ตอนที่ 170 ไม่อาจเก็บงำฝีมือได้อีก
หลังจากที่เดินเข้าไปในทางเดิน หลิน ฮวงก็เดินไปตามทางเดินมืดสนิท กำแพงและเพดานถูกสร้างด้วยโลหะสีเงิน พื้นทำจากแผ่นโลหะสีดำและมันก็สามารถบอกได้เลยว่าทางเดินนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อการใช้งานชั่วคราว
หลังจากที่เดินอยู่ประมาณ100เมตร ท้ายที่สุดหลิน ฮวงก็มาถึงจุดสิ้นสุด เขาเห็นกรงมอนสเตอร์
มันเป็นกรงโลหะขนาดมหึมาที่คล้ายกับกรงนก ด้วยรั้วกรงโลหะที่หนาเท่ากับนิ้วหัวแม่มือในแต่ละเส้น กรงโลหะได้เจาะลึกลงไปในพื้นโลหะดำด้วยช่องว่างที่ห่างกันเพียง20เซนติเมตร
กรงมอนสเตอร์ถูกรายล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียวและดูเหมือนจะอยู่ในป่าหนาทึบ เขาสามารถเห็นได้แม้กระทั่งกรงมอนสเตอร์ที่อยู่ทั้งสองฝั่ง มันเป็นพื้นที่วงกลมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง100เมตรและพื้นดินก็เลอะไปด้วยเลือด อย่างไรก็ตาม หลิน ฮวงไม่เห็นศพใดๆ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเจ้าหน้าที่คงจะเอาศพออกไปแล้ว
หลังจากที่สังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัว หลิน ฮวงก็มองไปที่มอนสเตอร์ตรงข้ามเขา มันเป็นนกสีแดงขนาดใหญ่ที่มีขนสีม่วงแซมที่หางมันและด้านใต้ปีก มีหงอนสีทองที่ด้านบนหัวมันและนกก็ดูค่อนข้างมีสีสัน หลิน ฮวงสามารถระบุได้ทันทีว่ามันคล้ายกับนกแก้วบนโลกแต่เป็นที่รู้จักกันในโลกนี้ว่านกยูงขนเพลิง มันเป็นนกที่มีสติปัญญาสูง
นกยูงขนเพลิงส่วนใหญ่จะสามารถเลียนแบบเสียงของสิ่งมีชีวิตอื่นได้ แต่นกยูงขนเพลิงคือมอนสเตอร์กลายพันธ์ มันสามารถลอกเลียนเสียงได้สมบูรณ์จากการฟังเพียงครั้งเดียว ความสามารถนี้ไม่ใช่เพียงแค่การลอกเลียนเสียงแต่มันยังใช้เพื่อล่าเหยื่อได้อีกด้วย เช่นการเลียนแบบเสียงของสัตว์ตัวแม่เพื่อล่อลูกของมันหรือมันอาจจะเลียนแบบเสียงสัตว์ตัวเมียเพื่อดึงดูดสัตว์ตัวผู้...
หลังจากใช้เวลาอยู่กับมนุษย์นานกว่าสามเดือน นกยูงขนเพลิงก็สามารถที่จะพูดภาษามนุษย์ได้โดยสมบูรณ์และเข้าใจความหมายของคำพูด พูดให้ถูก มันฉลาดเสียยิ่งกว่ามนุษย์ส่วนใหญ่เสียอีก เอย่างไรก็ตาม นกยูงขนเพลิงจะกินเฉพาะเนื้อเท่านั้น มันมีจงอยปากและกรงเล็บที่เทียบได้กับอาวุธ ขนของมันก็มีความสามารถในการป้องกันที่เทียบได้กับเกราะและมันยังสามารถต่อสู้ระยะประชิดได้ด้วยความเร็วแสง
เมื่อมองไปที่ขนาดอันใหญ่โตของมัน หลิน ฮวงก็ขมวดคิ้วเพราะเขารู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาในการจัดการกับมัน
“เจ้าหนู เจ้ามาที่นี่เพื่อขุมหลุดฝังศพตัวเอง?”นกยูงขนเพลิงพูดขึ้น เสียงของมันแหบห้าว ไม่เป็นมิตรและไม่ค่อยน่าฟัง
“แกพูดภาษามนุษย์ได้?ดูเหมือนว่าแกจะใช้เวลาอยู่กับมนุษย์มานานพอสมควร งั้นทำไมแกถึงอยากฆ่ามนุษย์?”หลิน ฮวงถามเพราะนกยูงขนเพลิงได้ใช้เวลาอยู่กับมนุษย์มานานพอสมควร และมันก็ไม่ควรจะมีท่าทีเช่นนี้ต่อมนุษย์
“มันเป็นเพราะพวกมนุษย์สารเลว!พวกมันสมควรตาย!”นกยูงขนเพลิงตะโกน
“ดูเหมือนว่าแกจะมีเจ้าของไม่ดี ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมแกจึงมีอารมณ์ร้อน”หลิน ฮวงคิดในใจว่าเจ้านกยูงต้องถูกทรมานโดยเจ้าของมันแน่
“ไร้สาระ!เจ้านายข้าคือมนุษย์ที่ดีที่สุดในโลก ทุกๆวันเขาได้ฆ่ามนุษย์เพื่อให้อาหารแก่ข้า ขณะที่รอคอยให้ข้ากลายพันธ์ แต่น่าเสียดาย วันนี้ข้าได้กลายพันธ์แต่เขาไม่อาจเห็นมันเพราะข้าถูกฆ่าโดยมนุษย์เฉกเช่นเจ้า!”นกยูงขนเพลิงตะโกนเสียงดังขึ้น
“งั้นเจ้านายของแกก็ต้องเป็นผู้ควบคุมมืด หากเป็นเช่นนั้น เขาก็สมควรที่จะตาย”ท้ายที่สุดหลิน ฮวงก็รู้ถึงเรื่องราวเบื้องหลังเมื่อได้ยินสิ่งที่นกยูงขนเพลิงกล่าว
มีนิกายที่ชั่วร้ายอยู่ในหมู่ผู้ควบคุมที่เรียกว่าผู้ควบคุมมืด ผู้ควบคุมมืดจะเก็บทาสมนุษย์จำนวนมากเอาไว้และร่ายคาถาใส่ทาสโดยใช้เลือดของพวกเขา จากนั้นพวกเขาก็จะนำทาสที่ตายโดยคาถาให้มอนสเตอร์กิน คาถาจะยังคงอยู่ในตัวมอนสเตอร์และหลังจากที่บรรลุถึงระดับหนึ่ง มอนสเตอร์ก็จะได้รับการกลายพันธ์เพราะคาถา หากมอนสเตอร์ได้กินทาสมนุษย์จนพอ มันจะสามารถกลายพันธ์ได้ถึงสองครั้ง นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมรัฐบาลกลางและสมาคมนักล่าจึงทำการกวาดล้างพวกเขาเพราะพวกเขาไม่ต้องการให้มอนสเตอร์ต้องสาปผ่านการกลายพันธ์สองครั้งเพื่อกลายเป็นระดับหลุดพ้นที่อาจเป็นอันตรายต่อโลก
“เจ้ากล้าดียังไง!”นกยูงขนเพลิงได้ยินสิ่งที่หลิน ฮวงกล่าว และโกรธแค้น
“อารมณ์ที่เดือดพล่านเช่นนี้ มันต้องเป็นเพราะคำสาป...”หลิน ฮวงเคยคิดว่ามันเป็นมอนสเตอร์กลายพันธ์ปกติและเขากำลังพิจารณาว่าควรจะไว้ชีวิตมันไหม เมื่อเขาพบว่ามันถูกเลี้ยงโดยผู้ควบคุมมืด มันก็ไม่จำเป็นต้องขบคิดอะไรให้เสียเวลาอีก
“เนื่องจากแกต้องสาป แกก็ไม่ควรอยู่บนโลก”
หลิน ฮวงยื่นมือออกและร้องเรียก“ออกมา ไทแรนด์”
ไทแรนด์ปรากฏตัวตรงหน้าหลิน ฮวง ร่างของมันดูมีกล้ามเนื้อกว่าก่อนจนดูราวกับว่าร่างมันถูกปกคลุมด้วยเกราะสีทอง ไม่มีไขมันบนร่างมันและมันมีเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบที่พร้อมจะทำให้เหล่าหญิงสาวบ้าคลั่ง
ดวงตาสีทองของไทแรนด์จับจ้องไปที่นกยูงขนเพลิง ขนของมันลุกชันขณะที่ไทแรนด์จับจ้องมายังมัน มันเป็นความรู้สึกกลัวที่มันไม่เคยรู้สึกมาก่อน ราวกับว่ามันถูกเลือกให้เป็นเหยื่อของผู้ล่าระดับสูง
“ฆ่ามันซะ”หลิน ฮวงชี้ไปที่นกยูงขนเพลิง ไทแรนด์พุ่งทะยานใส่นกยูงขนเพลิงด้วยความเร็วแสงที่แม้กระทั่งหลิน ฮวงยังมองตามไม่ทัน นกยูงขนเพลิงพยายามจะบินไปด้านบนของกรงในทันที แต่มันก็สายเกินไป มือของไทแรนด์ได้คว้าเข้าที่ลำคอของมันเสียก่อน
ปีกกว้าง10เมตรของมันกระพืออย่างรุนแรง นกยูงขนเพลิงไม่ต่างอะไรไปกับไก่ต่อหน้าไทแรนด์ มันดิ้นรนแต่ปลายปีกของมันกลับถูกจับเอาไว้โดยไทแรนด์ จากนั้น ไทแรนด์ก็หักคอของมันด้วยมือและกระชากหัวของนกยูงขนเพลิงออก เลือดสีม่วงพุ่งกระจายไปทั่วสถานที่
นกยูงขนเพลิงเริ่มดิ้นและก็หยุดใน10นาทีต่อมา เมื่อมองไปยังเลือดสีม่วงบนพื้น หลิน ฮวงก็ขมวดคิ้วและคิด“มองไปที่สีของเลือด มันเป็นมอนสเตอร์ต้องสาปอย่างแน่นอน”แม้ว่านกยูงขนเพลิงจะสะสมคำสาปเพียงพอที่จะทำให้มันผ่านการกลายพันธ์ มันก็ยังไม่กลายพันธ์ด้วยเหตุผลบางอย่างจนถึงวันนี้
จากนั้นหลิน ฮวงก็เรียกไทแรนด์กลับและเดินไปยังทางเดินส่วนที่สองและเสียงประกาศก็ดังขึ้น
“มอนสเตอร์ตัวแรกในทางเดินที่66ตายแล้ว!โปรดเปลี่ยนกรงมอนสเตอร์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
เสียงประกาศทำให้ผู้คนที่อยู่ด้านนอกล้วนตกใจ
“เขาฆ่ามอนสเตอร์?!”
“มอนสเตอร์กลายพันธ์ระดับเงินขั้น3!เขาฆ่ามันได้ยังไง?!เขาเป็นใครกันแน่?!”
“เขาเป็นเพียงระดับทองแดงขั้น3 เขาจะฆ่ามอนสเตอร์กลายพันธ์ที่ระดับเหนือกว่าเขาได้ยังไง หรือว่าเขาจะเป็นอัจฉิรยะในตำนาน?”
แม้กระทั่งหัวหน้าผู้คุมเจียง เซินก็ยังไม่อาจนิ่งเฉยได้ เขารีบดูกล้องวงจรปิดทันทีเพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาตกใจเมื่อเห็นไทแรนด์ฆ่านกยูงขนเพลิงภายในไม่กี่วินาที
“นั่นมันมอนสเตอร์ประเภทใดกัน?มันดูเหมือนยักษ์แต่ก็ไม่เหมือน มันดูเหมือนจะเป็นสายพันธ์ใหม่ มันสามารถที่จะฆ่ามอนสเตอร์ในระดับเดียวกันโดยง่าย นั่นมันบ้าสิ้นดี!”
เจียง เซินไม่รู้ว่าไทแรนด์คือมอนสเตอร์ที่ผ่านการกลายพันธ์ถึงสองครั้งเพราะมันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นกับมอนสเตอร์ที่ต่ำกว่าระดับหลุดพ้น เขาคิดว่าไทแรนด์คือมอนสเตอร์กลายพันธ์ที่ทรงพลัง อย่างไรก็ตาม มันเป็นเพราะไทแรนด์นั้นไม่ได้แสดงพลังและความเร็วที่แท้จริงออกมา หากพวกเขาต่อสู้กับมอนสเตอร์ระดับทองขั้น3 เกือบทุกคนจะสามารถบอกได้ว่ามันกลายพันธ์สองครั้ง
หลิน ฮวงไม่กังวลที่จะเปิดเผยความสามารถของไทแรนด์เพราะไทแรนด์ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับการสังหารหมู่ในปราสาทไฮน์เซ็นก่อนหน้า แม้ว่าสมาคมนักล่าจะรู้ว่าเขามีมอนสเตอร์กลายพันธ์ พวกเขาก็จะไม่คิดว่าเขาคือฆาตกร ผู้ควบคุมจะต้องมีโชคมหาศาลหากพวกเขาสามารถมีมอนสเตอร์ที่ผ่านการกลายพันธ์ถึงสองครั้งได้ก่อนที่จะถึงระดับหลุดพ้น มันเกือบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป
หลิน ฮวงตัดสินใจที่จะเปิดเผยความสามารถของเขาเพราะเขารู้ดีว่าเขาไม่อาจเอาชนะนกยูงขนเพลิงได้ นอกจากนี้ เขายังทำไปเพราะเขาหวังที่จะได้รับการเข้าถึงข้อมูลจากสมาคมนักล่าเพิ่ม ในฐานะหนึ่งในองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ สมาคมนักล่าจะต้องครอบครองข้อมูลที่มากมายกว่าองค์กรอื่น ไม่สำคัญว่าคนธรรมดาจะทรงพลังแค่ไหน พวกเขาก็จะได้รับข้อมูลที่จำกัด วัตถุดิบหายากจำนวนมากที่ไม่อาจขายให้คนนอกได้แม้ว่าจะร่ำรวยแค่หน ท่ามกลางองค์กรทั้งหมด สมาคมนักล่ามีข้อจำกัดต่อสมาชิกน้อยที่สุดขณะที่มีแหล่งทรัพยากรรองจากรัฐบาลกลางเท่านั้น
จนถึงตอนนี้ นักล่าที่หลิน ฮวงเคยพบล้วนเป็นคนดี ดังนั้น การเข้าร่วมสมาคมนักล่าจึงเป็นทางเลือกที่ฉลาด หลังจาดที่เข้าไปยังทางเดินที่สอง การประกาศก็ดังขึ้นอีกครั้ง หลิน ฮวงสามารถได้ยินมันอย่างชัดเจน เขายิ้มและส่ายหัว เขารู้ดีว่าเขาไม่อาจเก็บงำฝีมือได้อีกแล้ว
“เนื่องจากฉันไม่อาจเก็บงำข้อมูลบางส่วนได้อีก งั้นฉันก็จะแสดงให้พวกเขาเห็นว่าฉันทรงพลังแค่ไหน มันจะเยี่ยมมากหากพวกเขาเลื่อนให้ฉันเป็นนักล่าระดับเงินหลังจากที่การประเมินจบลง มันคงดีจะกว่าเดิมหากฉันได้รับใบอนุญาติให้ย้ายมาอยู่ในเมืองเกรดAอย่างถาวร!”