บทที่ 76 คนขายของเก่า (อ่านฟรี)
อันที่จริง เฝิงหยู่ก็ไม่แน่ใจว่ากระถางธูปนี้เป็นของโบราณในยุคสมัยใด แต่เขามั่นใจเต็มร้อยว่ามันเป็นของเก่าแก่ เขาจึงอยากรู้เป็นอย่างยิ่งว่ามันสร้างขึ้นในราชวงศ์ใด และมีมูลค่าเท่าไหร่
พอฟู่กวางเจิ้ว ได้ยินคำพูดของเฝิงหยู่ เขาก็หัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน: "ฮ่าฮ่า, คุณเฝิง หยุดล้อเล่นเถอะ ในเมื่อคุณรู้ แล้วทำไมคุณถึงวางมันไว้ที่มุมห้อง? "
เฝิงหยู่กลอกตาไปมา แล้วกล่าวว่า "ผมยังไม่ทันได้เอาไปเก็บ คุณก็เห็น ผมไม่มีเวลาทำความสะอาดเลยด้วยซ้ำ ศาสตราจารย์ที่สอนประวัติศาสตร์เคยบอกผมว่ามันมีมูลค่า 1 ล้านหยวน แต่ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นบอกผมว่ามันน่าจะมีมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ผมเลยไม่แน่ใจว่ามันราคาเท่าไรกันแน่ กระถางธูปแบบนี้ขายในฮ่องกงเท่าไหร่เหรอครับ? "
จากสิ่งที่ฟูกวางเจิ้งกล่าวก่อนหน้านี้ เหมือนเป็นยอมรับว่ากระถางธูปนี้มีมูลค่าอย่างต่ำก็หลายแสน เฝิงหยู่ก็อยากรู้ว่าฟู่กวางเจิ้งจะเสนอราคาเท่าไหร่กันแน่ ถ้าราคาสูงเขาก็ยินดีจะขายให้เสียตอนนี้
เฝิงหยู่ไม่ได้มีงานอดิเรกในการสะสมของเก่า ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา ของเก่าแก่มีราคาแพงมาก เนื่องจากตลาดการซื้อขายถูกจัดการโดยคนบางกลุ่ม
นักสะสมและนักประมูลบางคนอาศัยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เศรษฐกิจ เป็นต้น เพื่อดันราคาของวัตถุโบราณให้สูงขึ้น จึงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากคนที่ชื่นชอบแนวนี้
มีบางคนที่ไม่สนใจสะสมโบราณวัตถุ แต่ต้องการแสวงหากำไรเท่านั้น ใช้ชื่อในนามของบริษัทประมูลโบราณวัตถุมา แล้วเปลี่ยนให้มันเป็นเพียง"เครื่องใช้สำนักงาน"เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี อีกอย่าว เมื่อเลยผ่านห้าปี เครื่องใช้สำนักงานจะสามารถหักล้างค่าเสื่อมราคา มูลค่าแปลเปลี่ยนเป็น 0
มูลค่าแปรเปลี่ยนเป็น 0 มันจะกลายเป็นสินทรัพย์ในความรับผิดชอบของบริษัทและแสดงในบัญชีธนาคาร ส่วนเวลาห้าปีที่ล่วงเลยมาก็ทำให้มูลค่าเพิ่มพูนอย่างมหาศาล ไม่เพียงแค่สามารถหลีกเลี่ยงภาษีจำนวนมาก แต่ยังถือเป็นการลงทุนที่มั่นคง เพราะเมื่อใดก็ตามที่มีความต้องการทางการเงิน ก็ไม่จำเป็นต้องเอาของเก่าไปเปลี่ยนเป็นเงิน หากแต่เอาไปจำนองกับธนาคารเพื่อกู้เงิน
ในหลายปีที่ผ่านไป ยังมีหลายคนใช้วิธีนี้ ต่อมารัฐบาลออกนโยบายในการควบคุมตลาดการซื้อขายวัตถุโบราณ แต่ก็ยังมีช่องโหว่อยู่มากมาย
เฝิงหยู่ไม่มีความคิดที่จะสะสมของโบราณ เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโบราณวัตถุเลยด้วยซ้ำ ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาเคยได้ยินเรื่องราวผู้คนที่ถูกหลอกให้ซื้อของเก่าแก่ นอกจากนี้ การลงทุนในตลาดหุ้น รายได้ยังแน่นอนกว่าการลงทุนกับโบราณวัตถุ
ฟู่กวางเจิ้งใส่ถุงมืออีกครั้งแล้วเอาแปรงเล็ก ๆกับแว่นขยายออกจากกระเป๋า เขานำสิ่งเหล่านี้ติดตัวไปไหนมาไหนโดยตลอด แต่เมื่อครู่นี้ไม่ได้หยิบขึ้นมาก็เท่านั้นเอง
หลังจากที่ฟู่กวางเจิ้งทำความสะอาดอีกครั้ง กระถางสามขาในยุคซวนเต๋อถึงได้ทอแสงแวววาวขึ้นมา ในดวงตาของฟู่กวางเจิ้งเป็นประกายด้วยความหลงใหล ลูบๆคลำๆไม่หยุด ราวกับว่ามันเป็นร่างกายคนรักของเขาก็ไม่ปาน
"1 ล้าน 1 ล้านดอลล่าฮ่องกง คุณเฝิงยินดีจะขายไหม? "
ของสิ่งนี้มีมูลค่า 1 ล้าน? ทั้งยังเป็นเงินดอลลาร์ฮ่องกง? เงินดอลล่าฮ่องกงมีมูลค่าสูงกว่าเงินหยวน!
ราคานี้สูงกว่าความคาดเดาของเฝิงหยู่มาก เดิมที เขาคิดว่าจะเอาทุนคืนจากที่ซื้อมาจากหวังขาเป๋ก็เท่านั้น แต่ตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าเขาจะได้กำไรไม่น้อยเลย
หวังขาเป๋คงไม่ทราบว่ากระถางธูปนี้เป็นของเก่าแก่ที่มีคุณค่า ถ้าเขารู้เรื่องนี้เขาคงจะส่งคนมาทวงของคืนนานแล้ว เฝิงหยูไม่คาดคิดว่ากระถางที่ขอซื้อมาโดยไม่ได้ตั้งใจ จะทำให้เขาได้กำไรจำนวนมาก
"คุณฟู่ คุณคิดว่าผมจะขายหรือคับ? " เฝิวหยู่ยิ้มหรี่ตามองไปฟู่กวางเจิ้ง
เฝิงหยู่ไม่ขายกระถางธูปนี้เป็นอันขาด เว้นเสียแต่ว่าฟู่กวางเจิ้งเสนอราคา 2 ล้าน เพราะปีหน้าเฝิงหยู่สามารถใช้กระถางธูปนี้เป็นหลักประกันในการกู้เงินจากธนาคาร ซึ่งอย่างน้อยๆเขาสามารถกู้เงินได้ไม่น้อยกว่า 5 ล้าน และในเวลา 1 ปีเขาก็สามารถเปลี่ยนเงิน 5 ล้านให้เป็นเงิน 20 ล้านหรือมากกว่านั่น ถ้าตอนนี้ขายกระถางนี้ในราคา1 ล้าน เขาจะไม่สามารถเปลี่ยนเป็น 5 ล้านภายใน 1 ปีได้
ฟู่กวางเจิ้งแสดงอารมณ์ผิดหวังบนใบหน้าของเขา ดูเหมือนว่าเฝิงหยู่ต้องการเก็บสะสมไว้เอง ถ้าตัวเขาเสนอราคาที่สูงกว่านี้ มันคงไม่เหลือกำไรใด ๆให้เขากอบโกย
"คุณเฝิงชอบสะสมของเก่าเหรอครัย? ที่บ้านสะสมของเก่าอะไรบ้างละครับ ขอผมดูหน่อยได้ไหม? " ฟู่กวางเจิ้งกล่าวในขณะถอดถุงมือออก แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดถุงมืออย่างละเอียดยิบ
เฝิงหยู่โบกมือบอกปัด: "ผมเพิ่งเริ่มสะสมครับ ยังไม่ได้สะสมอะไรมาก ดูเหมือนคุณจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณวัตถุ คุณคงสะสมของเก่าไว้มากใช่ไหมครับ? "
เขาเพิ่งเริ่มสะสมอะไรกัน แค่พูดดักคอเอาไว้เท่านั้น เขาไม่เคยสะสมของเก่า แต่เขาก็อยากรู้เกี่ยวกับการค้าของเก่าแก่อยู่เหมือนกัน อย่างน้อยๆเขาก็รู้สึกว่าโบราณวัตถุนั้นดีกว่างานศิลปะ
ในชีวิตก่อนหน้าของเขา งานศิลปะที่ได้รับการการันตีจะถูกซื้อขายในราคาที่สูงลิ่วเพื่อให้ได้ผลกำไร บางคนใช้วิธีการนี้เพื่อฟอกเงิน เพียงนำภาพวาดไร้ค่าไร้ราคาไปประมูลขายในงานประมูล จากนั้นก็ให้เงินกับบุคคลอื่นเพื่อนำเงินจำนวนนั้นไปซื้อภาพวาดที่ไร้ค่านั้นในราคาสูง ด้วยวิธีนี้เงินจำนวนนั้นจะกลายเป็นเงินถูกกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีคนโง่เง่าจำนวนหนึ่งที่ซื้องานศิลปะมาในราคาสูง แต่ท้ายที่สุดพวกเขาไม่สามารถขายงานศิลปะนั้นได้ คนจำพวกนี้จึงต้องมีจุดจบไม่สวย
เมื่อเฝิงหยู่บอกว่าต้องการดูจองสะสมของฟู่กวางเจิ้ง เขาก็แสดงภาคภูมิใจที่ใบหน้าของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักสะสมของเก่า และเขาทำเพื่อผลกำไรเพียงอย่างเดียว เขาก็ยังทำเงินได้มากมายในปีนี้
การที่เขาเดินทางมาเมืองปิงในครานี้ เขาได้แวะเวียนไปตามบ้านเก่าแก่หลายแห่งที่อยู่ใกล้ ๆ และซื้อของเก่ามาได้หลายชิ้น
ในห้องพักของโรงแรม ฟู่กวางเจิ้วแสดงของสะสมของเขาที่ได้จากการเดินทางครั้งนี้ให้เฝิงหยู่ดู มีทั้งไปส์, เครื่องปั้นดินเผา, ตราประทัย, จี้หยก, กิ๊บติดผม, หนังสือ และกล่องโบราณ
เฝิงหยู่มองดูรอบๆสักครู่แต่ไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ แม้รู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้จะสวยงาม แต่จะให้เขาควักเงินจำนวนมากซื้อของเก่าเหล่านี้ เขาไม่ทำเป็นอันขาด
เมื่อเห็นท่าทาวงที่ไม่สนใจของเฝิงหยู่ จึงพูดกระแซะเฝิงหยู่: "ของเหล่านี้เทียบกับกระถางธูปของคุณไม่ได้หรอก กระถางธูปนั้นอาจจะเป็นของในยุซวนเต๋อจริงๆ อีกสองปีมูลค่าอาจจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า แต่ของที่ผมหามาได้นี้ แค่เอากลับไปฮ่องกง ผมก็ยังได้กำไรอย่างน้อยสองเท่า "
"ที่ฮ่องกงมีคนจำนวนมากสะสมโบราณวัตถุ?"
"ที่ฮ่องกงมีไม่มากหรอก แต่ทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นะเยอะอยู่ "
เฝิวหยู่เข้าใจในที่สุด ฮ่องกงในยุคนี้ยังคงเป็นอาณานิคมของอังกฤษซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงินของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มหาเศรษฐีชาวจีนจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กว่าร้อยครอบครัวที่มีทรัพย์สินในครอบครองเกินร้อยล้าน คนเหล่านี้เป็นคนที่ผลักดันราคาให้สูงขึ้น
"คุณเฝิง คุณสนใจที่จะร่วมงานกับผมหรือเปล่า? " นี่เป็นวัตถุประสงค์จริงๆของฟู่กวางเจิ้ง เขามีเงินทุนไม่เพียงพอ ไม่สามารถทำการค้าจำนวนมากได้ ดูเหมือนเฝิวหยู่จะมีเงินทุนและมีความสัมพันธ์อันดีกับทางโซเวียต ถ้าเขาสามารถสรรหาภาพวาดสีน้ำมันหรือสิ่งของจากยุโรปได้ก็จะเป็นประโยชน์กับเขา
“ขอโทษครับ ผมไม่สนใจด้านนี้ ผมซื้อกระถางธูปก็เพื่อช่วยเพื่อนด้านการเงินเท่านั้น ครอบครัวคุณฟู่คือตระกูลฟู่ซึ่งเป็นชาวฮ่องกงใช่ไหมครับ?” เฝิงหยู่ถาม
"คุณรู้จักตระกูลฟู่ด้วยเหรอ? คุยเคยไปฮ่องกงด้วยหรือ? " ฟู่กวางเจิ้งมองไปเฝิงหยู่อย่างสงสัย คนที่อยู่ทางเหนือสุดของประเทศจีนรู้จักตระกูลฟู่จากฮ่องกงด้วยหรือ? เขารู้ได้อย่างไร?
"ผมได้ยินจากเพื่อนครับ ตระกูลฟู่เป็นตระกูลใหญ่ในฮ่องกง สมาชิกในครอบครัวทุกคนเป็นบุคคลดังในสังคมชั้นสูงของฮ่องกง ไม่ทราบว่าคุณพ่อของคุณคือผู้อาวุโส'หรง'ท่านไหน?"
ฟู่กวางเจิ้งตกใจ เฝิงหยู่รู้เกี่ยวกับลำดับอาวุโสของตระกูลเขา นั่นหมายความว่าเฝิงหยู่รู้ภูมิหลังของเขาแล้ว
"พ่อของผมคือ ฟู่ หรงจิ้น"
เฝิวหยู่ครุ่นคิดสักครู่หนึ่ง เเต่ก็คิดไม่ออก ผู้อาวุโส'หรง'คนหนึ่งจากตระกูลฟู่ที่มีชื่อเสียงที่สุด เทียบได้กับริชาร์ด หลี่ แต่คงไม่ใช่ฟู่หรงจิ้นแน่นอน
เฝิงหยู่แสร้งแสดงออกตกอกตกใจ ทำให้ฟู่กวางเจิ้งรู้สึกภาคภูมิใจ ถึงแม้พ่อไม่ได้ให้ความสำคัญกับเขามากนัก แต่ก็มีบางครั้งที่เขาสามารถยืมชื่อพ่อมาใช้ในการทำธุรกิจ ซึ่งพ่อของเขาไม่เคยห้ามปรามเลย
เขาต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากธุรกิจรถมือสองนี้ เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้พ่อเห็น
หมายเหตุนักแปล: ครอบครัวชาวจีนแบบดั้งเดิมมีวิธีการใช้ตัวอักษรเดียวกันตั้งชื่อคนรุ่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ชาวสิงคโปร์ (Lee Hsien Loong) และ (Lee Hsien Yang) แซ่ Lee .. Hsien ย่งบอกรุ่น
ริชาร์ด หลี่เป็นชื่อของหนึ่งในผู้ประกอบการที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเอเชีย หรือเรียกว่า Li Ka-Shing เขาเป็นคนร่ำรวยที่สุดในโลกเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2018 (จากวิกิพีเดีย)