ตอนที่ 9 ฝุ่นผง
ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกเหมือนร่างกายของเขาถูกเผาโดยแสงแดด เขารู้สึกไม่ดี เขาสัมผัสถึงเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในสิ้นเลือด ความมหัศจรรย์เริ่มหยั่งรากลึกลงไปในหัวใจของเขา...
เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น รู้เพียงแค่ว่า เมื่อภาพแห่งการสรรค์สร้างถูกนำออกมา สายตาของเขาก็ถูกมันดึงดูดไปโดยอัตโนมัติ
เขาหวังที่จะเข้าใจเกี่ยวกับเต๋าแห่งการสรรค์สร้างเขาถึงพยายามทำความเข้าใจว่าอะไรหมายถึง โชคชะตา?
หลังจากนั้น เขาเริ่มศึกษามัน ตัวหนังสือบนนั้นเขาสามารถเข้าใจมันได้เนื่องจากมันเหมือนที่โลกเก่าของเขา แค่มันเป็นรูปแบบที่เก่าแก่มาก แต่มันง่ายมากสำหรับ ฟาง เจิ้งจือ ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์!
ถัดจากนั้น เข้าก็คิดได้ว่า ตัวอักษรและตัวเลขเหล่านั้น มันเป็นรูปแบบที่ดูคุ้นเคยสำหรับเขา ทุกตัวอักษรและตัวเลขตั้งแต่บนถึงล่าง ทั้งหมดถูกจัดเรียงด้วยกฎที่ตายตัว
การเรียงตัวแบบนี้มันดูแปลกมาก เหมือนกับว่ามันไม่ใช่รูปแบบที่แท้จริง แต่ถูกทำให้ยุ่งเหยิง
ทำให้มันกระจัดกระจายและยากที่จะอ่านมัน
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ใช้เวลานานเกินไปนัก ถ้ามันถูกทำให้ดูยุ่งเหยิง ก็แค่จับมันมารวมกันเหมือนเดิม จากนั้นเขาก็พยายามที่จะเชื่อมโยงตัวอักษรและตัวเลขเข้าด้วยกัน...
เขาก็เริ่มหงุดหงิด ที่ตัวอักษรและตัวเลขเริ่มมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เข้าเริ่มใช้สมองหนักขึ้น เขาจะถอดรหัสตัวเลขและตัวอักษรที่ถูกเชื่อมโยงไว้ด้วยกันได้อย่างไร?
ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ รูปแบบนี้เหมือนกับถูกเรียงไปตาม แผนผังแปดทิศ(ยันต์แปดทิศของจีน)
ตัวอักษรและตัวเลขบนแผ่นหินนั้นเหมือนกับ คาถาแห่งการให้กำเนิด โชคดีที่มันไม่ซับซ้อนมากนัก
ใช้ประโยชน์จากความรู้อันมากมายของเขารวมเข้ากับความรู้เกี่ยวกับ ‘ความรู้ทางศิลปะจากโลกที่สาบสูญ’ ที่เป็นงานที่เขาเคยวิจัยในโลกเดิม รวมถึงบันทึกโบราณที่เกี่ยวกับคาถาก่อกำเนิด ในที่สุดเขาก็เข้าใจ.....
ทองฟ้าพลันมืดสนิท แผ่นดินก็หายไปเช่นเดียวกัน ข้างหน้าของเขามีเพียงผืนมหาสมุทรทอดตัวไปสุดลูกหูลูกตา น้ำสีมรกตหมุนอย่างไม่หยุดนิ่ง และมีฝูงนกที่กำลังบินข้ามมหาสุมทรอยู่
ดวงจันทร์สีทองลอยขึ้นมาจากขอบฟ้า ความมืดเริ่มเข้าปกคลุม ดวงดาวเริ่มปรากฎออกมา 1ดวง 2ดวง 3ดวง....
เมื่อดวงดาวนับไม่ถ้วนลอยอยู่เต็มท้องฟ้า หัวใจของเขาก็เริ่มเต้นแรงขึ้น ดวงดาวดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ หลังจากนั้นก็ค่อยๆเข้ามารวมกลุ่มกันเรื่อยๆ จนกลายเป็นกลุ่มดาว และกลุ่มดาวเริ่มจะผสานกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
แผ่นดินอันกว้างใหญ่ หุบเขาลึก แม่น้ำที่เชี่ยวกราด สัตว์ร้าย ผืนเมฆ....
ดูเหมือนทุกสิ่งอย่างถูกรวมอยู่กับดาวเหล่านี้ทั้งหมด
“ตูม!”
ขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ กำลังดูฉากที่เกิดขึ้นอยู่ ทันใดนั้นทุกอย่างก็พังทลายลง ทุกอย่างกลายเป็น ‘ฝุ่นผง’ เข้ามารวมอยู่ที่หัวใจของเขา
เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ เปิดตาของเขาขึ้นมา เขารู้ว่าเขาได้กลับมาแล้ว
ท้องฟ้ายังคงเป็นสีฟ้าเช่นเดิม แผ่นดินก็ยังเป็นแผ่นดินที่เป็นสีน้ำตาลเหมือนเดิม....
เกิดอะไรขึ้น? หรือมันเป็นภาพลวงตา?
ฟาง เจิ้งจือ ยกกำปั้นเล็กๆของเขาเคาะที่หัว หลังจากนั้นเขามองไปรอบๆ พบว่าลานหน้าหมู่บ้านนั้นเงียบสงัด ทุกคนต่างเบิกตากว้างและอ้าปากค้าง...
สิ่งที่เขารู้คือแสงสีทองของภาพแห่งการสรรค์สร้างนั้นหายไปทันทีที่เขาลืมตา ก่อนที่แสงจะค่อยๆจางลง
ภาพแห่งการสรรค์สร้างนั้นกลับสู่สภาพปกติ และแม่ทัพหลี่ ก็พึ่งตระหนักขึ้นได้
ด้วยความแปลกใจ มือทั้งคู่ของเขาสั่นด้วยความตื่นเต้น เขาไม่ได้คิดที่จะคาดหวังกับหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ แต่หมู่บ้านนี้กลับมอบความประหลาดใจที่ยอดเยี่ยมให้กับเขา
“มีใครในพวกเจ้ารู้หนังสือบ้างหรือไม่?” แม่ทัพหลี่ พยายามยับยั้งความตื่นเต้น และอยู่ในความสงบมากที่สุด แต่เขาก็ไม่อาจซ่อนความตื่นเต้นจากเสียงที่สั่นของเขาได้
“ข้า!” ทันทีที่แม่ทัพหลี่ ถามออกมา ก็มีใครบางคนในแถวยกมือขึ้นมา
ทุกคนบนลานต่างหันไปมองทางเด็กคนนั้นที่ยืนอยู่บนเวทีหลังจากได้ยินเด็กคนนั้นตอบรับ
“เป็นเขางั้นหรือ!?”
“ไม่น่าเชื่อ?!”
หลังจากที่เห็นเด็กคนนั้นอย่างชัดเจน บนใบหน้าของชาวบ้านต่างเต็มไปด้วยความอิจฉา
เด็กคนนั้นมีใบหน้าที่ขาวสะอาดอ้วนท้วม สวมเสื้อและโพกผ้าบนหัวเป็นสีแดงเช่นเดียวกัน
เขายกมือขึ้นมาด้วยความภาคภูมิใจ
เขาเป็นหลานชายของหัวหน้าหมู่บ้าน เมิ่ง ไป่ ชื่อว่า เมิ่ง เจียงฉาน
ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อได้ยินว่า เมิ่ง เจียงฉาน รู้หนังสือ เขาแสดงความตกใจออกมาเล็กน้อย ถึงแม้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะดูแล้ว เอ่อ....น่าจะห่างไกลจากคำว่า ‘มีการศึกษา’ ก็ตาม แต่ดูเหมือนเขาก็เลียงดูลูกหลานได้เป็นอย่างดี
เมื่อเห็นหลานชายของตัวเองยกมือขึ้น ใบหน้าของหัวหน้าหมู่บ้านเริ่มมีน้ำตาไหลออกมา
หยาดน้ำตาไหลออกมาจากตาทั้งสองข้างของเขา
เขารู้สึกชื่นชมยินดีจากก้นเบื้องของหัวใจ หลานชายของเขาเป็นคนไขปริศนาภาพแห่งการสรรค์สร้าง! ไม่มีใครคนอื่นในหมู่บ้านทางใต้นี้รู้หนังสือนอกจากหลานชายเขาแน่นอน
เมื่อคิดถึงตรงนี้น้ำตาของเขายิ่งไหลออกมามากขึ้น ประตูแห่งความรุ่งโรจน์เหมือนเปิดรอหลานชายเขาอยู่
“ข้าสามารถเขียนคำว่า หนึ่ง สอง สาม ได้ โอ้! นอกจากนี้ข้ายังเขียน คำว่าเล็กและใหญ่ได้อีกด้วย! เมิ่ง เจียงฉาน พูดออกมาด้วยความมั่นใจและอวดดี ขณะที่มองไปยังใบหน้าของชาวบ้านที่กำลังแสดงความอิจฉาออกมา
แม้แต่ชาวบ้านต่างประทับใจในตัวหลานชายเขาเช่นเดียวกัน
แม่ทัพหลี่ พยักหน้าให้ เมิ่ง เจียนฉานพูดต่อ
แต่....เมิ่ง เจียงฉาน พูดจบแล้ว! เขารู้แค่นี้
สถานการณ์เริ่มกระอักกระอวน หลังจากรอไปสักพัก แม่ทัพหลี่ รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“แค่นั้นหรือ?” แม่ทัพหลี่ ถามอย่างสงสัย
“ใช่แล้ว ข้ารู้วิธีเขียนตั้ง 5 คำเชียวนะ!” เมิ่ง เจียงฉาน ยังคงมั่นใจอยู่
แม่ทัพหลี่ รู้สึกเหมือนหน้ามืดทันที ตาของเขาหันไปมองที่ภาพแห่งการสรรค์สร้าง ความหนักใจปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา
ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มเยาะในใจ หลังจากฟังบทสนทนาระหว่าง แม่ทัพหลี่ และ เมิ่ง เจียงฉาน
จะเป็นยังไงถ้าเขาตะโกนขึ้นมาว่า “ข้าคนนี้ รู้ทุกคำที่เขียนอยู่บนภาพนั้นแล้ว!”ชาวบ้านจะหวาดกลัว และคิดว่าเขาถูกผีสิงอีกหรือไม่?
ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
แม่ทัพหลี่ดูเหมือนจะไม่เชื่อว่า เมิ่ง เจียงฉาน เป็นคนไขปริศนาได้ เขายังคงพยายามมองไปรอบๆเพื่อหาคนอื่น
ฟาง เจิ้งจือ อยากที่จะเปิดเผยตัวเองออกไป แต่เขาจะอธิบายคนอื่นยังไง ทุกคนไม่มีทางเชื่อว่าเขารู้หนังสือ เพราะครอบครัวของเขาจน และเขายังอายุเพียงแค่ 6 ขวบ
แม่ทัพหลี่ ลังเล หรือจะเป็นเด็กคนนี้? แต่รู้แค่ 5 คำมันเป็นไปได้ยากมาก....
เขาจะทำยังไงดี?
“กฎแห่งเต๋ามี 3,000 บท แต่ละบทมีเนื้อหามากกว่าล้านย่อหน้า ในแต่ละย่อหน้ามีอย่างน้อย 1,000 ตัวอักษร แม้ว่าภาพแห่งการสรรค์สร้างที่เจ้าเห้นนั้นจะเล็กมาก แต่มันประกอบด้วเยนื้อหาที่มีความสลับซับซ้อนมากมาย ทั้งเรื่องราวของจักรวาล กฎแห่งการสรรค์สร้าง ภูเขา ต้นไม้ ใบหญ้า.....ในถาพภาพหนึ่งมีคลอบคลุมทุกสิ่งอย่างบนโลกนี้!”
ทันใดนั้น เสียงที่ไพเราะก็ดังขึ้น...
เพจหลัก : Gate of god TH