TWO Chapter 247 กองทัพเรือ
TWO Chapter 247 กองทัพเรือ
หลังจากที่ออกมาจากสำนักงานของผู้ปกครองเมือง โอหยางโชวก็มุ่งหน้าไปที่ท่าเรือเป่ยไห่ ภายใต้การแนะนำของเผ่ยตงหลาย
ท่าเรือเป่ยไห่เป็นท่าเรือแบบผสม ตั้งอยู่ที่มุมทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองเป่ยไห่ ครึ่งหนึ่งของมันถูกใช้เป็นท่าเรือสำหรับการประมง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นถูกใช้สำหรับกองทัพเรือ นอกจากนี้ มันยังเป็นสำนักงานใหญ่ของกองทัพเรือเป่ยไห่ อู่ต่อเรือขั้นสูงที่ถูกเคลื่อนย้ายก่อนหน้านี้ ก็ย้ายมาอยู่ที่ท่าเรือเป่ยไห่แห่งนี้เช่นกัน
ในขณะที่เดินเข้าไปในท่าเรือ เขาได้บอกให้เผ่ยตงหลายเชิญที่ปรึกษาอู่ต่อเรือ ผู้อาวุโสซุน และผู้จัดการอู่ต่อเรือ เจิ้งต้าไห่ มาหารือกับเขาเกี่ยวกับการขยายกทัพเรือเป่ยไห่
ณ ท่าเรือเป่ยไห่, ห้องโถงประชุม
โอหยางโชวนั่งอยู่บนที่นั่งชั้นสูง เขามองไปรอบๆ ก่อนจะกล่าวว่า “เมื่อไม่นานมานี้ ข้าได้ตัดสินใจที่จะขยายกองทัพเรือ เพื่อให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์การครอบครองมหาสุทร ในช่วงเวลานี้ ดินแดนของเราได้สร้างอู่ต่อเรือขั้นสูงและท่าเรือเป่ยไห่ จัดตั้งกองทัพเรือเป่ยไห่ และเรือรบหลักของพวกเราก็คือ เรือรบเมิ่งชง ทุกอย่างดูเหมือนจะดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร เราไม่สามารถแม้แต่จะกำราบเกาะเล็กๆได้ ไม่สามารถกวาดล้างกลุ่มโจรสลัดเล็กๆได้ เหตุในมันถึงเป็นเช่นนั้น?”
คำถามที่แหลมคมของเขาทำให้บรรยากาศภายในห้องโถงประชุมนิ่งเงียบ
“ขุนพลเผ่ย ท่านเป็นผู้บัญชาการทหารเรือ ดังนั้น บอกเราเกี่ยวกับความคิดเห็นของท่านมา” โอหยางโชวเริ่มเอ่ยนามบุคลากรของเขา
เผ่ยตงหลายรู้ว่าโอหยางโชวต้องการเพียงเนื้อความสำคัญ เขาจึงลุกขึ้น คำนับโอหยางโชว แล้วกล่าวว่า “เรียนท่านลอร์ด ถ้าจะให้ข้ากล่าวถึงข้ออ้าง ข้าสามารถกล่าวออกมาได้เพียงบางส่วน เช่น การขาดกำลังพล, การขาดประสบการณ์ในการต่อสู้ และความไม่คุ้นเคยกับน่านน้ำรอบๆ แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุหลัก กองทัพเรือสามารถเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้นได้หากเราต้องการ ปัญหาสำคัญก็คือ การขาดแคลนความหลากหลายของเรือรบ ในดินแดนของเรา มีเรือรบเพียงประเภทเดียวเท่านั้น เราจึงไม่สามารถจัดขบวนทัพ สำหรับการรบทางเรือขนาดใหญ่ได้”
คำกล่าวของเผ่ยตงหลายทำให้ดวงตาของโอหยางโชวเปล่งประกาย “เชิญกล่าวต่อ”
ในฐานะอดีตนายทหารเรือของราชสำนัก เผ่ยตงหลายมีประสบการณ์ในการสู้รบทางเรือมากมาย เขาจึงมีความเข้าใจมากกว่าคนอื่นๆเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นภายในกองทัพเรือเป่ยไห่
เผ่งตงหลายเรียบเรียงความคิดของเขาในใจ เขาค่อยๆจำแนกมัน แล้วกล่าวว่า “ในการจัดตั้งกองเรือที่มีโครงสร้างขบวนทัพที่สมบูรณ์ เราควรจะมีเรือรบอย่างน้อย 3 ประเภท ประเภทแรกจะทำหน้าที่เป็นเรือบัญชาการ-เรือรบหอคอย พวกมันจะเป็นเรือรบหลัก และพวกมันยังให้การสนับสนุนทางโลจีสติกส์กับกองเรือด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าประเภทที่สองก็คือ เรือจู่โจม-เรือรบเมิ่งชง ความสามารถในการป้องกันของมันอ่อนแอกว่าเรือรบหอคอย และจุดอ่อนของพวกมันก็คือ ไม่สามารถมีส่วนร่วมในการสู้รบทางทะเลระยะไกลจากฐานได้ เนื่องจาก มันจะสามารถปฏิบัติการได้ก็ต่อเมื่อมีผู้สนับสนุนทางโลจีสติกส์เท่านั้น ประเภทที่สามก็คือ เรือสอดแนม พวกมันจะมีขนาดเล็กและเบา สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว และง่ายต่อการซ่อนตัว”
“เฉพาะการประสานงานอย่างเหมาะสมระหว่างเรือรบทั้ง 3 ประเภทนี้เท่านั้น เราจึงจะสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพของเราในการสู้รบทางเรือได้อย่างเต็มที่ โครงสร้างองค์กรของกองทัพเรือไม่สามารถถอดแบบมาจากกองกำลังภาคพื้นดินได้ โดยกองทัพเรือควรจะแบ่งออกเป็น 2 กองเรือ ในกองเรือจะไม่เพียงแค่มีทหารเท่านั้น แต่มันยังต้องมีการแยกบุคลากรตามเรือที่พวกเขาประจำการด้วย กองทัพเรือเป่ยไห่ในตอนนี้มีเพียงเรือรบเมิ่งชงเท่านั้น ดังนั้น เราจะเผชิญหน้ากับความเสียงอย่างมาก หากเราจะแล่นเรือออกไป เพื่อโจมตีเกาะพระจันทร์”
โอหยางโชวพยักหน้า ขณะที่เขาเข้าใจประเด็นสำคัญของปัญหา เขาพบว่า เขาเข้าใจมันน้อยมากในก่อนหน้านี้
ในหมู่เรือรบทั้ง 3 ประเภท เรือลาดตระเวณขนาดเล็กไม่ได้น่ากังวลนัก ที่สำคัญก็คือ เรือบัญชาการขนาดใหญ่-เรือรบหอคอย
ในการสร้างเรือรบหอคอย พวกเขาต้องเผชิญกัลอุปสรรค 2 ประการ คือ ประการแรก การซื้อคู่มือการสร้างเรือรบหอคอย, ประการที่สอง การสร้างอยู่ต่อเรือขั้นพิเศษ อู่ต่อเรือขั้นสูงในตอนนี้ สร้างได้เพียงเรือรบขนาดกลางเท่านั้น
อุปสรรคใหญ่ที่สุดก็คือ การอัพเกรดอู่ต่อเรือให้เป็นขั้นพิเศษ มันถูกจำกัดไว้เนื่องจากเจิ่งต้าไห่ยังคงเป็นเพียงช่างต่อเรือขั้นมาสเตอร์ สิ่งเดียวที่โอหยางโชวทำได้ในตอนนี้ก็คือ การใช้เงิน 5,000 เหรียญทอง ซื้อแบบแปลนอู่ต่อเรือขั้นพิเศษ
ประเด็นหลักยังคงเป็นคู่มือการสร้างเรือรบหอคอย มันเป็นไอเท็มเฉพาะ และเขาทำได้เพียงอธิษฐานว่า มันจะปรากฎในรายการที่หายากของงานประมูลในครั้งต่อไป อย่างไรก็ตาม น้ำบ่อนี้ยังคงอยู่ห่างไกล มันไม่สามารถที่จะใช้ดับความกระหายในปัจจุบันของเขาได้ ความช่วยเหลือคงจะมาช้ามากเกินไป
โอหยางโชวหันไปหาเจิ้งต้าไห่ แล้วถามว่า “เจ้ามีอะไรจะรายงานเกี่ยวกับอู่ต่อเรือหรือไม่?”
เจิ้งต้าไห่ลุกขึ้น คำนับเขา แล้วกล่าวว่า “เรียนท่านลอร์ด อู่ต่อเรือได้หยุดการสร้างเรือรบเมิ่งชงแล้ว ตอนนี้เราสร้างเพียงเรือประมงเท่านั้นขอรับ”
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?”
“มันเป็นเพราะความต้องการของเรือรบเมิ่งชงได้รับการเติมเต็มแล้ว นอกเหนือจากเรือรบที่ถูกส่งไปให้กับกองทัพเรือเป่ยไห่ และกองพันทหารเรือทะเลสาบสีหลาแล้ว ยังคงมีเรือรบเมิ่งชงอีก 20 ลำ ที่จอดเทียบท่าอยู่ที่ท่าเรือ พวกเราคิดว่ามันมากเกินพอแล้วขอรับ!”
โอหยางโชวตะลึง ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่อู่ต่อเรือมีประสิทธิภาพสูงเช่นนี้ พวกเขาไม่ควรจะถูกมองข้ามเลยจริงๆ โอหยางโชวถามเขาต่อว่า “ระดับของช่างต่อเรือในอู่ต่อเรือเป็นเช่นไรบ้าง?”
ความภาพภูมิใจปรากฎบนใบหน้าของเจิ้งต้าไห่ ขณะที่เขาตอบคำถามนี้ของโอหยางโชวด้วยรอยยิ้มอันสดใส “เรียนท่านลอร์ด หลังจากฝึกฝนมาได้ครึ่งปี อู่ต่อเรือในขณะนี้มีช่างต่อเรือทั้งสิ้น 870 คน โดยมีขั้นมาสเตอร์ 1 คน, ขั้นสูง 12 คน, ขั้นกลาง 54 คน, ขั้นต้น 228 คน และเด็กฝึกงานอีกถึง 575 คน ขอรับ” การเลี้ยงดูลูกทีมขนาดใหญ่เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย
“ไม่เลว” โอหยางโชวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
หลังจากนั้น โอหยางโชวก็หันไปหาผู้อาวุโสซุน แล้วถามว่า “ผู้อาวุโสซุน การเปลี่ยนแปลงเรือรบจะเกิดขึ้นเมื่อใด?”
นอกเหนือจากงานวิจัยปกติของเขาในสถาบันวิจัยที่ 7 ผู้อาวุโสซุนมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ของเขาในอู่ต่อเรือ เสี่ยวเยว่ยังได้บ่นโอหยางโชวในเรื่องนี้ด้วยว่า โอหยางโชวกดขี่และใช้ประโยชน์จากปู่ของเธอมากเกินไป
โอหยางโชวสามารถตอบเธอกลับไปได้เพียงรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวเท่านั้น
ในความเป็นจริง ตั้งแต่ที่พวกเขาได้เข้าสู่เกมส์ การยับยั้งในโลกจริงที่จำกัดอายุของพวกเขา ก็ไม่มีผลอีกต่อไป และทุกคนก็ได้รับการเติมเต็มด้วยจิตวิญญาณและพลังงานที่ไม่รู้จบ โอหยางโชวไม่แม้แต่จะชะลอพวกเขาลงได้
ผู้อาวุโสซุนมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เสียงที่เขากล่าวออกมานั้นดังและชัดเจน เขาส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “มันเป็นเหมือนดั่งที่ขุนพลเผ่ยกล่าว เรามีประเภทของเรือรบน้อยจนเกินไป การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีจึงไม่สามารถทำได้มากนัก สำหรับเรือรบเมิ่งชง เราได้ติดตั้งเข็มทิศไว้บนเรือ อัพเกรดใบเรือ ในขณะเดียวกัน ข้าก็กำลังวางแผนที่จะเพิ่มแผ่นโลหะในโครงสร้างของเรือ ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างความเสียหายที่เรือรบเมิ่งจงจะก่อขึ้นได้”
เขากล่าวต่อว่า “การวิจัยที่สำคัญที่สุดของเรา คือ เทคโนโลยีในการป้องกันน้ำรั่วซึม ด้วยเทคโนโลยีนี้ เราจะสามารถเพิ่มการระบายน้ำได้ ไม่อย่างนั่นมันคงจะไร้ประโยชน์ หากเราติดตั้งแผ่นเหล็กแล้วเป็นเหตุให้น้ำรั่วซึมเข้าไปในเรือได้”
โอหยางโชวมีความสุขเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่า ผู้อาวุโสซุนจะอัพเกรดได้อย่างหลากหลายในช่วงระยะเวลาสั้นๆเช่นนี้
“ผู้อาวุโสซุนถ่อมตัวเกินไปแล้ว การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีมูลค่ามากกว่า 10,000 เหรียญทองเสียอีก” โอหยางโชวกล่าวขณะที่ยิ้ม
ผู้อาวุโสซุนโบกมือ “โอหยาง เจ้าไม่จำเป็นต้องชื่นชมข้ามากนักก็ได้”
โอหยางโชวพยักหน้า เขาหันไปทางอื่นอีกครั้ง และมาหยุดอยู่ที่เผ่ยตงหลาย แล้วกล่าวว่า “ปล่อยเรื่องเกี่ยวกับเรือรบหอคอยให้ข้าจัดการ มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน และมันจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการกวาดล้างโจรสลัดบนเกาะพระจันทร์ เราสามารถพึ่งได้เพียงเรือรบเมิ่งชงเท่านั้น เกี่ยวกับการสู้รบทางเรือนี้ ข้าจะเข้ามามีส่วนด้วย และจะรับผิดชอบการสนับสนุนทางโลจีสติกส์ ขุนพลเผ่ย ท่านจะต้องพิจารณาและร่างแผนการ เพื่อให้การสู้รบเป็นไปอย่างราบรื่น”
“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ!” เผ่ยตงหลายตอบ เขารู้สึกได้ว่ามีความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่วางอยู่บนไหล่ของเขา
ในช่วงบ่าย โอหยางโชวได้กลับไปถึงเมืองซานไห่
ขณะที่พวกเขากลับมาถึงคฤหาสน์ของลอร์ด คนเฝ้าประตูก็รีบวิ่งมาหาเขา “เรียนท่านลอร์ด มีแขกคนสำคัญมาขอรับ นายหญิงได้ขอให้ท่านลอร์ดไปที่สวนส่วนหลังของคฤหาสน์ในทันทีที่ท่านกลับมาถึงขอรับ!” นายหญิงที่คนเฝ้าประตูกล่าวถึง แน่นอนว่าคือ ซ่งเจี๋ย
โอหยางโชวตกใจอยู่ชั่วครู่ ถ้าแขกถูกพามาโดยซ่งเจี๋ย พวกเขาก็คงจะเป็นเพื่อนของทั้งโอหยางโชวและซ่งเจี๋ยอย่างแน่นอน
นับตั้งแต่ที่ก่อตั้งนิกายกระบี่ตงหลี่ มีอดีตเพื่อนร่วมชั้นของพวกเขาหลายคนถูกดึงดูดเข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่มีผู้เปิดเผยตัวตนของซ่งเจี๋ยในฟอรั่ม มันทำให้มีผู้เล่นติดต่อเข้ามาอย่างไม่รู้จบ
ส่วนใหญ่ของคนที่ติดต่อเข้ามา จะได้รับการดูแลโดยซ่งเจี๋ย ส่วนโอหยางโชวจะไม่ปรากฎตัวต่อหน้าพวกเขา เมื่อซ่งเจี๋ยได้ขอให้เขาปรากฎตัวเป็นพิเศษเช่นนี้ นั่นก็หมายความว่า แขกที่มาในครั้งนี้ จะต้องเป็นอดีตเพื่อนร่วมชั้น และเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขา
โอหยางโชวเดินไปส่วนหลังของคฤหาสน์ และเขาได้พบกับฉีสือ เขาจึงถามเธอว่า “แขกเป็นใครกันหรือ?”
ฉีสือคำนับโอหยางโชว แล้วตอบว่า “เรียนท่านลอร์ด ตามที่นายหญิงกล่าว พวกนางเป็นอดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนของท่าน และพวกนางทั้ง 2 ก็เป็นสตรีค่ะ”
โอหยางโชวพยักหน้า เขาพอจะรู้แล้วว่าแขกเป็นใคร เขาโบกมือ แล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ เจ้ากลับไปทำงานได้แล้ว”
“เข้าใจแล้วค่ะ!” ฉีสือเดินออกไปหลังจากที่ตอบโอหยางโชว
โอหยางโชวเดินไปที่สวน จากที่ไกลๆ เขาสามารถได้ยินการสนทนาและเสียงหัวเราะของหญิงสาวได้
“หวู่ยี่ มานี่เร็ว!” ดวงตาของซ่งเจี๋ยเฉียบคม เธอสังเกตเห็นโอหยางโชวในทันที
ในกลางสัน มีศาลาตั้งอยู่ และมีหญิงสาว 3 คน นั่งอยู่ในศาลาแห่งนั้น นอกเหนือจากซ่งเจี๋ยแล้ว คนอื่นๆแต่งกายด้วยชุดผู้เชี่ยวชาญเช่นกัน ขณะที่พวกเธอได้ยินซ่งเจี๋ยเรียกโอหยางโชว พวกเธอก็หับไปและจ้องมองเขา
“โอ้ว นั่นโอหยางโชวหรือ โว้วโว้ว...” หญิงสาวที่อวบกว่าอีกคนเล็กน้อยกล่าว เธอมีท่าทีที่สง่างามมากกว่าเพื่อสาวอีกคนของเธอ ซึ่งเป็นหญิงสาวตัวเล็กน่ารัก แม้ว่าเพื่อนสาวคนนี้จะเงียบอยู่ แต่เธอไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจในดวงตาของเธอได้
โอหยางโชวไม่มั่นใจในก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ เขาสามารถจำทั้งสองคนได้แล้ว ขณะที่เขาเดินเข้าำไปทางพวกเธอ เขาก็ยิ้มและกล่าวว่า “ดีจริงๆ ข้าก็คิดอยู่ว่าใครกันที่เป็นแขกคนสำคัญ ที่แท้ก็เป็นสาวงามทั้ง 2 นี่เอง ยินดีต้อนรับทั้งสองคน”
ใช่แล้ว พวกเธอก็คือหญิงสาว 2 คน ที่คลุกคลีกับโอหยางโชวในระหว่างงานุชมนุมอดีตเพื่อนร่วมชั้น ถานเสี่ยวหลี่และเมิ่งเฟยเฟย
หญิงสาวทั้งสองตะลึง และไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นความจริง
โอหยางโชวส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่เขาจะนั่งลงข้างๆซ่งเจี๋ย
ซ่งเจี๋ยเทชาใส่ถ้วยให้โอหยางโชว แล้วถามว่า “หลี่ยี่ การเดินทางเป็นเช่นไรบ้าง?” ซ่งเจี๋ยรู้ว่าโอหยางโชวเพิ่งจะเดินทางไปเมืองเป่ยไห่มา
โอหยางโชวพยักหน้า เขาไม่ต้องการพิรี้พิไรมากเกินไป เขาหันหน้าไปมองเพื่อนสาวทั้ง 2 คน แล้วถามทั้ง 2 อย่างล้อเลียนว่า “อะไรหรือ? ข้าดูเหมือนสัตว์ประหลาดหรือ? เหตุใดพวกเจ้าทั้ง 2 ถึงได้มองข้าเช่นนั้นกัน?”
“ท่านเป็นสัตว์ประหลาด!” ซ่งเจี๋ยกล่าวล้อเลียน
ถานเสี่ยวหลี่และเมิ่งเฟยเฟยพยักหน้าเห็นด้วย
“เพื่อนเก่า ข้าไม่คิดเลยว่าพวกเราจะได้พบกันอีก” โอหยางโชวกล่าวอย่างลึกซึ้ง
เมื่อพูดถึงความลึกซึ่ง ถานเสี่ยวหลี่และเมิ่งเฟยเฟย ควรจะเป็นผู้ที่มีความรู้สึกที่ลึกซึ่ง ก่อนที่จะมาเมืองซานไห่ พวกเธอไม่รู้เรื่องอัตลักษณ์ของโอหยางโชว พวกเธอมาอยู่ที่นี่ก็เพราะซ่งเจี๋ยเท่านั้น
แต่หลังจากที่พวกเธอมาถึง ซ่งเจี๋ยก็เปิดเผยอัตลักษณ์ที่แท้จริงของโอหยางโชวให้พวกเธอทราบ ซึ่งมันทำให้พวกเธอยากที่จะเชื่อ
“ฮึ่ม ไม่เลว ที่สามารถคว้าดอกไม้ประจำชั้นแล้วปิดบังพวกเราได้” ถานเสี่ยวหลี่เป็นผู้หญิงใจใหญ่ เธอจึงยอมรับความจริงได้อย่างรวดเร็ว และเธอก็กล่าวติดตลกว่า “พวกเรายังคงคิดอยู่เลยว่า ใครคือฉีเยว่หวู่ยี่ เขามีเสน่ห์อะไรที่สามารถคว้าความรักจากดอกไม้ประจำชั้นของเราได้? ใครจะไปรู้ว่า ผู้ชายคนนั้นจะเป็นหนึ่งในพวกเรา”
โอหยางโชวส่ายหัว มิตรภาพระหว่างอดีตเพื่อนร่วมชั้นไม่เรียบง่ายนัก ไม่มีใครรู้เจตนาที่เธอกล่าวออกมาว่าเป็นเช่นใด หรือมันมีเจตนาที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสาเพียงใด หรือว่าพวกเธอจะแบบพูดคุยบางอย่างกับซ่งเจี๋ยแล้ว?
แต่โอหยางโชวก็ไม่ได้สนใจมันมากนัก เขาปล่อยให้ความคิดของเขาล่องลอยไป ขณะที่พูดคุยกับทั้ง 2 สาวอย่างไม่เป็นทางการ
แฟนเพจ : TWOแปลไทย