HK ตอนที่ : 42
โอวหยางชางที่ถูกโอบไว้อยู่ในอ้อมแขนของชิเล่ย ในระหว่างชีวิตและความตาย เธอได้ลืมความอายของเธอและมองไปที่ชิเล่ยที่เต็มไปด้วยน้ำตา
ชิเล่ยตบหลังของโอวหยางชางอย่างอ่อนโยนและมองไปที่เย่เฟิง
"เย่เฟิง ปล่อยเธอไป ฉันจะเป็นตัวประกันของนายเอง!"
เย่เฟิงพยักหน้าเผยรอยยิ้มออกมาและพูดแกล้งว่า "ชิเล่ย นายต้องใส่กุญแจให้คุณตำรวจของนาย ใส่ไปที่มือขวาของเธอกับหลังข้อเท้าซ้าย แล้วฉันจะปล่อยเธอไป!"
ดังนั้นถ้าโอวหยางชางถูกใส่กุญแจมือแบบนี้ก็จะทำให้เธอยืนไม่ได้!
ชิเล่ยดึงกุญแจมือออกมาจากโอวหยางชางแล้วหันหน้าไปทางโอวหยางชางแล้วพูดว่า "โอวหยาง ทำตามที่เย่เฟิงบอกนะ!"
หลังจากที่โอวหยางชางถูกชิเล่ยใส่กุญแจมือเงียบๆ ตาทั้งสองข้างของเธอแดงก่ำที่เต็มไปด้วยน้ำตา โอวหยางชางพูดด้วยเสียงสะอื้นว่า "เย่เฟิง ฉันของร้อง ปล่อยชิเล่ยไป! เขาเป็นแค่นักศึกษา ปล่อยเขาไปเถอะได้โปรด!"
เย่เฟิงไม่ได้ตอบกลับไป หม่าเหลียงและเจิ้งซานเปาที่สะพายกระเป๋าที่เต็มไปด้วยเงินแบงค์เก่า เตรียมพร้อมที่จะเดินไปที่รถหุ้มเกราะแล้ว เย่เฟิงเดินไปที่ชิเล่ยแล้วใช้แขนซ้านจับคอและมือขาถือปืนพกจ่อไปที่ชิเล่ย เขายื่นมาไกล้หูของชิเล่ยและกระซิบเบาๆว่า "ขอโทษด้วย"
ชิเล่ยพยักหน้าเล็กน้อย เขาไม่ได้รู้สึกถึงความชั่วร้ายจากเย่เฟิง เขาเดินออกไปนอกธนาคารพร้อมกับเย่เฟิง
ด้านนอกธนาคาร ตำรวจที่ใส่เครื่องแบบเหมือนกับโอวหยางชางและกองกำลังตำรวจติดอาวุธเต็มรูปแบบ ความตึงเครียดได้มาถึงขีดสุด และพวกเขาอาจระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา!
"ทุกคนหยุด!" เย่เฟิงคำราม "คุณตำรวจ นี่มันมากเกินแล้ว คุณมันไม่มีความซื่อสัตย์! เพื่อแสดงความไม่พอใจของเรา เราได้ทิ้งของขวัญสองอย่างเอาไว้ให้คุณแล้ว!"
เสียงของเย่เฟิงเย็นชาแทบจะกลายเป็นน้ำแข็ง และพูดต่อด้วยเสียงที่ดังว่า "ผู้กำกับ สั่งสไนเปอร์ของคุณถอยไปซะ ไม่อย่างนั้นอย่าตำหนิเราที่จะฆ่าพวกเขา!"
"คุณรู้จักเจิ้่งซานเปาใช่ไหม? เขาได้วางระเบิดสองลูกไว้ในธนาคารกับตัวประกันทั้งหมดและจะระเบิดพร้อมกัน โดยตัวประกันทั้งหมดถูกผูกติดไว้กับระเบิด และบังคับด้วยรีโมทระยะไกล! หลังจากที่เราไปแล้ว คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ไล่ตามากและตั้งด่านสกัด มิฉะนั้นเราก็ไม่รับประกันว่าจะควบคุมรีโมทไม่ให้กดระเบิดได้ไหม!"
"เราจะเอานักศึกษามหาลัยชวนกิ่งคนนี้ไปเป็นตัวประกัน คุณควรจะไปบอกข่าวใหญ่ของนักศึกษาคนนี้ที่นั่นกับนักข่าว เพี่อแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญอันยิ่งใหญ่และเป็นสุภาพบุรุษของเขา ด้วยการที่เขายินดีจะเป็นตัวประกันแทนตำรวจหญิง! สิ่งเหล่านี้คืออะไร? มันเป็นการที่คนเรามีคุณธรรมที่สูงส่งมาก?"
"ผมชอบคนมีคุณธรรมที่สูงส่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของเขา ผมตัดสินใจแล้วว่าจะให้เขาเป็นตำประกันแทนและปล่อยตำรวจหญิงคนนั้นไป!"
เผชิญหน้ากับตำรวจและกองกำลังตำรวจติดอาวุธมากมาย เย่เฟิงยังคงกล่าวอย่างดังและปราศจากความกลัว
"เหลียงซิ ซานเปา เดินต่อไป!"
หม่าเหลียงและเจิ้งซานเปา แต่ละคนเดินแบกกระเป๋าเป้สะพายหลังขนาดใหญ่ที่มีแบงค์เก่าอยู่เป็นจำนวนมากเดินไปตามลำดับ
เจิ้งซานเปายกมือขวาของเขาขึ้นและบนข้อมือของเขาเขาสวมกำไลโลหะ เขาแกว่งไปรอบๆและพูดเสียงสูงว่า "คุณตำรวจ มือสไนเปอร์ที่ซ่อนตัวอยู่อย่าให้เขาทำอะไรบุ่มบ่ามจะดีกว่า นี่เรียกว่ากำไลเซ็นเซอร์ตรวจจับชีพจรที่เชื่อมต่อกับระเบิดในธนาคารเอาไว้ ถ้าชีพจรของผมหยุดเต้น ระเบิดในธนาคารก็จะทำงานและตัวประกันทุกคนจะต้องตาย!"
หลังจากที่พูดเสร็จ เจิ้งซานเปาก็เดินมาถึงด้านหลังรถหุ้มเกราะและเปิดประตูหลังของรถหุ้มเกราะ รับกระเป๋าเป้สะพายหลังขนาดใหญ่ของหม่าเหลียง โยนเข้าไปในช่องด้านหลังและวางปืนสไนเปร์อย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็หยิบเครื่องมือที่เหมือนโลหะขึ้นมาและสแกนไปรอบๆ รถหุ้มเกราะเพื่อหาเครื่องติดตามสัญญาณที่อาจจะถูกซ่อนไว้
หลังจากที่สแกนรถเสร็จ เจิ้งซานเปาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าตำรวจจะน่าเชื่อถือมากขึ้นนิดนิงและไม่ได้ติดเครื่องติดตาม
เจิ้งซานเปาพยักหน้าให้เย่เฟิงแล้วเปิดประตูด้านข้างที่นั่งคนขับ
เย่เฟิงมองไปที่หัวหน้านักข่าวฮูเค่อจากชวนกิ่งและแสดงรอยยิ้มสดใส
"คุณนักข่าว ข่าววันนี้ดังระเบิดเลยใช่ไหม? รีบเข้าไปในธนาคารแล้วเก็บภาพให้เยอะที่สุด ถ้าระเบิดเวลามันระเบิดขึ้นมาและมันจะน่าตื่นเต้นขึ้นมาก!"
ชิเล่ยที่ถูกจับเป็นตัวประกันภายใต้การควบคุมของเย่เฟิง ได้ขึ้นรถหุ้มเกราะเข้าไปข้างในแล้วปิดประตูลง
หม่าเหลียงที่นั่งอยู่บนที่นั่งคนขับแล้ว ก็เริ่มขับรถหุ้มเกราะออกไปทันทีตามเส้นทางหลบหนีที่ได้วางแผนไว้
ด้านหลังรถหุ้มเกราะ เย่เฟิงปล่อยชิเล่ยให้เป็นอิสระและเปิดปากพูดว่า "ชิเล่ย ตำรวจหญิงคนนั้นเป็นอะไรกับนาย?"
ชิเล่ยที่นั่งอยู่บนเบาะหลัง "เธอชื่อโอวหยางชาง เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชวนฮูแผนกอาชญากรรม ฉันกับเธออาศัยอยู่ด้วยกัน เธอเป็นเจ้าของบ้านที่ฉันเช่าอยู่ เธอมักจะทำอาหารเย็นให้ฉันทานทุกวัน"
เย่เฟิงได้แสดงรอยยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา "อืม โอวหยางเธอเป็นคนสวย แถมนายก็อยู่ด้วยกันกับเธออีกด้วย เธอมักจะกลับไปทำอาหารเย็นให้นาย ความสัมพันธ์ของนายไม่ง่ายแบบนั้นใช่ไหม?"
ชิเล่ยกลอกตา "เราทั้งคู่บริสุทธิ์ใจ โอเคไหม! เย่เฟิงแล้วเซียวหลิงละ? อีกอย่างทำไมนายพาทีมของนายมาปล้นธนาคาร?"
เย่เฟิงนั่งลงถอนหายใจ ในรูปลักษณ์ของคนที่ท้อแท้และรู้สึกผิด กลุ่มทหารหัวกะทิของหน่วยรบพิเศษ ที่มีอนาคตอันยิ่งใหญ่รออยู่ ถูกทำลายไปในชั่วพริบตา นอกจากนี้สหายทั้งสองคนเขาก็ต้องมาหนีหัวซุกหัวซุนไปกับเขาด้วย เย่เฟิงได้รับแรงกดดันที่เยอะมาก!
"ชิเล่ย นายก็รู้ว่าเซียวหลิงเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของฉันที่เหลืออยู่ ฉันจะไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวหลิง"
โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับเย่เฟิง พี่ชายคนโตของเขาเติ้งไคได้เสียสละชีวิตตัวเองแทนเขา เหมือนกับพ่อของเขาเติ้งมู่ที่ถูกสังหารภายใต้การกลั่นแกล้งของพวกอันธพาล ไหนจะพี่สะใภ้ของเขาเฉินหลานที่ถูกขืนใจจนตายอีก โชคชะตาที่น่างสงสารนี้ก็ยังไม่ถูกแก้ไขให้ถูกต้อง
พระเจ้ากลับเล่นตลกกับเขาอีกครั้ง!
เติ้งเสี่ยวหลิงเกิดเป็นโรคลูคีเมียอย่างกระทันหันอีก!
ข่าวร้ายนี้เหมือนกับฝันร้ายที่ทำให้เย่เฟิงสิ้นหวัง ถ้าเขาไม่มีเงินมาจ่ายค่ารักษาของเติ้งเซียวหลิงละก็เธอจะต้องตายแน่นอน แต่ค่าใช่จ่ายในการรักษาโรคลูคีเมียก็สูงมากและเป็นกระบวนการรักษาระยะยาว โอกาสในการฟื้นตัวก็มีน้อยมาก อย่างไรก็ตามไม่ว่าค่ารักษาจะสูงซักแค่ไหน แม้การจะไม่แน่นอน เย่เฟิงก็ยังมีความหวังและจะไม่มีวันยอมแพ้!
มันเป็นเพราะเหตุนี้ เย่เฟิงจึงเรียกหม่าเหลียงและเจิ้งซานเปา มาที่เมืองชวนกิ่งเพื่อหาเงินมาจ่ายค่ารักษาโรคลูคีเมียอย่างเร็วที่สุด
หลังจากฟังคำอธิบายของเย่เฟิงแล้ว ชิเล่ยก็รู้สึกโล่งใจเพราะเย่เฟิงไม่ได้ปล้นเงินเพราะความโลภครอบงำ แต่เป็นเพราะเติ้งเสี่ยวหลิงป่วย อาจกล่าวได้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจทำมัน ชิเล่ยไม่ได้รังเกียจเย่เฟิงแม้แต่น้อย ถึงแม้พวกเขาจะเป็นภัยคุกคามทำให้สังคมไม่ปลอดภัยก็ตาม
"แย่แล้ว ~"
หน้าต่างเล็กๆ ที่ปิดกั้นระหว่างด้านหนังกับด้านหลังถูกเจิ้งซานเปาเปิดขึ้น
"บอส ตำรวจและกองกำลังติดอาวุธตามพวกเรามา!"
เย่เฟิงถมึงทึงขึ้นมาทันที "เขตชวนฮูมีการจราจรน้อย เราสลัดพวกมันทิ้งไม่ได้ ซานเปาให้เหลียงซิทำตามแผนเดิม ออกจากเมืองชวนกิ่งให้ได้ เราจะใช้เขตชานเมืองที่มีพื้นที่ซับซ้อน สลัดตำรวจที่น่ารำคาญพวกนี้ที่นั่น!"
ชิเล่ยดันแว่นตาของเขาขึ้นด้วยท่าท่างที่ดูมั่นใจและพูดว่า "เย่เฟิง นายมีแล็ปท็อปไหม? ถ้ามีฉันสามารถช่วยกำจัดตำรวจพวกนี้ได้"
เจิ้งซานเปามองไปที่ชิเล่ย ในตาแสดงให้เห็นถึงความประหลาดใจ "บอส ไอ้เด็กเหลือขอนี่ใคร?"
เย่เฟิงอธิบายว่า "ซานเปา เขาอยู่ข้างเรา ที่ฉันเล่าให้นายฟังไงที่ฉันเจอคนใจดีเมื่อเช้าไง เขาจะเป็นน้องชายคนเล็กของพวกเรา!"
"เป็นเขานั่นเอง!" เจิ้งซานเปามีท่าทางผ่อนคลายบนใบหน้าหรือแม้กระทั่งบนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มแย้มสดใส
"ชิเล่ย แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่านายจะช่วยเรายังไง แต่เราก็ไม่มีแล็ปท็อปเลย" เย่เฟิงพูดต่อ
ชิเล่ยตบหน้าผากของเขา ดึงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง หัวเราะฮึฮึแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "โชคดี ที่ฉันหยิบโทรศัพท์มาด้วย ไม่งั้นเราเจอปัญหาใหญ่แน่"
หลังจากนั้น ชิเล่ยก็จับโทรศัพท์มือถือด้วยมือทั้งสอง นิ้วหัวแม่มือของเขาเคาะไปบนแป้นพิมพ์อย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว
ผ่านเครือข่ายบนโทรศัพท์มือถือ ชิเล่ยเชื่อมต่อเข้ากับเซิร์ฟเวอร์ของมหาลัยชวนกิ่ง เพื่อควบคุมจากระยะไกล อย่างแรกเข้าไปที่เซิร์ฟเวอร์ของมหาลัยชวนกิ่ง จากนั้นก็เข้าไปแทรกแซงสำนักงานจราจรของเขตชวนฮู เพื่อควบคุมข้อมูลการจราจร จากนั้นชิเล่ยก็รีบตำแหน่งของตัวเองและค้นหาสัญญาณไฟจราจรรอบๆ ตัวเขา
"เย่เฟิง บอกพวกเขาแยกที่สองให้เลี้ยวขวา!"
ชิเล่ยพูดจบโดยไม่หันหน้าขึ้นมามองเลยมือของเขายังคงกดไปบนแป้นของโทรศัพท์มือถือต่อไป การผ่านเซิร์ฟเวอร์ปฏิบัติการโดยใช้โทรศัพท์มือถือ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย!
เย่เฟิงไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับชิเล่ย มิตรภาพระหว่างเกี๊ยวที่ช่วยเขาในตอนเช้า ทำให้ในใจของเย่เฟิงเชื่อมั่นชิเล่ยอย่างบริสุทธิ์ใจ
"เหลียงซิ อีกสองแยกเลี้ยวขวา รอฟังตามที่ชิเล่ยบอกไม่ว่าอะไรก็ตาม!"
หม่าเหลียงปฏิบัติตามอย่างเชื่อฟัง เขาได้ยินชัดเจนจากด้านหลังและรู้ว่าชิเล่ยเป็นใคร
ด้านหลังรถหุ้มเกราะ รถตำรวจหลายคันอยู่ไกล แม้ว่าจะถูกไล่ตามแต่พวกตำรวจก็ไม่ได้ทำอะไรบุ่มบ่าม แต่ก็ไม่ไกลจากการไล่ตามรถพวกเขาจากตำแหน่งนั้น
หลังจากที่ผ่านมาสองแยก หม่าเหลียงก็ทำตามที่ชิเล่ยบอกและเลี้ยวขวา
ชิเล่ยก็กดปุ่มบนโทรศัพท์มือถือให้ทำงานทันที "ข้างหน้าไฟเขียวแล้ว เหยีบไปเลย เลี้ยวซ้าย!"
เดิมทีเป็นไฟแดงอยู่พอเสียงชิเล่ยหยุดลงก็ไฟเขียวทันที
หม่าเหลียงรีบเหยียบโดยไม่ลังเลเลย หลังจากที่ชิเล่ยดำเนินการบนแป้นพิมพ์โทรศัพท์มือถือต่อไฟจราจรก็เปลี่ยนกลับมาเป็นไฟแดงอีกครั้ง!
ชิเล่ยพูดต่อว่า "อีก 300 เมตร ข้างหน้าเลี้ยวซ้าย แล้วเลี้ยวขวาหลังจากนั้นอีก 200 เมตร"
หม่าเหลียงมองผ่านกระจกมองหลังและพบว่าตำรวจได้หยุดตามมาเพราะติดไฟแดงอยู่ ไม่ใช่ว่าพวกเขาต้องหยุดเพราะไฟแดง แต่อีกเลนไฟเขียวและรถออกมาขวางไว้ทำให้ให้พวกเขาต้องรอให้หมดไฟแดง! หม่าเหลียงขับรถตามที่ชีเล่ยบอกทางให้ หลังจากผ่านไปสิบนาทีพวกเขาก็ไม่เห็นรถตำรวจแม้แต่เงา
ในตาเย่เฟิงแสดงให้เห็นถึงความประหลาดใจ "ชิเล่ย นายทำได้ไง?"
"ฉันเป็นแฮกเกอร์" ชิเล่ยพูดต่อโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา "เรายังไม่ปลอดภัย ในตอนนี้กล้องบนถนนของแผนกการจราจรฉันตรวจสอบมันได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น ฉันเจาะเข้าไปในระบบของกล้องที่ติดบนถนนและทำให้การจราจลเป็นอัมพาตทั้งหมด! "