บทที่ 69 ใบหน้าของคนรวย (อ่านฟรี)
ในวันแรกของการฝึกทหารหลังจากพิธีเปิดภาคการศึกษา เฝิงหยู่นำใบรับรองแพทย์ของเขาไปยื่น ในความคิดของเขา การเล่นบาสเกตบอลยังดีกว่าการไปเรียนรู้วิธีเลี้ยวซ้ายและขวา
แต่อาจารย์ผู้สอนไม่ได้ถูกหลอกง่ายๆ เธอไม่สามารถฝึกอบรมทหารได้? ไม่มีปัญหา. เธอมาอยู่ที่นี่ คอยดูแลขวดน้ำดื่มเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ อยากกลับบ้านไปพักผ่อนเหรอ? ไม่มีทาง.
แต่เหวินตงจุนช่างโชคดี ตอนนี้เขาเล่นวิดีโอเกมอยู่ที่บ้าน ด้วยใบรับรองแพทย์ของเขาจึงถูกอนุญาตให้หยุดอยู่ที่บ้าน ทั้งเรื่องอาการป่วยของเขา รวมถึงใบลา เฝิงหยู่เป็นคนที่ยื่นคำร้องให้ เขาไม่ได้ไปโรงเรียนในวันนี้
หลิวคุนและเฝิงหยู่นั่งคุยกัน เขาไม่ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านด้วยเช่นกัน แต่ด้วยนิสัยของเฝิงหยู่ กับหลิวคุนซึ่งเป็นนักเรียนชั้นยอด จึงไม่มีหัวข้อพูดคุยกันมากนัก หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ไม่ได้พูดคุยกันต่อ
ผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมทหารคนอื่นๆต่างมองมาที่พวกเขาทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทำให้พวกเขารู้สึกกระอักกระอ่วนใจ แต่สิ่งที่ทำให้เฝิงหยู่อารมณ์เสียคือ ครูไม่เข้มงวดมาก แปบๆก็ให้นักเรียนนั่งพัก บ้างก็สามารถเล่นบาสเกตบอลได้ เฝิงหยู่และหลิวคุนอยากเล่นด้วยใจจะขาดแต่ไม่สามารถเข้าร่วมได้
"ฮึ! พื้นปูนตรงนี้มีแต่รอยแตก แม้แต่สนามบาสเกตบอลยังเบี้ยว มีอะไรสนุกนักหนา?" เฝิงหยู่กล่าวอย่างโมโห
"ฉันเดาว่าพวกเราโชคร้ายแล้ว หลังจากที่เราเรียนจบประถม โรงเรียนได้ปรับปรุงใหม่ หลังจากจบชั้นมัธยมต้น โรงเรียนได้สร้างอาคารใหม่และปรับปรุงสนามกีฬา ถ้าเราอยากเล่นสนามบาตเก็ตบอลใหม่ พวกเราอาจจะต้องรอจนกว่าจะจบการศึกษาจากที่นี่ " หลิวคุนกล่าวด้วยใจหมองมัว
ถ้าเป็นชีวิตก่อนหน้านี้ ก็เหมือนกับที่หลิวคุนได้กล่าวไว้ ดูเหมือนว่าการระดมทุนของโรงเรียนในเมืองปิงล้วนคล้ายคลึงกัน แต่ตอนนี้มันแตกต่างล้ว เพราะเฝิงหยู่ร่ำรวยเงินทอง จะสร้างสนามบาสเกตบอลใหม่ไม่ได้เชียวหรือ?
บ่ายวันนั้น มีแขกคนหนึ่งอยู่ที่สำนักงานรองผู้อำนวยการ
" เสี่ยวหลี่ ไม่สิ ควรจะเรียกหัวหน้าหลี่ เมื่อกี้ที่พูดคุยกันทางโทรศัพท์จริงหรือเปล่า? " รองผู้อำนวยการถาม
"รองผู้อำนวยการซุน เรื่องแบบนี้ผมไม่เอามาล้อเล่นหรอกครับ ผมอยากจะบริจาคสนามบาสเกตบอลใหม่ให้กับโรงเรียน สนามบาสเกตบอลเก่าก็รื้อถอนออกและสร้างใหม่ที่ตรงนั้นเลย ห่วงบาสก็เปลี่ยนใหม่หมด ผมติดต่อคนงานไว้แล้ว " หลี่ซื่อเฉียงนั่งลงแล้วพูดออกมา
ก่อนหน้าตอนบ่าย เขาได้รับโทรศัพท์จากเฝิงหยู่ว่าต้องการสร้างสนามบาสเกตบอล เฝิงหยู่ยังบอกด้วยว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา หลี่ซื่อเฉียงรู้อยู่แล้วว่าเงินไม่เคยเป็นปัญหา แต่เหตุผลในการบริจาคให้กับโรงเรียนจะถูกรายงานกับไปยังโรงเรียนเก่า ว่าสามารถสนับสนุนระบบการศึกษาได้ แต่ไม่สนับสนุนเพราะชอบเล่นบาสเกตบอล!
หลี่ซื่อเฉียงลองสอบถามดูคร่าวๆ ก็รู้ว่าการสร้างสนามบาสเก็ตบอลที่โรงเรียนมัธยมปลาย รวมถึงการรื้อถอนสนามบาสเกตบอล วัสดุก่อสร้าง และเงินเดือนช่าง จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000 หยวน เจ้าน้องเขยคนนี้ พูดออกมาประโยคเดียวก็ใช้เงินหมดไปเป็นแสน แต่คงโทษไม่ได้ เพราะเงินจำนวนนั้นเฝิงหยู่หามาด้วยตัวเอง
รองผู้อำนวยการซุนพูดขอบคุณหลี่ซื่อเฉียงอย่างไม่หยุดปาก ทั้งยังรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเขาจะขอให้ครูประจำชั้นดูแลนักเรียนทั้งสามคนที่หลี่ซื่อเฉียงฝากมาเป็นอย่างดี ในอนาคตนักเรียนทั้งสามคนนี้จะสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้อย่างไม่มีปัญหา
มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ทำให้รองผู้อำนวยการผิดหวัง ติดต่อคนงานไว้แล้วเหรอ? มันคงจะดีกว่าถ้ายังไม่ติดต่อเอาไว้ ......
คืน นั้นหลี่ซื่อเฉียงบอกกับเฝิงหยู่ว่าเขาได้พูดคุยกับรองผู้อำนวยการแล้ว โดยจะเริ่มงานในสัปดาห์หน้า ค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 100,000 RMB
ถูกถึงเพียงนี้?
"พี่หลี่ พี่คำนวณอย่างไร? 100,000 หยวนจะพอหรือ? " เฝิงหยู่ถาม
"100,000 หยวนยังถือว่าราคาถูก? พี่ยังคิดว่ามันแพงเกินไปด้วยซ้ำ! ก็แค่การรื้อพื้นปูนซีเมนต์ออก แล้วเทลาดปูนซีเมนต์ใหม่ เปลี่ยนห่วงบาสเกตบอลใหม่ แล้วเอาของเก่าไปขาย ... ... " หลี่ซื่อเฉียงตอบ
"เดี๋ยวนะ พี่หลี่ ทำไมเราต้องขายห่วงบาสเกตบอลเก่า? เอาไปให้โรงเรียนจะดีกว่า เงินเล็กน้อยแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก คงจะดีที่สุดถ้าห่วงบาสเกตบอลอยู่กลางแจ้ง บริจาคบาสลูกบาสเกตบอล ลูกฟุตบอลให้โรงเรียนด้วย ฯลฯ ต้องเลือกอย่างดีที่สุด แล้วก็ปรับปรุงสนามฟุตบอลด้วย " เฝิงหยู่กล่าว
หลี่ซื่อเฉียงมองท่าทางอวดเบ่งเฝิงหยู่ แล้วกล่าวว่า "แค่เปลี่ยนสนามใหม่แล้วปูพื้นทับของเดิมมันจึงไม่แพงมากเกินไป ราคาประมาณ 100,000 RMB เท่านั้น แต่การเปลี่ยนหญ้าบนสนามฟุตบอลให้เหมือนสนามกีฬาแข่งขันจริงๆละก็ พี่คิดว่า1ล้านหยวนก็ไม่เพียงพอ "
เฝิงหยู่ตกใจ ถามว่า "อะไรนะ? แค่เล็กน้อยเท่านี้ค่าใช้จ่าย 1 ล้านหยวนเชียว? "
"แล้วเธอคิดว่าเท่าไร? ปูนซีเมนต์มีราคาแพง แล้วยังต้องมีห่วงบาสเก็ตบอลอีก ความแตกต่างระหว่างสนามทั่วไปกับสนามที่ดีที่สุดห่างกันหลายเท่า เธอจะอยู่ที่โรงเรียนนี้ 3 ปีเท่านั้น เงินจำนวนนี้เราบริจาคเงินให้กับโรงเรียนในชนบทดีกว่า ยังมีเด็กจำนวนมากที่ไม่มีโอกาสเข้าเรียนในโรงเรียน" หลี่ซื่อเฉียงกล่าว
เฝิงหยู่พยักหน้าอย่างเข้าใจ ในชีวิตก่อนหน้านี้ที่เขายังมีชีวิตอยู่ตราบจนถึงตอนเขาเสียชีวิต ยังคงมีเด็กยากจนในชนบทจำนวนมากที่ไม่ได้รับการศึกษา
"ที่พี่พูดก็มีเหตุผล งั้นตามที่พี่ว่าก็แล้วกันครับ อีก2ปีเราค่อยสร้างสนามใหม่ให้โรงเรียน รวมถึงบริจาคให้กับโรงเรียนในชนบท เรามาเริ่มกันปีนี้เลย โรงเรียนหนึ่งบริจาคสัก 500,000 หยวนน่าจะเพียงพอ ปีนี้เราจะบริจาคให้โรงเรียน2แห่ง ปีหน้าบริจาค3-4โรงเรียน ต่อไปในอนาคตเราจะบริจาคเงินให้กับโรงเรียนอย่างน้อย 10 แห่งทุกๆปี เราสามารถทำได้มากกว่ามูลนิธิ แล้วกลายเป็นผู้บริจาคด้านการศึกษาอันดับหนึ่งในประเทศจีน "
เฝิงหยู่กำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่เขาพูด ราวกับว่าเขาเห็นทิศทางใหม่ในการทำงานต่อไป แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเกษียณอายุได้ก่อนอายุ30ปี แต่ชีวิตของเขาคงมีสีสันยิ่งขึ้น!
หลี่ซื่อเฉียงยื่นมือไปแตะหน้าผากของเฝิงหยู่ "ก็ยังสบายดีนี่นา แล้วพูดจาเหลวไหลอะไรกัน มันไม่มีปัญหากับการบริจาคให้โรงเรียนสักแห่งสองแห่ง แต่ต้องการบริจาคเงิน10โรงเรียนทุกๆปี? ตามที่เธอพูดมา นั่นหมายความว่าทุกๆปีจะต้องบริจาค5ล้าน อย่างบริษัทของเรา คิดว่าจะประคองไปได้นานถึง5ปีหรือเปล่ายังไม่รู้เลย? "
เฝิงหยู่ยังเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลาย เขาอาจจะคิดวิธีหาวิธีหาเงินได้ แต่เขายังไม่เข้าใจเรื่องการเก็บเงิน ด้วยนิสัยของเขาเช่นนี้ เงินที่คนอื่นสามารถใช้ทั้งชีวิต เฝิงหยู่คงเอาไปใช้หมดภายในไม่กี่วัน!
เฝิงหยู่มองหลี่ซื่อเฉียงอย่างหมิ่นเหม่ "ปีก่อน ผมพูดว่าพันธบัตรรัฐบาลจะสามารถทำกำไรมหาศาล พี่ก็คิดว่าผมพูดไร้สาระ หลายเดือนต่อมา ผมบอกว่าการจัดตั้งบริษัทจะทำให้เราหารายได้มากขึ้น พี่ก็ไม่เชื่อผม สองเดือนที่แล้วผมพูดว่าการผลิตพัดลมที่ทำจากพลาสติกสามารถทำให้เราร่ำรวยได้ แต่พี่กลับคิดว่าสินค้าของเราจะขายไม่ออก เมื่อเดือนที่แล้ว ผมบอกรถยนต์มือสามารถสร้างรายได้ได้เป็นกอบเป็นกำ พี่ก็คิดว่าขายรถยนต์มือสองแพงเกินไป แล้วจะไม่มีคนซื้อ...... "
"พอเลย พอเลย หยุดพูดเลย เธอถูกทุกอย่าง " หลี่ซื่อเฉียงพูดขัดจังหวะเฝิงหยู่ ในขณะเดียวกันดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย "เธอบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าจะทำธุรกิจรถหรูมือสองได้อีกแค่สองครั้งก็ไม่มีสินค้าแล้ว? แล้วเธอยังพูดว่ากำไรที่ได้จากการขายรถยนต์มือสองค่อนข้างต่ำ หรือเธอมีความคิดริเริ่มธุรกิจที่ทำเงินได้มากกว่า? "
"ตอนนี้ผมยังไม่มีความคิด แต่ไม่ต้องกังวล ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปนี่จะเป็นช่วงเวลาเริ่มต้นในการหารายได้มหาศาลของพวกเรา!" เฝิงหยู่ตอบ
เฝิงหยู่คาดการณ์ไว้ว่ารถหรูมือสองที่กำลังมาถึงคงขายได้หมดภายในสิ้นปี อย่างน้อยยังสามารถทำกำไรประมาณ10ล้านกว่าๆ เมื่อรวมกับกำไร5ล้านจากการขายรถยนต์รอบแรก เงินจากการขายพัดลมยี่หอเฟิงหยู่ ทั้งยังมีเงินเก็บจากทำการค้ากับจีหลี่เหลียนเคอ ในปีหน้าเขาจะมีรายได้อย่างน้อยๆ20ล้านหยวน
ด้วยจำนวน20ล้านนี้ เขาสามารถเปลี่ยนเป็น 200 ล้านภายในหนึ่งปี! เมื่อถึงตอนนั้น เขาจะบริจาคเงินให้กับโรงเรียนที่แห่งก็ได้ แล้วเขาจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพี่สาว นั่นคือ ก่อตั้งโรงพยาบาล
เฝิงหยู่ไม่ได้บอกหลี่ซื่อเฉียงเกี่ยวกับตลาดหุ้น เพราะช่วงเวลานี้ในประเทศจีนยังไม่มีการแลกเปลี่ยนซื้อขายหุ้น พันธบัตรหุ้นและพันธบัตรรัฐบาลก็เหมือนกัน ล้วนสามารถซื้อขายที่ธนาคารหรือบริษัทย่อยของธนาคาร แต่การซื้อขายหุ้นจะต้องผ่านตัวแทน มันเป็นเรื่องลำบากมากเมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาล
เขาตัดสินใจจะรออีกต่อไป ปีหน้าก่อนที่รัฐบาลจะมีการประกาศนโยบายใหม่ เขาจะกว้านซื้อหุ้นเอาไว้ก่อน ส่วนช่วงเวลานี้เขาควรจะคิดวิธีกำจัดซ่งเสี่ยวเฟิง!