ตอนที่ 4 คงหงาน่าดู อยู่ข้างบนนั้นคนเดียว
...
“ผีสิง!?”
ความกลัวบางอย่างพุ่งเข้าสู่จิตใจของ ฟาง เจิ้งจือ หลังจากที่เขาได้ทำเรื่องที่น่าอายไป เขาคิดจะโยนความผิดให้กับ ลุงหลง ฟาง ที่ได้ตายไปเมื่อ 2-3 วันก่อน แต่เขาก็เปลี่ยนใจและวิ่งหนีออกมาจากบ้านแทน
อย่างไรก็ตาม ความคิดบางอย่างได้ผุดขึ้นมา ตอนนี้เขายังเป็นแค่เด็ก 6 ขวบ เขาควรจะได้ใช้ชีวิตอีกนาน ถ้าคนอื่นคิดว่าเขาถูกผีสิงจริงๆ......
คิดไปถึงสิ่งที่เขาเคยเห็นเมื่อนานมาแล้ว ดื่มน้ำมนต์ ตรึงกางเขน เผาหรือฝังทั้งเป็น ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งหัวใจ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าโลกนี้มีการทรมานแบบนั้นหรือไม่
สมองที่ชาญฉลาดของเขาเริ่มตื่นตัว
หลังจากเดินเล่นไปรอบๆหมู่บ้าน สุดท้ายก็จบลงที่ลานกลางหมู่บ้านที่ตอนนี้แน่นขนัดไปด้วยผู้คน มองไปที่ฝูงคน ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที
ที่ลานหมู่บ้าน ปกติเอาไว้แจกจ่ายเนื้อที่ล่ามาได้ ถูกร้อมรอบไปด้วยผู้คน ทางทิศตะวันตก มีเวทีที่ทำจากไม้สูงประมาณ 1 เมตร ถูกปูด้วยพรมสีแดง น้ำเงิน สดใส
ตรงกลาง เก้าอี้ไม้ 3 ตัวที่ตกแต่งด้วยวัสดุและหนังสัตว์ชั้นดีถูกตั้งไว้อยู่
เก้าอี้ที่ตั้งตรงกลางจากทั้ง 3 ตัว เป็นไม้สีแดง สลักลายรูปหัวสัตว์ ด้านข้างเป็นขนสัตว์สีเงิน ตรงกลางเก้าอี้เป็นขนสัตว์สีแดง
หนังสัตว์เป็นสิ่งแรกที่ ฟาง เจิ้งจือ ให้ความสนใจ ดวงตาของเขาเปล่งประกาย เขาไม่เคยเจอหนังสัตว์อย่างนี้มาก่อน ไม่เพียงแค่นั้น เขายังมั่นใจว่า คุณภาพที่ดีขนาดนี้ ไม่มีทางเป็นของหมู่บ้านภูเขาทางใต้ได้เด็ดขาด
“มันสุดยอดมาก ถ้าข้ามีหนังสัตว์นั่น ครอบครัวของข้าต้องรวยขึ้นภายในข้ามคืน ข้าขวรจะแอบไปเอามันแล้ววิ่งหนีไปเลยดีไหม?” เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา ฟาง เจิ้งจือ รีบเอามันออกจากหัวในทันที
ด้วยขาสั้นๆของเขา มันเป็นไปได้ที่เขาจะถูกจับก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้วิ่งซะอีก หลังจากนั้นเขาคงโดนฟาดด้วยไม้เรียวนับครั้งไม่ถ้วน
ขณะที่เขากำลังคิดอยู่ ก็ได้มีร่างหนึ่งเดินมาบังอยู่ข้างหน้าของเขา
“ฟาง เจิ้งจือ!” เด็กผู้ชายคนหนึ่งท่าทางแข็งแรง ออกมายืนอยู่ข้างหน้า เขาถือน่องไก่อยู่ด้วยมือข้างเดียว และกำลังใช้มือเช็ดคราบน้ำมันออกจากปาก
ถูกบังโดยเด็ก 6 ขวบที่แสนอวดดี ยิ่งไปกว่านั้น เขายังดูไร้สมองเหมือนวัวกระทิงตัวหนึ่ง สำหรับ ฟาง เจิ้งจือ มันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับได้
ถ้าเป็นผู้ใญ่ เขาคงรับมือได้ยาก แต่ถ้าเป็นเด็กอายุเท่ากันนั้น เขาสามารถจัดการได้ด้วยสมองของเขาอย่างง่ายดาย
“ว่าไง?” ฟาง เจิ้งจือ ตอบอย่างขี้เกียจ
“ได้ยินมาจากแม่ของข้าว่าเจ้าไม่พอใจที่ข้าได้เข้าทดสอบ เจ้าพูดว่าอยากจะทดสอบข้างั้นหรือ? ข้าขอท้า เจ้ากล้าที่จะเผชิญหน้ากับข้าไหม!” เด็กจอมอวดดีตัวน้อยโบกมือไปมา ในขณะที่ตะโกนไปด้วย พยายามแสดงความแข็งแกร่งของเขาให้ ฟาง เจิ้งจือ เห็น
ริมฝีปากของ ฟาง เจิ้งจือ กระตุก หลี่ เฮ่อ เป็นลูกของฮูหยินหลี่ เพื่อนบ้านของเขา แม้ว่าจะไม่ฉลาดเท่าไหร่ แต่เรื่องพละกำลังเขามีมากกว่า ฟาง เจิ้งจือ แน่นอน
“เจ้าไม่เตรียมตัวสำหรับการทดสอบหรือไง? ไม่กลัวว่าถ้าบาดเจ็บขึ้นมาจะมีผลกับการทดสอบงั้นหรือ?” ฟาง เจิ้งจือ แนะนำด้วยความกังวล
หลี่ เฮ่อ หยุดนิ่ง เขาเริ่มเห็นด้วย คงจะแย่ถ้าเข้าได้รับบาดเจ็บขึ้นมา เขาใส่ใจกับคำแนะนำของ ฟาง เจิ้งจือ
“แทนที่จะต่อสู้กัน พวกเราสามารถแข่งขันกันอย่างอื่นได้!”
“ยกเว้นเจ้าจะกลัวที่จะแพ้ให้กับข้า...” ฟาง เจิ้งจือ แกล้งทำหน้าเป็นกังวล
“ใครพูดว่าข้าจะแพ้เจ้า มาแข่งกันเลยสิถ้าเจ้ากล้า!” หลี่ เฮ่อ ตอบด้วยท่าทีไม่มั่นใจ
“เอาละ เจ้าเห็นของที่ซ่อนอยู่บนเวทีไหม มาดูกันว่าใครจะขโมยมันได้ก่อน” ฟาง เจิ้งจือ ชี้ไปที่ ของที่มีสีสันสดใส ถูกซ่อนไว้ตรงกลางของเวที
“ได้!” หลี่ ฮัว พยักหน้าอย่างรุนแรงเหมือนไก่ที่กำลังจิกข้าวสารอยู่ ก่อนจะหันไปทางเวที
ช่างเป็นคนโง่ที่มีความกล้าหาญเสียจริง ฟาง เจิ้งจือ นับถือ หลังจากนั้น หลี่ เฮ่อ เตรียมตัวที่จะพุ่งออกไปเหมือนคนบ้า
“เดี๋ยวก่อน!” ฟาง เจิ้งจือเปิดปาก
“มีอะไร? หรือเกิดกลัวขึ้นมา?” หลี่ เฮ่อ หยุดเท้าและหันมามองทาง ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความสงสัย
“ไม่ ส่งน่องไก่มาก่อน มันจะทำให้เจ้าปีนยากขึ้น” ฟาง เจิ้งจือ แนะนำอีกครั้ง
หลี่ เฮ่อ กลอกตาขึ้น เขาคิดว่าถ้าเอาน่องไก่ให้กับ ฟาง เจิ้งจือ เขาจะได้มันคืนหรือไม่?
“ได้” หลี่ เฮ่อ ดูไม่ค่อยพอใจอย่างเห็นได้ชัด ดูเขาไม่ค่อยจะคิดมากนักว่าจะได้น่องไก่คืนหรือไม่
หลังจากส่งน่องไก่ให้กับ ฟาง เจิ้งจือ แล้วเขาก็เหมือนหมูหลุดออกจากกรง วิ่งไปที่เวทีอย่างบ้าคลั่ง
การเคลื่อไหว ทั้งบ้าคลั่ง รุนแรง เต็มไปด้วยความมั่นใจ
หลี่ เฮ่อ วิ่งได้รวดเร็วมาก ชาวบ้านที่ยืนอยู่รอบๆยังไม่ทันได้รู้สึกตัวเขาก็วิ่งผ่านไปแล้ว ก่อนที่เขาจะขึ้นไปบนเวทีแล้วหยิบหนังสัตว์ ที่วางไว้อยู่บนเก้าอี้ และแสดงให้ ฟาง เจิ้งจือ เห็น พร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยชัยชนะ
แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป....
ชาวบ้านสองสามคนเหมือนพึ่งรู้สึกตัว
เคลื่อนไปทาง หลี่ เฮ่อ ก่อนจะยกมือขึ้นพร้อมตีไปที่ก้นเล็กๆของเขาอย่างงรุนแรง
“โอ้ย...โอ้ย!” เสียงที่เปล่งออกมาบ่งบอกถึงความรู้สึกของเขาในตอนนี้อย่างชัดเจน
“อ้า มันคงเหงาน่าดูที่ต้องอยู่ด้านบนนั้นคนเดียว” ฟาง เจิ้งจือ หันหน้าไปทางดวงอาทิตย์ พร้อมทั้งเคี้ยวน่องไก่ที่อยู่ในมือ...
การทดสอบอย่างเป็นทางการเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับเสียงร้องไห้ด้วยความทุกข์ทรมานของ หลี่ เฮ่อ
เสียงฆ้องและกลองดังขึ้นเป็นสัญญานการมาถึงของกองทหารที่สวมชุดเกราะสะท้อนแสง พวกเขากำลังขี่สัตว์ขนาดใหญ่ที่มีขนสีดำ ส่วนขาทั้งสี่ข้างเป็นเกล็ดสีขาว ปรากฎตัวและเดินเข้ามาที่ลานหมู่บ้าน
เกือบครึ่งหนึ่งของลานดูแออัดไปในทันที
เสียงก้าวเดิน ทำให้ชาวบ้านตกใจและค่อยๆถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว
“พวกเขาขี่ม้านิลมังกรหิมะใช่ไหม?”
“เป็นพวกเขาแน่นอน! มีแค่ กองตรวจการศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะขี่ม้านิลมังกรหิมะได้ มีข่าวลือว่ามันสามารถกินเนื้อได้หลายกิโลกรัมภายใน 1 มื้อเชียวนะ”
“ขนาดนั้นเลย? ฮ่า ฮ่า.....เจ้ายังมีค่าเทียบเท่าไม่ได้กับม้านั่นสักตัว!”
กลุ่มชาวบ้านที่สวมชุดโทรมๆยืนอยู่ตรงข้ามกับกองทหาร ต่างซุบซิบพูดคุยพร้อมกับชี้นิ้วไปทางทหาร และถกเถียงกันไปมา
“ดูนั่น! พวกเขากำลังแบกบางอย่างอยู่ มันคืออะไรกัน?”
“เหลือเชื่อ! มันคือเกี้ยวของกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ มันต้องเป็นสิ่งที่ประเมิณค่าไม่ได้แน่นอน!”
เสียงจอแจของชาวบ้านดังขึ้น และต่างมุ่งความสนใจไปที่สิ่งของที่อยู่หน้ากองทัพ
มันเป็นวัตถุปริศนาที่ถูกแบกด้วยทหารถึง 8 คน
วัสดุคล้ายผ้าทองคำ ถูกวางอยู่ด้านบนเพื่อปกปิดสิ่งที่อยู่ข้างในนั้น มันส่องแสงเป็นประกายภายใตแสงจากดวงอาทิตย์
ฟาง เจิ้งจือ ก็มองเห็นเช่นเดียวกัน จากสายตาของเขาสามารถเห็นได้ว่าสิ่งนั้นถูกแบกโดยทหารถึง 8 คน มีความสูงประมาณ 2 เมตรแต่เขาไม่สามารถคาดเดาความกว้างของมันได้
เพจหลัก : Gate of god TH