ตอนที่ 1 โลกที่แปลกประหลาด
ควันและหมอกบางๆลอยปกคลุมทั่วหมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่บนตีนเขาคังหลิง เมื่อรุ่งอรุณมาถึง แสงแดดส่องกระทบกับพื้นลานหิน เกิดประกายแสงระยิบระยับไปทั่วหมู่บ้าน เหมือนถูกปกคลุมด้วยผ้าไหมสีทอง....
“บัดซบ....ไอโง่ที่ไหนมาขโมยไก่ขนไฟของข้าไป!!”
เสียงโวยวายทำลายความเงียบสงบในยามเช้าลง นกที่อยู่รอบๆต่างบินหนีด้วยความตกใจ
ไก่ขนไฟ?
มันก็คือไก่!
ฟาง เจิ้งจือ เม้มริมฝีปากพร้อมจับไก่ขนไฟไว้แน่น เขามองไปที่แม่น้ำใสสะอาด แล้วค่อยๆหยิบถุงเล็กๆสีเหลืองออกมาหลายถุง เขาเปิดถุงออกมาเผยให้เห็นผงสีแดง สีขาว และอีกหลายๆสี
พวกมันเป็นวัตถุดิบที่ดีทั้งหมดเพราะหมูบ้านนี้ไมได้มีอาหารที่หลากหลายมากนัก การปรุงรสก็ไม่ค่อยมี นอกจากใส่น้ำมันและเกลือ เจิ้งจือ ไม่มีทางลือก แต่ยอมเสี่ยงทำเครื่องเทศจากพืชหลากหลายชนิดแทน
การกิน.....
มันเป็นความสุขหนึ่งของชีวิต! แต่เมื่อเขามาอยู่ที่ที่สุดแสนจะน่าเบื่อนี้ นอกจากขนมปังแล้ว เขาได้กินแค่ผักและซาลาเปาเท่านั้น แค่อยากจะกินเกี๊ยวยังหาไม่ได้เลย
เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะเติบโตแบบไม่ขาดสารอาหาร ฟาง เจิ้งจือ ตัดสินใจจะกินอาหารที่มีประโยชน์มากกว่านี้ แม้ว่าตอนนี้เขาจะอายุเพียง 6 ขวบ แต่จริงๆแล้วสมองของเขาอายุ 20 ปีแล้ว มันทำให้เขายิ่งทนกับการกินอยู่ในปัจจุบันไม่ได้
ฟาง เจิงจื้อ ได้กลิ่นหอมโชยมาจากเนื้อไก่ จนน้ำลายเขาไหลออกมาจากปาก จากนั้นเขาก็หันไปมองดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงมา ใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของเขาเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
นักประวัติศาสตร์เป็นอาชีพที่ดี ทั้งสามารถศึกษาประวัติศาสตร์โบราณ เก่งภาษาโบราณ ดูดวงดาวได้ เข้าใจภูมิศาสตร์ หรือจะศึกษาศาตร์ยาโบราณจากหนังสือบางเล่มยังได้
ใช่มันดูเป็นเหมือนอาชีพที่ดี......
แต่ความสามารถพวกนั้นจะใช้หาเงินได้?
อดีต ฟาง เจิ้งจือ ใช้ชีวิตอย่างดิ้นรนหลังจากตกงานไป เขาได้ทดลองนับร้อยครั้งเพื่อที่จะหาวิธีเดินทางไปยังโลกยุคโบราณ เขาคิดว่าเขาจะไปสร้างชื่อเสียงที่นั่น แค่งานวิจัยของเขา ถ้าไปอยู่ในโลกโบราณ เขาคงมีโอกาสได้เข้าสอบเพื่อเป็นขุนนางแน่นอน ใช่ไหมละ?
ใครจะไปคิด.....
หลังจากที่มาอยู่นี่มากกว่าหนึ่งเดือน เขาถึงรู้ว่า ไม่มีการสอบอะไรทั้งนั้น ทั้งการเขียนเรียงความ ปรัชญาขงจื้อ ที่นี่เป็นคนละโลกอย่างสมบูรณ์แบบ แม้แต่สัตว์ยังหน้าตาไม่เหมือนกัน ไก่ขนไฟ? มันแค่มีขนยาวสีแดงอยู่ที่หางของมันและวางไข่เป็นสีแดงแค่นั้นเอง มันก็คือไก่ทั่วๆไปนะแหละ!
ฟาง เจิงจื้อ สูดกลิ่นหอมจากเนื้อไก่ย่าง พร้อมทั้งรีบปรุงทันที เขาโรย ‘พริก’ ‘ยี่หร่า’ และใส่ ‘น้ำผึ้ง’ ลงไปเล็กน้อย….
“ข้าเจอเจ้าแล้ว ไอ้โจรขโมยไก่!”
เสียงของผู้หญิงที่ดังขึ้น ทำให้ เจิ้งจือ กลัวมาก เขาไม่กล้าลุกขึ้นยืน แต่ยังคงนั่งยองๆอยู่ๆพร้อมกับเหงือที่ไหลออกมาจากหน้าผาก เขาถูกจับได้! นี่ได้เป็นสถานการณ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่
ทำยังไงดีละ?
ขาและแขนสั้นๆของเขา ไม่มีทางเลยที่จะวิ่งหนีทัน เขาจึงค่อยๆหันคอมาด้วยความสิ้นหวัง
เขาอยากรู้ว่าใครเป็นคนเจอเขา
อย่างน้อยเขาอาจจะมีโอกาสที่จะแก้แค้น อย่างเช่น เอาหินไม่ก็ไข่ปาใส่ หรือไปทุบกระจกบ้านเธอซะ
หลังจากเห็นว่าเป็นใคร เจิ้งจือ รู้สึกแปลกใจ
เป็นคนแปลกหน้า ที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน ที่สำคัญคือเธออายุพอๆกับเขา น่าจะประมาณ 5 ขวบ หน้าตาของเธอราวกับตุ๊กตา เธอใส่ชุดกระโปรงยาวดูหรูหราที่มีดอกไม้สามดอกแปะอยู่บนนั้น บนหัวก็มีดอกไม้สีเขียวติดอยู่เช่นเดียวกัน
อายุแค่นี้ ก็พอมองเห็นถึงความสมบูรณ์พร้อมของเธอได้ ถ้าโตขึ้นเธอคงสวยจนใครเทียบไม่ติด
ยกเว้นแต่ว่า...
รอยยิ้ม และการยืนเท้าสะเอวด้วยท่าทีเหนือกว่ามันคืออะไรกัน?
ฟาง เจิ้งจือ ไม่พอใจอย่างมาก เด็กนี่มาจากไหน? แต่งตัวแบบนี้มายืนอยู่ในที่กันดารอย่างนี้เนี่ยนะ?
ที่สำคัญไปกว่านั้น ยังมาทำท่าทางดูถูกเขาอีก?
ถึงแม้เข้าจะเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งก็ตาม แต่อายุเขาจริงๆมากกว่า 20 ปี เขาสามารถเอาชนะใครก็ตามด้วยความรู้ของเขาอย่างง่ายดาย
“เจ้าเด็กอวดดีมาจากทางไหนก็กลับไปทางนั้นซะ นี่มันไก่ของข้า!” ฟาง เจิ้งจือ ชี้ไปที่ไก่อย่างขุ่นเคือง
“เจ้าหัวขโมย เจ้ากล้าเรียกข้าว่าเด็กอวดดีงั้นหรอ?” รอยยิ้มของเธอหายไปพร้อมกับมือเล็กๆที่กำแน่น
ฟาง เจิ้งจือ เห็นเธอกำหมัดแน่น
โอ้.....เธอคิดจะสู้งั้นหรอ?
ฟาง เจิ้งจือ หัวเราะอย่างเย็นชา ถึงเขาจะไม่ค่อยมีประสบการณ์ด้านนี้ แต่มันคงตลกมากถ้าเข้าไม่สามารถจัดการเด็กผู้หญิงอายุแค่ 5 ขวบได้
“ถ้าเจ้ายังไม่ไป ข้าจะจัดการเจ้าซะ!” ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่าเขาต้องแสดงให้เห็นถึงความดุดันของเขา เขากัดฟันและจ้องเขม็งไปที่เธอ
แต่ช่างน่าสงสาร ด้วยใบหน้าแบบเด็กทารก เขาดูเหมือนกำลังทำหน้าตาตลกอยู่
เมื่อเธอได้ยินที่ ฟาง เจิ้งจือ พูดบนใบหน้าของเธอกลับแสดงความตื่นเต้นออกมา“จัดการข้า? โอเค... ข้า ‘ฉือ กูเหยียน’ ยอมรับคำท้าของเจ้า ข้าอยากจะรู้เหมือนกันเจ้าจะทำอะไรข้าได้”
“โอ้?” ฟาง เจิ้งจือ ไม่คิดว่าเธอจะมีปฏิกริยาแบบนี้ เธอต้องร้องไห้แล้ววิ่งหนีไปสิ?
ข้าจะทำอะไรเจ้าได้? เธอหมายถึงอะไรกัน?
ก่อนที่ ฟาง เจิ้งจือ จะคิดออก เขาก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างกำลังพุ่งมาทางเขา ผมเขาปลิวไปตามแรงลมที่พัดมา
เกิดอะไรขึ้น? เขาเคลื่อนตัวออกจากหินที่เขานั่งอยู่ด้วยสัญชาตญาน
“ตูม!!” เกิดเสียงดังขึ้นด้านหลังของเขา
เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ มองไปข้างหลัง เขาก็ต้องเบิกตากว้าง
หินก้อนสีเขียวที่เขาพึ่งนั่งไป ตอนนี้มีช่องว่างเกิดขึ้นอยู่ตรงกลางหินข้างบนนั้นมีมือของเด็กหญิงคนนั้นค้างอยู่ในอากาศ
“เชี่ย!!”
ฟาง เจิ้งจือ ตะลึงไปแล้วเรียบร้อย
สิ่งที่หน้าตกใจไปกว่าการที่เด็กหญิง 5 ขวบพังหินได้ด้วยมือเปล่าคือเธอยังดูไม่เหนื่อยเลย นอกจากนี้มือของเธอยังไม่เกิดแผลใดๆเลยสักนิด
สาวน้อยพลังช้าง? หรือเธอจะเป็นพระเจ้ามาเกิดใหม่?
เหมือนสมองของเขาอยู่ในความว่างเปล่าทันที ความคิดของเขาตีกันยุ่งเหยิงภายในหัว โลกนี้มันบ้าไปแล้วหรอ? ในหมู่บ้านมีแต่คนธรรมดาทั่วไป พวกเขาทำงานอย่างหนักตั้งแต่เช้าจนค่ำ แต่ก็ไม่มีอะไรพิเศษ มีแค่กลุ่มผู้ชาย 2-3 คนที่ไปล่าสัตว์เท่านั้น
ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างโลกนี้และโลกเก่าของเขาคือทุกคนแข็งแรงกว่า และสัตว์นั้นมีหลากหลายสายพันธุ์และต่างจากที่โลกเดิม แต่พวกเทคโนโลยีกลับยังไม่พัฒนาไปไหน
ฟาง เจิ้งจือ คิดว่าเขาอยู่ในยุคที่เงียบสงบดีด้วยซ้ำ
มันเหมือนสิ่งที่เขาคิดกลับตาลปัตรไปหมด แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ตอนนี้ เรื่องสำคัญที่สุดตอนนี้คือเด็กหญิงที่ดวงตากำลังลุกเป็นไฟเหมือนกับเจอของเล่นใหม่
ต้องหลบอีกงั้นหรอ?ไม่มีทาง…
จะทำยังไงดีถ้าเอาชนะเธอไม่ได้?
หนี!!
แม้ว่าเด็กน้อย 5 ขวบจะไม่ฉลาดมากนัก พวกเขาคงยังไม่รู้จักวิธีควบคุมแรงของตนเอง การจะไปอธิบายว่าต้องระวังการใช้พลังของตัวเอง ก็ดูเหมือนไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดเท่าไหร่
ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรทั้งนั้น เขาหันหลังและรีบวิ่งโดยไม่สนใจไก่ที่ย่างไว้ทันที เขาแค่หวังว่าขาสั้นๆของเขาจะวิ่งได้ไวขึ้นอีกสักนิดก็ดี
“เหอะ ไร้ประโยชน์น่า เจ้าโจรขโมยไก่!” เธอไม่ได้วิ่งไล่ตาม เจิ้งจือ แต่หันกลับไปมองไก่ขนไฟที่มีกลิ่นหอมแทน
“ภูเขายังไม่เปลี่ยนแปลง แม่น้ำยังไม่หยุดไหล ข้าจะกลับมาแน่นอน!” ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่าเขาไม่ควรยอมแพ้ อย่างน้อยได้อวดความรู้บ้างก็ดี
เด็กหญิงคนนั้นไม่ได้สนใจ ฟาง เจิ้งจือ ดวงตากลมโตของเธอจ้องไปที่เนื้อไก่ขนไฟย่าง
เพราะกลิ่นหอมของมัน เธอหยิบมันขึ้นมา อ้าปากขึ้นและกัดไปที่ปีกไก่ ความตกใจแสดงออกมาบนใบหน้า เธอไม่สามารถต้านทานรสชาตที่แสนอร่อยได้รีบกินมันอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้น....
ฟาง เจิ้งจือ กลับมา และโผล่ไปที่ด้านหลังของเด็กผู้หญิงอย่างเงียบเชียบเขายกริมฝีปากขึ้น ขณะที่ยกเท้าขึ้น
เขาเล็งไปที่ก้นของเธอ
จากนั้นเขาก็ได้ทำสิ่งที่เลวทรามที่สุด
เตะก้นเธอ!!
เด็กน้อยที่กำลังกินไก่อย่างหยุดไม่ได้จะสามารถตอบสนองทันได้ยังไง?
“ตู้ม!” ตัวเธอไถลไปข้างหน้า ก่อนที่จะหัวทิ่มลงไปในแม่น้ำ
“วันนี้อากาศดีมาก ดวงอาทิตย์ส่องแสง มีเสียงนกร้องและกลิ่นของดอกไม้อบอวลไปทั่ว ยิ่งไปกว่านั้น..... วันนี้เหมาะมากกับการอาบน้ำที่สุด!” ฟาง เจิ้งจือ หยิบไก่ขึ้นมาและวิ่งหนีไป
“ขโมย นั่นมันไก่ของข้า!” เสียงเด็กน้อยดังมาจากแม่น้ำ
“เธอมั่วแล้วละ นี่มันของข้าต่างหาก” เขาแก้ไขคำพูดของเธอโดยไม่หันกลับมามอง
“โอ้ย!” เด็กหญิงตัวน้อยรีบกระโจนขึ้นจากแม่น้ำเหมือนเสือดาว แต่เธอก็ยังคงมองไม่ค่อยเห็นอยู่ดี ไม่รู้ว่าเพราะน้ำจากแม่น้ำหรือน้ำตาของเธอ...
“เจีย!”
เสียงดังลอยมาไกลๆ
“โอ้!ไม่นะ!คุณหนู เกิดอะไรขึ้นกับท่าน!”หญิงอายุประมาณ 35 ปีสวมชุดแบบเชยๆ ร้องออมาเมื่อเห็นเด็กน้อยวิ่งเข้ามา
ข้างหลังผู้หญิงเต็มไปด้วยกลุ่มควัน พวกเขาคือกลุ่มทหารที่สวมชุดเกราะส่องประกาย บนชุดเกราะพวกเขามีรูปสามเหลี่ยมสีแดงขึ้นประดับอยู่ พวกเขายืนอยู่กว่า 300 คนพร้อมทั้งม้านิลมังกร
สัตว์พวกนี้ดูหน้าตาเหมือนม้า แต่พวกมันมีความดุร้ายของสัตว์ป่า ตัวใหญ่กว่าและมีขนสีดำ เกล็ดสีขาว อาจจะบอกได้ว่ามันเป้นญาติห่างๆของมังกร
หัวหน้ากองกำลังนั้นสวมชุดเกราะสีดำตกแต่งด้วยลายเมฆ เขาตัวใหญ่มีผิวสีดำ อายุน่าจะประมาณช่วง 40 ปี รอบๆตัวเขาเหมือนมีกลิ่นเลือดสดใหม่อยู่รอบๆตัว
“ข้าสมควรตาย” เขาคุกเข่าลงกับพื้น ทั้งๆที่ดูบุคลิกของเขาไม่ใช่คนที่จะทำเช่นนั้น
“มีอะไรอยู่ทางนั้น?” เด็กหญิงไม่ได้สนใจทั้งสองคนแต่ชี้นิ้วไปยังทิศทางที่ ฟาง เจิ้งจือ วิ่งหนีไป
“คุณหนูทางนั้นคือหมู่บ้านภูเขาทางใต้” ชายตัวใหญ่ตอบโดยไม่ลังเล
“งั้นหรอ งั้นพวกเราจะไปที่หมู่บ้านนั้นกัน” เด็กหญิงพูดขึ้น
“คุณหนูเรายังต้องไปอีกหลายเมือง แต่สำหรับหมู่บ้านเล็กๆอย่างนี้...” หญิงวัยกลางคนเตือนคุณหนูของเธอ แต่เมื่อเธอเห็นใบหน้าของเด็กหญิง เธอก็หุบปากลงทันที
“แต่ละหมู่บ้านมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง พวกเราไม่ควรเลือกปฏิบัติ” เธอพูดพร้อมเดินไปที่เกี้ยวทันที
“คุณหนู่ช่างฉลาดยิ่งนัก ข้าละอายใจจริงๆที่ไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้” หญิงวัยกลางคนพูดออกมา
ถึงเธอจะงุนงงก็ตาม แต่เธอก็รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาในฐานะคนใช้
“คุณหนูฉลาดกว่าพวกเรามาก เธอสามารถอ่านได้ตั้งแต่ 3 ขวบ และเข้าใจการทำงานของโลกใบนี้ ข้าเชื่อว่าต้องไม่มีใครกล้ารังแกคุณหนูแน่นอน” หญิงวัยกลางคนพูดด้วยความภูมิใจ
เด็กหญิงที่อยู่บนเกี้ยวตัวสั่นขึ้นมา
ไม่มีใครกล้ารังแกข้างั้นหรอ?
“เย่ว์เอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องขึ้นมาบนนี้นะ เดินไปเอง!”
“หา เดินไป!” หน้าหญิงวัยกลางคนแสดงความหดหู่ทันที่ เมื่อเธอเห็นเส้นทางไปยังหมู่บ้านภูเขาทางใต้แล้วถอนหายใจขึ้นมาทันที
“ข้าขอถาม ท่านคิดจะทำอะไรในการเดินทางครั้งนี้งั้นหรือ?” เมื่อชายตัวใหญ่ลุกขึ้นมาเขาก็มองไปยังริมฝั่งแม่น้ำอีกครั้งหนึ่ง
“เพิ่มการสอบขั้นพื้นฐาน!” เสียงเด็กหญิงดังออกมาจากในเกี้ยว
“การสอบขั้นพื้นฐาน? ต้องอายุเท่าไหรถึงสอบได้?”
“อืม....ราวๆ 6-8 ละกัน”
“เข้าใจแล้วคุณหนู!”
เพจหลัก : Gate of god TH