ตอนที่แล้วตอนที่ 25 เริ่มคลาส
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่27 พรสวรรค์ของนักกีฬา

ตอนที่26 ความสามารถถูกเปิดเผย


โหยวไควูยืนอยู่ข้างๆกับกลุ่มวิ่งเหมือนกับว่าเขาเก่งที่สุดในบรรดาทั้งหมด การสอบก่อนฝึกเริ่มขึ้นเเล้วที่ลู่วิ่ง โหยวไควูเริ่มมีออร่าขี้อวดทันทีเมื่อเห็นคะเเนนกลุ่มเเรก

 

“ไวสุดของกลุ่มนู้นมันตั้ง12.55วินาที ไวกว่าฉันตั้งเกือบครึ่งวิแหน่ะ!”

 

“เขาต้องเคยฝึกมาก่อนแน่ๆเลย”

 

“แน่ๆ ไม่งั้นเขาคงไม่เร็วขนาดนั้น”

 

“ใครบอกกันละว่าถ้าไม่ฝึกมาก่อนแล้วจะเร็วไม่ได้ ?” โหยวไควูพูด ทุกคนหันมามองเขา เขาดูสงบมากแล้วพูดต่อ “ฉันก็ไม่เคยฝึกมาก่อนเลยอะนะ แต่เวลาดีสุดของฉันคือ12.11วินาที!”

 

“12.11วินาทีเหรอ! นั้นมันยอดไปเลย” ทุกคนรอบตัวเขาประหลาดใจมาก แล้วหลายๆคนก็เริ่มมองเขาด้วยความเคราพ สำหรับเด็กม.ปลายที่เอาแต่เรียน 12.11วินาทีมันดีมากพอที่ชื่นชมแล้ว

 

โค้ชเดินเข้ามาพร้อมรายชื่อแล้วพูดด้วยเสียงดัง “นักเรียนที่มีรายชื่อต่อไปนี้ ไปวอร์มร่างกายแล้วเตรียมตัวรับการทดสอบซะ ยงหลี่ เหว่ยหวาง โหยวไควู...”

 

โหยวไควูวิ่งไปที่โค้ชทันทีที่ได้ยินชื่อตัวเอง เขาเดินไปที่ลู่วิ่งอย่างมั่นใจ โค้ชที่ยืนอยู่บนเวทีไม่ไกลชี้ไปที่ลูกวิ่งแล้วพูด “ผอ.ฮาวครับ นั้นไงครับ โหยวไควู คนที่ผมเล่าว่าสถิติของเขาคือ12.11วินาที

 

“เอาละ เรามาดูกันซิว่าเขาจะคู่ควรกับการทุ่มเทของเราไหม” ผอ.ฮาวสั่งการ โค้ชทุกคนที่อยู่รอบๆตั้งใจดูที่สนามกีฬา

โหยวไควูยังคงมั่นใจว่าไม่มีใครเร็วไปกว่าเขา แล้วเขาก็เตรียมพร้อมที่จะวิ่ง เมื่อกรรมการให้สัญญาณ

 

โหยวไควูออกตัวในจังหว่ะที่เสียงปืนดังขึ้น แต่แล้ว เขาก็พบว่าตัวเองไม่ได้เร็วที่สุดในวินาทีต่อมา

 

อะไรวะเนี่ย? มีใครเร็วกว่าเราด้วยเหรอ ไม่ใช่ว่าฉันเร็วสุดเหรอ  โอเค ได้ เดี๋ยวเราได้เห็นดีกัน นี้เป็นเพราะฉันยังไม่เอาจริงหรอก เดี๋ยวรู้กันแน่ถ้าฉันเอาจริง! โหยวไควูกัดฟันแล้วรีดกำลังทั้งหมดเพื่อเร่งความเร็ว แต่มันก็เท่านั้น เขาก็ยังตามหลังคนอื่นๆ แล้วระยะห่างก็ไกลขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่คนที่อยู่หลังเขายังแทบจะอยู่ติดเขาเลย

 

เหลือว่าทุกคนในกลุ่มฉันมันเก่งกว่าฉันหมดวะ? ทำไมฉันถึงได้ดวงซวยขนาดอยู่กับพวกนี้ได้เนี่ย โหยวไควูทำตาขวางแบบไม่พอใจ เขาไม่เคยนึกเลยว่าความสามารถจริงๆของเขาจะถูกเปิดเผยถ้าเขาไม่ได้วงแหวนระเบิดพลังของไต้หลี่

 

12วินาทีผ่านไปในพริบตา โหยวไควูวิ่งผ่านเส้นชัย เขารู้สึกได้ว่านักเรียนคนอื่นๆมองเขาด้วยอาการเเปลกๆบนใบหน้าตอนที่เขาจะเข้าไปทักทายพวกเขา ทำไมถึงมองฉันอย่างงั้นละ? ฉันมีอะไรติดหน้ารึเปล่า? เขารู้สึกเเปลกมาก โค้ชที่คุมอยู่ที่เส้นชัยประกาศเวลาเสียงดัง

 

"หยงลี่ 12.97วินาที"

 

"เหวยหวาง12.75วินาที"

 

“เเละ โหยวไควู..”โค้ชพูดด้วยเสียงเบาลงเพื่อที่จะดูคะเเนนของโหยวไควูชัดๆ "12.83วินาที!"เขาตะโกน

 

"อะไรนะ 12.83วินาทีเลยเหรอ เป็นไปได้ยังไง ทำไมฉันถึงช้าขนาดนี้ เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาฉันวิ่งได้12.11วินาทีเลยนะ!"โหยวไควูตกใจ เขาไม่รู้จะทำยังไงต่อ

 

เสียงหัวเราอย่างหน้าคนลุกเริ่มดังขึ้น ทุกคนกำลังหัวเราะเยาะเย้ยเขา!

 

“แล้วเสือกบอกว่า12.11วิ โกหกหน้าด้านๆ”

 

“ดูคนที่ได้12.55กลุ่มที่แล้วซิ ดูหน้าขิงๆ(ขี้อวด)นั้นซิ ฉันนึกว่าเขาจะมีคู่ปรับซะอีก แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นคนโกหกแบบนี้ หน้าไม่อาย!”

 

เสียงวิพากษ์วิจารณ์โหยวไควูลือลั่น ทำให้หน้าของเขาซีดเผือก อัปยศ อับอาย และความรู้สึกด้านลบทุกอย่างรุมเร้าเข้าหาเขาในตอนนี้

 

12.11วินาทีกับ12.83วินาที ถึงแม้ว่าจะห่างกันแค่0.72วินาที แต่มันคือความต่างที่ใหญ่หลวงมากสำหรับการวิ่งเร็ว100เมตร สำหรับนักเรียนม.ปลายอายุ17ปี ยกตัวอย่างว่าถ้าเขาไม่ไปขี้โม้บอกว่าคนอื่นไปทั่วว่าได้สถิติอยู่ที่12.11วินาที เขาก็ยังถือว่าอยู่เหนือระดับค่าเฉลี่ยของเด็กม.ปลายอยู่ แถมยังมีโอกาสด้วยที่จะเป็นนักกีฬามืออาชีพหลังจากผ่านการฝึกแล้ว 12.83วินาทีแค่บอกว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีสุขภาพร่างกายดี แค่โอกาสที่เขาจะกลายนักกีฬายังมีต่ำ

 

เฉาเหล็นฮาวยืนอยู่บนเวทีแล้วยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม “คิดว่าจะมีของซะอีก สุดท้ายก็เป็นได้แค่คนโกหก ไม่น่าหลงดีใจไปก่อนเลย เด็กแบบนี้เป็นได้แค่เครื่องประดับแค่นั้นละ อย่าไปเสียเวลากับเขามากแล้วเอาเวลาไปทุ่มให้กับเด็กที่มีพรสวรรค์คนอื่นเถอะ” เฉาเหล็นฮาวได้ตัดสินชะตาของโหยวไควูในคลาสฝึกวิ่ง100เมตรแล้ว

 

โหยวไควูไม่ใช่คนเดียวที่โดนกล่าวหาว่าเป็นคนขี้โม้จากการที่โดนเปิดเผยความสามารถแท้จริงแบบนี้ ยังมีนักเรียนอีก4คน ทุกคนล้วนแต่เคยเข้าเรียนคลาสฝึกฟรีกับไต้หลี่ และด้วยความช่วยเหลือของวงแหวนระเบิดพลัง ทำให้เขาพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดดใน1วัน ถึงอย่างงั้น ไต้หลี่ได้เอาพวกเขาออกจากรายการฝึกตอนที่พวกเขาตัดสินใจว่าจะไปเลือกเรียนที่โรงเรียนกีฬา นั้นหมายความว่าพวกเขาไม่ได้รับผลของวงแหวนอีกต่อไป นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมความเร็วของทุกคนจึงตกลง

 

ไต้หลี่ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเด็กนักเรียน5คนที่ออกไปอยู่แล้ว จากมุมมองของเขา เขาใจดีมากพอแล้วที่ฝึกให้พวกเขาฟรี1วัน ความก้าวหน้าของการฝึกมันชัดเจนเกินกว่าที่พวกผู้ปกครองจะตัดสินใจให้เด็กออกได้ แต่ถึงอย่างงั้น มันแสดงให้เห็นว่าพวกนั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะส่งเด็กมาเรียนที่นี้ตั้งแต่แรก มันก็ไม่มีความจำเป็นที่ไต้หลี่ต้องมาแสดงความรับผิดชอบกับพวกเขาอยู่แล้ว เพราะพวกนั้นไม่ใช่นักเรียนของเขาอีกต่อไป

 

เขาทุ่มทุกอย่างที่มีให้กับนักเรียน8คนที่เลือกเรียนกับเขาเพื่อ2เหตุผล 1เลยคือเขาได้เงินค่าฝึกมาแล้ว นั้นหมายความว่ามันเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องสอนเด็กนักเรียน อย่างที่2คือเขารับปากไปแล้วว่าเขาจะคืนเงินถ้าเด็กพวกนี้ทำได้ไม่ถึงมาตรฐาน 15000ต่อคน แน่นอนว่าเขาไม่อยากเอาเงินที่ตัวเองยัดใส่กระเป๋าไปแล้วคืนให้หรอก

 

การฝึกกีฬามันเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ การฝึกตัวมันเองก็หมายถึงการที่ต้องทำซ้ำไปซ้ำมาแล้ว ด้วยวิธีการแบบนี้ทำให้นักกีฬาเครียดแล้วก็ไม่เต็มใจที่จะฝึก เพื่อเพิ่มแรงผลักดันและความรู้สึกกับมัน ผู้เชี่ยวชาญเลยสร้าง วิธีการฝึกเชิงแข่งขัน หรือ วิธีการฝึกแบบเล่นเกมส์ และอื่นๆอีกมากมาย พวกเขาถึงขั้นยัดพวกวิธีการเหล่านี้ไว้ในตำราเรียน แต่การฝึกกีฬาไม่ได้เหมือนกับการเล่นกันของเด็กแล้วโค้ชก็ไม่ใช่ครูอนุบาล ไม่มีทางไหนเลยที่พวกเขาจะหนีความเบื่อหน่ายพ้น แต่ไต้หลี่ก็ได้ใช้วิธีการทำซ้ำไปมาแบบนี้ ตอนที่เขาเห็นผลว่านักเรียนของเขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับความเบื่อหน่ายนี้

 

ผลการฝึกของโค้ชระดับ3มันดีกว่าโค้ชจากโรงเรียนกีฬาอย่าเห็นได้ชัด ไต้หลี่ก็ได้ค่าประสบการณ์ระหว่างที่ฝึกไปด้วย และในที่สุด เขาก็ได้ครบ1000แต้ม หลังจาก1เดือนผ่านไปแล้วเขาก็อัพเกรดอีกครั้งแล้วเลื่อนจากขั้นเบื้องต้น กลายเป็นโค้ชระดับ3ขั้นกลาง

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด