ตอนที่แล้วตอนที่ 4 คงหงาน่าดู อยู่ข้างบนนั้นคนเดียว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 จบรอบการทดสอบ

ตอนที่ 5 เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว


การเดินขบวนของทหารทำให้ผ้าม่านสีทองทีคลุมอยู่พริ้วไหวไปตามแรงลม ฟาง เจิ้งจือ มองเข้าไปในความมืด มีแสงประกายวิบวับส่องออกมา

เขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นแสงสะท้อนจากผ้าม่านสีทองหรือไม่?

 

“ทุกคน เงียบ!!”

ในตอนนั้นเอง หัวหน้าหมู่บ้านที่ผู้คนเคารพนับถือก็ปรากฎตัวออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้ม มือข้างหนึ่งกำลังลูบเคราอีกข้างกำลังถือกล้องยาสูบอยู่

“ข้าหัวหน้าหมู่บ้านแห่งเทือกเขาทางใต้ เมิ่ง ไป่ ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับเหล่าทหารจากกองตรวจการศักดิ์สิทธ์!”

 

“ข้ามีเวลาไม่มาก ถ้าทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว พวกเรามารีบเริ่มการทดสอบกันเถอะ!” ชายร่างใหญ่สวมชุดเกราะสีดำลายเมฆเดินออกมาจากด้านหลังสิ่งลึกลับนั่นด้วยใบหน้านิ่งเฉย เขาทักทายหัวหน้าหมู่บ้านด้วยท่าทีร้อนรน

“ใช่ ใช่ ชายแก่คนนี้จะรีบจัดการทุกอย่างให้ไว ข้าขอเชิญท่านแม่ทัพหลี่ ขึ้นไปนั่งรอบนเวที” หวัหน้าหมู่บ้าน เมิ่ง ไป่ พูดโดยไม่หุบยิ้ม

“ได้” แม่ทัพหลี่พยักหน้าและมองไปที่ทหาร 8 นาย

“เอาสิ่งนั้นขึ้นมา”

“รับทราบ!” ทหารทั้ง 8 คนตอบรับขึ้นพร้อมกัน พวกเขากระโดดครั้งเดียวก็ขึ้นมายืนบนเวทีทั้งหมด

ฉากนี้ทำให้ ฟาง เจิ้งจือ ตกใจเล็กน้อย โลกนี้ดูแปลกประหลาดไปอย่างสิ้นเชิง ทหาร 8 คนกระโดดขึ้นไปบนเวทีได้ในครั้งเดียว ทั้งที่แบกของที่หนักมากอยู่?

ชาวบ้านที่อยู่ด้านล่างต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก

 

“สมกับที่เป็นทหารของกองตรวจการศักดิสิทธิ์จริงๆ!”

“ใช่ๆ แต่เจ้าเห็นตราสามเหลี่ยมสีแดงบนชุดเกราะนั่นไหม? ถ้าจำไม่ผิด.... พวกนั้นเป็นทหารจากหน่วยปีกสีชาด!”

“หน่วยปีกสีชาด?! จากข่าวลืออย่างน้อยเจ้าต้องเข้าถึงวิถีแห่งเต๋าให้ได้ก่อนถึงเข้าหน่วยนี้ได้ นั่นหมายความว่าพวกเขานั้นคือหนึ่งในสมาคมใหญ่ที่ควบคุมเต๋าแห่งการสรรค์สร้าง!”

ได้ยินอย่างนั้น ชาวบ้านคนอื่นๆต่างมองไปที่ทหารทั้ง 8 คนบนเวที ด้วยความอิจฉา

 

ตอนนั้นเอง หัวหน้าหมู่บ้าน เมิ่ง ไป่  ค่อยๆปีนขึ้นไปบนเวทีอย่างงุ่มง่าม เขาหันหน้าเผชิญกับชาวบ้าน ก่อนจะโบกกล้องยาสูบไปมาและกระแอมลำคอ

“เป็นเกียรติอย่างมากที่กองตรวจการศักดิสิทธิ์มาเยือนที่นี่ เป็นโชคดีของหมู่บ้านภูเขาทางใต้อย่างมาก พวกเขาคือความหวังของหมู่บ้านของเรา กองตรวจการศักดิสิทธิ์เป็นสิ่งที่สุดยอด กองตรวจการศักดิสิทธิ์นั้น....”

ฟังคำเยินยอของหัวหน้าหหมู่บ้านแล้ว ฟาง เจิ้งจือ  ในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมหมู่บ้านเทือเขาทางใต้แห่งนี้ถึงยากจน....

ฟังคำประจบประแจงของเขานั่นสิ....

 

บนเวทีแม่ทัพหลี่ นั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ตั้งอยู่ทางด้านซ้าย เขาเอามือวางไว้บนเก้าอี้ ใช้ความพยายามอย่างมากที่จะอดทนต่อการพล่ามไม่หยุดของหัวหหน้าหมู่บ้าน

ในฐานะแม่ทัพเขาชอบความตรงไปมากกว่าการประจบประแจงแบบนี้

ทหารคนอื่นๆนั้นยังยืนอยู่ในท่าทางเดิมเหมือนทวนของพวกเขาติดอยู่กับพื้นดิน มีแค่ใบหน้าของเขาเท่านั้นที่แสดงถึงความฉุนเฉียว

เสียงของหัวหน้า เมิ่ง ไป่ ดังไปทั่วลานหมู่บ้าน โชคดีที่เขาอยู่มานาน ถึงเขาจะเป็นคนไม่ค่อยใส่ใจอะไร แต่อย่างน้อยเขาก็สังเกตุเห็นท่าทีของฝูงคน

หลังจากพูดอยู่บนเวทีเกือบ 10 นาที เขาก็ยกกล้องยาสูบขึ้นมาสูบและปล่อยควันออกมา

“งั้นมาเริ่มการทดสอบรอบแรกกันเถอะ คนที่ถูกเลือกต้องแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ทางซ้ายสำหรับการทดสอบขั้นพื้นฐานของเด็ก ส่วนทางขวาเป็นการสอบอย่างเป็นทางการ เข้าแถวมารับการประเมิณกันทีละคน”

หลังจากเขาพูดเสร็จ ก็เริ่มมีคนเดินออกมาจากฝูงชน ความวุ่นวายเริ่มเกิดขึ้นในทันที

จำนวนผู้เข้าร่วมการทดสอบในรอบนี้มีมากกว่า 40 คน หลังจากแบ่งเป็น การทดสอบของเด็ก และแบบเป็นทางการแล้วนั้น ในแต่ละแถวก็เหลือเพียง 20 คน

ถึงแม้จะดูวุ่นวาย แต่แถวก็ถูกจัดอย่างรวดเร็ว....

แม่ทัพหลี่ ที่นั่งอยู่บนเวที และทหารคนอื่นๆต่างถอนหายใจ

 

ฟาง เจิ้งจือ สงสัย หลังจากที่ฟัง หัวหน้าหมู่บ้านพูด การประเมิณ? โลกนี้ใช้วิธีไหนในการประเมิณกัน?

หลังจากทนยืนเบียดอยู่ในฝูงคน เขาตัดสินใจที่จะแหวกคนออกมายืนอยู่หน้าสุด ในตอนนั้นเอง เขาก็เห็นคนที่คุ้นเคย หลี่เฮ่อ ถูกคนตัวใหญ่ลากไปเข้าแถว เขาสวมชุดหนังสัตว์ ผิวแทน แขนของเขามีเส้นเลือดปูดออกมา

ข้างหน้าของแถว มีทหารบางคนกำลังจัดเตรียมบางอย่างอยู่

 

ชายตัวใหญ่คนนั้นคือพ่อของ หลี่ เฮ่อ ผู้นำทีมล่าของหมู่บ้านภูเขาทางใต้ หลี่ จ้วงฉือ

หลี่ เฮ่อ มองไปรอบๆขณะที่ทำใบหน้าขึงขัง ทันใดนั้นเขาก็เห็น ฟาง เจิ้งจือ ที่ยืนอยู่ข้างหน้าของฝูงคน เขาพึ่งโดนตีอย่างเจ็บปวดมา เขามองไปทาง ฟาง เจิ้งจือ ที่ถือน่องไก่อยู่ อารมณ์ของเขาเริ่มคุกกรุ่น เขายังคงยืนอยู่ในแถว แต่ก็ขยับปากพูดโดยไม่มีเสียงไปทาง ฟาง เจิ้งจือ

จากการอ่านปากของเขา ดูเหมือนเขาอยากจะพูดว่า “ถ้าข้าสอบเสร็จเมื่อไหร่ เจ้าโดนดีแน่!”

ฟาง เจิ้งจือ จ้องมองที่ หลี่ เฮ่อ จากนั้นหยิบน่องไก่ขึ้นมากัดต่อ ปากของเขาเต็มไปด้วยน้ำมัน

 

หลี่ เฮ่อ ระเบิดอารมณ์ทันที

แก้มของเขาขึ้นสีแดงเล็กน้อยจากความโกรธของเขา เขาเหวี่ยงแขนเตรียมที่จะวิ่งออกมาจากแถว

แต่ทันใดนั้นมือที่กางออกมาก็ถูกกระชากกลับไปตีที่ก้น

“ทำตัวดีๆ! หากเจ้ากล้าที่จะทำตัวโง่ๆเช่นนี้อีก ข้าจะหักขาเจ้าซะ!”

หลี่ จ้วงฉือ ไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหนแล้วตอนนี้ ลูกชายของเขาทำเรื่องน่าอายต่อหน้าคนในหมู่บ้านทั้งหมด ถ้าไม่ใช่ หลี่ เฮ่อ ยังเด็กอยู่ละก็ ชาวบนคงลากเขาไปทำโทษแล้ว

เรื่องแรกที่จะทำการประเมิณ กระตุ้นความสนใจของ ฟาง เจิ้งจือ

 

เพราะว่า....

หลังจากที่พวกทหารเตรียมการเสร็จสิ้น พวกเขาหยิบบางอย่างที่คล้ายๆเข็มเจาะเลือดออกมา มันเหมือนการตรวจสภาพร่างกายในโลกเก่าของเขา? แล้วมันใช้เพื่อทำอะไร?

ขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ กำลังคิดอยู่นั้น  พวกชาวบ้านก็เริ่มพูดคุยกันต่อ

“ถ้าหมู่บ้านภูเขาทางใต้ของพวกเรามี ‘ร่างทรงเต๋าสวรรค์’ เกิดขึ้นมาละก็ มันต้องยอดเยี่ยมมากแน่นอน!”

“ร่างทรงเต๋าสรรค์งั้นหรือ?! มันจะเป็นไปได้ยังไง ข้าไม่แม้แต่จะคิดว่าแดนเหนือจะมีร่างทรงเต๋าสรรค์  คนที่สองขึ้นมา การประเมิณของ กองตรวจการศักดิสิทธิ์ จริงๆแล้ว ก็เพื่อต้องการหาคนทีหาคนที่มี ‘เชื้อสายเผ่าพันธุ์ปีศาจ’ แฝงอยู่ข้างใน...”

ฟาง เจิ้งจือ แปลกใจขึ้นมาอีกครั้งกับความมหัศจรรย์ของโลกใบนี้ มีกระทั่งเผ่าพันธุ์ปีศาจงั้นหรือ? อะไรคือรางทรงเต๋าสวรรค์ เป็นเขาหรือเปล่า? ดูจากแขนขาของเขาแล้ว ดูแล้วไม่น่าจะโชคดีขนาดนั้น

 

เขายอมแพ้.....

การที่เด็ก 6 ขวบถูกดึงแขนโดยทหารเพื่อเอาตัวไปเจาะเลือดนั้นไม่ได้ดูนุ่มนวลเท่าไหร่ พวกเขาบางคนเริ่มกลัว จากนั้นก็เริ่มร้องไห้ทีละคน ทีละคน

ลานหมู่บ้านตอนนี้เต็มไปดวยเสียงวุ่นวาย

 

เมื่อถึงตาของ หลี่ เฮ่อ …จะลืมเขาได้ยังไง

หลี่ เฮ่อ จับแขนของเขา และจ้องมองไปยังเข็มในมือทหารที่ดูดเลือดของตัวไป เขาไม่กลัวที่เลือดจะไหลออกจากตัวเขาไป เขาทำหน้าขึงขังไร้ความกลัว

หลังจากที่เลือดถูกดูดออกไปแล้ว หลี่ เฮ่อ ยังพยายามทำท่าทางข่มขู่ ฟาง เจิ้งจือ ต่อไป

ท่าทางอย่างนั้นคงหมายถึง ดูข้าสิ! เห็นไหมข้ากล้าหาญ ข้าไม่ร้องไห้ด้วย!

ปากของ ฟาง เจิ้งจือ กระตุกเล็กน้อยก่อนจะเปิดปากพูด

 

“ทำไมพี่เฮ่อ ถึงไม่ร้องไห้ละ? ข้าเห็นพี่คนอื่นร้องไห้กันหมดเลย หรือพี่คิดว่า กองตรวจการศิกดิสิทธิ์เป็นแค่พวกคนโง่ๆกัน?”

แม้ว่า เสียงของ ฟาง เจิ้งจือ จะไม่ดังมากนัก  แต่มันก็เพียงพอจะให้ หลี่ จ้วงฉือ ที่ยืนต่อแถวอยู่ได้ยิน

หลังจากเขาถูกดูดเลือดไปแล้ว เขาหันไปมองทางเด็กที่กำลังร้องไห้อย่างรุนแรง สลับกับหันไปมองทาง หลี่ เฮ่อ ก่อนที่เขาจะกระพริบตาและตบแก้มตัวเองให้แน่ใจ

หัวใจของเขาเริ่มเต้นเร็วขึ้น

คำพูดของเด็ก 6 ขวบเหมือนดูไม่มีเจตนา ถึงแม้การไม่ร้องไห้นั้นจะดูกล้าหาญ แต่ว่าคนจากกองตราจการศักดิสิทธิ์จะคิดอย่างงั้นหรือ?

จะเป็นยังไงถ้าคนอื่นเข้าใจผิด?

ถึงจะเป็นไปได้ยาก ก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นอยู่ ถ้าเกิดการเข้าจะผิดขึ้นมาต้องเป็นหปัญหาใหญ่แน่นอน!

คิดถึงเรื่องนี้ หลี่ จ้วงฉือ พยายามส่งสัญญานให้ หลี่ เฮ่อ ร้องไห้ออกมา.....

 

หลี่ เฮ่อ ทำแก้มพอง ออกมา เพื่อแสดงความกล้าหาญของเขา  โดยไม่ได้หันไปมองทางพ่อของเขาแม้แต่น้อย

หลี่ จ้วงฉือ เริ่มร้อนรน เขามองไปรอบๆตรงที่ทหารยืนอยู่ พวกเขาทำหน้าแปลกๆ

เขายกมือขึ้นและตบไปที่แก้ม หลี่ เฮ่อ อย่างแรง

“เพี๊ยะ!” เสียงที่คมชัดดังเข้ามาที่หู

หลี่ เฮ่อ ตัวแข็งทื่อไปในทันที ท่าทีอวดเก่งยังไม่ทันหายไป เขาหันไปมองทางพ่อของเขาด้วยสายตาที่โง่งม เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าเขาทำอะไรผิด?

อาการตกตะลึงที่แสดงออกมาของ หลี่ เฮ่อ ได้พิสูจน์แล้วว่า หลี่ จ้วงฉือ ช่างเลือดเย็น

ถ้าคนอื่นเห็นเข้าแสดงอาการอย่างนี้ พวกเขาคงคิดว่าเจ้านี้มันโง่ไปในทันที

โดยไม่ลังเลเพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ที่เขาต้องการ เขายกมือขวาขึ้นและตบไปที่แก้มอีกครั้ง

“เพี๊ยะ!” ครั้งนี้เขาตบแรงขึ้น

เสียงสะท้อนของการตบที่แก้มนั้นสะท้อนไปมาในลานหมู่บ้าน

 

“ร้องไหสิ!เจ้าโง่หรือไง?!” หลังจากได้ตบไป เขารู้สึกหมดหวังกับ หลี่ เฮ่อ แล้ว

หลี่ เฮ่อ พยายามที่จะไม่ร้องไห้ อย่างไรก็ตามความเจ็บที่เหมือนโดนไฟเผานั้นมากเกินที่เด็กน้อยๆจะทนได้

“แง!!”

เสียงร้องไห้ที่ดูน่าส่งสาร ราวกับจะดังไปถึงสวรรค์

ฟาง เจิ้งจือ ปล่อยให้แสงส่องมาที่ใบหน้าของเขา และเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยรอยยิมเศร้าสร้อย

“เห้อ...ชีวิตก็อย่างงี้แหละ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เหมือนเกล็ดหิมะที่แปปเดียวก็ละลายหายไป”

 

 

เพจหลัก : Gate of god TH

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด