บทที่ 43: พบเจอศิษย์พี่
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
====================
บทที่ 43: พบเจอศิษย์พี่
เจ้าอ้วนร่อนดาบบินลงมายังพระราชวังอันงดงามที่ตั้งอยู่บนยอดเขา มีเหล่าสาวกกำลังกวาดใบไม้อยู่ในลานด้านหน้า เมื่อพวกเขารู้ว่าผู้ฝึกตนได้มาถึงแล้ว เขาจึงรีบเข้ามาทำความเคารพทันที “เคารพเซียนอาวุโส ข้าขอถามว่าท่านมายังวัดเสวียนเทียนด้วยเหตุอันใดหรือ?”
“ข้าคือศิษย์นอกแห่งสำนักเสวียนเทียนและข้ามาที่นี่เพื่อทำภารกิจ!” เจ้าอ้วนกล่าวอย่างเรียบง่าย “โอ้ ดังนั้นท่านคืออาวุโสในสำนัก! กรุณาเข้ามาด้านในก่อน ข้าจะไปแจ้งเหล่าอาวุโสให้ทราบเรื่อง!” ขณะที่เขากล่าว เขารีบเชิญเจ้าอ้วนเข้าไปยังด้านใน
เจ้าอ้วนเดินตามเข้ามายังด้านในและนั่งรอบนเก้าอี้ในห้องรับรอง นักบวชเต๋าตัวน้อยได้เสิร์ฟชาให้กับเขา จากนั้นเพียงครู่หนึ่ง นักบวชเต๋าปรากฏกายออกมาจากด้านหลัง เขาเป็นชายชรามีเส้นผมขาวโพลน
การที่นักบวชผู้นี้ดูชรามากเป็นเพราะเขามิได้มีระดับที่สูงมากนัก ระดับของเขาเพียงเซียนเทียนขั้นหก ด้วยการมองผ่าน ๆ อาจจะเห็นว่าเขาไม่เคยคิดจะพยายามไปถึงระดับปฐมภูมิ อย่างไรก็ตามแม้ว่าความสามารถของเขาจะไม่มากนัก แต่จำนวนสมบัติที่อยู่ในตัวเขานั้นมิด้อยไปกว่าใคร ทั้งชุดลัทธิเต๋าทองคำ อีกทั้งหยกและอัญมณีอันล้ำค่า ขณะที่ร่างกายเขากำลังเคลื่อนไหว เหล่าอัญมณีจะส่องแสงระยิบระยับ
เมื่อเจ้าอ้วนเห็นเขาขมวดคิ้วแน่นพร้อมนึกถึงตนเอง ‘เราทุกคนฝึกฝนเพื่อหลีกหนีกฎแห่งสวรรค์ สิ่งที่เราทำอย่างแรกคือการแยกตัวออกจากทางโลก แต่เหตุใดคนผู้นี้จึงประดับร่างกายตนเองด้วยของเหล่านี้? หรือเกรงว่าผู้อื่นจะไม่รู้ว่าเขานั้นมาจากโลกมนุษย์?’
ขณะที่เขากำลังเดินเข้ามา เขายกมือคำนับพร้อมกับหัวเราะออกมา “ข้าคือหัวหน้าแห่งโถงมังกรครามในวัดเสวียนเทียน นามว่า หวังฉีหวู่ ข้าจะเรียกเจ้าว่าอย่างไรหรือศิษย์น้อง?”
วัดเสวียนเทียนมีห้องโถงสี่ห้อง มีชื่อว่า มังกรคราม พยัคฆ์ขาว เต่าดำ นกสีแดงชาตและเหล่าเซียนใช้มันในการทำพิธีกรรมต่างๆ ภายใต้สถานที่แห่งนี้ โถงทั้งสี่มีอำนาจที่สุด โดยปกติพวกเขาจะทำให้วิหารเหล่านี้มีความสงบมากที่สุดโดยปราศจากสิ่งรบกวนจากมนุษย์ทั้งหมด
เนื่องจากในคราวนี้คือครั้งแรกของเจ้าอ้วนที่ได้มายังดินแดนแห่งใหม่ เขายังไม่กล้าหยาบคายนัก เขาลุกขึ้นพร้อมกล่าวทันที “ข้าคือซ่งจง เคารพศิษย์พี่หวัง!”
“โอ้ เป็นศิษย์น้องซ่งจง!” หวังฉีหวู่ยิ้มแห้ง ในขณะที่กล่าวอยู่นั้น เขาเห็นหน้าอกของเจ้าอ้วนได้มีการปักดาบทองเล็ก ๆ ไว้ เขาเปลี่ยนแปลงใบหน้าของเขาทันทีและถามว่า “ศิษย์น้องซ่ง เจ้าคือศิษย์ผู้พิทักษ์ภายใต้หอคุมกฏงั้นหรือ?”
ไม่แปลกที่หวังฉีหวู่จะแปลกใจเช่นนี้ เหตุเพราะหอคุมกฏเป็นสถานที่ที่สำคัญยิ่งในนิกายและเหล่าศิษย์จะต้องอยู่ในระดับของกลุ่มคนชั้นนำของนิกายเท่านั้น หากว่าได้รับการเชิญชวนให้เข้าสู่หอคุมกฎแล้ว อนาคตของคนผู้นั้นจะรุ่งโรจน์ไร้ขีดจำกัด เหล่าสาวกจำนวนน้อยมากที่ได้รับสิทธิ์เช่นนี้ และศิษย์นอกมีโอกาสไม่ถึงสิบ แต่เหตุใดบุคคลสำคัญเช่นนี้จึงมาอยู่ที่นี่?
เห็นได้ชัดว่าหวังฉีหวู่สับสนมาก จึงแสดงอาการตกใจออกมาอย่างโจ่งแจ้ง อย่างไรก็ตามเจ้าอ้วนตอบออกมาอย่างเรียบง่าย “ถูกต้อง ข้าเป็นศิษย์ผู้พิทักษ์ภายใต้หอคุมกฎ!”
“อ๋า ศิษย์น้องเจ้าช่างเยาว์วัยนัก อีกทั้งยังได้รับเลือกเป็นศิษย์ผู้พิทักษ์แห่งหอคุมกฎ ข้าว่ามันเหลือเชื่ออย่างยิ่ง!” หวังฉีหวู่พยายามจะทดสอบอะไรบางอย่างพร้อมกับถามออกไป “แต่ว่าศิษย์น้องมาที่นี่เพื่อจัดการธุระ? หรือเพียงเพราะว่าแค่ผ่านมาเท่านั้นหรือ?”
“ข้ามาที่นี่เพราะได้รับคำสั่งให้มาปกป้องสถานที่แห่งนี้เป็นเวลาสามปี!” เจ้าอ้วนกล่าวพร้อมกับส่งมอบแผ่นหยกจากนิกาย
หวังฉีหวู่ตรวจสอบแผ่นหยกอย่างระมัดระวัง เขาพยักหน้าพร้อมกับถามออกไป “แต่ว่าศิษย์น้องซ่งเป็นถึงศิษย์ผู้พิทักษ์ เหตุใดจึงต้องมาประจำในที่แห่งนี้? อย่าบอกข้านะว่าศิษย์น้องมีภารกิจอื่นอีก?”
“ไม่มีอันใด เพียงแค่ตลอดเวลาสามปีในนิกาย ข้ามิเคยทำภารกิจอันใดเลย ดังนั้นข้าจึงถูกบังคับให้มาที่นี่!” เจ้าอ้วนกล่าวพร้อมหัวเราะออกมาเสียงเบา
แม้ว่าหวังฉีหวู่ยังคงสงสัยกับคำพูดของเจ้าอ้วน แต่เขาก็ไม่ได้สนใจพร้อมกับกล่าวต่อ “อา เป็นเช่นนั้น ข้าเข้าใจแล้ว!”
ในเวลาต่อมา ใบหน้าของหวังฉีหวู่เปลี่ยนไปเล็กน้อยพร้อมกับถามว่า “ศิษย์น้องในเมื่อเจ้ามาถึงที่แห่งนี้แล้ว ไปกับข้าเพื่อไปยังสถานที่ที่สำคัญที่สุดของวัดนี้เถิด! เนื่องจากเจ้าเป็นถึงศิษย์ผู้พิทักษ์แห่งหอคุมกฎ ข้ามิอาจสั่งให้เจ้าเดินไปทั่วเช่นนั้นได้ ข้าจะขอให้ท่านผู้นำจัดการสิ่งต่าง ๆ ให้กับเจ้าในอนาคต!”
“ประเสริฐ!” เจ้าอ้วนพยักหน้าพร้อมกล่าว “ข้าต้องการไปเคารพส่วนที่สำคัญที่สุดของวัดนี้!”
“แน่นอน ย่อมได้ โปรดตามข้ามา!” หวังฉีหวู่เดินนำออกไปหลังกล่าวจบประโยค
ทั้งสองเดินออกจากห้องโถงใหญ่และเดินออกไปยังด้านหลังของภูเขา ระหว่างทางเต็มไปด้วยต้นไม้มากมาย ทั้งไม้ไผ่และดอกไม้ เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์เป็นบรรยากาศที่น่าหลงใหล ราวกับว่าปล่อยให้จิตวิญญาณหลุดลอยออกไปอย่างง่ายดาย เจ้าอ้วนมองพร้อมกับคิดในใจ ‘สถานที่เช่นนี้แหละที่ผู้ฝึกตนควรจะอาศัยอยู่ บรรยากาศเหล่านี้มันสำคัญยิ่ง’
หลังจากเดินมาไม่กี่ลี้ พวกเขาได้มาถึงทางเข้าถ้ำ หวังฉีหวู่ใช้นิ้วแตะไปบนแผ่นโลหะ มันเกิดแสงออกมานิดหน่อยพร้อมกับประตูที่เปิดออกในเวลาต่อมา
หวังฉีหวู่เชิญเจ้าอ้วนเข้ามาด้านใน ถ้ำหลังประตูมิได้ลึกมากนัก หลังจากเดินผ่านไปไม่กี่โค้ง พวกเขามาถึงสถานที่ที่เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ มีโต๊ะและม้านั่งอยู่เพียงไม่กี่ที่ พร้อมกับนักบวชเต๋าที่นั่งอยู่ตรงกลางโถงอย่างเงียบ ๆ
บุรุษนี้อยู่ในชุดสีเทา รูปลักษณ์ของเขาสะอาดสะอ้าน ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้ รอบตัวของเขาดูสงบเยือกเย็น แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่เงียบ ๆ แต่กลับมีความกดดันแผ่ออกมาอย่างมากมาย ทำให้คนที่อยู่รอบข้างเขากราบไหว้อย่างโง่เขลา
ขณะที่เจ้าอ้วนได้เห็นคนผู้นั้น เขารู้ได้ทันทีว่าผู้นี้คือบุคคลที่มีระดับปฐมภูมิคอยคุ้มครองวิหารแห่งนี้อยู่ เขาไม่กล้าที่จะหยาบคาย พร้อมกับยกมือคำนับและกล่าวว่า “ศิษย์ซ่งจงเคารพท่านอาวุโส!”
“ซ่งจง?” สีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงทันทีเมื่อได้ยินชื่อนั้น เขาถามทันที “บิดาของเจ้าเป็นศิษย์ในของนิกาย นามว่าซ่งซือหมิงใช่หรือไม่?”
“อา? ถูกแล้ว เป็นเขา!” เจ้าอ้วนตกใจมากพร้อมกับถามทันที “ท่านอาวุโสรู้จักกับบิดาของข้าด้วยหรือ?”
“เป็นเจ้าจริง ๆ!” เขาพูดออกมาอย่างร่าเริงพร้อมกับกล่าวต่อ “การที่เจ้าเรียกข้าว่าอาวุโสนั้นคืออะไร มันควรจะเป็นอาจารย์ลุง! ข้าฝึกตนร่วมกับบิดาของเจ้านับยี่สิบปี เมื่อตอนเจ้าเกิด ข้ายังได้อุ้มเจ้า แต่ในตอนนั้นเจ้ายังไร้เดียงสาแถมฉี่ใส่ตัวของข้าเลอะเทอะไปหมด!”
เจ้าอ้วนกำลังคิดว่าลุงคนนี้เป็นคนจริงจัง เจ้าอ้วนรู้ได้ทันทีว่าบุคคลนี้เข้าถึงได้ง่ายมากเพียงเขาเปิดปากอีกทั้งยังบังเอิญเป็นศิษย์พี่ของบิดาเขา เขารู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันทีพร้อมกล่าวออกไปอย่างกระปรี้กระเปร่า “รับทราบแล้วอาจารย์ลุง! หลานชายผู้นี้ขออภัยหากหยาบคาย!”
เมื่อกล่าวเช่นนั้น เจ้าอ้วนสะบัดผ้าคลุมไปด้านหลังพร้อมกับคุกเข่าและวางทองคำบนพื้น พร้อมกับป้ายหยกของเขา สิ่งนี้คือการที่ผู้น้อยควรกระทำเมื่อได้เข้าพบอาวุโสเป็นครั้งแรก
เมื่ออีกฝ่ายเห็นเขาทำเช่นนั้น อีกฝ่ายจึงพยักหน้าอย่างผ่อนคลาย เขาพยุงเจ้าอ้วนให้ยืนขึ้นพร้อมกล่าวออกมาอย่างอาวรณ์ “ผ่านมาสิบปีแล้ว ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเติบโตได้ถึงเพียงนี้! หากบิดามารดาของเจ้ายังอยู่และสามารถเห็นความสามารถของเจ้าในตอนนี้ พวกเขาต้องดีใจมาก!”
เมื่อกล่าวถึงบิดามารดาของเขา เจ้าอ้วนไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป ข้อข้องใจตลอดหลายสิบปีที่ผ่าน ดวงตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงพร้อมกับน้ำตาไหลอาบแก้ม
“อย่าร้อง อย่าร้องไห้เลย ข้าเฝ้าอยู่ที่แห่งนี้มานานนับสิบปีและไม่เคยได้ดูแลเจ้าให้ดี ข้าปล่อยให้น้องชายของข้าต้องตายตกไป แต่ในตอนนี้เจ้าอยู่ที่นี่ แน่นอนว่ามันคือบ้าน เพียงแค่มั่นใจในตัวข้าผู้นี้จะไม่มีผู้ใดกล้าข่มเหงเจ้าอีกต่อไป!” อีกฝ่ายรีบปลอบโยนเจ้าอ้วนอย่างรีบร้อน
“ขอบคุณอาจารย์ลุง!” เจ้าอ้วนเช็ดน้ำตาของตนด้วยความกระดากอายพร้อมกับถามว่า “อาจารย์ลุง ข้ายังไม่ทราบว่าจะเรียกท่านได้อย่างไร?”
“ฮ่าฮ่า ข้าลืมเสียได้! ข้ามิได้ใช้ชื่อทางโลกนานยิ่งแล้ว นามของข้าคือ ฉิงเฟิงซี เจ้าจงเรียกข้าว่าอาจารย์ลุงเถิด!” ฉิงเฟิงซีหัวเราะออกมา
“ขอรับ อาจารย์ลุง!” เจ้าอ้วนตอบกลับ