TWO Chapter 240 กลายเป็นมีชื่อเสียง
TWO Chapter 240 กลายเป็นมีชื่อเสียง
ไกอา ปีที่ 1 เดือนที่ 10 วันที่ 1, นิกายกระบี่ตงหลี่
ณ ยอดเขาโดดเดียว, พื้นที่บนภูเขา
ในพื้นที่บนภูเขามีสิ่งก่อสร้างถูกสร้างขึ้นมากมาย มีทั้งลานและศาลาหลากหลายรู้แบบ ทางตะวันตกของพื้นที่บนภูเขาเป็นส่วนสมุนไพร ซึ่งมีสมุนไพรมากกว่า 100 ชนิด มันอบอวลไปด้วยกลิ่นที่เป็นเอกลักษ์ของสมุนไพรชนิดต่างๆ
ลำธาราขนาดเล็กได้แบ่งพื้นที่บนภูเขาออกจากกัน มีสะพานโค้งเล็กๆถูกสร้างไว้ให้คนเดินข้ามไปมาได้สะดวก ภายใต้แสงสะท้อนของรุ่ง มันทำให้สะพานดูงดงามและลึกลับมาก
ไกลออกไปด้านล่างของน้ำตก ที่ด้านข้างทะเลสาบ เป็นกระท่อมไม้แบบโบราณ การผสมผสานระหว่างทะเลสาบและกระท่อมไม้แบบโบราณทำให้มันดูเข้ากันได้เป็นอย่างดี กระท่อมไม้แห่งนี้เป็นที่ตั้งห้องลับของผู้นำนิกาย
ห้องลับของผู้นำนิกาย สามารถเข้าไปได้เมื่อได้รับคำเชิญเท่านั้น มันถือเป็นห้องที่ปลอดภัยที่สุดของนิกาย
แผ่นหินได้ถูกปูอยู่ที่ด้านหน้าพื้นที่บนภูเขา ศิษย์ 800 คน สวมชุดเครื่องแบบเดียวกัน พวกเขายืนเรียงรายอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ซ่งเจี๋ยสวมเสื้อคลุมสีฟ้าและยืนอยู่หน้าเหล่าศิษย์ทั้งหมด ด้านหลังของเธอคือศิษย์หลักทั้ง 2 ปานเซี่ยและขุ่ยเทียนฉี คนหนึ่งถือกระบี่ ขณะที่อีกคนถือหนังสือ
ซ่งเจี๋ยแสดงออกอย่างเคร่งขรึม ขณะที่เธอติดต่อกับอินเตอร์เฟซของระบบ เสียงการแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นในหูของเธอ
“แจ้งเตือนระบบ : ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นเจี๋ยฉีรู่เมิ่ง ในการสมัครการสร้างนิกาย ตรวจสอบคุณสมบัติโดยอัตโนมัติว่าผ่านข้อกำหนดหรือไม่”
“เงื่อนไขที่ 1 : เงินทุนไม่น้อยกว่า 200 เหรียญทอง ผ่านข้อกำหนด!”
“เงื่อนไขที่ 2 : ต้องมีศิษย์อย่างน้อย 500 คน ผ่านข้อกำหนด!”
“เงื่อนไขที่ 3 : เทคนิคการบ่มเพาะหลัก อย่างน้อยต้องอยู่ในระดับจักรพรรดิ, ‘คัมภีร์เก้าหยิน’ ผ่านการทดสอบ!”
“เงื่อนไขที่ 4 : มีฐานของนิกายเป็นของตัวเอง ผ่านการทดสอบ!”
“แจ้งเตือนระบบ : ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นเจี๋ยฉีรู่เมิ่ง ในการผ่านข้อกำหนดทั้งหมด ผู้เล่นสามารถสร้างนิกายได้ กรุณาตั้งชื่อนิกายของคุณ!”
“นิกายกระบี่ตงหลี่!” ซ่งเจี๋ยกล่าวอย่างไม่ลังเล
ในห้องลับของนิกาย แผ่นหินค่อยๆผุดขึ้นมาจากพื้นดิน มันคือแผ่นหินนิกาย
ถ้าแผ่นหินถูกทำลาย หรือ 80% ของเหล่าศิษย์ถูกสังหาร นิกายจะถูกทำลาย
“ประกาศจากระบบ : ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นเจี๋ยฉีรู่เมิ่ง ในการสร้างนิกายศิลปะการต่อสู้ นิกายกระบี่ตงหลี่ ผู้เล่นได้รับคะแนนชื่อเสียง 5,000 คะแนน ขณะที่นิกายตั้งอยู่ในเขตของเมืองซานไห่ เมืองซานไห่จะได้รับฉายา ‘บ้านแห่งศิลปะการต่อสู้’”
เมื่อประกาศจากระบบกระจายออกไป ซ่งเจี๋ยก็กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วภูมิภาคจีน เธอไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ในเงาของโอหยางโชวอีกแล้ว ตอนนี้ เธอมีเส้นทางที่สดใสอยู่ข้างหน้าของเธอ
ซ่งเหวินได้แสดงความยินดีกับเธอโดยตรง ผ่านช่องระดับประเทศ “ทำได้ดีน้องสาว!”
โอหยางโชวก็ไม่ได้ช้าไปกว่าเขา “ขอแสดงความยินดีกับท่านผู้นำนิกายซ่ง!”
ทั้งโลกเกิดความสับสนวุ่นวาย อิทธิพลและคำกล่าวของเขา ทำให้ผู้เล่นหลายคนสนใจนิกายกระบี่ตงหลี่ และซ่งเจี๋ยมากยิ่งขึ้น
ผู้เล่นที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้สังเกตเห็นบางสิ่ง เจี๋ยฉีรู่เมิ่งเป็นน้องสาวของซ่งเหวิน แล้วเหตุใดเธอจึงไม่ตั้งนิกายในเมืองเทียนซวงของซ่งเหวิน? แต่กลับเลือกที่จะตั้งมันในเมืองซานไห่ของฉีเยว่หวู่ยี่?
เกิดการซุบซิบนินทา และการซุบซิบนินทานี้สามารถทะลวงท้องฟ้าได้เลยทีเดียว
ช่องระดับประเทศเริ่มคึกคัก เนื่องจากผู้เล่นต่างๆเริ่มคาดเดา
“ฉีเยว่หวู่ยี่และเจี๋ยฉีรู่เมิ่งได้เปิดเผยครั้งใหญ่ พวกเขาเป็นเพียงเพื่อนกัน หรือเป็นคนรักกัน...”
“พวกเขาต้องเป็นคู่รักกันอย่างแน่นอน อย่าบอกข้านะว่ามีมิตรภาพที่บริสุทธิ์เช่นนี้อยู่จริงๆ?”
“คู่รัก+1”
“โอโยว ความฝันอีกอย่างได้พังทลายลงแล้ว...”
“[แฟนคลับพี่ชายหวู่ยี่] พวกเราต้องออกมาต่อสู้!!!”
“น้องสาวข้างบน อย่าลืมว่าเจี๋ยฉีรู่เมิ่งเป็นผู้นำนิกาย นางมีศิษย์อยู่มากมายเลยนะ...”
“หวู่ หวู่ หวู่...”
“น้องสาวคนคงนี้กำลังร้องไห้อยู่ ผู้ชายที่อยู่ใกล้ๆเข้าไปปลอบนางทีซิ”
“นิกายกระบี่ตงหลี่รับศิษย์หรือไม่?”
…………………………………………………………………………..
เมื่อถึงตรงนี้ ซ่งเจี๋ยก็บอกให้เหล่าศิษย์ออกไปฝึกฝนต่อ จากนั้น เธอก็ชักกระบี่ฉิงเฟิงออกมา แล้วเดินไปทางโอหยางโชว ก่อนจะถามว่า “คนโง่! บอกความจริงมา แฟนคลับพี่ชายหวู่ยี่คืออะไร?”
เมื่อเห็นสาวงามคนนี้ปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันออกมา เขาควรจะรีบตอบเธออย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงหัวเราะคิกคักอยู่ด้านข้าง การเป็นผู้ชายที่มีหญิงสาวจำนวนมากหลงไหลทำให้เขารู้สึกดี “เจี๋ยเจี๋ย ข้าสาบานได้ว่าข้าไม่รู้เรื่องจริงๆ”
“ฮึ่ม!” ผู้ชายของเธอมีความสามารถบางอย่างที่ทำให้เธอมีความสุข มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอที่จะกลายเป็นคนมีชื่อเสียง แต่เจ้าคนโง่คนนี้ก็ยังขโมยชื่อเสียงของเธอไปครึ่งหนึ่ง
ช่องพันธมิตรดูวุ่นวายมาก ซุนเสี่ยวเยว่และซ่งเจี๋ยได้ถูกเพิ่มเข้าไปในช่องพันธมิตรแล้ว พวกเธอถูกเพิ่มเข้าไป เพื่อให้ทุกคนสามารถสื่อสารกันได้
“พี่สะใภ้ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ!” กงเฉิงซีหยอกล้ออย่างเคย ทุกครั้งที่เขาเห็นโอหยางโชวและซ่งเจี๋ยแสดงความสนิทสนมกันในระหว่างสงครามมู่เยว่ เขาจะคอยหยอกล้อพวกเขาอยู่เสมอ
คนอื่นๆทั้งหมดแสดงความยินดีกับเธอ หลังจากที่เธอได้สร้างนิกายกระบี่ตงหลี่ขึ้นมาได้แล้ว ในที่สุดเธอก็สามารถจะยืนอยู่ในระดับเดียวกับไป๋ฮัวและเฟิงฉิวฮวงได้ มันทำให้เธอไม่ต้องรู้สึกน่าสังเวชและต้อยต่ำอีกต่อไป
โอหยางโชวถือโอกาสตรวจสอบสถานะของฉายาใหม่ของดินแดน
บ้านแห่งศิลปะการต่อสู้ : ยกระดับคุณภาพร่างกายของประชาชนขึ้น 20%
โอหยางโชวพยักหน้า เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ แม้ว่าจะเป็นเพียงฉายาเดียว โอหยางโชวก็คาดว่าเมืองมือกระบี่(นักดาบ) จะแข่งแกร่งขึ้นอย่างมาก เพราะอย่างไร พวกเขาก็เป็นดินแดนแรกที่ก่อตั้งนิกายขึ้นมา
หลังจากนิกายถูกก่อตั้งแล้ว มีหลายสิ่งที่เธอจะต้องทำ ก่อนหน้านี้ เธอได้บอกเขาแล้วว่า เธอจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในนิกาย ซึ่งจะเป็นเหตุผลให้เธอมีเวลาอยู่กับโอหยางโชวน้อยลง มันจึงทำให้เขารู้สึกเศร้าเล็กน้อย
หลังจากแสดงความยินดีกับเธอแล้ว โอหยางโชวก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อ และกลับลงเขาไป
หลังจากที่ลงเขามาแล้ว เขายังไม่ได้กลับไปที่เมืองหลัก ที่ตีนเขาด้านล่าง ทหารองครักษ์ 1 กองร้อย ได้มารอเขาอยู่ที่นั่น โอหยางโชววางแผนว่า เขาจะเดินทางไปเยี่ยมเยือนเมืองยี่ซุ่ยและเมืองกู่ซาน
นับตั้งแต่ที่เขายึดครองพวกมัน เวลาก็ได้ผ่านไป 1 เดือนแล้ว ในฐานะลอร์ด โอหยางโชวกลับยังไม่เคยไปเยือนพวกมันเลย ซึ่งนับได้ว่ามันเป็นการละเลยหน้าที่ของเขา
เมืองยี่ซุ่ยตั้งอยู่ริมแม่น้ำฉิวซุ่ย หลังจากที่ชางเมืองกู่ซานย้ายมาที่นี่ ประชากรของเมืองก็ทะลุ 10,000 คน
หลังจากที่โอหยางโชวมาถึงเมืองยี่ซุ่ย เขาจึงอัพเกรดเมืองยี่ซุ่ยเป็นเมืองขนาดกลาง สำหรับตำแหน่งผู้ปกครองเมือง เขายังไม่รีบร้อนที่จะแต่งตั้งใคร เขายอมให้หัวหน้าข้าราชการของพวกเขา รับผิดชอบงานประจำวันชั่วคราว
การควบควมของเมืองยี่ซุ่ยและเมืองกู่ซาน ได้ควบรวมระบบการบริหารด้วยเช่นกัน ซึ่งมันทำให้โครงสร้างทางการเมืองของเมืองดีขึ้น
ปัจจุบัน หัวหน้าข้าราชการของเมืองก็คือ อดีตข้าราชการของเมือง สำหรับคำถามที่ว่า โอหยางโชวสบายใจถ้าปล่อยให้คนคนนี้รับผิดชอบหรือไม่? ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาคงจะไม่สบายใจ และรีบนำคนจากเมืองหลักของเขามาที่นี่และให้โอกาสพวกเขา
อย่างไรก็ตาม หอการค้าขุ่ยได้ส่งข่าวมาว่า การรับสมัครเป็นไปด้วยดี อีกไม่นานพวกเขาจะส่งคนกลุ่มใหญ่มายังเมืองซานไห่
จากแผนการของโอหยางโชว เขาจะเลือกข้าราชการจากคนในกลุ่มนั้น มารับตำแหน่งผู้ปกครองเมืองยี่ซุ่ย ซึ่งแผนการนี้จะยังรวมไปถึงเมืองกวงซุ่ยและเมืองหยงเย่ที่อยู่ทางฝั่งตะวันตกด้วย
ในฐานะปราการตะวันออก เมืองยี่ซุ่ยจะรับผิดชอบในการตรวจสอบดินแดนของผู้เล่นในฝั่งตะวันออก ดังนั้น เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่ละทิ้งการป้องกัน หลังจากเมืองทั้ง 2 ได้ควบรวมเข้าด้วยกัน เมืองยี่ซุ่ยก็ได้ปฏิบัติตามมาตรฐาน โดยได้ก่อตั้งกองพันทหารป้องกันเมืองขึ้นมา
การมาที่นี่ของโอหยางโชว นอกเหนือจากมาดูแล้ว เขายังมาตรวจสอบการฝึกอบรมของกองพันป้องกันเมืองด้วย สิ่งที่เขาได้เห็นทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก ทหารเหล่านี้เป็นเพียงมือใหม่ที่เหลืออยู่จากทั้ง 2 เมือง แม้ว่าจะรวมประชากรของทั้ง 2 เมืองไว้ด้วยกันแล้ว พวกเขาก็แทบจะไม่สามรถสร้างกองพันขึ้นได้
เพื่อเสริมสร้างพลังต่อสู้ให้กับพวกเขา โอหยางโชวได้เลือกทหารชั้นสูง 10 นาย จากกองร้อยทหารองครักษ์ เข้าร่วมกับกองพันป้องกันเมืองยี่ซุ่ย โดยทหารชั้นสูงเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นนายกองและนายพัน สำหรับนายทหารเดิม โอหยางโชวลดตำแหน่งของพวกเขาเหลือเพียงแค่หัวหมู่
เขาได้ให้เป้าหมายกับพวกเขา คือการกวาดล้างค่ายโจร เพื่อเป็นการเพิ่มกำลังรบให้กับพวกเขา
นอกเหนือจากกองพันป้องกันเมืองแล้ว เขาก็ไม่ได้มองข้ามสิ่งอำนวยความสะดวกในการป้องกันอื่นๆ
เมื่อเทียบกับเมืองเทียนเฟิง กำแพงเมืองของเมืองยี่ซุ่ยแย่กว่ามาก มันเป็นกำแพงที่ทำมาจากโคลน
หลังจากที่โอหยางโชวเห็นมัน เขาก็ตัดสินใจว่า จะต้องเริ่มโครงการสร้างกำแพงเมืองใหม่
จากแผนการในระยะยาวของเขา ในอนาคต เมืองยี่ซุ่ยจะอัพเกรดเป็นเมืองขนาดกลางระดับ 2 ดังนั้น กำแพงเมืองจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานของเมืองขนาดกลาง และยาวด้านละ 5 กิโลเมตร
หลังจากที่โอหยางโชวตัดสินใจออกคำสั่งต่างๆในเมืองยี่ซุ่ย โอหยางโชวก็พักที่นี่หนึ่งคืน
ในวันรุ่งขึ้น โอหยางโชวนำกองร้อยทหารองครักษ์ของเขาออกไปจากเมือง มุ่งหน้าสู่เมืองกู่ซาน ซึ่งห่างออกไปเพียงเล็กน้อย มีกลุ่มผู้นำเผ่าคนเถื่อนภูเขารอคอยเขาอยู่ที่นั่น
หลังจากที่เขากวาดล้างโจรภูเขาบนสันเขาเอ้อซี ชื่อเสียงและตำแหน่งของเมืองซานไห่ที่อยู่ในหัวใจของคนเถื่อนภูเขาก็เพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับใหม่ โดยเฉพาะทรัพยากรที่เขาทิ้งไว้ มันได้ช่วยแก้ปัญหาต่างๆมากมายให้กับำวกเขา
หลังจากที่เผ่าคนเถื่อนภูเขานำเอาทรัพยากรทั้งหมดไปแล้ว พวกเขาก็เผาที่มั่นบนภูเขาทิ้ง เราจะสามารถเห็นได้ว่า พวกเขามีความเกลียดชังที่ฝังลึกมากเพียงใดกับพวกโจรภูเขาเหล่านั้น
คนเถื่อนภูเขาเป็นชนชาติที่ปฏิบัติต่อเพื่อนและศัตรูของพวกเขาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง พวกเขาจะเกลียดชังเหล่าคนที่รุกรานพวกเขา ในขณะเดียวกัน พวกเขาจะจดจำบรรดาผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือพวกเขาอย่างไม่มีวันลืม
ด้วยตัวอย่างก่อนหน้านี้ ที่นักรบคนเถื่อนภูเขาเข้าร่วมกับเมืองซานไห่ และการย้ายถิ่นฐานของคนเถื่อนภูเขามายังเมืองฉิวซุ่ย เทียนเหวินจิงเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า การชักชวนเผ่าขนาดใหญ่ 1 เผ่า, เผ่าขนาดกลาง 3 เผ่า และเผ่าขนาดเล็กอีก 7 เผ่า นี้ ให้ลงจากภูเขามาตั้งถิ่นฐานในเมืองกู่ซาน จะเป็นเรื่องง่าย และที่ตั้งของเผ่าเหล่านี้ก็อยู่ไม่ไกลจากที่นั่นนัก
เมื่อเผ่าคนเถื่อนภูเขาทั้ง 11 เผ่า ย้ายลงมาตั้งถิ่นฐานที่เมืองกู่ซาน พวกเขาจะรวมกลุ่มกัน และปกครองตัวเอง
จากสัญญาของโอหยางโชว นอกเหนือจากสาขาของธนาคาร 4 สมุทรแล้ว ข้าราชการและพนักงานทั้งหมดในเมืองจะเป็นคนเถื่อนภูเขา สิ่งเดียวที่เมืองซานไห่จะแทรกแซงก็คือ การสร้างกองพันป้องกันเมือง
แฟนเพจ : TWOแปลไทย