูดบางอย่างผิดไป ได้แต่พึมพำเบาๆ

“ไม่ใช่ว่าหมู่บ้านภูเขาทางเหนือก็เคยส่งเด็ก 9 ขวบขึ้นไปบนภูเขาหรือไงกัน ไม่เห็นใช่เรื่องแปลก…”

 

“หุบปาก!!” ในที่สุดหัวหน้าหมู่บ้าน เมิ่ง ไป่ ก็หมดความอดทน มือที่ถือกล้องยาสูบสั่นด้วยความโกรธ

“เราจะพูดคุยเรื่องหน่วยล่าสัตว์อีกครั้งหลังจากผ่านไป 2-3 วัน แต่ตอนนี้การรักษาชีวิตพวกเขาเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ข้าจะไปเมืองหลวงทันทีเพื่อหาซื้อสมุนไพรกลับมา ทุกคนช่วยกันบริจาคสิ่งของที่พวกเจ้ามี!”

“หัวหน้าหมู่บ้าน ครอบครัวของข้ามีเศษเงินเก็บไว้บ้างโปรดนำไปใช้!”

“ข้าก็มีเช่นกัน!”

 

“ฮูหยินหลี่ ทำไมเจ้าไม่ช่วยบริจาคอะไรบ้างละ?”  ชาวบ้านบางคนมองไปที่ฮูหยินหลี่

“เพราะ...เพราะว่าคนในครอบครัวของข้าทั้งสองคนกำลังศึกษาอยู่ที่หอแห่งเต๋า ยังไงทีมล่าสัตว์ก็สามารถขึ้นไปบนภูเขาเพื่อล่าสัตว์ได้ใหม่นี่? ข้าต้องเก็บข้าวปลาไว้ให้ครอบครัวข้า....” ฮูหยินหลี่ พยายามพูดเข้าข้างตัวเอง

เมื่อชาวบ้านได้ยินที่ ฮูหยินหลี่ พูด พวกเขาเริ่มโกรธทันที

 

“ลืมไปได้เลย การบริจาคเป็นไปตามความสมัครใจ ถ้าคนของตระกูลหลี่เรียนได้ดี ในอนาคตหมู่บ้านภูเขาทางใต้ต้องได้รับการอวยพรแน่นอน!....ครอบครัวของข้ายังมีเงินเก็บอยู่บ้างคงเพียงพอ....” หัวหน้าหมู่บ้านเมิ่งไป ถอนหายใจ และไม่พูดอะไรออกมาอีก

 

“พวกเจ้าทั้งหมดได้ยินแล้วนะ?! แม้แต่หัวหน้าหมู่บ้านยังบอกเลยว่าอนาคของหมู่บ้านนี้ขึ้นอยู่กับตระกูลข้า  การศึกษาเป็นสิ่งที่มีค่ามากในดินแดนนี้!” ฮูหยินหลี่ ยืนตงขึ้นทันที เมื่อได้ฟัง หัวหน้าหมู่บ้าน เมิ่ง ไป่ กล่าวออกมา

ชาวบ้านยังคงอึดอัดอยู่เล็กน้อย แต่พวกเขาก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรอีกต่อไป ทุกคนเห็นว่าในการทดสอบก่อนหน้า หลี่ จ้วงฉือ นั้นเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมุ่บ้านภูเขาทางใต้

 

การสอบกฎแต่งเต๋าที่จัดขึ้นที่เมืองหลวงนั้น การอ่านออกเขียนได้นั้นสำคัญแต่อีกหนึ่งอย่างที่สำคัญที่สุดตือความแข็งแกร่ง การจะเข้าถึงวิถีแห่งเต๋าได้ต้องศึกษาหาความรู้เป็นจำนวนมาก แต่ยังไงก็ตามผู้คนก็ต่างให้ความเคารพหย่ำเกรงคนที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ดี

 

ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ใบหน้าของฮูหยินหลี่ ที่กำลังเต็มไปด้วยความสุข สลับกับมองไปที่ใบหน้าแม่ของตัวเอง ฉิน ซูเหลียน ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา มองไปที่ชาวบ้านรอบๆที่ไม่กล้าพูดอะไรออกมา ฟาง เจิ้งจือ หัวเราะขึ้นมาดังๆในใจ

....

....

กลัวที่คนอื่นจะกล่าวหาว่าเขาถูกผีสิง?

นั่นหมายความว่าข้าจะยอมทนต่อไป?

โตขึ้นไปแบบเด็กธรรมดาทั่วๆไป

ฮึ่ม.......

 

ถ้าข้าสร้างภาพว่าตัวเองอ่อนแอ คนอื่นก็จะมองว่าข้านั้นอ่อนแอ ดูถูกว่าครอบครัวข้าอ่อนแอ และตอนนี้ พ่อของเขา ฟาง เฮ่าเตอ กำลังบาดเจ็บอยู่ แล้วใครจะเป็นผู้ดูแลครอบครัว?!

 

ข้าจะรอจนกว่าแม่ของข้าทนไม่ไหวจนล้มป่วยไปอีกคนงั้นรึ?

 

ฟาง เจิ้งจือ เริ่มเกลียดตัวเอง เขารังเกียจตัวเองที่ระวังตัวมากเกินไป เกลียดตัวเองที่คอยคิดถึงแต่อนาคตของตัวเอง ในที่สุด....เขาก็เกือบสูญเสียสิ่งที่มีค่ามากที่สุดไป

 

ถึงแม้ว่าเขาจะอายุแค่ 7 ขวบเท่านั้น

แล้วยังไงละ?

 

ตอนนั้นเองดวงตาของ ฟาง เจิ้งจือ เต็มไปด้วความมุ่งมั่น

เขารูสึกว่าตอนนี้เขามีความสามารถเพียงพอแล้ว ความสามารถที่จะทำอะไรเพื่อครอบครัวของเขา!

ข้าจะดูแลครอบครัวด้วยตัวข้าเอง!

ทันใดนั้น ฟาง เจิ้งจือ ยืนขึ้น เขาค่อยๆเดินไปที่หินก้อนใหญ่ที่ตั้งอยู่ในลานหมู่บ้าน

 

ชาวบ้านต่างไม่เข้าใจว่าเขากำลังจะทำอะไร

“ฟาง เจิ้งจือ อย่าทำอะไรโง่ๆนะ!”

“เขาจะทำอะไร?”

“เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เร็วเข้า! ใครซักคนไปหยุดเขา!”

ในตอนที่ชาวบ้านกำลังวิ่งเข้าไปหยุดเขา ฟางเจิ้งจือ ยกหมัดขึ้นมา

 

“ตูม!!”

เสียงอึกทึกดังขึ้น หินก้อนใหญ่นั้นเริ่มสั่นสะท้าน จากนั้นรอยปริแตกกระจายไปทั่วหินอย่างรวดเร็วราวกับใยแมงมุม

“แกร๊ก!” หินพลันแตกออก

 

ชาวบ้านทุกคนรวมถึงหัวหน้าหมู่บ้าน เมิ่งไป ฮูหยินหลี่ และ ฉิน ซูเหลียน ทุกคนต่างจ้องมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความตกใจ

กล้องยาสูบที่หัวหน้าหมู่บ้าน เมิ่ง ไป่ ถือ อยู่ในมือ ตกลงที่พื้น เขามองไปด้วยตาอันเบิกกว้าง

มัน...มันคืออะไรกัน?

หรือข้าจะเห็นภาพหลอน?

เด็กอายุ 7 ขวบสามารถใช้แค่กำปั้นเดียวพังหินลงมาได้ นี่มัน....นี่มัน น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

ในขณะนี้ชาวบ้านที่อยู่ในลานทุกคนเหมือนตกอยู่ในความฝัน...พวกเขาไม่อยากจะเชื่อในเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าของพวกเขา

 

ฟาง เจิ้งจือ กวาดตามองไปที่ทุกคน เขาเห็นฮูหยินหลี่ กำลังอ้าปากค้าง และตาของหัวหน้าหมู่บ้านที่เบิกค้างอยู่

 

เขาจ้องมองไปที่ใบหน้าของแม่เขาที่ยังคงมีน้ำตาเกาะอยู่ เขาถอนหายใจออกมา จากนั้นบนใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของเขาก็แสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจด้วยความมุ่งมั่นและแน่วแน่

 

 

เพจหลัก : Gate of god TH

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด