ตอนที่แล้วบทที่ 13 ผู้กล้า สต้อล์กเกอร์ ยมทูต (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 15 ผู้กล้าขายของ

บทที่ 14 ผู้กล้า สต้อล์กเกอร์ ยมทูต (3)


บทที่ 14 ผู้กล้า สต้อล์กเกอร์ ยมทูต (3)

 

แม้กระนั้น เขาก็เป็นคนที่ดีที่สุดในหมู่คนพวกนั้นที่ผมเคยมีปฏิสัมพันธ์ด้วย นอกจากนี้ เขายังเป็นคนที่ผมต้องการขายสร้อยคอที่ผมขโมยมา มันไม่มีประโยชน์สำหรับผม ถ้าหากผมปรากฏตัวพร้อมกับความคิดมุ่งร้ายที่มีต่ออีกฝ่ายก่อนที่จะเริ่มการต่อรองทางการค้ากับเขา ถ้าผมทำให้ความประทับใจแรกในตัวผม มันเจ๊งไม่เป็นท่าละก็ เขาจะได้เปรียบที่จะนำมันมาใช้ระหว่างการต่อรองด้วย

 

มันจึงต้องคอยระมัดระวังการกระทำของผมเมื่อถึงเวลาต้องติดต่อกับเขา ถ้าผมไม่ระวัง เขาอาจจะได้ข้อมูลจากตัวผมโดยที่ผมไม่ทันรู้ตัว ข้อมูลนี้จะจบลงด้วยการที่คนอื่นมาซื้อมันไป โดยเฉพาะพวกที่ทำการค้าขายแลกเปลี่ยนข้อมูล เช่น สายลับ ผมต้องจ่ายให้พวกมัน เพื่อเก็บเป็นความลับ

 

ด้วยสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สติปัญญาไหวพริบในการต่อสู้ การเล่นแร่แปรธาตุก็ใช้ได้ และการคิดวิเคราะห์อันกว้างไกลของเขา ไอ้เชี่ยแว่นไม่ใช่คนที่ผมสามารถละสายตาไปได้

 

「มันออกจะกะทันหันไปหน่อย ปล่อยให้ฉันไปพบกับเจ้านายของพวกแกได้มั้ย?」

 

「「กรุณา บอกรหัสผ่าน?」」

 

ดูเหมือนว่ากากอยล์จะไม่ได้ตั้งใจคงบทสนทนาไว้แบบนั้น แม้ผมจะไม่คิดว่าไอ้เชี่ยแว่นจะใช้รหัสผ่านเดิมๆซ้ำๆ  ผมก็รู้หนึ่งในนั้น เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ผมพยายามใช้รหัสผ่านจาก 3-5 ปี ในอนาคต

 

「………『ขนที่กลับด้านของกระต่ายเนซุลล่า』」

 

「「รหัสผ่านไม่ถูกต้อง กรุณาออกไปซะ เจ้าเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ」」

 

「เฮ้อ ถ้าฉันรู้ว่ามันจะเป็นอย่างงี้ตั้งแต่แรก ฉันคงไม่เสียเวลาพยายามตอบคำถามมันหรอกนะ」

 

เจ้ากากอยล์ที่ดูเหมือนจะเคลื่อนไหวไม่ได้ พวกมันกระโจนลงมาจากแท่นด้วยการใช้ปีกศิลาของพวกมัน พวกมันพุ่งเข้ามาหาผม พร้อมกันนั้นผมก็ล๊อคเป้าหมายในการกวาดล้างพอดี เจ้ากากอยล์อ้าปากและเริ่มร่ายเวทย์มนต์ แต่ในเวลาเดียวกัน ผมเข้าไปประจันหน้ากับพวกมันโดยตรง

 

ไม่เหมือนกับลมหายใจของพวกมังกร ที่ซึ่งเชี่ยวชาญในการทำลายล้างเป็นวงกว้าง ลมหายใจของกากอยล์เป็นแค่ลำแสงที่พุ่งตรงมาเหมือนเลเซอร์ และมันมีระยะที่จำกัดมากๆด้วย แม้ทักษะของผมจะถูกปิดผนึก กากอยล์ก็ยังเป็นเพียงแค่สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น พวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมหรอก อีกทั้งพวกมันยังทำได้แค่การเคลื่อนไหวแบบง่ายๆ

 

เล็ดรอดผ่านแสงเลเซอร์ ผมซัดเข้าที่กากอยล์ตัวหนึ่ง ผิวของมันแข็งมาก สมแล้วที่เป็นกากอยล์ ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายมันด้วยสเตตัสปัจจุบันของผม เปิดใช้การควบคุมมานา ผมปล่อยพลังบางส่วนให้ไหลไปที่ขาและตาเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง และตั้งสมาธิส่งพลังทั้งหมดไปที่แขนเพื่อทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นเพียงชั่วคราว ถึงแม้ว่าบางส่วนของร่างกายที่มีเวทย์มนต์กักเก็บไว้ จะได้รับการเสริมพลังมากยิ่งขึ้น ส่วนอื่นๆก็จะอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว นี่เป็นการลงมือที่ดูบ้าบิ่นและเข้าตาจน แต่ด้วยค่าสถานะอันน่าสมเพช โอกาสในชีวิตที่สองของผมคงจะหายไป หากผมโดนโจมตี

 

ถึงแม้ว่าผมจะสามารถหลีกเลี่ยงการใช้กลยุทธ์นี้ มันก็ยังต้องการการใช้ดาบแห่งดวงวิญญาณ ไพ่ตายที่ผมยังไม่กระตือรือร้นพอที่จะเปิดเผยมันสักเท่าไหร่  กระนั้นมันก็ช่วยไม่ได้ ผมก็ต้องใช้【ดาบขาแมงมุมเพลิง】กับพวกอันธพาล ผมคิดว่าเขา ไอ้เชี่ยแว่น สามารถจับตาดูผมผ่านทางพวกกากอยล์ ผมเองก็ยังไม่รู้สึกอยากจะให้ข้อมูลแก่เขาเสียตั้งแต่ตอนนี้

 

ยิ่งไปกว่านั้น กากอยล์พวกนี้เป็นธาตุไฟ อีกความหมายนึงก็คือพวกมันมีความสามารถในการต้านทานอุณหภูมิสูง เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวโดยเฉพาะกับจอมเวทย์ไฟผู้ที่เชี่ยวชาญการใช้เวทย์โจมตี นี่เองที่ทำให้ใบดาบอันแสนสั้นและความสามารถในการใช้ความร้อนไม่เป็นผลกับกากอยล์ การใช้ 【ดาบขาแมงมุมเพลิง】เป็นตัวเลือกที่แย่ที่สุดในสถานการณ์แบบนี้

 

เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน การเสริมพลังโดยการควบคุมมานาให้ไหลเวียนอยู่ภายในร่าง มันจะช่วยประหยัดการใช้มานา ในขณะที่มันมีข้อเสียอยู่บ้าง การโจมตีระดับนี้จากพวกกากอยล์ ไม่มีทางโดนผมแน่นอน

 

「กุรุรุ้รุ!?」

 

「กรรรร!?」

 

อันดับแรก ผมเล่นงานไปที่ปีกของพวกมัน ผมทำลายปีกของพวกมัน การทำเช่นนี้เพื่อป้องกันการโจมตีจากฟากฟ้า ในขณะที่พวกมันยังคงมึนกับการกระทำของผม ผมเหยียบไปที่แขนของพวกมัน ปิดผนึกการ

เคลื่อนไหวของพวกมัน เจ้ากากอยล์ไร้ซึ่งการช่วยเหลือ ผมจับขาพวกมันขึ้นมาแล้วฟาดพวกมันเข้ากับพื้น ทำให้หัวของพวกมันแตกกระจายอย่างกับลูกแตงโม แต่การต่อสู้ยังไม่จบ ตราบใดที่พวกมันยังมีแหล่งพลังงาน กากอยล์ก็สามารถสู้ต่อไปได้ ไม่ว่ามันจะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม ผมควักลูกตาของพวกมันออกมา หรือก็คือ แหล่งพลังงานของพวกมันนั่นเอง หัวของพวกมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เจ้ากากอยล์นิ่งเงียบ ไม่ไหวติง

 

「แก!? แกเป็นใคร!?」

 

มีผู้ชายปรากฏตัวออกมาหนึ่งคน ร่างกายดูสมส่วน ดูเหมือนว่าเขามาตรวจสอบต้นตอที่มีเสียงการต่อสู้ เขาชักดาบไวมากและพุ่งมาทางนี้ ในเมื่อมาอย่างสงบไม่ได้ ผมคงต้องลุยต่อไป ผมเอานิ้วใส่เข้าไปในตาที่กลวงโบ๋ของกากอยล์และเขวี้ยงร่างของมันใส่ผู้ชายคนนั้น ทำให้กากอยล์คอขาดทันที

 

「อึก อ้ากกก!?」

 

การโจมตีโดยที่ไม่ทันคาดคิด ชายคนนั้นไม่สามารถหลบร่างของกากอยล์พ้นและถูกอัดเข้ากับกำแพง

 

ดูเหมือนว่ากระดูกของเขาจะหักซะแล้ว มันน่าจะแทงเข้าไปในอวัยวะภายใน เมื่อกระเด็นไปโดนกำแพง เขาค่อยไหลลงช้าๆจนถึงพื้น แล้วเขาก็กระอักเลือด

 

「แกไอ้เด็กเวร… แกกล้าดียังไงมาทำร้ายแฮมส์!! 」

 

ผมปล่อยเขาไว้อย่างนั้น และก็เดินเข้าไปในประตู ก็พบกับผู้ชายรูปร่างผอมแห้งอีกคน เขาคว้าดาบและเริ่มโจมตีผม ครั้งนี้ ผมใช้ 【ดาบขาแมงมุมเพลิง】ปัดดาบของเขา และใช้หัวกากอยล์ที่อยู่ในมือ ฟาดไปที่เข่า ทำให้เขาหยุดชะงัก และผมก็คว้าแขนของเขา เตะไปที่หลัง เพื่อทำให้มันเคลื่อนผิดที่ สุดท้าย ผมก็จับทั้งแขนและขาของเขาเคลื่อนหลุดออกจากกันและจับพวกมันเหยียดออกจนสุด

 

「อึก.. กุอั้กอ้ากกกกก!!??」

 

「แก!! ไอ้เด็กเปรต, แกกล้าดียังไง!?」

 

มันคงจะกลายเป็นปัญหาถ้ามีคนมากกว่านี้ถูกผมเล่นงานเข้าให้ ผมเลยต้องใช้กลเม็ดสักหน่อย ด้วยการใช้ความกระหายเลือดผสมเข้ากับเวทย์มนต์ และปล่อยมันออกมาในรูปแบบออร่า

 

แม้ว่าพวกเขาจะแตกต่างกัน  ยังไงก็ตาม พวกเขาก็ยังเป็นผู้คุ้มกันที่ถูกว่าจ้างโดยไอ้เชี่ยแว่น อย่างมาก พวกเขาคงเป็นนักผจญภัยระดับกลาง หรือไม่ก็พวกอัศวินที่เกษียณแล้ว ง่ายๆเลย พวกสมองกล้ามไร้ซึ่งความสามารถในการต้านทานเวทย์มนต์ มานาที่เจือจางกับความกระหายเลือดสามารถใช้หลอกพวกมันได้เป็นอย่างดี

 

ผมมองไปรอบๆ แต่ผมก็ยังไม่เจอชายที่คอยจับตาดูผม มันมีความเป็นไปได้สูงที่เขากำลังจะรายงานเกี่ยวกับผมในห้องทำงานของไอ้เชี่ยแว่น ซึ่งอยู่ตรงปลายทางของห้องโถงชั้นที่สอง

 

มองมายังข้างล่าง ผมพบชายรูปร่างผอมบางพร้อมกับกระดูกที่ยื่นออกมาตามแขนขา อืม ผมอาจจะต้องใช้เขาแทนที่จะฆ่าด้วยความกระหายเลือด มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะพยายามทำตัวเป็นมิตร ดูสนิทสนมเข้าไว้ ในเมื่อผมทำลายรูปปั้นกากอยล์ของเขาและเล่นงานลูกน้องของเขา

 

ผมคว้าไปที่คอของผู้ชายที่มีรูปร่างผอมบาง และเดินขึ้นบันได โดยไม่สนว่าผู้ชายอีกคนจะนอนร้องโอดครวญไปกับความเจ็บปวด

 

เมื่อผมเดินตรงไปยังห้องที่อยู่สุดทางเดินของห้องโถง มันมี “บาร์เรียร์เวทย์มนต์และบาร์เรียร์กายภาพ” และ “บาร์เรียร์กั้นเสียง” เพราะมือทั้งสองข้างไม่ว่าง ผมจึงไม่มีทางเลือก ผมถีบประตูในทันทีพร้อมกับปล่อยพลังเวทย์ปริมาณสูงสุดให้มันไหลไปที่เท้า ด้วยการใช้เทคนิคการควบคุมมานาของผม

 

「สวัสดี คุณคงจะเป็นผู้ปกครองและดูแลสลัมแห่งนี้สินะ? 」

 

มันควรจะเป็นการพบกันครั้งแรกระหว่างผมกับไอ้เชี่ยแว่น ผมจึงพยายามพูดออกมาให้ดีที่สุดเวลาคุยกับเขา

 

ภายในห้อง ไอ้เชี่ยแว่นมองมาที่ผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย สงบเยือกเย็น ทำให้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะอ่านใจของเขา และเป้าหมายที่ผมสะกดรอยตาม ผู้นำทางของผม ก็มองมาที่ผมด้วยใบหน้าที่ดูซีดเซียว

 

「โอ้ ขอบใจนายมากเลย ที่นำทางให้ชั้น เหตุการณ์เมื่อกี้ทำฉันเกือบลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปเลยแน่ะ」

 

หลังจากพูดเสร็จ ผมก็ส่งสายตาหันไปมองไอ้เชี่ยแว่น พร้อมกับรอยยิ้มแบบนักธุรกิจ

 

เอาล่ะ ถึงเวลาเริ่มการต่อรองของพวกเราแล้ว

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด