เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 200 ล่องลองไปตามกระแส
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 200 ล่องลองไปตามกระแส
เล่มที่ 2 ปีศาจออกเดินทาง
แปลโดย iPAT
แม่น้ำมังกรเหลืองเป็นแม่น้ำอันดับสามของดินแดนทางภาคใต้ มันทอดตัวยาวไปถึงแปดพันกิโลเมตร เริ่มต้นจากภูเขาซวนหมิง ภูเขากู่เป่ย ภูเขาชิงเหมา ภูเขาไป่กู่ และภูเขาเล่ยซื่อ ก่อนจะไหลลงสู่มหาสมุทร
หากมองลงมาด้วยสายตาเหยี่ยว พวกเขาจะเห็นแม่น้ำมังกรเหลืองทอดตัวคดเคี้ยวไปถึงครึ่งหนึ่งของดินแดนทางภาคใต้
แม่น้ำมังกรเหลืองไหลอย่างเชี่ยวกรากขณะที่แพไม้ไผ่ปะทะกับคลื่นน้ำอย่างไม่รู้สิ้นสุด
แพไม้ไผ่ค่อนข้างทรุดโทรมและดูเหมือนต้องได้รับการซ่อมบำรุงอย่างเร่งด่วน มีเสาที่เรียบง่ายตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางพร้อมกับใบเรือสีขาว สิ่งของต่างๆถูกวางไว้รอบๆเสาไม้เพื่อรักษาสมดุลขณะที่มันแล่นไปตามกระแสน้ำ
ทุกครั้งที่มันปะทะกับระลอกคลื่น เสียงเอี๊ยดอ๊าดจะดังขึ้นทำให้มันห่างไกลจากคำว่า ปลอดภัย
แพไม้ที่ดูราวกับสามารถแตกออกได้ทุกเมื่อมีหนุ่มสาวสองคนอาศัยอยู่ ชายหนุ่มมีใบหน้าธรรมดากับเส้นผมสีดำ ดวงตาสีดำ และชุดสีดำ สำหรับหญิงสาว การปรากฏตัวของเธอดูราวกับเทพธิดาจากสวรรค์ด้วยดวงตาสีฟ้า เส้นผมสีขาว ในชุดคลุมขาว
ไม่จำเป็นต้องคาดเดา พวกเขาก็คือฟางหยวนกับไป่หนิงปิง
หลังการต่อสู้บนภูเขาชิงเหมา พวกเขาใช้พละกำลังทั้งหมดทำลายชั้นน้ำแข็งและตัดไม้ไผ่มาต่อแพก่อนจะรีบหลบหนีมาตามกระแสน้ำ
แมงมุมปฐพีของฟางหยวนตายแล้ว ขณะที่นางพญางูขาวหลบหนีไปอย่างไร้ร่องรอย
หากพวกเขาวิ่งอยู่บนบกโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากวิญญาณ พวกเขาจะถูกจับตัวโดยจักรพรรดิจั๊กจั่นสวรรค์อย่างรวดเร็ว ดังนั้นฟางหยวนจึงคิดวิธีนี้ขึ้นมา
แม่น้ำมังกรเหลืองเป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านภูเขาชิงเหมา ก่อนหน้านี้คางคกกลิ่นกินแม่น้ำก็ไหลมาตามแม่น้ำสายนี้ก่อนจะมาติดอยู่ที่เชิงเขา
"มันเป็นเวลาห้าวันมาแล้ว ดูเหมือนตาแก่นั่นจะไม่ได้ตามพวกเรามา" ฟางหยวนยืนขึ้นและมองกลับไปด้านหลัง
ความเร็วของแพไม้ไผ่แน่นอนว่าไม่สามารถแข่งขันกับราชันจั๊กจั่น แต่ราชันจั๊กจั่นยังต้องพัก ขณะที่แพไม้ไผ่สามารถไหลไปตามกระแสน้ำได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไป ฟางหยวนก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น
นอกจากนี้ฟางหยวนยังจำได้ว่าจักรพรรดิจั๊กจั่นสวรรค์กลับมาพร้อมกับศีรษะของบางคน มันจึงมีแนวโน้มสูงมากว่าผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกจะตายไปแล้ว
เสียงคลื่นซัดสาดกลบเสียงของฟางหยวน แต่ไป่หนิงปิงยังเข้าใจว่าฟางหยวนกำลังกล่าวถึงสิ่งใด
เธอหัวเราะเสียงดัง "เจ้าจะกังวลไปไย? หากตาแก่นั่นไล่ตามมา พวกเราก็เพียงต้องต่อสู้จนตัวตาย หากได้ตายกลางแม่น้ำมังกรเหลืองที่งดงามและจบลงในท้องปลาบางตัว นั่นก็ฟังดูน่าสนใจไม่น้อยมิใช่หรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า"
ฟางหยวนไม่สนใจเธอแต่จ้องมองไปในระยะไกล
ด้วยการแล่นเรือมาห้าวัน มันทำให้พวกเขาเข้าใกล้ภูเขาไป่กู่มากขึ้นเรื่อยๆ
จากความทรงจำของเขา มีด่านรับสืบทอดมรดกของผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ฝ่ายธรรมะอยู่ที่นั่น
'ข้าไม่เคยเห็นด่านรับสืบทอดมรดกนี้และเพียงได้ยินมาเท่านั้น แต่ข่าวลือบอกว่ามันมีอุปสรรคบางอย่างที่ต้องใช้ความร่วมมือของผู้ใช้วิญญาณสองคนจึงจะสามารถผ่านเข้าไป'
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะชำเลืองมองไปยังไป่หนิงปิง
แม้พวกเขาจะเดินทางมาด้วยกัน แต่มันก็เป็นเพราะสถานการณ์และแรงกดดันจากศัตรูที่ทรงพลังบีบบังคับ ฟางหยวนกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งขั้นต้นที่ต้องได้รับการคุ้มครองจากไป่หนิงปิง ขณะที่ไป่หนิงปิงกลายเป็นผู้หญิงและต้องการวิญญาณหยางจากฟางหยวน เธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องประนีประนอม
แต่เมื่อเข้าสู่ด่านทดสอบรับสืบทอดมรดกบนภูเขาไป่กู่ พวกเขาจะสามารถประสานจิตใจกันได้หรือไม่? นี่ยังเป็นคำถามใหญ่
"ปึก!"
เสียงแปลกๆดังขึ้น
"ไม่ดีแล้ว เชือกหลุด!" เสียงที่ไป่หนิงปิงรู้สึกคุ้นเคยดังขั้นก่อนที่เธอจะกรีดร้องเสียงดัง
ในช่วงเวลาห้าวันของการเผชิญหน้ากับระลอกคลื่น เชือกที่ผูกมัดแพไม้ไผ่เอาไว้หลุดออกทีละเส้นทีละเส้น โชคดีที่ฟางหยวนเต็มตัวออกเดินทางล่วงหน้ามานานแล้ว
"เร็วเข้า! เอาเชือกมา ข้าจะจับมันไว้" ฟางหยวนเร่งคว้าจับท่อนไม้ไผ่ที่เริ่มแยกออกจากกัน
แม่น้ำไหลอย่างเชี่ยวกราก มันจึงต้องใช้พละกำลังมหาศาลในการยึดแพไม้ไผ่เอาไว้ ไป่หนิงปิงไม่มีความสามารถชนิดนี้ ดังนั้นจึงต้องอาศัยฟางหยวนที่ครอบครองความแข็งแกร่งของหมูป่าสองตัว
เนื่องจากสถานการณ์นี้เกิดขึ้นหลายครั้งมาแล้ว ไป่หนิงปิงจึงมีความเชี่ยวชาญในการจัดการปัญหานี้
"รับไป!" เธอวิ่งไปหาเชือกที่วางอยู่รอบเสากระโดงเรือก่อนจะโยนให้กับฟางหยวน
ฟางหยวนรับมันมาและผูกมันเข้ากับแพไม้ไผ่อย่างยากลำบากกระทั่งเหงื่อหยดลงมาจากหน้าผากของเขา หลังจากมัดเชือกเอาไว้อย่างหนาแน่น แพไม้ไผ่จึงเกิดเสถียรภาพขึ้นอีกครั้ง
"แพไม้ไผ่เสียหายมากแล้ว จากที่ข้าเห็น มันไม่ควรอยู่ได้เกินหนึ่งวัน พวกเราคงต้องขึ้นฝั่งในช่วงเวลานี้" ฟางหยวนถอนหายใจ
แม่น้ำเหลืองไม่ใช่สถานที่ปลอดภัย ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามีอันตรายใดบ้างที่ซ่อนอยู่ หากแพไม้ไผ่ล่มลงกลางแม่น้ำ ฟางหยวนกับไป่หนิงปิงจะไม่มีทางเลือกนอกจากลอยไปตามกระแสน้ำโดยไม่มีผู้ใดบอกได้ว่าพวกเขาจะสามารถรอดชีวิตไปได้หรือไม่
"ฉึก..."
ทันใดนั้นเสียงประหลาดสายหนึ่งพลันดังขึ้นอย่างกะทันหัน
"เสียงนั่น!?" ฟางหยวนขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินเสียงนี้
ไป่หนิงปิงแสดงออกด้วยความสงสัย "เสียงใด? ข้าไม่ได้ยินสิ่งใดทั้งสิ้น"
รากโสมงอกออกมาจากใบหูของฟางหยวนแทบจะในเวลาเดียวกันและนั่นทำให้เขาได้ยินเสียง "ฉึก ฉึก ฉึก..." อย่างต่อเนื่องพร้อมกับแพไม้ไผ่ที่เริ่มเกิดการสั่นไหว
"มีบางสิ่งโจมตีแพจากใต้น้ำงั้นหรือ?" ไป่หนิงปิงตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
เป็นเพียงเวลานี้ที่ลำแสงสีดำพุ่งขึ้นมาด้านข้างและเฉี่ยวปลายผมของไป่หนิงปิงไปเล็กน้อย
เงาดำรวดเร็วเกินไปจึงไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนนัก ขณะที่ไป่หนิงปิงรู้สึกถึงความเย็นเยียบที่ข้างหูพร้อมกับของเหลวที่ไหลลงมาจากพวงแก้มสีชมพูของเธอ มันคือเลือด!
"มันคือสิ่งใด?" เธอลอบสาบแช่งขณะที่เงยหน้าขึ้นแต่กลับมองเห็นเพียงลำแสงสีดำที่หล่นลงไปในน้ำเท่านั้น
"มันคือปลากระบี่เหิน บัดซบ! พวกเราต้องรีบขึ้นฝั่งทันที!" ฟางหยวนตะโกนเสียงดังและเร่งนำเรือเข้าฝั่ง
ปลากระบี่เหินมีปากและหางที่แหลมคมไม่ต่างจากกระบี่ พวกมันมักปรากฏตัวในแม่น้ำขนาดใหญ่หรือมหาสมุทรและออกล่าเหยื่อเป็นฝูง อาจจะร้อยหรือแม้แต่พันตัว ปลากระบี่เหินเป็นสัตว์กินเนื้อและสามารถล่าสัตว์ที่มีร่างกายใหญ่โตกว่าพวกมันถึงสิบหรือร้อยเท่า
ปลากระบี่เหินค่อยๆพุ่งขึ้นมาจากแม่น้ำราวกับลูกศรสีดำ
แพไม้ไผ่สั่นสะเทือนรุนแรงมากขึ้นตามการโจมตีของปลากระบี่เหิน โชคดีที่ไม้ไผ่ของภูเขาชิงเหมาเป็นไผ่ชั้นยอด มันแข็งแรงและทนทานเป็นพิเศษ แต่เผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างต่อเนื่อง แพไม้ไผ่ก็ยังส่งสัญญาณว่าสามารถพังทลายลงได้ทุกขณะ
ด้วยการปรับใบเรือเพื่อหยิบยืมพลังงานลม แพไม้ไผ่จึงเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งมากขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตามปลากระบี่เหินดูเหมือนไม่มีเจตนายอมแพ้และยังโจมตีแพไม้ไผ่จากใต้น้ำอย่างบ้าคลั่ง
"แคร็ก!"
แพไม้ไผ่ถูกแยกออกขณะที่สมดุลของมันเอนไปทางไป่หนิงปิง
ไป่หนิงปิงเผยรอยยิ้มขมขื่น หลังจากการระเบิดตัวเองของสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืด วิญญาณในร่างของเธอถูกแช่แข็งตายทั้งหมด แม้วิญญาณกงล้อหยินหยางจะนำเธอคืนสู่ชีวิต แต่มันไม่สามารถชุบชีวิตให้กับวิญญาณของเธอ
"แคร็ก แคร็ก"
แพไม้ไผ่เริ่มแยกออกจากกัน แม้มันจะสามารถทนคลื่นน้ำลูกแรก แต่มันไม่สามารถทนแรงปะทะของคลื่นลูกที่สองเป็นเหตุให้บางส่วนเริ่มจมลง
"เร็ว เร็ว เร็ว" ฟางหยวนพยายามปกป้องแพอย่างเต็มความสามารถ ทั้งหมดก็คือหากพวกเขาตกลงไปในแม่น้ำ พวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
ปลากระบี่เหินพุ่งเข้าโจมตีพร้อมกับคลื่นน้ำระลอกที่สาม นี่จึงทำให้แพไม้ไผ่ระเบิดแตกออกเป็นชิ้นๆ
วิญญาณเกราะนภา!
ฟางหยวนต้องกระตุ้นใช้งานวิญญาณระดับสามอย่างจริงจังและทำให้พลังวิญญาณของเขาถูกดูดกลืนในอัตราเร็วที่น่าสะพรึงกลัว
แต่มันยังอยู่ภายใต้การควบคุมในเงื่อนไขที่เขามีพรสวรรค์นภาที่หนึ่งกับระดับทะเลวิญญาณเก้าสิบส่วนหนุนเสริมด้วยความสามารถของบัวสมบัติสวรรค์!
อย่างไรก็ตามทะเลวิญญาณสีครามประกายทองแดงของผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งขั้นต้นยังไม่สามารถเติมเต็มความต้องการของวิญญาณเกราะนภา แสงสว่างที่ห่มคลุมร่างกายของเขาจึงค่อนข้างริบหรี่และไม่สามารถปลดปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณระดับสามออกมาได้เลย
"ปัง ปัง ปัง"
ฝูงปลากระบี่เหินพุ่งเข้าโจมตีเกราะแสงของฟางหยวนอย่างไม่หยุดยั้ง ขณะที่ไป่หนิงปิงเริ่มได้รับบาดเจ็บและพยายามหลบอยู่ด้านหลังฟางหยวน
นี่เป็นสถานการณ์วิกฤตสำหรับพวกเขาอย่างแท้จริง แพไม้ไผ่เหลืออยู่เพียงหนึ่งในสามส่วนขณะที่มันจมลงไปถึงข้อเข่าของฟางหยวนเรียบร้อยแล้ว
"นี่แย่มาก! ผู้ใช้วิญญาณระดับห้าไม่สามารถฆ่าข้า แต่ข้าต้องมาตายเพราะฝูงปลาตัวเล็กตัวน้อยเหล่านี้งั้นหรือ?" ไป่หนิงปิงถอนหายใจ
หากคลื่นน้ำอีกลูกซัดสาดเข้ามา พวกเขาจะตายหลังจากจมลงไปใต้น้ำอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตาม ในจังหวะนี้การโจมตีของฝูงปลากระบี่เหินกลับค่อยๆหยุดลง
"พวกเราใกล้ถึงฝั่งแล้ว ปลากระบี่เหินจะไม่เข้ามาในบริเวณร่องน้ำตื่น พวกเราปลอดภัยแล้ว" ฟางหยวนถอนหายใจก่อนจะปลดเกราะแสงออกไป
เขาแทบไม่ได้นอนตลอดห้าวันที่ผ่านมา เพราะเขาต้องควบคุมทิศทางการไหลของแพไม้ไผ่ นี่ทำให้ร่างกายของเขาสะสมความเหน็ดเหนื่อยเอาไว้อย่างมหาศาล
ไป่หนิงปิงหอบหายใจอย่างหนักหน่วง ชุดสีขาวของเธอเต็มไปด้วยคราบเลือด มันเป็นเพียงเพราะเธอมีความสามารถในการต่อสู้และด้วยความพยายามอย่างเต็มกำลัง เธอจึงได้รับบาดเจ็บเพียงผิวเผินเท่านั้น
ฟางหยวนชำเลืองมองไป่หนิงปิง แต่ในจังหวะนี้ความเจ็บปวดกลับแล่นผ่านร่างกายเขาเช่นกัน
เขาได้รับบาดเจ็บและยังมีเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
ทะเลวิญญาณของเขาแห้งเหือดภายในไม่กี่นาทีหลังจากกระตุ้นใช้งานวิญญาณเกราะนภา
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้แผนการของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยเมื่อมันยังมีระยะทางอีกช่วงหนึ่งก่อนจะถึงภูเขาไป่กู่ แต่ฟางหยวนก็ทำได้เพียงต้องขึ้นฝั่งอย่างรวดเร็วที่สุดเท่านั้น
แพไม้ไผ่แทบไร้ประโยชน์ ฟางหยวนต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อล่องแก่งลัดเลาะแนวโหดหินไปให้ถึงชายฝั่ง
อย่างไรก็ตามสุดท้ายทั้งสองก็ถูกกระแสน้ำพัดขึ้นไปบนชายหาดที่อ่อนนุ่ม พวกเขามาถึงในที่สุด!
ไป่หนิงปิงยกมือขึ้นปิดบาดแผลของเธอและนั่งอยู่บนหาดทรายด้วยใบหน้าที่ซีดขาว "หากมันยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าอาจตายเพราะสูญเสียเลือด เร็วเข้า! นำวิญญาณสายรักษาของเจ้าออกมา"
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่นเมื่อคิดถึงวิญญาณสายรักษา เขาจะนำมันออกมาได้อย่างไร? เขาสามารถนำมันออกมาจากความว่างเปล่างั้นหรือ?