ตอนที่แล้วบทที่ 71 เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 73 ดังอื้อฉาว (อ่านฟรี)

บทที่ 72 เมาอาละวาด (อ่านฟรี)


 

 

ถึงแม้พวกเขาพยายามที่จะปกปิด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเฝิงหยู่และหลี่น่าก็ไม่รอดพ้นสายตาของเฝิงตันอิง

 

เฝิงตันอิงยึดกุญแจรถของเฝิงหยู่ และสั่งห้ามไม่ให้หลี่ซื่อเฉียงขับรถพาเฝิงหยู่ไปโรงเรียน. ต่อไปก็เดินไปเอง ระยะเพียงเดิน 10 นาทีเท่านั้น นี่คือการลงโทษของเธอ เป็นเด็กนักเรียนแต่ริอาจมีความรักตั้งแต่ตัวแค่นี้

 

สองเดือนที่ผ่านมาเฝิงหยู่นั่งรถจนเคยชิน การเดินไป 10 นาทีแทบจะเอาชีวิตเขา ยังดีที่เหวินตงจุนคิดหาหนทางโดยการซื้อจักรยานยี่ห้อหยงจิ่วสองคัน

 

เมื่อเรียนรู้การขี่จักรยานได้ ต่อให้ไม่ขี่มานาน ก็ยังจดจำความรู้สึกนั้นได้

 

ตอนนี้รูปแบบการเดินทางสัญจรหลักๆยังเป็นจักรยาน แบรนด์หยงจิ่วเป็นที่นิยมมากที่สุดและมีจำหน่ายในท้องตลาดมากที่สุด พนักงานทุกคนของบริษัทการค้าไท่หัวล้วนขี่จักรยานยี่ห้อหยงจิ่ว พวกเขาภาคภูมิใจต่อมัน

 

เฝิงหยู่เอากระเป๋าเป้สะพายด้านหลัง สองเท้าใส่รองเท้าแบรนด์ Warrior, กางเกงยีนส์, เสื้อยืด, หมวกเบสบอลที่ขายเฉพาะในห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ข้อมือซ้ายใส่นาฬิกาที่นำเข้าจากเซี่ยงไฮ้ เขาฮัมเพลงอย่างมีความสุขในขณะที่ขี่จักรยานไปโรงเรียน

 

พวกเขาจะกดระฆังจักรยานเพื่อทักทายเฝิงหยู่ เฝิงหยู่รู้สึกว่าสภาพอากาศเช่นนี้ไม่ควรขี่จักรยานไปโรงเรียน

 

เดิมทีเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเหมือนภาพวาด แต่การปรากฏตัวของใครบางคนทำให้เสียอรรถรส มันเหมือนกับหมึกสีดำอันสกปรกหยดบนภาพวาดที่สวยงาม

 

"นายขี่ชักช้าเต่าคลานอย่างนี้ เดี๋ยวก็ไปสายหรอก ขนมปังนี้ยังกินอยู่ไหม ถ้าไม่ฉันขอนะ " เหวินตงจุนเอาขนมปังใส่ปากเคี้ยว แล้วใช้มือตบบนหลังของเฝิงหยู่.

 

"กินเสร็จก็เอามือมาเช็ดหลังฉันอีกแล้ว!"

 

เหวินตงจุนปั่นจักรยานเร็วๆ เร็วจนทันเฝิงหยู่ เฝิงหยู่ขี่ไล่ตาม เสียงหัวเราะของทั้งสองคนดังตลอดทาง

 

ที่ลานจอดจักรยาน มีนักเรียนจำนวนมากที่ชี้มาทางพวกเขาสองคน เหวินตงจุนรู้สึกภูมิใจมากและโบกมือให้กับเพื่อนนักเรียนเหล่านั้น ราวกับตัวเองเป็นซุปเปอร์สตาร์ก็ไม่ปาน

 

เฝิงหยู่ส่ายหัว ดึงเหวินตงจุนให้เข้าชั้นเรียน. การไม่พักที่หอพักโรงเรียนมีข้อดีอยู่อย่างหนึ่ง คือพวกเขาไม่จำเป็นต้องเข้าเรียนคาบเรียนรู้ด้วยตัวเองในตอนเช้า พวกเขาจึงได้นอนเพิ่มอีก 1 ชั่วโมง

 

ในห้องเรียนมีนักเรียนจำนวนมากที่กำลังฟุบหลับ บางคนยังง่วงหาวนอนอยู่ แต่เมื่อคุณครูเข้ามาในชั้นเรียน ทุกคนก็นั่งตรง แสดงให้เห็นว่าพวกเขาตั้งใจเรียนขนาดไหน

 

หลังเลิกเรียน, เฝิงหยู่เดินไปข้างหลี่น่า แล้วนั่งตรงที่นั่งข้างเธอ. "พรุ่งนี้วันหยุดสุดสัปดาห์. หลังเลิกโรงเรียนไม่ต้องไปโรงอาหาร. เราจะไปกินบาร์บีคิวกัน แล้วไปดูหนังต่อที่ศูนย์วัฒนธรรม"

 

"ตอนเย็นยังมีคาบเรียนด้วยตัวเองนะ"

 

"คาบเรียนด้วยตัวเองไม่มีการเช็คชื่อ หยุดสักวันคงไม่เป็นไรหรอก เอาเป็นว่านัดแล้วนะ" เฝิงหยู่ตัดสินใจแทนหลี่นา

 

เมื่อเฝิงหยู่กลับมานั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง เพื่อนสาวอวบอ้วนที่นั่งร่วมโต๊ะเดียวกับหลี่น่าเข้ามาใกล้ๆแล้วพูดกระซิบกระซาบกับเธอว่า "เขาชวนเธอออกไปดูหนังคืนนี้หรือ ฉันอิจฉาเธอจริงๆ ทำไมไม่มีใครมาชวนฉันออกไปเที่ยวบ้างนะ?"

 

"อยากไปด้วยกันไหม?"

 

"จริงเหรอ? พูดแล้วนะ ห้ามคืนคำ เราจะไปด้วยกันคืนนี้" หญิงอวบอ้วนตอบรับคำเชิญอย่างดีใจ

 

หลี่น่ารู้สึกอึ้ง ไม่คิดว่าหญิงอวบอ้วนจะตอบตกลงกับคำพูดเกรงใจคำนั้นของเธอ

 

ระหว่างที่รับประทานอาหารที่โรงอาหาร หลี่น่าบอกเฝิงหยู่ว่าเพื่อนร่วมโต๊ะของเธออยากจะไปด้วย เฝิงหยู่หันไปมองเหวินตงจุนด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย

 

"อะไรนะ? นายอยากให้ฉันขี่จักรยานให้ยัยอ้วนซ้อนท้าย? ล้อยางคงระเบิด!"

 

เฝิงหยู่ใช้แรงกำแขนของเหวินตงจุนแล้วกล่าวว่า "พวกเราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่เหรอ? จักรยานคันเดียวของฉันซ้อน2คนไม่ได้ ตอนเย็นนายไม่มีธุระอะไรใช่ไหม? นายนัดดาวห้องของห้องข้างๆ แล้วเธอไม่สนใจไม่ใช่เหรอ?.."

 

"ฉันคงให้ยัยนั่นซ้อนท้ายไม่ได้หรอก ถ้านักเรียนคนอื่นๆเห็นเข้า ฉันจะจีบดาวห้องของห้องข้างๆติดได้ยังไง?"

 

สาวอวบอ้วนนิสัยไม่เลว การเรียนค่อนข้างดี รูปร่างไม่เตี้ย ผิวขาวนวลผ่อง.. ใบหน้าไม่โดดเด่น

 

"กลับจากคืนนี้ฉันจะแนะนำนาย รับประกันได้ว่าครั้งหน้านายนัดเธอออกมาได้แน่!"

 

"นายแน่ใจ?"

 

เฝิงหยู่ทำท่าทางเหนื่อยหน่าย แล้วตอบเสียงดังว่า "ฉันเคยโกหกนายเหรอ?"

 

......

 

"หนึ่ง, สอง, ไปกันเลย"

 

สาวอวบอ้วนขึ้นซ้อนท้ายเหวินตงจุน เหวินตงจุนรู้สึกเหมือนปั่นแล้วจักรยานไม่เคลื่อน เขาต้องให้เฝิงหยู่ผลักเขาจากด้านหลัง จักรยานจึงสามารถเคลื่อนที่ไปด้านหน้าอย่างช้าๆ

 

หลี่น่านั่งบนเบาะหลังรถจักรยานของเฝิงหยู่ ขาข้างหนึ่งของเฝิงหยู่ค้ำอยู่บนพื้น ขาอีกหนึ่งวางบนคันเหยียบ ขาออกแรงดัน แล้วขึ้นนั่งบนเบาะ ปั่นไปเรื่อยๆตามหลังเหวินตงจุน

 

หลี่นาสวมกระโปรงยาว นั่งสะพายที่เบาะหลัง สองแขนโอบรอบเอวของเฝิงหยู่ เธอก้มศีรษะ ยิ้มแย้มแจ่มใส

 

ทั้งสี่คนมาถึงทางเข้าของศูนย์วัฒนธรรมมีโปสเตอร์ภาพยนตร์ติดอยู่ คือภาพยนตร์เรื่อง <มังกรหนวดทอง> ของฮ่องกงที่นำแสดงโดยเฉินหลง หง จินเป่า และยุเหวียน เปียว

 

ศูนย์วัฒนธรรมดีกว่าโรงภาพยนตร์ในเมืองที่ยังฉายภาพยนตร์แอ็คชั่นแบบนี้บ้าง โรงภาพยนต์ในเมืองฉายแต่เรื่องเกี่ยวกับการเมืองที่น่าเบื่อหน่าย

 

พอเห็นว่าอีก10นาทีภาพยนตร์ก็จะเริ่มฉาย พวกของเฝิงหยู่จึงตัดสินใจที่จะดูหนังเรื่องนี้ก่อนที่จะไปทานบาร์บีคิว

 

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนังแอ็คชั่นคอมเมดี้ ทั้งสี่สนุกสนานกับเนื้อเรื่อง หลังจากจบภาพยนตร์ พวกเขาไปที่ร้านริมถนนข้างๆโรงภาพยนตร์

 

เนื้อยางราคาไม้ละหนึ่งหยวน เฝิงหยู่สั่งมากินห้าสิบไม้อย่างไม่ลังเล และสั่งอย่างอื่นมาอีกหลายไม้ เพราะเหวินตงจุนและสาวอวบอ้วนกินกันอย่างชูชก เฝิงหยู่จึงกลัวว่าถ้าเขาสั่งมาน้อยเกินไปจะไม่เพียงพอ .

 

อาหารมีให้เลือกน้อย ไม่เหมือนในอนาคต ทั้งยังไม่มีอาหารทะเล ไม่มีแม้กระทั่งผัดผัก ออเดิร์ฟเย็นๆ นอกจากมันฝรั่งหั่นฝอย ก็มีถั่วลิสงต้มและถั่วเหลืองเท่านั้น แต่เฝิงหยู่ก็ยังกินอย่างเอร็ดอร่อย

 

ที่โต๊ะด้านข้าง พวกวัยรุ่นมองมาทางนี้โดยตลอด หลี่นาสวมชุดกระโปรงยาว ด้วยใบหน้าสะสวยของเธอ ทำให้เด็กหนุ่มเหล่านั้นเริ่มมีความคิดชั่วร้ายบางอย่าง

 

หนึ่งในนั้นเดินไปหาหลี่นาพร้อมถือแก้วเบียร์: "น้องสาว ดื่มกับพี่สักแก้ว เดี๋ยวจะพาไปที่สถานที่สนุกๆ รู้จักโต๊ะสนุ๊กไหม ร้านสน๊กเกอร์ที่อยู่ด้านหลัง มีโต๊ะสนุ๊กถึงสองโต๊ะเชียวนา "

 

เหวินตงจุนและเฝิงหยู่ยืนขึ้นพร้อมกันทันที แล้วขวางเด็กหนุ่มคนนั้น

 

"กลับไปกินอาหารของนายโน่น ถ้าไม่กิน จะไปไหนก็ไป อย่ามาเมาอาละวาดแถวนี้!"

 

"โอ้ ทำมาย ไอ้หนูสองคนนี้อยากจะสู้กับกูเหรอ? ไสหัวไปไกลๆตีน อย่ามาเสือก กูจะดื่มกับสาวสวยคนนี้ ถ้ายังไม่หลีกกูเล่นพวกมึงตายแน่!"

 

ตอนที่เขากำลังพูด อีกสามหนุ่มที่เหลือก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาทางเฝิงหยู่ แล้วผลักเฝิงหยู่

 

"อย่าสู้กัน อย่าสู้กันนะ" หลี่น่ากำลังจะร้องไห้เต็มที วัยรุ่นทั้งสี่คนนั้นดูไม่น่าจะเป็นคนดี

 

เฝิงหยู่จับมือหลี่น่ามาหลบอยู่ข้างหลัง เขามองไปที่ทั้งสี่คนอย่างดูแคลน "มีบางคนที่อันตพาลกระจอกอย่างพวกนายไม่อาจมีเรื่องด้วยได้ อยากให้ช่วยไสหัวไปหน่อย แล้วฉันจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น พี่เขยฉันอยู่แก๊งป๋าหวางซะด้วย "

 

จิ้งจอกที่คิดจะหลอกเสือ ท่าทางที่แสดงออกเป็นสิ่งสำคัญ คำพูดและน้ำเสียงก็เช่นกัน เพียงพูดออกมา วัยรุ่นทั้งสี่คนก็สะดุ้งโหยง!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด