บทที่ 70 นักเรียนใหม่ผู้เย่อหยิ่ง (อ่านฟรี)
เฝิงหยู่ยังคิดแผนการชั่วร้ายไม่ออก ซ่งเสี่ยวเฟิงก็ได้จากไปแล้ว เขาเดินทางไปภาคใต้ มีข่าวลือว่าเขายังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ จึงเดินไปทางใต้เพื่อรับการรักษา แต่มีบางคนลือกันว่าซ่งเสี่ยวเฟิงไปดูลู่ทางแทนซ่งเหล่าซื่อ เพราะซ่งเหล่าซื่อกำลังเตรียมออกจากเมืองปิง
สำหรับข่าวลือที่สอง เฝิงหยู่ไม่แม้แต่จะเชื่อเป็นอันขาด ซ่งเหล่าซื่อทำงานในเมืองปิงและเมืองหลงเจียงมาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว จนนั่งตำแหน่งหัวหน้าที่มีอำนาจมากที่สุด นอกจากนี้ เขายังมีความสัมพันธ์อันดีกับข้าราชการประจำมณฑล เขายังเคยโอ้อวดว่าเขาเป็นแขกพิเศษของรัฐบาล แล้วเขาจะออกจากเมืองปิงได้อย่างไร?
อีกอย่าง เฝิงหยู่ยังจำได้จากชีวิตก่อนหน้าของเขา ว่า2ปีหลังจากนี้ซ่งเหล่าซื่อถูกจับที่เมืองปิง และด้วยนิสัยที่เย่อหยิ่งจองหอง ตราบที่ยังไม่ได้แก้แค้นคนร้ายที่จะลอบฆ่าหลานชายของตัวเอง เขาจะจากไปได้อย่างไร?
แต่ถ้าซ่งเสี่ยวเฟิงไปรักษาตัวจริงๆ เรื่องนี้คงดูไม่สมเหตุสมผล ซ่งเสี่ยวเฟิงอาการทุเลาลงแล้ว ส่วนแพทย์และพยาบาลที่ถูกพาตัวไปรักษาก็ได้รับการปล่อยตัว ถ้าเขาไม่ฟื้นตัวจนหายดี แพทย์และพยาบาลคนนั้นคงกลายเป็นศพ หรือไม่ก็แขนขาขาด
ซ่งเสี่ยวเฟิงจากเมืองปิงไปแล้วจริงๆ เรื่องนี้ได้รับการยืนยันโดยหวังขาเป๋ คนของเขาเห็นด้วยตาตัวเองว่าซ่งเสี่ยวเฟิงถือตั๋วเครื่องบิน พร้อมกับขึ้นเครื่องบินบินไปยังเซินเจิ้น
เมื่อซ่งเสี่ยวเฟิงจากไปเฝิงหยู่ก็โล่งใจ ซ่งเหล่าซื่อไม่ได้มาระรานเขาอีก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ตระหนักว่าเฝิงหยู่ไม่มีส่วนรู้เห็นในเหตุการณ์นี้
แต่ยังดีหน่อยที่แก๊งอันตพาลในเมืองปิงลดน้อยลง ควรจะจดจ่ออยู่กับการทำเงินสิถึงจะเป็นเส้นทางสุขขี ไม่ว่ายุคสมัยไหน เมื่อสั่งสมความมั่งมีจนถึงจำนวนที่แน่นอนก็จะเปลี่ยนอำนาจมาไว้ในกำมือ
บริษัทกลับมาดำเนินงานตามปกติ อู๋จื้อกางและบรรดาพนักงานต่างกลับมาทำงานและเริ่มขายรถยนต์มือสอง เฝิงหยู่ให้คำแนะนำง่ายๆแก่พวกเขา เพียงแค่ไปหาคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจของตนเอง คนเหล่านี้ต้องการดูดีเพื่อแสดงสถานะของพวกเขา ถ้าคนอื่นกำลังขับรถหรู แล้วพวกเขาจะไม่ซื้อได้อย่างไร?
ถึงแม้ว่ารถยนต์ทุกคันจะเป็นรถมือสองก็ตาม หากไม่พูดออกไปใครจะรู้ได้? นอกจากนี้ ราคายังถูกกว่ารถเบนซ์นำเข้าอย่างเบนซ์เมอร์เซเดสถึงครึ่งหยึ่ง นี่จึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม
อีกประมาณครึ่งปีหลังจากนี้ การขายรถยนต์จะเป็นงานเดียวสำหรับพนักงานของเขา รถยนต์มือสองที่นำเข้ามาสองรอบ อย่างน้อยๆ 100 คัน จะต้องจำหน่ายให้หมดก่อนสิ้นปี
เฝิงหยู่นั่งเฝ้ามองคนอื่นๆที่กำลังฝึกทหารอยู่ทุกวี่ทุกวัน ถ้าโกหกแล้วก็ต้องแสดงให้สมบูรณ์แบบ เพราะหากตอนนี้เขาไปเข้าร่วมการฝึก คำโกหกเรื่องโรคของเขาคงถูกเปิดเผยเป็นที่กระจ่าง
ในที่สุดการฝึกทหารก็สิ้นสุดลง โรงเรียนก็เปิดเทอมอย่างเป็นทางการ ถึงแม้ห้องเรียนมีขนาดไม่เล็กมาก แต่มีนักเรียนจำนวนมาก โต๊ะเรียนเก่าคร่ำครึ มองเห็นรอยขีดบนโต๊ะได้อย่างชัดเจน แถมยังมีตัวหนังสือที่นักเรียนรุ่นก่อนๆขีดเขียนเอาไว้
สิ่งที่ทำให้เฝิงหยู่หงุดหงิดมากที่สุดคือ ครูจัดให้นักเรียนชายนั่งโต๊ะเดียวกัน ส่วนนักเรียนหญิงก็นั่งโต๊ะเดียวกัน มีเพียงโต๊ะเดียวเท่านั้นที่มีชายหญิงนั่งอยู่ด้วยกัน ซึ่งทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน
ยุคสมัยนี้ โรงเรียนพยายามอย่างหนักเพื่อป้องกันไม่ให้นักเรียนเข้าสู่ความสัมพันธ์รักใคร่เร็วเกินไป
ทุกแห่งในเขตโรงเรียนจะมีคนที่มีปลอกสีแดงตรงแขนเสื้อปรากฏตัวขึ้นมา หากมีชายหญิงจับมือกัน ก็จะเรียกตัวมาเขียนใบเตือน แล้วเชิญผู้ปกครอง ถ้าหากจูบปากกัน การลงโทษจะยิ่งร้ายแรง จะโดนลงฑัณณ์หรืออาจย้ายโรงเรียน แม้กระทั่งโดนไล่ออก!
ไม่ว่าจะเป็นในช่วงเวลาเรียนหรือหลังเลิกเรียน หรือจะเป็นตอนเช้าตรู่ในโรงเรียน แม้กระทั่งตอนดึกที่สนามกีฬา จะมีคนจากแผนกการเรียนการสอนแอบซุ่มอยู่รอบๆ ถ้าเธอทำอะไรที่ไม่เคารพกฎ ก็จะโดนดี
เฝิงหยู่อยากจะตั้งคำถามกับพวกเขาว่า ความรักในวัยมัธยมปลายถือว่ายังเร็วหรือ?
การปราบปรามเช่นนี้ อาจยุติความรู้สึกรักใคร่ฉันชู้สาวนักเรียนได้บ้าง แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ มีนักเรียนวัยรุ่นหลายคนที่มีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ในเมื่อทางโรงเรียนห้ามไม่ให้ทำ ก็แอบๆใครจะจับได้!
นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้นักศึกษามหาวิทยาลัยมีความป่าเถื่อนและบ้าคลั่ง พวกเขาถูกกดขี่อย่างรุนแรง เมื่อผ่อนปรนกฎเกณฑ์แล้ว มันก็กลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะสูญเสียตัวเอง
แล้วนักเรียนที่เชื่อฟังอย่างซื่อสัตย์เหล่านี้ล่ะ? ตอนนี้พวกเขายังหาแฟนไม่ได้เลย พอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน หลังจากที่พวกเขาเริ่มทำงาน พวกเขาคงแต่งงานกับคนใกล้ตัว ไม่ก็แต่งกับคนที่ครอบครัวหามาให้ ชีวิตขาดสีสัน
แม้เฝิงหยู่ไม่ดื้อรั้น แต่เขาก็ไม่ได้เชื่อฟังคำพูดของครูเสียทุกอย่าง นักเรียนที่มีความรักก่อนวันอันควร พวกอาจารย์มักพูดว่าเด็กเหล่านี้ไม่มีทางรับผิดชอบชีวิตครอบครัวได้ แต่เฝิงหยู่แตกต่างกัน เขาเป็นเศรษฐี และเขาสามารถรับผิดชอบต่อหลี่นาได้จนถึงที่สุด
ในช่วงบ่ายที่โรงอาหารของโรงเรียน เฝิงหยู่และหลี่น่ากำลังนั่งทานอาหารอยู่โต๊ะเดียวกัน เฝิงหยู่ตักอาหารให้หลี่น่าราวกับไม่สนใจว่าที่นี่จะมีคนอื่น จึงดึงดูดความสนใจของนักเรียนจำนวนมาก
"หืม สองคนนั้นเป็นนักเรียนใหม่นี่ พวกเขาดูเหมือนเป็นคู่รักกัน"
"จากเครื่องแบบก็ดูออกว่าอยู่มอปลายปีหนึ่ง กล้าดีจริงๆ พวกเขาไม่กลัว "หนูใหญ่" จะโผล่มาจับพวกเขา? "
"หนูใหญ่" เป็นชื่อเล่นที่พวกเขามอบให้กับพี่วินัย เป็นเพราะเขาชอบสวมชุดสูทสีเทาและชอบโผล่ออกมาจากทางไหนก็ไม่รู้
" เมื่อวานเธอบอกว่ากระโปรงสีแดงของเพื่อนร่วมโต๊ะสวยดีใช่ไหม ฉันซื้อกระโปรงสีแดงให้เธอตัวหนึ่ง"
"ฉันไม่เอาหรอก ฉันก็แค่พูดลอยๆ" หลี่นาใบหน้าแดงระเรื่อ เธอชอบของขวัญทุกอย่างที่เฝิงหยู่ซื้อให้ แต่เธอก็กลัวนักเรียนคนอื่นๆจะติฉินนินทา ที่นี่ไม่ใช่ชนบท นี่ที่คือในเมือง จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาจะถูกเรียกตัวไปที่ห้องวินัย แล้วถูกเชิญผู้ปกครอง?
"ฉันซื้อมันมาแล้ว เธอลองเอาไปใส่ดู" เฝิงหยู่กล่าว
"อยู่ในโรงเรียน ต้องสวมเครื่องแบบโรงเรียนสิ" หลี่นากล่าวเบา ๆ
"ใส่ตอนสุดสัปดาห์ก็ได้ หรือค่อยใส่ตอนเย็นหลังเลิกเรียน ใส่เถอะ น่ารักดี" เฝิงหยู่ตอบ
"กำลังทำอะไรกันอยู่? พวกเธออยู่ห้องไหน? " คนที่มีปลอกแขนสีแดงยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา แล้วถามพวกเขาดังๆ
หลี่น่าตื่นตระหนก พร้อมกับลุกขึ้นยืนทันที เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เฝิงหยู่ดึงมือเธอไว้ให้นั่งลง
"กินข้าวกันต่อเถอะ ไม่เป็นไร" เฝิงหยู่กล่าว
"ฉันกำลังคุยกับพวกเธอทั้งสองคน ยืนขึ้น!"
เฝิงหยู่กินข้าวต่อไป ไม่สนใจคนผู้นั้นเลย
เจ้าหน้าที่วินัยหลี่ที่กำลังทานอาหารกลางวันที่โรงอาหาร พอเขาสังเกตเห็นนักเรียนจำนวนมากมองไปยังทิศทางหนึ่ง เขายืนขึ้นแล้วมองทางนั้น เขาก็โมโหทันที! กฎระเบียบของโรงเรียนระบุไว้อย่างชัดเจนว่านักเรียนไม่ได้รับอนุญาตให้มีความรักฉันชู้สาว แต่พวกเขากล้าผิดกฎของโรงเรียนอย่างเปิดเผย พวกเขาต้องได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง!
เขารีบเดินเข้าไปอย่างที่เขาเคยทำมาโดยตลอด เขาเตรียมจะตำหนินักเรียนทั้งสองคนนี้ต่อหน้าคนอื่น เขาต้องปล่อยให้พวกเขารู้ความผิดพลาดของพวกเข ถ้าจำเป็นเขาจะให้ทั้งสองคนนี้อ่านจดหมายที่เขียนถึงความผิดของตัวเองต่อหน้าเพื่อนนักเรียน
โดยปกติแล้วเมื่อเขาปรากฏขึ้น นักเรียนจะเชื่อฟังคำตำหนิ และขอร้องไม่ให้พวกเขาถูกลงโทษ แต่วันนี้มันเกิดกว่าทีคาดไว้ เด็กคนนี้เพิกเฉยต่อเขา ราวกับว่าเขาไม่มีตัวตนก็ไม่ปาน
เขาจึงบุ่มบ่าม เอื้อมมือออกไปคว้าแขนนักเรียนชายคนนั้นทันที
แขนของถูกจับอยู่ แต่เขาสบัดมือออกทันที: "นายเป็นใคร? คิดจะทำอะไร ไม่เห็นไหมเหรอว่าฉันกินอยู่? "
"ฉันคือพี่วินัย นายกำลังทำอะไร?"
“ฉันกำลังกิน. นาย...... มองไม่เห็นหรือไง?” เฝิงหยู่ตอบ พร้อมโบกมือที่ด้านหน้าของพี่วินัยหลี่ ราวกับกำลังตรวจดูว่าเขาตาบอดหรือเปล่า
“นายเรียนห้องไหน ไม่รู้หรือว่าโรงเรียนห้ามไม่ให้นักเรียนมีความรักก่อนวัยอันควร? เชิญผู้ปกครอง ฉันจะเชิญผู้ปกครองของนาย!” เจ้าหน้าที่หลี่โกรธมาก นักเรียนคนนี้เย่อหยิ่งเกินไป เขาต้องถูกลงโทษ ถูกลงโทษอย่างรุนแรง!
"นายอย่ามากล่าวหาพวกเรา พวกเราเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้น กฎของโรงเรียนระบุว่าเพื่อนนักเรียนควรรักใคร่สมัครสมานกันไม่ใช่เหรอ? พวกเราก็แค่กินข้าวด้วยกัน มีปัญหาอะไรมิทราบ? " เฝิงหยู่ตอบ
การห้ามนักเรียนไม่ใช้มีความรักก่อนวันอันควรถือไม่ผิด แต่ก็ไม่ควรห้ามปรามเพราะกฎ วันนี้เฝิงหยู่จะโต้เถียงกับเขาดูสักตั้ง ดูสิว่าฝีปากใครจะแน่กว่ากัน
ส่วนนักเรียนคนอื่นๆได้แต่ยื้นอึ้ง เด็กมอปลายปีหนึ่งคนนี้จองหองมาก ถึงกับกล้าไปมีเรื่องกับพี่วินัยหลี่!