TWO Chapter 251 การสู้รบทางเรือที่เกาะพระจันทร์ ตอนที่ 1
TWO Chapter 251 การสู้รบทางเรือที่เกาะพระจันทร์ ตอนที่ 1
ไกอา ปีที่ 1 เดือนที่ 10 วันที่ 22
โอหยางโชวเดินทางไปยังเมืองเป่ยไห่อีกครั้ง
ในครั้งนี้ ไม่มีทหารองครักษ์ติดตามเขามาด้วย มีเพียงเก่อหงเหลียงเท่านั้นที่ตามเขามา
ในท่าเรือเป่ยไห่ กองทัพเรือได้เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เรือรบเมิ่งชงทุกลำได้รับการปรับแต่งใหม่ โอหยางโชวหยิบถุงใส่เม็ดอาหารทหารออกมา แล้วแจกจ่ายให้กับเรือแต่ละลำ
ทหารเรือได้ขนย้ายลูกศร, ถังน้ำ และถังน้ำมันติดไฟขึ้นไปบนเรือ
ทีละลำ ทีละลำ เรือค่อยๆแล่นออกไป พร้อมกับธงของลอร์ดและธงของกองทัพเรือเป่ยพริ้วไสวตามสายลม ธงของกองทัพเรือเป่ยไห่ จะยังใช้เป็นธงกองทัพเรือของดินแดนด้วย มันถูกปรับแก้มาจากธงของลอร์ด ภูเขาไฟถูกเปลี่ยนเป็นเรือรบหอคอย 5 ชั้น และมังกรฟ้าก็ทะยานเหนือมันแทนมังกรทอง
ก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทาง โอหยางโชวไม่ลืมที่จะนำกองทัพเรืออธิษฐานต่อเทพธิดาหม่าโจ้ว เขาขอให้การเดินทางครั้งนี้ราบรื่น
หลังจากอธิษฐานแล้ว กองทัพเรือก็จัดขบวนทัพแบบโจมตี แล้วพวกเขาก็ออกจากท่าเรืออย่างเป็นทางการ
เนื่องจากขาดเรือรบหอคอย กองทัพเรือเป่ยไห่จึงจำเป็นต้องใช้เรือรบเมิ่งชงเป็นเรือธง และแล่นเรืออยู่กลางขบวนทัพ
ภายใต้การสนับสนุนของเผ่ยตงหลาย โอหยางโชวได้ขึ้นเรือธง ก่อนหน้านั้น เขาได้ประกาศออกไปว่า ผู้มีอำนาจสั่งการการสู้รบทางเรือครั้งนี้คือ เผ่ยตงหลาย โดยที่เขาจะไม่เข้าไปแทรกแซงใดๆ
ไม้พายช่วยขับเคลื่อนเรือรบเมิ่งชง ผนังด้านข้างของเรือรบสูงเท่ากับครึ่งตัวคน มีช่องเสียบสำหรับไม้พายทั้ง 2 ด้าน แต่ละด้านมีไม้พาย 12 อัน และทหารเรือก็กำลังพายมันอยู่
ดาดฟ้ามีห้องโดยสาร 3 ชั้น ตั้งอยู่ ภายในมีเพดานสูงจากพื้นราว 1.5 เมตร บนชั้นที่ 1 ของห้องโดยสาร ที่ผนังด้านนอกมีธงกองทัพเรือติดอยู่ทั้ง 4 ด้าน และมีกลองศึกและธงที่ใช้บัญชาการวางอยู่ที่กลางห้อง
โอหยางโชวเดินขึ้นไปบนดาดฟ้า จากนั้น เขาก็เดินไปที่ชั้น 1 ของห้องโดยสาร และหยุดลงที่เก้าอี้ผู้บัญชาการ เผ่ยตงหลายโบกธงสั่งการ เมื่อมือกลองเห็นสัญญาณของเขา เขาก็ตีกลองเป็นจังหวะออกไป จากนั้น เรือรบก็แล่นไปบนมหาสมุทรที่กว้างใหญ่
เกาะพระจันทร์อยู่ห่างจากท่าเรือเป่ยไห่ประมาณ 500 ไมล์ทะเล หรือประมาณ 925 กิโลเมตร เรือรบเมิ่งชงแล่นด้วยความเร็ว 14 น็อต หรือ 14 ไมล์ทะเล/ชั่วโมง และถ้าลมเป็นใจให้กับมัน มันสามารถแล่นได้ด้วยความเร็วสูงถึง 20 น็อต
การแล่นเรือในทะเลจะไม่มีวันหยุดพัก ไม่คำนึงถึงกลางวันและกลางคืน แตกต่างเพียงแค่ กลางคืนพวกเขาจะแล่นเรือได้ช้ากว่ากลางวันก็เท่านั้น
ภายใต้สถานการณ์ปกติ เรือรบเมิ่งชงสามารถแล่นได้ 300 ไมล์ทะเล/วัน ดังนั้น พวกเขาจะใช้เวลาไม่ถึง 2 วัน ก่อนที่จะไปถึงเกาะพระจันทร์
โอหยางโชวมายืนอยู่ที่ด้านหน้าของเรือ และมองไปที่มหาสมุทรที่ไม่มีที่สิ้นสุด ภายใต้สายตาคู่นั้นของเขา เขามองไม่เห็นอะไรเลย นอกเหนือจากทะเลยที่ราบเรียบและซึมเซา ลมทะเลพัดมาปะทะที่หน้าของเขา ทำให้เขารับรู้ได้ถึงรสชาติของความเปียกชื้นและเค็ม
บนดาดฟ้าเรือ เหล่าทหารร้องเพลงเป็นจังหวะเดียวกัน ขณะที่พวกเขาพายเรืออย่างแข็งขัน
“ท่านลอร์ด ท่านควรจะกลับไปพักผ่อนที่ห้องโดยสารนะขอรับ!” เผ่ยตงหลายกล่าว
โอหยางโชวพยักหน้า และกลับไปที่ห้องของเขา จากนั้น เขาก็ปิดประตูและฝึกฝนเทคนิคต่างๆของเขา
เมื่อถึงเวลากลางคืน ลมกรรโชกแรงก็พัดมาที่ทะเล ในช่วงเวลาเช่นนี้ ลักษณะพิเศษของวัดหม่าโจ้ว พรของเทพธิดาแห่งท้องทะเลจะมีประโยชน์ เรือรบเมิ่งชงแล่นไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง บนคลื่นทะเลที่สับสนวุ่นวาย มุ่งหน้าสู่เกาะพระจันทร์
เช้าวันรุ่งขึ้น โอหยางโชวได้ออกมาจากห้องของเขา
ทะเลเปล่งประกายระยิบระยับภายใต้แสงแดด ในขณะที่พระอาทิตย์สีส้มขึ้นเหนือระดับน้ำทะเลช้าๆ
ต้องขอบคุณลมแรงเมื่อคืนนี้ เรือจึงแล่นไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง จากการประมาณของเผ่ยตงหลาย พวกเขาจะไปถึงเกาะพระจันทร์ในบ่ายวันนี้
ทหารที่มีประสบการณ์ ใช้ประโยชน์จากเวลาว่าง ในการเช็ดทำความสะอาดอาวุธของพวกเขา พลธนูตรวจสอบศูนย์เล็งของธนู ในขณะที่ทหารยามยืนอยู่บนดาษฟ้าของห้องโดยสาร เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงทุกๆอย่างในทะเล
พวกเขานำน้ำมันติดไฟและลูกศรขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ ทหารยืนประจำตำแหน่งของพวกเขา เตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบ
มันเกือบจะถึงช่วงบ่าย ที่เกาะได้ปรากฎขึ้นในสายของของทหารยาม เขายกธงเป็นสัญญาณ และส่งข้อความให้กับมือกลอง
เสียงกลองได้ปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเผ่ยตงหลาย และเขาสั่งให้กองทัพเรือเข้าสู่รูปแบบโจมตีในทันที
การปรากฎตัวของกองทัพเรือเป่ยไห่ ทำให้กลุ่มโจรสลัดฉลามดำตะลึง โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ออกไปปล้นในวันนี้ ดังนั้น พวกเขาทั้งหมดจึงอยู่บนเกาะ
ในทันทีที่ผู้นำกลุ่มโจรสลัดฉลามดำ เคราดำ ได้รับข่าว เขาก็รีบรวบรวมคนของเขาเพื่อเตรียมออกไปสู้รบในทันที
ทันใดนั้น เกาะพระจันทร์เล็กๆนั้นก็เกิดความวุ่นวาย
ในช่วงเวลาว่างของพวกเขา ชีวิตโจรสลัดเป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปขลุกตัวอยู่ที่โรงเตี๊ยมเพียงแห่งเดียวบนเกาะ
โรงเตี๊ยมที่เก่าและทรุดโทรมแห่งนี้ เปิดตลอด 24 ชั่วโมง เหมือนกับเซเว่น และพวกเขาก็มีลูกค้าเข้ามาไม่ขาดสาย บรรดาโจรสลัดที่เมาหลับ จะนอนกองกันอยู่บนพื้นที่เปียกชื้น เกลื่อนกลาดไปทั่วทั้งโรงเตี๊ยม
“แป๊ง!” ชายคนหนึ่งเตะประตูโรงเตี๊ยมเพื่อเปิดมันอย่างรุนแรง
ผู้นำกลุ่มโจรสลัดมองไปที่เหล่าโจรสลัด ที่นอนหลับอยู่บนพื้น เขาสั่งให้คนของเขานำน้ำเย็นมาเทใส่พวกขี้เมาเหล่านี้ จากนั้น เขาก็ตะโกนว่า “เจ้าพวกสารเลว! ตื่นกันได้แล้ว! เรากำลังจะถูกโจมตี!”
“อ๊า?” โจรสลัดตะโกน พวกเขายังไม่ฟื้นคืนสติอย่างเต็มที่ และหนึ่งในพวกเขาก็พึมพำออกมาว่า “เรากำลังจะถูกโจมตี! ถูกโจมตี!”
โจรสลัดขี้เมาเหล่านี้ทำให้ผู้นำโจรสลัดโกรธ เขาจึงเตะโจรสลัดเหล่านั้น แล้วตะโกนออกไปว่า “ลุกขึ้นแล้วตามข้ามา หยุดทำตัวราวกับสตรีได้แล้ว”
ความเจ็บปวดทำให้เหล่าโจรสลัดขี้เมาเริ่มได้สติ พวกเขาพยุงตัวเองขึ้นมา และตามหลังผู้นำของพวกเขาไป ขณะที่กำลังเดิน พวกเขาก็ถามว่า “ท่านผู้นำ ใครมาโจมตีพวกเราหรือ?”
“มันไม่สำคัญว่าพวกนั้นจะเป็นใคร เราก็แค่ฆ่าพวกมันเท่านั้น!” ในความเป็นจริง ผู้นำโจรสลัดเองก็ไม่ทราบคำตอบ
“ใช่ ใครกันที่กล้าท้าทายกลุ่มโจรสลัดฉลามดำของเรา? พวกมันต้องการแสวงหาความตายหรือ?” พวกขี้เมาเต็มไปด้วยความกล้าหาญ
ฉากเช่นนี้ได้เกิดขึ้นรอบๆเกาะ ในขณะที่ผู้นำกลุ่มโจรสลัดนำคนของเขากลับไปที่ท่าเทียบเรือ
ในท่าเทียบเรือ เคราเดาอยู่บนเรือธงของเขา ขณะที่เขาฟังรายงานล่าสุดจากหน่วยสอดแนม
“ท่านผู้นำ ธงของพวกเขาเป็นของเมืองซานไห่ขอรับ!”
เคราดำขมวดคิ้ว แล้วถามว่า “มีเรือรบมากน้อยเพียงใด?”
“มีทั้งหมด 25 ลำ และทั้งหมดเป็นเรือรบเมิ่งชงขอรับ” เห็นได้ชัดว่ากลุ่มโจรสลัดนี้ มีความเข้าใจในกองทัพเรือเป่ยไห่
“พวกเขามาพร้อมกับเจตนาที่ชั่วร้าย” แน่นอนว่าเขารู้ถึงความสามารถของเรือรบประเภทนี้
“แล้ว เราจะทำเช่นไรดี?”
“ทำเช่นไร? ก็แค่ฆ่าพวกมัน!” เคราดำกล่าวออกมาพร้อมกับแสดงเจตนาฆ่าที่เข้มข้น
“เตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบ นี่เป็นสงครามที่เราไม่สามารถแพ้ได้ บอกให้พี่น้องของพวกเรา ต่อสู้ด้วยชีวิตของพวกเขา ไม่อย่างนั้น เกาะนี้คงจะถูกกวาดล้างจนสิ้นซากแน่!” เคราดำประกาศ
“เข้าใจแล้วขอรับ!”
ภายใต้คำสั่งของเผ่ยตงหลาย เรือรบของกองทัพเรือเป่ยไห่ กระจายตัวออกไป และตั้งขบวนทัพเป็นรูปคล้ายพัด ไม่ว่าพวกโจรสลัดจะจัดขบวนทัพของพวกเขาอย่างไร พวกเขาก็ยังคงอยู่ในระยะยิงของเรือรบเมิ่งชง
ที่ด้านข้างของเรือรบ มีคบเพลิงขนาดเล็กนับไม่ถ้วน
พลธนูจุ่มหัวลูกศรไปที่น้ำมันติดไฟ จากนั้น ก็จุดมันด้วยไฟ กลายเป็นลูกศรเพลิง
เผ่ยตงหลายเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด ขณะที่เรือโจรสลัดกำลังใกล้เข้ามา เมื่อพวกเขาเข้ามาในระยะยิง เขาก็โบกธงสั่งการออกไปในทันที
เมื่อได้รับคำสั่ง กลองก็ถูกตีเป็นจังหวะพร้อมเพรียงกัน
ฝนลูกศรเพลิงถูกยิงขึ้นไปบนท้องฟ้า ดั่งฉากของแสงดาวที่ส่องสว่างในเวลากลางวัน
ฝนลูกศรที่ยิงออกไป ได้ตกลงที่เรือโจรสลัดอย่างแม่นยำ และมันทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้
เคราดำตื่นตระหนก เขาสั่งให้คนของเขารีบดับไฟอย่างรวดเร็ว
แต่มันก็สายเกินไป การระดมยิงฝนลูกศรเพลิงอย่างต่อเนื่องไปยังเรือโจรสลัด ทำให้เรือโจรสลัดเกิดเพลิงลุกไหม้ แม้ว่าเรือโจรสลัดจะสร้างมาเพื่อป้องกันไฟ แต่มันก็ไร้ประโยชน์เมื่อต้องเจอกับฝนลูกศรเพลิงที่ไม่มีที่สิ้นสุดเช่นนี้
ฝนลูกศรเพลิงที่เปลงประกาย ทำให้เรือเริ่มที่จะลุกไหม้ พวกเขาเน้นไปที่ห้องโดยสาร ลามไปตามทางเดิน และลามต่อไปถึงดาดฟ้าของเรือ โจรสลัดบางคนถูกยิงโดยลูกศรเพลิงจนเพลิงลุกไหม้ร่างกายของพวกเขา และพวกเขาก็ตำหนิความโชคร้ายของตนเอง
เมื่อโจรสลัดรอบๆเห็นคนที่โชคร้ายวิ่งไปมาทั่วดาดฟ้า พวกเขาก็หลีกเลี่ยงคนพวกนั้น ดั่งกลัวโรคระบาด ในตอนท้าย โจรสลัดที่ถูกเพลิงลุกไหม้ก็ทำได้เพียงกระโดดลงน้ำเพื่อช่วยชีวิตตัวเองเท่านั้น
เรือลำแล้วลำเล่าถูกเปลวเพลิงลุกไหม้ ควันที่เกิดจากเปลวเพลิงลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า กลายเป็นฉากที่น่าทึ่งอย่างมาก
เพลิงที่ลุกไหม้ได้ปกคลุมเหล่าโจรสลัดที่อยู่บนเรือ ขณะที่พวกเขาพยายามที่จะดับเพลิง พวกเขาไม่สามารถป้องกันตัวเองหรือตอบโต้กลับไปได้เลย มันนำพวกเขาไปสู่จุดจบ และทำให้พวกเขามีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
ท่ามกลางเปลวเพลิง พวกโจรสลัดทำได้เพียงกระโดดลงไปในทะเลเพื่อหลบหนี
เคราดำที่อยู่บนเรือธง พยายามอย่างที่สุดที่จะแล่นเรือกลับไปที่ชายฝั่ง การสู้รบทางเรือเกิดขึ้นและจบลงเพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้น ความหวังเดียวของเขาคือ การสร้างแนวป้องกันและผลักดันผุ้บุกรุกจากบนเกาะ
อย่างไรก็ตาม เผ่ยตงหลายรู้ว่า แม้เรือโจรสลัดจะลุกไหม้ในกองเพลิง แต่โจรสลัดจำนวนมากก็ยังคงปลอดภัยในทะเล และพวกเขาก็พยายามที่จะว่ายน้ำกลับไปยังเกาะ
เขาสั่งให้พลธนูเปลี่ยนเป็นลูกศรธรรดา และเบนเป้าจากเรือเป็นโจรสลัดที่อยู่ในทะเล
เมื่อไม่จำเป็นจ้องจุ่มน้ำมันติดไฟ อัตราการยิงธนูของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ทำให้เกิดเป็นฝนลูกศรที่รุนแรงตกลงที่เหล่าโจรสลัดที่พยายามว่ายน้ำหนี
เนื่องจากความจริงที่ว่าเหล่าโจรสลัดอยู่ในทะเล จึงมีเพียงครึ่งศีรษะเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้ ดังนั้น พลธนูจึงไม่สามารถเล็งเป้าหมายได้แม่นยำนัก พลธนูทำได้เพียงเล็งลูกศรไปที่พวกเขา โดยให้มันครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ แม้ว่ามันยังบกพร่อง แต่มันก็ช่วยกดดันพวกโจรสลัดได้มาก
ลูกศรบินผ่านท้องฟ้า และตกลงไปในทะเลด้วยความเร็วดุจฟ้าผ่า กวนทะเลให้เกิดความสับสนวุ่นวานและเลือด ทุกครั้งที่เห็นแอ่งเลือด ก็แสดงให้เห็นถึงการตายของโจรสลัด
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกโจรสลัดจะรอดชีวิตขณะที่พวกเขาอยู่ในทะเล หากพวกเขาถูกยิง แม้ว่าจะไม่ใช่จุดสำคัญ เลือดที่ไหลออกมาอย่างต่อเนื่องก็จะทำให้พวกเขาหมดแรง และในที่สุดพวกเขาก็จะจมน้ำตายในทะเล
แอ่งเลือดกระจายไปทั่วน่านน้ำ และมันก็ค่อยๆทำให้ทะเลกลายเป็นสีแดงเลือดอย่างช้าๆ ศพของพวกโจรสลัดที่ตาย ลอดขึ้นมาบนทะเล ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวที่น่าหดหู่ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เรือโจรสลัดค่อยๆพังทลายลงจากเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ ทีละลำ ทีละลำ มันได้จมลงสู้ก้นมหาสมุทร
ผลกระทบของเรือที่จม ทำให้เกิดกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากและน้ำวนรอบๆ โจรสลัดที่ใชคร้ายบางคนที่อยู่ใกล้กับเรือมากเกินไป ถูกดูดจมลงไปพร้อมกับเรือ พวกเขาได้เข้าร่วมการเดินทางลงไปสู่ก้นมหาสมุทร
การสู้รบทางเรือเป็นไปอย่างราบรื่นอย่างไม่น่าเชื่อ น้ำมันติดไฟทำงานได้ยอดเยี่ยมอีกครั้ง
ขณะที่กองทัพเรือเป่ยไห่แล่นเรือผ่านเรือโจรสลัด มันเหลืออยู่ไม่กี่ลำเท่านั้นที่ยังไม่จมลงไป และบางส่วนก็ยังคงลุกไหม้อยู่
ในฐานะนายทหารเรือที่มีประสบการณ์ เผ่ยตงหลายระมัดระวัง เขาสัง่ให้เรือรบทุกลำออกห่างจากเรือโจรสลัด เพื่อหลีกเลี่ยงกระแสน้ำวนจากการจมของเรือ ภายใต้คำสั่งของเขา เรือรบทุกลำได้แล่นผ่านนรกที่พวกเขาสร้าง และมุ่งหน้าไปยังเกาะได้อย่างราบรื่น
ในขณะที่เรือรบเมิ่งชงกำลังแล่นไปทางเกาะ โจรสลัดบางคนก็กรีดร้องออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือ
“ช่วยที! ช่วยที!” เหล่าโจรสลัดที่อยู่บนทะเลเริ่มร้องไห้
ในฐานะนายทหารของเมืองซานไห่ เผ่นตงหลายรู้นโยบายเชลยของลอร์ดเป็นอย่างดี พวกเขาจะไม่ฆ่าเหล่าคนที่จับได้ และพวกเขาจะไม่ปฏิเสธคนที่ยอมจำนน
ดังนั้น เขาจึงสั่งให้คนของเขา โยนเชือกออกไป เพื่อช่วยชีวิตโจรสลัดเหล่านั้น แน่นอนว่าพวกเขาจะมัดโจรสลัดทุกคนด้วยเชือกอย่างแน่นหนา
แฟนเพจ : TWOแปลไทย