ตอนที่ 3 กฎแห่งเต๋า
เสียงของ ฟาง เจิ้งจื่อ ถึงแม้จะไม่ได้ดังมาก แต่มันกลับทำให้ผู้อาวุโสของหมู่บ้านหยุดชะงัก คำถามที่ ฟาง เจิ้งจื่อ ถามนั้นเป็นคำถามที่เขากลัวมากที่สุด
ถ้าคำถามนี้ออกมาจากปากผู้ใหญ่ เขาคงจะต้องคิดถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ เมื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เช่นนี้ พวกเขาจะต้องจัดการแข่งขันขึ้นก่อนจะตัดสินใจที่ส่งชื่อใครลงไป อย่างไรก็ตามครั้งนี้มันต่างกัน พวกเขาคือกองตรวจการศักดิสิทธ์ ซึ่งโอกาสนี้เกิดได้น้อยมากๆ
เขารู้สึกเงินในกระเป๋าและใบหน้าของเขาซีดลงในเวลาเดียวกัน เขากัดฟันและเดินออกไปโดยไม่ตอบคำถามใดๆ เขารู้ว่านี่จะเป็นโอกาสเดียวของเข้าที่จะได้รับสินบน
ฮูหยินหลี่ นั้นกลับมีท่าทีที่ปกติมากกว่า เธอได้ให้เงินกับ ‘ลูกค้ารายใหญ่ที่สุด’ของเธอ เธอไม่กลัวว่าผู้อาวุโสของหมู่บ้านจะกลับคำ
“หืม เด็กอย่างเจ้ารู้ได้ยังไง? พวกเราจะต้องไปเตรียมตัวสำหรับการสอบขั้นพื้นฐานแล้ว ส่วนเจ้าจะดีกว่านะถ้าแม่ของเจ้าสอนวิธีล่าสัตว์ไว้บ้าง จะได้แน่ใจว่าเจ้าจะไม่ไร้ความสามารถในอนาคต...” ฮูหยินหลี่พยายามพูดข่ม ฟาง เจิ้งจือ
“ล่าสัตว์?” ฟาง เจิงจื้อ ไม่คิดจะให้แม่ของเขาต้องมาเถียงอะไรอีก เขามองไปที่ ฮูหยินหลี่ อย่างใสซื่อทันที “ฮูหยินหลี่ ข้าได้ยินว่าท่านรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับภูเขาแห่งนี้ แล้วฮูหยินรู้จักงูที่มีชีวิตยืนยาวที่สุดไหม?”
“งูที่มีช่วงชีวิตยืนยาวที่สุด?” ฮูหยินหลี่ ตัวแข็งค้างไปขณะที่มองไปยัง ฟาง เจิ้งจือ ที่กำลังมองมาอย่างไร้เดียงสา “เจิ้งจือ ภูเข้านี้มีงูหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งงูสามตา งูจิ๋ว งูกรงเล็บเงิน….เจ้าเด็กโง่ ใครจะไปรู้ว่างูชนิดไหนมีอายุยืนยาวที่สุดกัน?”
ข้างนอกประตู ผู้อาวุโสที่กำลังเตรียมตัวจะจากไป ได้ยินคำถามนี้ขึ้นมา เขาถอนหายใจ ทำไมเจ้าเด็กนี่ช่างโง่จริงๆ เขาจะไปสนใจทำไม เขาต้องไปเป็นห่วงเป็นใยงู? เขาควรจะระวังสายพันธุ์ที่อันตรายและระวังมันกัดต่างหาก
“เสียดาย ข้าอยากจะบอกคำตอบให้กับคุณลุงและคุณป้ารู้” ฟาง เจิ้งจือ ส่ายหัวด้วยความผิดหวัง
“โอ้ เจ้ารู้คำตอบงั้นหรอ?” ฮูหยินหลี่รู้สึกแปลกใจ
ผู้อาวุโสของหมู่บ้านแปลกใจเช่นเดียวกัน ที่เด็กน้อย 6 ขวบ รู้ว่างูชนิดไหนมีอายุขัยมากที่สุด? มันเป็นไปได้ยาก แม้แต่นักล่าที่มีอายุของหมู่บ้านยังไม่รู้เลย
“มันคืองูแก่ใกล้ตายไงละ? รู้จักไหม?” (งูในภาษาจีนพ้องเสียงกกับคำว่านลิ้น ในที่นี้หมายถึงคนที่ชอบพูดดูถูกคนอื่น หรือพูดจาไม่ดี) ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ฮูหยินหลี่
“งูแก่ใกล้ตายงั้นหรอ!?” ฮูหยินหลี่ตะลึง ในขณะที่ร่างกายของเธอเริ่มสั่น
เด็กน้อยคนนี้กำลังว่าเธองั้นหรอ? เด็กน้อยแค่ 6 ขวบจะรู้วิธีว่าคนอื่นได้ยังไงกัน ไม่! ต้องเป็น ฉิน ซูเหลียนที่สอนเขาแน่นอน
“เจ้า….”
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ไปกันเถอะ!” ผู้อาวุโสหมู่บ้านก็พยายามจะเงียบปากไว้เช่นเดียวกัน การที่ ฟาง เจิ้งจือ ดูหมิ่นฮูหยินหลี ก็เหมือนการตอกหน้าเขาด้วยเหมือนกัน
“เหอะ ข้าคงไม่มีความหวังแล้วสินะ ความหวังคงมีไว้สำหรับคนอื่น ใช่ไหมละ ผู้อาวุโส ต่อให้ กองตรวจการศักดิสิทธิ์จะมาจัดตั้งโรงเรียนที่นี่ เจิ้งเอ๋อร์ ก็คงไม่มีทางได้เขาไปเรียน!”
ฉิน ซูเหลียน กำลังเดือดดาน เธอจับมือของเจิ้งจือแน่นขึ้น และค่อยๆอุ้มตัวเขาขึ้นมา
โถ่แม่ของข้า อย่าทำตัว ‘หยาบคาย’ อย่างนี้สิ ฟาง เจิ้งจือ อยากจะร้องไห้ออกมา นี่แม่คิดจะทำอะไรกับเขา
“แม่! ข้าเจ็บมือ...” ฟาง เจิ้งจือ คิดว่าถ้าเขาไม่พูดอะไรออกไป กระดูกมือของเขาคงแตกละเอียด
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้านะ! ใครทำมือเจ้าเป็นอย่างนี้?” ฉิน ซูเหลียน มองไปที่แขนของ ฟาง เจิ้งจือ เธอคิดทันทีว่าต้องมีใครแกล้งลูกชายของเธอแน่นอน
ฉิน ซูเหลียน เริ่มร้องไห้ออกมา
“เจิ้งเอ๋อร์ เจ้าคือความหวังเดียวของแม่ จงจำคำนี้ไว้ ‘เต๋าแห่งการสรรค์สร้าง’ อย่าพึ่งคิดว่า ตระกูลหลี่ นั้นแข็งแกร่ง พวกนั้นก็แค่เป็นคนเถื่อนไร้มารยาทเท่านั้น!”
“อะไรคือเต๋าแห่งการสรรค์สร้าง?” ฟาง เจิ้งจือ กระพริบตา ขณะที่มองไปที่แม่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ฟาง เจิ้งจือ เป็นคนประเภทชอบใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบ อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของเขายากจนมาก อดมื้อกินมื้อ ถ้าเธอยังคงใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบต่อไป พวกเธอจะต้องถูกรังแกมากขึ้นแน่นอน
การใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบนั้นก็ดี แต่ถ้าต้องคอยมาทนโดนคนอื่นรังแกทุกวัน คงได้กลายเป็นบ้าสักวัน
“เต๋าแห่งการสรรค์สร้างคือ...ฮ่าๆ ที่จริงแล้วแม่ก็ไม่แน่ใจ แต่แม่รู้ว่า เต๋าแห่งการสรรค์สร้างนั้นเกิดมาจาก ‘กฎแห่งเต๋า’ เจิ้งเอ๋อร์ ถ้าเจ้าอยากแข็งแกร่ง เจ้าก็ต้องศึกษาหาความรู้”
การศึกษา?! มันจำเป็นสำหรับการฝึกตนด้วยงั้นหรือ?
ฟาง เจิ้งจือ ยิ่งอยากรู้การเรียนเกี่ยวข้องยังไงกับการแข็งแกร่งขึ้น?
“แม่เคยอ่าน ‘กฎแห่งเต๋า’ ไหม?” เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ ถามออกมา เขาก็รู้สึกเสียใจในทันที เนื่องจากแม่ของเขานั้นไม่รู้หนังสือ จะเคยอ่าน ‘กฎแห่งเต๋า’ ได้ยังไง?
“คำถามที่ดี ถึงแม่จะไม่เคยอ่าน แต่ตอนที่เป็นเด็ก แม่เคยเดินผ่านโรงเรียนและแอบฟังมาแค่ไม่กี่บรรทัด เท่าที่จำได้...”
ฉิน ซูเหลียน ยิ้มอย่างมีเลศนัย เอามือขวาไปไว้ข้างหลัง ยืดหลังตรง ทำท่าทางเลียนแบบอาจารย์ผู้มีความรู้
“เอิ่ม หนึ่งในหลายๆบทบอกไว้ว่า.... เต๋า ที่คนเรียกกันนั้นไม่ใช่เต๋า ชื่อที่ถูกตั้ง ไม่ใช่ชื่อที่แท้จริง อะไรต่อนะ? แม่ลืมไปแล้ว…”
ฟาง เจิ้งจือ ตกใจ ที่แม่ของเข้ารู้เนื้อหาของ เต๋าแห่งการสรรค์สร้าง
เต๋าที่เรียกกัน ไม่ใช่เต๋าที่แท้จริง?
“เจิ้งเอ๋อร์ อย่ากังวลถึงแม่จะลืมบทนี้แต่จำอีกอย่างหนึ่งได้ จักรพรรดิในอดีตศาสตร์ที่มองไม่เห็นขึ้นมา ประกอบด้วย 4,320 กฎ แบ่งออกเป็น 8 ศาสตร์แต่ละด้านประกอบด้วยพลังลมปราณ 3 แบบ รวมเป็น 24 แบบ ที่เป็นส่วนประกอบของ โลก สวรรค์ และมนุษย์ รวมเป็น 72 ชนิด
หัวใจของ ฟาง เจิ้งจือ เต้นแรงขึ้น มันคือ ‘ศาสตร์ที่มองไม่เห็น’?
“ข้าจะบอกเจ้าต่อ...”
ฉิน ซูหลิน ยิ้มเมื่อเห็น ฟาง เจิ้งจือ แสดงความตกใจออกมา เธอมั่นใจมากขึ้น ดูเหมือนว่าลูกชายของเธอจะตกใจกับความรู้ของเธอ?
การที่ได้แสดงความรู้ของเธอให้ลูกชายเห็นนั้นทำให้เธอพอใจมาก เธอเตรียมตัวที่จะพูดต่อ
“ขงจื้อ กล่าวไว้ว่า ไม่ดีหรือถ้าได้ฝึกสิ่งที่ได้เรียนมา? ไม่ดีหรือที่เพื่อนจากที่ห่างไกลมาเยี่ยมเยือน? อย่าโทษคนที่ไม่ยอมรับในตัวเจ้า
ฟาง เจิ้งจือ สะดุดคำพูดของแม่เขา จนตอบสนองไม่ทัน นี่ไม่ใช่ ‘คำคมของขงจื้อ’ งั้นหรอ?
ทำไมโลกนี้มีคำสอนของขงจื้อได้ละ? พวกเขายังมีเรื่องราวอื่นๆด้วยอีกไหม? นี่คือเรื่องบังเอิญ?
ยิ่งไปกว่าอะไรคือความเชื่อมโยงระหว่าง กฎแห่งเต๋า และ เต๋าแห่งการสร้างสรรค์
เดี่ยวก๋อนนะ....
ถ้าเป็นอย่างที่แม่เขาบอก โลกนี้ไม่มีเรื่องเล่าตำนานต่างๆแบบโลกของเขา เพราะทุกอย่างนั้นถูกเอามารวมไว้ในกฎแห่งเต๋านั่นเอง!
ในฐานะที่ที่เคยเป็นนักวิจัยประวัติศาสตร์ เขาไม่กล้าบอกว่าเขารู้จัก กฎแห่งเต๋าทั้งหมด แต่ก็รู้มาบ้าง
เขากำลังจะหาคำตอบได้แล้ว! ตอนนี้ใครก็หยุดเขาไม่ได้!
“อืม....อืม....”
ฟาง เจิ้งจือ ท่องบทความในหัวของเขาที่ได้เคยอ่านมาจากคัมภีร์เต๋า หลังจากนั้นก็ชูมือขึ้นไปบนทองฟ้า “เต๋าแห่งการสรรค์สร้าง จงมอบพลังให้แก่ข้า!”
“…”
“…”
ทันใดนั้น.....ท้องฟ้าก็ยังคงเป็นสีน้ำเงินเหมือนเดิม พื้นดินก็ยังคงเป็นพื้นดิน สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปคือใบหน้าที่แสดงความตกตะลึงของ ซูเหลียน
หน้าของ ฟาง เจิ้งจือ ขึ้นสีทันที...
เกิดอะไรขึ้น? มันต้องมีอะไรที่ผิดปกติกับเรื่องนี้? ต้องมีบางอย่างผิดพลาด
ฉิน ซูเหลียน ตัวแข็งค้างไปแล้ว เมื่อเขามองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ อีกครั้ง เธอนึกถึงเรื่องที่ลูกของเธอโดน ผู้อาวุโสและฮูหยินหลี่ด่า หน้าของเธอก็ค่อยมืดมนขึ้นทันที
“มานี่เร็ว! เจิ้งเอ๋อร์ เจ้าถูกผีสิงงั้นหรอ!?”
เพจหลัก : Gate of god TH