ตอนที่แล้วTWO Chapter 246 วิถีของราชา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 248 แรทเทิ้ลสเน็ค

TWO Chapter 247 กองทัพเรือ


TWO Chapter 247 กองทัพเรือ

หลังจากที่ออกมาจากสำนักงานของผู้ปกครองเมือง โอหยางโชวก็มุ่งหน้าไปที่ท่าเรือเป่ยไห่ ภายใต้การแนะนำของเผ่ยตงหลาย

ท่าเรือเป่ยไห่เป็นท่าเรือแบบผสม ตั้งอยู่ที่มุมทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองเป่ยไห่ ครึ่งหนึ่งของมันถูกใช้เป็นท่าเรือสำหรับการประมง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นถูกใช้สำหรับกองทัพเรือ นอกจากนี้ มันยังเป็นสำนักงานใหญ่ของกองทัพเรือเป่ยไห่ อู่ต่อเรือขั้นสูงที่ถูกเคลื่อนย้ายก่อนหน้านี้ ก็ย้ายมาอยู่ที่ท่าเรือเป่ยไห่แห่งนี้เช่นกัน

ในขณะที่เดินเข้าไปในท่าเรือ เขาได้บอกให้เผ่ยตงหลายเชิญที่ปรึกษาอู่ต่อเรือ ผู้อาวุโสซุน และผู้จัดการอู่ต่อเรือ เจิ้งต้าไห่ มาหารือกับเขาเกี่ยวกับการขยายกทัพเรือเป่ยไห่

ณ ท่าเรือเป่ยไห่, ห้องโถงประชุม

โอหยางโชวนั่งอยู่บนที่นั่งชั้นสูง เขามองไปรอบๆ ก่อนจะกล่าวว่า “เมื่อไม่นานมานี้ ข้าได้ตัดสินใจที่จะขยายกองทัพเรือ เพื่อให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์การครอบครองมหาสุทร ในช่วงเวลานี้ ดินแดนของเราได้สร้างอู่ต่อเรือขั้นสูงและท่าเรือเป่ยไห่ จัดตั้งกองทัพเรือเป่ยไห่ และเรือรบหลักของพวกเราก็คือ เรือรบเมิ่งชง ทุกอย่างดูเหมือนจะดี  แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร เราไม่สามารถแม้แต่จะกำราบเกาะเล็กๆได้ ไม่สามารถกวาดล้างกลุ่มโจรสลัดเล็กๆได้ เหตุในมันถึงเป็นเช่นนั้น?”

คำถามที่แหลมคมของเขาทำให้บรรยากาศภายในห้องโถงประชุมนิ่งเงียบ

“ขุนพลเผ่ย ท่านเป็นผู้บัญชาการทหารเรือ ดังนั้น บอกเราเกี่ยวกับความคิดเห็นของท่านมา” โอหยางโชวเริ่มเอ่ยนามบุคลากรของเขา

เผ่ยตงหลายรู้ว่าโอหยางโชวต้องการเพียงเนื้อความสำคัญ เขาจึงลุกขึ้น คำนับโอหยางโชว แล้วกล่าวว่า “เรียนท่านลอร์ด ถ้าจะให้ข้ากล่าวถึงข้ออ้าง ข้าสามารถกล่าวออกมาได้เพียงบางส่วน เช่น การขาดกำลังพล, การขาดประสบการณ์ในการต่อสู้ และความไม่คุ้นเคยกับน่านน้ำรอบๆ แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุหลัก กองทัพเรือสามารถเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้นได้หากเราต้องการ ปัญหาสำคัญก็คือ การขาดแคลนความหลากหลายของเรือรบ ในดินแดนของเรา มีเรือรบเพียงประเภทเดียวเท่านั้น เราจึงไม่สามารถจัดขบวนทัพ สำหรับการรบทางเรือขนาดใหญ่ได้”

คำกล่าวของเผ่ยตงหลายทำให้ดวงตาของโอหยางโชวเปล่งประกาย “เชิญกล่าวต่อ”

ในฐานะอดีตนายทหารเรือของราชสำนัก เผ่ยตงหลายมีประสบการณ์ในการสู้รบทางเรือมากมาย เขาจึงมีความเข้าใจมากกว่าคนอื่นๆเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นภายในกองทัพเรือเป่ยไห่

เผ่งตงหลายเรียบเรียงความคิดของเขาในใจ เขาค่อยๆจำแนกมัน แล้วกล่าวว่า “ในการจัดตั้งกองเรือที่มีโครงสร้างขบวนทัพที่สมบูรณ์ เราควรจะมีเรือรบอย่างน้อย 3 ประเภท ประเภทแรกจะทำหน้าที่เป็นเรือบัญชาการ-เรือรบหอคอย พวกมันจะเป็นเรือรบหลัก และพวกมันยังให้การสนับสนุนทางโลจีสติกส์กับกองเรือด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าประเภทที่สองก็คือ เรือจู่โจม-เรือรบเมิ่งชง ความสามารถในการป้องกันของมันอ่อนแอกว่าเรือรบหอคอย และจุดอ่อนของพวกมันก็คือ ไม่สามารถมีส่วนร่วมในการสู้รบทางทะเลระยะไกลจากฐานได้ เนื่องจาก มันจะสามารถปฏิบัติการได้ก็ต่อเมื่อมีผู้สนับสนุนทางโลจีสติกส์เท่านั้น ประเภทที่สามก็คือ เรือสอดแนม พวกมันจะมีขนาดเล็กและเบา สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว และง่ายต่อการซ่อนตัว”

“เฉพาะการประสานงานอย่างเหมาะสมระหว่างเรือรบทั้ง 3 ประเภทนี้เท่านั้น เราจึงจะสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพของเราในการสู้รบทางเรือได้อย่างเต็มที่ โครงสร้างองค์กรของกองทัพเรือไม่สามารถถอดแบบมาจากกองกำลังภาคพื้นดินได้ โดยกองทัพเรือควรจะแบ่งออกเป็น 2 กองเรือ ในกองเรือจะไม่เพียงแค่มีทหารเท่านั้น แต่มันยังต้องมีการแยกบุคลากรตามเรือที่พวกเขาประจำการด้วย กองทัพเรือเป่ยไห่ในตอนนี้มีเพียงเรือรบเมิ่งชงเท่านั้น ดังนั้น เราจะเผชิญหน้ากับความเสียงอย่างมาก หากเราจะแล่นเรือออกไป เพื่อโจมตีเกาะพระจันทร์”

โอหยางโชวพยักหน้า ขณะที่เขาเข้าใจประเด็นสำคัญของปัญหา เขาพบว่า เขาเข้าใจมันน้อยมากในก่อนหน้านี้

ในหมู่เรือรบทั้ง 3 ประเภท เรือลาดตระเวณขนาดเล็กไม่ได้น่ากังวลนัก ที่สำคัญก็คือ เรือบัญชาการขนาดใหญ่-เรือรบหอคอย

ในการสร้างเรือรบหอคอย พวกเขาต้องเผชิญกัลอุปสรรค 2 ประการ คือ ประการแรก การซื้อคู่มือการสร้างเรือรบหอคอย, ประการที่สอง การสร้างอยู่ต่อเรือขั้นพิเศษ อู่ต่อเรือขั้นสูงในตอนนี้ สร้างได้เพียงเรือรบขนาดกลางเท่านั้น

อุปสรรคใหญ่ที่สุดก็คือ การอัพเกรดอู่ต่อเรือให้เป็นขั้นพิเศษ มันถูกจำกัดไว้เนื่องจากเจิ่งต้าไห่ยังคงเป็นเพียงช่างต่อเรือขั้นมาสเตอร์ สิ่งเดียวที่โอหยางโชวทำได้ในตอนนี้ก็คือ การใช้เงิน 5,000 เหรียญทอง ซื้อแบบแปลนอู่ต่อเรือขั้นพิเศษ

ประเด็นหลักยังคงเป็นคู่มือการสร้างเรือรบหอคอย มันเป็นไอเท็มเฉพาะ และเขาทำได้เพียงอธิษฐานว่า มันจะปรากฎในรายการที่หายากของงานประมูลในครั้งต่อไป อย่างไรก็ตาม น้ำบ่อนี้ยังคงอยู่ห่างไกล มันไม่สามารถที่จะใช้ดับความกระหายในปัจจุบันของเขาได้ ความช่วยเหลือคงจะมาช้ามากเกินไป

โอหยางโชวหันไปหาเจิ้งต้าไห่ แล้วถามว่า “เจ้ามีอะไรจะรายงานเกี่ยวกับอู่ต่อเรือหรือไม่?”

เจิ้งต้าไห่ลุกขึ้น คำนับเขา แล้วกล่าวว่า “เรียนท่านลอร์ด อู่ต่อเรือได้หยุดการสร้างเรือรบเมิ่งชงแล้ว ตอนนี้เราสร้างเพียงเรือประมงเท่านั้นขอรับ”

“เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?”

“มันเป็นเพราะความต้องการของเรือรบเมิ่งชงได้รับการเติมเต็มแล้ว นอกเหนือจากเรือรบที่ถูกส่งไปให้กับกองทัพเรือเป่ยไห่ และกองพันทหารเรือทะเลสาบสีหลาแล้ว ยังคงมีเรือรบเมิ่งชงอีก 20 ลำ ที่จอดเทียบท่าอยู่ที่ท่าเรือ พวกเราคิดว่ามันมากเกินพอแล้วขอรับ!”

โอหยางโชวตะลึง ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่อู่ต่อเรือมีประสิทธิภาพสูงเช่นนี้ พวกเขาไม่ควรจะถูกมองข้ามเลยจริงๆ โอหยางโชวถามเขาต่อว่า “ระดับของช่างต่อเรือในอู่ต่อเรือเป็นเช่นไรบ้าง?”

ความภาพภูมิใจปรากฎบนใบหน้าของเจิ้งต้าไห่ ขณะที่เขาตอบคำถามนี้ของโอหยางโชวด้วยรอยยิ้มอันสดใส “เรียนท่านลอร์ด หลังจากฝึกฝนมาได้ครึ่งปี อู่ต่อเรือในขณะนี้มีช่างต่อเรือทั้งสิ้น 870 คน โดยมีขั้นมาสเตอร์ 1 คน, ขั้นสูง 12 คน, ขั้นกลาง 54 คน, ขั้นต้น 228 คน และเด็กฝึกงานอีกถึง 575 คน ขอรับ” การเลี้ยงดูลูกทีมขนาดใหญ่เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย

“ไม่เลว” โอหยางโชวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

หลังจากนั้น โอหยางโชวก็หันไปหาผู้อาวุโสซุน แล้วถามว่า “ผู้อาวุโสซุน การเปลี่ยนแปลงเรือรบจะเกิดขึ้นเมื่อใด?”

นอกเหนือจากงานวิจัยปกติของเขาในสถาบันวิจัยที่ 7 ผู้อาวุโสซุนมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ของเขาในอู่ต่อเรือ เสี่ยวเยว่ยังได้บ่นโอหยางโชวในเรื่องนี้ด้วยว่า โอหยางโชวกดขี่และใช้ประโยชน์จากปู่ของเธอมากเกินไป

โอหยางโชวสามารถตอบเธอกลับไปได้เพียงรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวเท่านั้น

ในความเป็นจริง ตั้งแต่ที่พวกเขาได้เข้าสู่เกมส์ การยับยั้งในโลกจริงที่จำกัดอายุของพวกเขา ก็ไม่มีผลอีกต่อไป และทุกคนก็ได้รับการเติมเต็มด้วยจิตวิญญาณและพลังงานที่ไม่รู้จบ โอหยางโชวไม่แม้แต่จะชะลอพวกเขาลงได้

ผู้อาวุโสซุนมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เสียงที่เขากล่าวออกมานั้นดังและชัดเจน เขาส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “มันเป็นเหมือนดั่งที่ขุนพลเผ่ยกล่าว เรามีประเภทของเรือรบน้อยจนเกินไป การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีจึงไม่สามารถทำได้มากนัก สำหรับเรือรบเมิ่งชง เราได้ติดตั้งเข็มทิศไว้บนเรือ อัพเกรดใบเรือ ในขณะเดียวกัน ข้าก็กำลังวางแผนที่จะเพิ่มแผ่นโลหะในโครงสร้างของเรือ ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างความเสียหายที่เรือรบเมิ่งจงจะก่อขึ้นได้”

เขากล่าวต่อว่า “การวิจัยที่สำคัญที่สุดของเรา คือ เทคโนโลยีในการป้องกันน้ำรั่วซึม ด้วยเทคโนโลยีนี้ เราจะสามารถเพิ่มการระบายน้ำได้ ไม่อย่างนั่นมันคงจะไร้ประโยชน์ หากเราติดตั้งแผ่นเหล็กแล้วเป็นเหตุให้น้ำรั่วซึมเข้าไปในเรือได้”

โอหยางโชวมีความสุขเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่า ผู้อาวุโสซุนจะอัพเกรดได้อย่างหลากหลายในช่วงระยะเวลาสั้นๆเช่นนี้

“ผู้อาวุโสซุนถ่อมตัวเกินไปแล้ว การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีมูลค่ามากกว่า 10,000 เหรียญทองเสียอีก” โอหยางโชวกล่าวขณะที่ยิ้ม

ผู้อาวุโสซุนโบกมือ “โอหยาง เจ้าไม่จำเป็นต้องชื่นชมข้ามากนักก็ได้”

โอหยางโชวพยักหน้า เขาหันไปทางอื่นอีกครั้ง และมาหยุดอยู่ที่เผ่ยตงหลาย แล้วกล่าวว่า “ปล่อยเรื่องเกี่ยวกับเรือรบหอคอยให้ข้าจัดการ มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน และมันจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการกวาดล้างโจรสลัดบนเกาะพระจันทร์ เราสามารถพึ่งได้เพียงเรือรบเมิ่งชงเท่านั้น เกี่ยวกับการสู้รบทางเรือนี้ ข้าจะเข้ามามีส่วนด้วย และจะรับผิดชอบการสนับสนุนทางโลจีสติกส์ ขุนพลเผ่ย ท่านจะต้องพิจารณาและร่างแผนการ เพื่อให้การสู้รบเป็นไปอย่างราบรื่น”

“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ!” เผ่ยตงหลายตอบ เขารู้สึกได้ว่ามีความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่วางอยู่บนไหล่ของเขา

ในช่วงบ่าย โอหยางโชวได้กลับไปถึงเมืองซานไห่

ขณะที่พวกเขากลับมาถึงคฤหาสน์ของลอร์ด คนเฝ้าประตูก็รีบวิ่งมาหาเขา “เรียนท่านลอร์ด มีแขกคนสำคัญมาขอรับ นายหญิงได้ขอให้ท่านลอร์ดไปที่สวนส่วนหลังของคฤหาสน์ในทันทีที่ท่านกลับมาถึงขอรับ!” นายหญิงที่คนเฝ้าประตูกล่าวถึง แน่นอนว่าคือ ซ่งเจี๋ย

โอหยางโชวตกใจอยู่ชั่วครู่ ถ้าแขกถูกพามาโดยซ่งเจี๋ย พวกเขาก็คงจะเป็นเพื่อนของทั้งโอหยางโชวและซ่งเจี๋ยอย่างแน่นอน

นับตั้งแต่ที่ก่อตั้งนิกายกระบี่ตงหลี่ มีอดีตเพื่อนร่วมชั้นของพวกเขาหลายคนถูกดึงดูดเข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่มีผู้เปิดเผยตัวตนของซ่งเจี๋ยในฟอรั่ม มันทำให้มีผู้เล่นติดต่อเข้ามาอย่างไม่รู้จบ

ส่วนใหญ่ของคนที่ติดต่อเข้ามา จะได้รับการดูแลโดยซ่งเจี๋ย ส่วนโอหยางโชวจะไม่ปรากฎตัวต่อหน้าพวกเขา เมื่อซ่งเจี๋ยได้ขอให้เขาปรากฎตัวเป็นพิเศษเช่นนี้ นั่นก็หมายความว่า แขกที่มาในครั้งนี้ จะต้องเป็นอดีตเพื่อนร่วมชั้น และเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขา

โอหยางโชวเดินไปส่วนหลังของคฤหาสน์ และเขาได้พบกับฉีสือ เขาจึงถามเธอว่า “แขกเป็นใครกันหรือ?”

ฉีสือคำนับโอหยางโชว แล้วตอบว่า “เรียนท่านลอร์ด ตามที่นายหญิงกล่าว พวกนางเป็นอดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนของท่าน และพวกนางทั้ง 2 ก็เป็นสตรีค่ะ”

โอหยางโชวพยักหน้า เขาพอจะรู้แล้วว่าแขกเป็นใคร เขาโบกมือ แล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ เจ้ากลับไปทำงานได้แล้ว”

“เข้าใจแล้วค่ะ!” ฉีสือเดินออกไปหลังจากที่ตอบโอหยางโชว

โอหยางโชวเดินไปที่สวน จากที่ไกลๆ เขาสามารถได้ยินการสนทนาและเสียงหัวเราะของหญิงสาวได้

“หวู่ยี่ มานี่เร็ว!” ดวงตาของซ่งเจี๋ยเฉียบคม เธอสังเกตเห็นโอหยางโชวในทันที

ในกลางสัน มีศาลาตั้งอยู่ และมีหญิงสาว 3 คน นั่งอยู่ในศาลาแห่งนั้น นอกเหนือจากซ่งเจี๋ยแล้ว คนอื่นๆแต่งกายด้วยชุดผู้เชี่ยวชาญเช่นกัน ขณะที่พวกเธอได้ยินซ่งเจี๋ยเรียกโอหยางโชว พวกเธอก็หับไปและจ้องมองเขา

“โอ้ว นั่นโอหยางโชวหรือ โว้วโว้ว...” หญิงสาวที่อวบกว่าอีกคนเล็กน้อยกล่าว เธอมีท่าทีที่สง่างามมากกว่าเพื่อสาวอีกคนของเธอ ซึ่งเป็นหญิงสาวตัวเล็กน่ารัก แม้ว่าเพื่อนสาวคนนี้จะเงียบอยู่ แต่เธอไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจในดวงตาของเธอได้

โอหยางโชวไม่มั่นใจในก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ เขาสามารถจำทั้งสองคนได้แล้ว ขณะที่เขาเดินเข้าำไปทางพวกเธอ เขาก็ยิ้มและกล่าวว่า “ดีจริงๆ ข้าก็คิดอยู่ว่าใครกันที่เป็นแขกคนสำคัญ ที่แท้ก็เป็นสาวงามทั้ง 2 นี่เอง ยินดีต้อนรับทั้งสองคน”

ใช่แล้ว พวกเธอก็คือหญิงสาว 2 คน ที่คลุกคลีกับโอหยางโชวในระหว่างงานุชมนุมอดีตเพื่อนร่วมชั้น ถานเสี่ยวหลี่และเมิ่งเฟยเฟย

หญิงสาวทั้งสองตะลึง และไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นความจริง

โอหยางโชวส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่เขาจะนั่งลงข้างๆซ่งเจี๋ย

ซ่งเจี๋ยเทชาใส่ถ้วยให้โอหยางโชว แล้วถามว่า “หลี่ยี่ การเดินทางเป็นเช่นไรบ้าง?” ซ่งเจี๋ยรู้ว่าโอหยางโชวเพิ่งจะเดินทางไปเมืองเป่ยไห่มา

โอหยางโชวพยักหน้า เขาไม่ต้องการพิรี้พิไรมากเกินไป เขาหันหน้าไปมองเพื่อนสาวทั้ง 2 คน แล้วถามทั้ง 2 อย่างล้อเลียนว่า “อะไรหรือ? ข้าดูเหมือนสัตว์ประหลาดหรือ? เหตุใดพวกเจ้าทั้ง 2 ถึงได้มองข้าเช่นนั้นกัน?”

“ท่านเป็นสัตว์ประหลาด!” ซ่งเจี๋ยกล่าวล้อเลียน

ถานเสี่ยวหลี่และเมิ่งเฟยเฟยพยักหน้าเห็นด้วย

“เพื่อนเก่า ข้าไม่คิดเลยว่าพวกเราจะได้พบกันอีก” โอหยางโชวกล่าวอย่างลึกซึ้ง

เมื่อพูดถึงความลึกซึ่ง ถานเสี่ยวหลี่และเมิ่งเฟยเฟย ควรจะเป็นผู้ที่มีความรู้สึกที่ลึกซึ่ง ก่อนที่จะมาเมืองซานไห่ พวกเธอไม่รู้เรื่องอัตลักษณ์ของโอหยางโชว พวกเธอมาอยู่ที่นี่ก็เพราะซ่งเจี๋ยเท่านั้น

แต่หลังจากที่พวกเธอมาถึง ซ่งเจี๋ยก็เปิดเผยอัตลักษณ์ที่แท้จริงของโอหยางโชวให้พวกเธอทราบ ซึ่งมันทำให้พวกเธอยากที่จะเชื่อ

“ฮึ่ม ไม่เลว ที่สามารถคว้าดอกไม้ประจำชั้นแล้วปิดบังพวกเราได้” ถานเสี่ยวหลี่เป็นผู้หญิงใจใหญ่ เธอจึงยอมรับความจริงได้อย่างรวดเร็ว และเธอก็กล่าวติดตลกว่า “พวกเรายังคงคิดอยู่เลยว่า ใครคือฉีเยว่หวู่ยี่ เขามีเสน่ห์อะไรที่สามารถคว้าความรักจากดอกไม้ประจำชั้นของเราได้? ใครจะไปรู้ว่า ผู้ชายคนนั้นจะเป็นหนึ่งในพวกเรา”

โอหยางโชวส่ายหัว มิตรภาพระหว่างอดีตเพื่อนร่วมชั้นไม่เรียบง่ายนัก ไม่มีใครรู้เจตนาที่เธอกล่าวออกมาว่าเป็นเช่นใด หรือมันมีเจตนาที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสาเพียงใด หรือว่าพวกเธอจะแบบพูดคุยบางอย่างกับซ่งเจี๋ยแล้ว?

แต่โอหยางโชวก็ไม่ได้สนใจมันมากนัก เขาปล่อยให้ความคิดของเขาล่องลอยไป ขณะที่พูดคุยกับทั้ง 2 สาวอย่างไม่เป็นทางการ

แฟนเพจ : TWOแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด