บทที่ 73 ดังอื้อฉาว (อ่านฟรี)
เฝิงหยู่ยกมือซ้ายขึ้น จงใจให้สี่หนุ่มเหล่านั้นเห็นนาฬิกาข้อมือของเขา ในยุคสมัยนั้น ใครก็ตามที่สามารถสวมใส่นาฬิกาแบรนด์เซี่ยงไฮ้ได้ ต่างก็ไม่ใช่คนธรรมดา
ไม่ว่าจะมองอย่างไง เฝิงหยู่ก็ดูเหมือนนักเรียนระดับมัธยมทั่วไป แต่การแต่งกายของเขากลับแสดงให้เห็นความร่ำรวย ควบคู่กับท่าทางสงบเยือกเย็นของเฝิงหยู่ พวกหนุ่มๆทั้งสี่จึงได้แต่มองหน้ากันและกัน แล้วรีบจ่ายเงินเดินออกไป
พวกเขาเพียงต้องการใช้ความเมาเป็นข้ออ้างในการล่วงเกินสาวๆ ถ้าพวกของเฝิงหยู่เกิดมีท่าทางตื่นตระหนก ไม่แน่พวกเขาอาจจะก่อเรื่องชั่วร้ายอะไรก็ได้ แต่พวกเขามาเตะตอไม้ใหญ่เข้า จึงรีบหนีไปเสียดีกว่า
ถ้าสิ่งที่เฝิงหยู่พูดเป็นความจริง ว่าพี่เขยของเขาเป็นสมุนของหวังขาเป๋ พวกเขาแต่ละคนคงถูกหักขาแน่!
เจ้าของร้านบาร์บีคิวก็ได้ยินคำพูดของเฝิงหยู่ จึงส่งเนื้อย่างบาร์บีคิวมาให้เอง พร้อมทั้งเหล้าเบียอีกหลายขวด ยังเด็กยังเล็กแต่ไม่ตั้งใจเรียน เลือกเดินทางผิด ฉันยังคิดว่าพวกเขาเป็นนักเรียนที่ดีอยู่เลย อีกหน่อยเด็กพวกนี้คงกลายเป็นพวกอันธพาล
หลังจากทานเสร็จแล้ว เฝิงหยู่ก็ขี่จักรยานพาหลี่น่าขับไปส่ง ส่วนเหวินตงจุนก็พาแม่สาวอ้วนท้วนไปส่ง
"พี่เขยของนายเป็นนักเลงจริงๆเหรอ?" หลี่นาถาม
"ฉันก็แค่ขู่วัยรุ่นนั่นให้ตกใจกลัว เธอเองก็เชื่อไปกับเขาด้วย ถ้าเมื่อกี้ฉันไม่โกหก พวกนั้นคงไม่วิ่งหนีหางจุกตูดไปหรอก" เฝิงหยู่หัวเราะ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนดี แต่เขาก็ไม่เคยคิดเข้าร่วมกลุ่มกับนักเลงหรือมาเฟีย เพียงแค่ทำธุรกิจหาเงินอย่างสุจริต เขาก็มีเงินใช้ทั้งชีวิตอย่างไม่หมดไม่สิ้น แล้วทำไมเขาต้องไปทำธุรกิจที่ผิดกฎหมายด้วย?
หลี่น่านอนอยู่บนเตียง เธอนอนพลิกพลิกตัวไปมาด้วยเพราะนอนไม่หลับ เธอรู้จักครอบครัวของเฝิงหยู่ จึงรู้ว่าครอบครัวของเขาเป็นชาวไร่ชาวสวน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ยากจน แต่พวกเขาไม่ใช่คนร่ำรวยมั่งคั่งเป็นแน่
แต่ปีนี้ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงทำให้เฝิงหยู่ร่ำรวยขึ้นมาทันควัน เขามีรถขับ สวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนม ทั้งยังซื้อห้องชุดในเมืองอีก หรือว่าพี่เขยของเฝิงหยู่คือพวกมาเฟียจริงๆ บางทีเขาอาจจะไม่ใช่คนดี
หลี่น่าวิตกกังวลว่าเงินของเฝิงหยู่จะได้มาด้วยวิธีการที่ผิดกฎหมาย ของขวัญที่เฝิงหยู่มอบให้เธอล้วนแล้วแต่ราคาแพงมาก เธอจึงตัดสินใจที่จะไม่รับของขวัญของเขาอีกต่อไป
……
บ่ายวันอาทิตย์ เฝิงหยู่ตื่นตอน 10 โมงเช้า เขาตื่นเพราะเขาความหิวโหย หลังจากที่ไปหาอะไรรองท้องในห้องครัวแล้ว เขาก็ล้างหน้าลูบตัวเดินทางไปยังบริษัทของเขา
วันนี้เป็นวันที่จะโอนเงินให้จีหลี่เหลียนเคอ เฝิงหยู่ไม่รีรอรีบดำเนินการ เพราะเขายังต้องการที่จะทำงานร่วมกับจีหลี่เหลียนเคอในระยะยาว
บริษัทการค้าไท่หัวไม่มีพนักงานบัญชี ไม่มีเจ้าหน้าที่การเงิน จำนวนเงินทั้งหมดได้เฝิงหยู่เป็นผู้จัดการเพียงคนเดียว โชคดีที่ปีนี้ยังไม่ต้องทำบัญชีอะไร ไม่เช่นนั้นเฝิงหยู่คงปวดหัว
ส่วนเรื่องที่ว่าบริษัททำเงินได้เท่าไหร่นั้น มีเพียงเฝิงหยู่เพียงคนเดียวที่รู้ แม้แต่หลี่ซื่อเฉียงก็รู้ประมาณคร่าวๆ ส่วนคนอื่นๆได้แต่คาดเดาเท่านั้น
เพราะเงินจำนวนนี้ของบริษัท เฝิงหยู่จะเอาออกมาลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับเฝิงหยู่มากกว่า
อีกเหตุผลหนึ่งที่เฝิงหยู่ไม่จ้างบัญชี เพราะมีหลายกรณีที่บัญชีของบริษัทยักยอกเงินแล้วหลบหนี ไม่ใช่แค่ในยุคสมัยนี้ แม้แต่ในชีวิตก่อนหน้าของเขาก็มีคนที่ถูกอำนาจเงินเข้าครอบงำแล้วยักยอกเงิน
ในยุคนี้เทคโนโลยีไม่ก้าวหน้า ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนชื่อในการซื้อตั๋วรถไฟ ไม่มีกล้องวงจรปิดบนถนน เมื่อใดที่มีคนหลบหนี ไปหาที่ซ่อนในหมู่บ้านเล็กๆในภูเขา ปีถัดไปเขาค่อยใช้เงินบางส่วนเพื่อให้ได้บัตรประชนใหม่ ด้วยวิธีนี้เขาจะเป็นอิสระและสามารถอาศัยอยู่ในเมืองอื่นได้โดยไร้ความผิด
อย่าหลงผิดคิดว่ามีตำรวจที่ดีอยู่มากมาย เพราะแกะสีดำมีแฝงตัวอยู่ทุกที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชุมชน หากผู้นำหมู่บ้านเป็นผู้รับประกัน สถานีตำรวจก็จะไม่ตรวจสอบ เพราะพวกเขาจะอ้างว่าเป็นญาติสนิทมิตรสหายคนหนึ่ง แล้วช่วยให้ลงทะเบียนทำบัตรประชนใหม่ทันที
เฝิงหยู่เชื่อใจหลี่ซื่อเฉียงเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่เขาไม่เข้าใจเรื่องบัญชีและไม่ต้องการเรียนรู้ เขารู้สึกวางใจกว่าที่ให้เฝิงหยู่ดูแลบัญชี ส่วนเขาจะรอจนถึงสิ้นปีเพื่อจะได้รับส่วนแบ่ง
ในยุคนี้ การโอนเงินเป็นเรื่องยุ่งยากมาก แม้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกเงินที่เฝิงหยู่โอนเงิน แต่เขาก็ต้องดำเนินการโดยความช่วยเหลือของพนักงานธนาคารคนหนึ่ง ซึ่งใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการทำธุรกรรมครั้งนี้ ทำไมเขาต้องออกมาโอนเงิน แล้วยังต้องรอลายเซ็นอนุมัติจากผู้จัดการของธนาคารในการโอนเงินอีก?
หลังจากที่จัดการเสร็จ เฝิงหยู่ก็ไปยังสถานที่ที่ใช้ตกแต่งปรับปรุงรถใหม่ พอมองรถทุกคันที่ตกแต่งใหม่อย่างหรูหรา คล้ายกับว่าเฝิงหนู่กำลังมองกองเงินกองทอง ถ้าเมื่อครู่โอนเงินล่าช้า ทุกสิ่งทุกอย่างคงจบสิ้นทันที
ช่วงนี้ อู๋จื้อกางและคนอื่นๆต่างก็ทำงานหนักมาก พวกเขาพาคนจำนวนมากมาดูรถเหล่านี้ บางคนซื้อรถเลยทันที ในขณะที่บางคนคิดว่าราคาแพงเกินไป นี่เป็นรถมือสองเท่านั้น แต่ขายราคาหลายแสน พวกเขาจึงต้องขอกลับไปคิดดูก่อน
แม้ว่าในเมืองปิงมีประชากรเยอะมาก แตคนร่ำรวยมีไม่มากมาย คนที่ร่ำรวยอยู่ก่อน ต่างก็ซื้อรถเมอร์เซเดสไม่ก็ BMW แต่ยอดขายของ Rolls Royce และ Toyota Crown ก็ถือว่าไม่เลว
แผนการโฆษณาแบบเก่าเริ่มไม่เป็นผล ทั้งยังดูออกง่าย เขาจึงไปยังสำนักพิมพ์อีกครั้งเพื่อซื้อโฆษณาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ทั้งยังชวนนักเรียนที่เรียนการบินของโรงเรียนอาชีวะศึกษา มาแต่งกายเครื่องแบบแอร์โฮสเตส แล้วไปยืนข้างรถ
หนึ่งวันกับรถหนึ่งรุ่น หนึ่งวันกับสาวสวยหนึ่งคน เป็นแบบนี้ต่อเนื่อง 10 วัน รถ10แบบ และสาวสวย10คน ทำให้บรรดาเจ้าของธุรกิจที่มาเลือกซื้อรถต่างตื่นเต้นจิตใจกระชุ่มกระชวย
จากการกระตุ้นโฆษณา เฝิงหยู่เชื่อว่าพวกเขาสามารถขายรถได้20-30 คัน แต่ตลาดของเมืองปิงก็ไม่ใหญ่โตมาก รถสปอร์ตจึงขายทอดตลาดยาก
สภาพถนนในยุคสมัยนั้นไม่ดีเท่าชีวิตครั้งก่อนของเขา ไม่มีทางมากมายให้พวกเขาขับเล่น รถมือสองรอบที่สองนี้จึงขายไม่ออกแล้ว
อีกสองเดือนหลังจากนี้ รถมือสองรอบใหม่จะถูกส่งมา หากเฝิงหยู่ไม่สามารถขายรถยนต์เหล่านี้ภายในสองเดือนได้ เขาอาจจะประสบปัญหาเรื่องเงินสด
"จื้อกาง วันพรุ่งนี้นายชวนใครสัดคนไปที่มณฑลจี๋หลิน เมื่อไปถึงแล้วให้ทำโฆษณาแบบเดียวกันกับที่เราลงโฆษณาหนังสือพิมพ์ในมณฑลหลงเจียง"
"ไม่มีปัญหา ผมจะรับผิดชอบเอง" เมื่อผู้จัดการฝ่ายเฝิงให้เขาออกนอกสถานที่ เขาจะให้ค่าเดินทางเป็นจำนวนมาก
คืนนั้นเมือ่เฝิงหยู่กลับห้อง เขาก็เล่นวิดีโอเกมกับเหวินตงจุนสักพักก่อนที่จะเข้านอน
วันจันทร์ เมื่อเขามาถึงห้องเรียน เขาสังเกตเห็นว่าสายตาที่เพื่อนนักเรียนมองเขามันเปลี่ยนไป ดูเหมือนว่านักเรียนต่างก็หวาดกลัวเขา
ไม่น่าใช่ เขาไม่เคยต่อสู้ต่อยตีในโรงเรียน ไม่เคยแม้กระทั่งแสดงสีหน้าโกรธ แล้วทำไมทุกคนจึงกลัวเขา?
มีนักเรียนสองสามคนกระซิบกระซาบในห้องในระหว่างที่เฝิงหยู่อยู่ในห้องน้ำ เขาจึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
"มีข่าวลือว่าพี่เขยของเขาเป็นนักเลงและทำงานให้กับหวางขาเป๋"
"อะไรนะ? เธอไม่เชื่อเหรอ? ลองคิดดูสิ ว่าทำไมเฝิงหยู่กล้าที่จะลุกขึ้นมาประจันหน้ากับเจ้าหน้าที่ วินัยหลี่ ทำไมหลังจากที่เกิดเหตุการณ์นั้นแล้ว เขาไม่ลูกลงโทษใด ๆเลย ?"
"ยังจำตอนเปิดเทอมได้ไหม ตอนนั้นพวกเรากำลังพูดคุยกันเรื่องคะแนนสอบเข้าใช่ไหม? เฝิงหนู่ขาดสามคะแนน ส่วนเหวินตงจุนขาดอีกสามสิบกว่าคะแนน พวกเขาก็ยังไม่ได้อาศัยอยู่ในเมือวปิง พวกเขามาจากชนบทในละแวกนี้ แล้วพวกเขาสอบเข้าโรงเรียนนี้ได้อย่างไร? "
"พ่อของฉันเคยเห็นพี่เขยของเฝิงหยู่กับตาตัวเอง เขาทั้งสูงทั้งล่ำ หัวรุนแรง กำปั้นของเขาใหญ่เท่าหม้อดิน. ได้ยินมาว่าเขาเป็นลูกน้องคนสำคัญของหวังขาเป๋"
"นอกจากนี้ แม้แต่รองผู้อำนวยการยังกลัวพี่เขยของเฝิงหยู่ ฉันคิดว่าต่อไปภายหน้าเฝิงหยู่จะกลายเป็นหัวโจกใหญ่คุมโรงเรียนนี้. เราควรอยู่ห่างจากเขาเอาไว้ อย่าไปมีเรื่องกับเขา พวกแก๊งอันตพาลสิบกว่าคนที่อยู่นอกโรงเรียน แค่เจอเฝิงหยู่ยังเรียกเขาว่าลูกพี่เฝิง! "
บางคนพูดราวกับเห็นมากับตา แต่งเรื่องขึ้นมาอย่างเว่อวัง น่าจะแต่งเพิ่มว่าเขาเคยใช้หมักต่อยหวังขาเป๋จนล้ม ใช้เท้าถีบซ่งเหล่าซื่อจนคุกเขา
เฝิงหยู่เปิดประตูห้องน้ำออกมา แสยะยิ้มเห็นฟันสีขาว เด็กนักเรียนเหล่านี้รีบวิ่งหนีไปอย่างลุกลี้ลุกลน ราวกับกลัวว่าเฝิงหยู่จะจดจำใบหน้าของตัวเองได้
เฝิงหยู่รู้ว่าใครแพร่กระจายข่าวลือเหล่านี้. มันจะต้องเป็นนังอ้วนแน่ๆ แต่ช่างมันเถอะ. ไม่ว่าหล่อนจะมีเป้าหมายอะไร อย่างน้อยคงจะไม่มีใครกล้ามาระรานเขาอีก และไม่มีใครกล้าที่จะมาตอแยหลี่นา
แม้ว่าชื่อเสียงของเขาดังอื้อฉาวไปในทางที่ไม่ดี เเต่เฝิงหยู่ไม่สนใจ. โดยเฉพาะเจ้างั่งเหวินตงจุนที่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนมีอิทธิพล แล้วยืมชื่อของเฝิงหยู่มาขู่นักเรียนคนอื่น ๆที่เข้าใกล้ดาวเด่นในชั้นเรียนห้องข้างๆที่เขาหมายปอง
…………………………………………………………..