เล่ม 3 ตอนที่ 2 : สู่ปราสาทแจ๊คสัน (1)
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
==========
เล่ม 3 ตอนที่ 2 : สู่ปราสาทแจ๊คสัน (1)
“ฟู่... เรายังรอด เฉพาะตอนนี้แหละนะ”
อาร์คลุกขึ้นและตรวจสอบพลังชีวิตของตน
เขาเสียพลังชีวิตไปกว่า 400 หน่วย
ทักษะพิเศษของอัศวินแห่งแมวที่จะช่วยลดความเสียหายจากการร่วงหล่น 50% รวมเข้ากับการม้วนตัวและผลจากค่าสถานะยืดหยุ่น มันจึงทำให้เขาสามารถลดทอนความเสียหายลงไปได้อีกมากถึง 30% กระนั้น เขาก็ยังโดนความเสียหายไปถึง 400 หน่วย นี่หมายความว่าจำนวนแท้จริงที่เขาสมควรได้รับความเสียหายคือ 2000 หน่วย ผู้เล่นที่ไม่มีภูมิต้านทานการร่วงหล่นสมควรตายลงทันทีที่ร่างปะทะกับพื้น
ดังคาด เขาเห็นร่างของผู้เล่นจำนวนหนึ่งนอนอยู่ระเกะระกะ
‘อา ไม่ดีแล้วสิ นี่มันพื้นที่หายนะชัด ๆ’
เกมคลาสสิคอย่างทูมไรเดอร์ซึ่งเป็นเกมผจญภัยที่เคยเล่นพลันผุดขึ้นมาในใจของเขา เกมนี้เขาเคยเล่นตั้งแต่ตอนยังเด็ก เด็กสาวคนหนึ่งนามว่าลาร่าที่มีรูปลักษณ์สมบูรณ์พร้อมได้ออกไปค้นหาสมบัติ เมื่อเธอร่วงหล่นลงจากที่สูง เกมจะโอเวอร์ทันทีพร้อมกับสภาพแขนขาที่บิดเบี้ยว
เหล่าผู้เล่นที่กระจายตัวอยู่ตามพื้นก็เป็นดังนั้น ร่างของพวกเขายังคงต้องอยู่แบบนี้จนกว่าจะผ่านไปครบสามวันจึงค่อยสามารถล็อคอินกลับมาได้
‘ก็รู้นะว่ามันไม่ใช่ภารกิจที่ง่าย แต่นี่มัน...’
หลังได้ทำภารกิจทั้งหลายจนเสร็จสิ้น ความสามารถในการตัดสินสถานการณ์ของอาร์คก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มันไม่มีทางเลยที่ผู้เล่นจะทำอะไรได้กับการที่เรือเหาะตกลงมา กล่าวก็คือ มันเป็นเนื้อเรื่องที่ผู้เล่นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ ชัดเจนว่านี่คือข้อสรุปที่พอประมาณขึ้นมาได้
ภารกิจที่รับได้เฉพาะเลเวล 60 กับรับภารกิจที่ผู้เข้าร่วมต้องมีคุณสมบัติผ่านเงื่อนไขมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นี่หมายความว่าคุณสมบัติอย่างน้อยที่สุด นับตั้งแต่เริ่มภารกิจนี้ มันก็คือต้องมีความสามารถในการตัดสินสถานการณ์อย่างรวดเร็ว และมีทักษะการรอดชีวิตจากการที่เรือเหาะต้องตกลงมาอย่างน้อยหนึ่งหรือสองทักษะ
‘ทำไงดีล่ะทีนี้...’ อาร์คใช้ช่วงเวลานี้ตรวจสอบสภาพโดยรอบ
รอบด้านของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยเมฆแห่งความมืดหนาทึบ พื้นดินเองก็เน่าเฟะ กลิ่นเหม็นฉุนก็รุนแรง นี่สมควรเป็นผลจากหมอกความมืด
แน่นอน ของพวกนี้ไม่ได้เป็นปัญหากับอาร์คแต่อย่างใด เมื่อเขาร่ายเนตรแห่งแมวออกมา รอบด้านของเขาจึงกลับกลายเป็นสีเขียวและสามารถมองเห็นได้อย่างกระจ่างชัด
การมองเห็นในความมืดคือประโยชน์อีกอย่างของเนตรแห่งแมว
‘ตอนนี้ เราควรหาผู้รอดชีวิตหรือว่า...’
“ใครที่ยังรอด มารวมตัวกันตรงนี้ด้วย!”
ขณะนั้นเอง เขาได้ยินเสียงใครบางคนจากอีกด้านหนึ่ง ร่างของผู้คนจึงเริ่มเร่งร้อนมุ่งไปรวมตัวกัน มีผู้รอดชีวิตเยอะกว่าที่คาดไว้ ทว่า เหล่านักรบที่มีพลังชีวิตและพลังป้องกันสูงกลับไม่เห็นมีเลยสักคน
นี่คงเป็นเพราะน้ำหนักของเกราะเพลทที่นักรบสวมใส่ มันจึงทำให้โดนความเสียหายพิเศษจากการร่วงหล่นเพิ่มเข้าไป ผู้ที่สวมใส่ชุดเกราะหนังหรือว่าผ้า ส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักเวทหรือนักธนู พวกเขาไม่ได้รับความเสียหายเพิ่มเติม อีกทั้งยังรอดชีวิตมาได้เพราะอัตราความคล่องตัวที่สูงล้ำ หรือไม่ก็เวทมนตร์ทำให้ตัวเบา
กว่าสี่สิบคนรอดชีวิต อีกหกสิบคนที่เหลือพอร่างกระทบพื้นก็โดนบังคับล็อคเอาท์ออกไปแล้ว
คนที่ทำหน้าที่รวบรวมเหล่าผู้รอดชีวิต เป็นนักธนูที่สวมใส่ชุดเกราะหนังและสวมหมวกที่มีขนนกประดับ เขาสมควรมีประสบการณ์การเป็นผู้นำสูง ดังนั้นแล้วเขาจึงเข้าควบคุมสถานการณ์โดยเร็วและขึ้นเป็นผู้นำ
“พวกนายทุกคนคงรู้สถานการณ์ดีอยู่แล้ว การอับปางของเรือเหาะเป็นอีเวนท์ที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว การไปยังปราสาทแจ๊คสันยังคงเป็นงานสำคัญอันดับแรก โชคยังดีที่หอกแห่งธอร์ได้กวาดล้างมอนสเตอร์ในพื้นที่นี้ไปหมดสิ้น แต่ก็ยังมีมอนสเตอร์จำนวนหนึ่งที่เหลือรอดอยู่ อีกทั้งยังมีมอนสเตอร์ที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ในเมื่อพวกเรายังพอมีกำลังคนอยู่ งั้นก็เริ่มด้วยการโจมตีและมุ่งไปยังปราสาทแจ๊คสัน”
“ใช่ เอาตามนั้นแหละ”
“ในเมื่อปาร์ตี้เกิดที่ว่างขึ้นหลายตำแหน่ง ดังนั้นแล้วโปรดสร้างปาร์ตี้ขึ้นใหม่ เช่นกัน อย่าลืมใช้อาหารเพื่อฟื้นฟูพลังชีวิตและพลังมานา”
ผู้คนที่เหลือรอดแน่นอนว่าย่อมต้องเป็นผู้ที่อ่านสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
พวกเขาฟื้นฟูพลังชีวิตขณะที่กินอาหาร พร้อมกับตรวจสอบอาชีพของคนอื่นขณะที่เริ่มสร้างปาร์ตี้ขึ้นมาใหม่ และด้วยนักธนูที่เป็นผู้นำกลุ่ม ปาร์ตี้จึงรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นหน่วยโจมตี
ทว่า อาร์คคิดว่าพวกเขามีอะไรแปลกอยู่บ้าง ‘นี่อะไร? คนพวกนี้คิดอะไรอยู่กันแน่?’
หลังจากยืนยันจำนวนผู้รอดชีวิตมาได้ สิ่งแรกที่ผุดเข้ามาในใจของอาร์คไม่ใช่ปราสาทแจ๊คสัน นี่พวกเขาไม่เห็นหรือไง?
ในเมื่อมีผู้เล่นรอดชีวิตสี่สิบคน นี่หมายความว่ามีอีกหกสิบศพที่นอนทอดร่างอยู่แถวนี้ กล่าวก็คือ พวกนั้นคือไอเทมนับหกสิบชิ้นที่ดร็อปอยู่ทั่วพื้นที่
หากพวกเขามีแนวโน้มเป็นกลางไม่ใช่ฆาตกร หรือว่าเป็นพวกผู้เล่นหน้าใหม่ อัตราการดร็อปย่อมไม่สูงมากนัก แต่นี่พวกเขาเลเวล 60 กันนะ กระทั่งว่าโอกาสดร็อปมีเพียง 10% นั่นก็หมายถึงไอเทมหกชิ้น... อีกทั้ง พวกเขาใช่ผู้เล่นธรรมดาที่ไหนกัน? ทั้งมวลล้วนเป็นผู้เล่นเลเวล 60 ไอเทมที่อยู่ภายในกระเป๋าพวกเขาเหล่านั้นสมควรมีมูลค่าสูง อย่างน้อยที่สุด โพชั่นฟื้นฟูในกล่องเสบียงที่ทางสมาคมเวทมนตร์แจกมา อย่างน้อยมันก็มีค่าถึง 20 เหรียญทองถ้านำไปขายที่ร้านค้า
‘ถ้าเราโชคดี และกระทั่งว่าหยิบฉวยมันมาสักชิ้น...’
นี่มันรางวัลใหญ่ที่ไม่คาดคิดชัด ๆ!
ไม่เพียงเท่านั้น มันยังมีมอนสเตอร์ที่ตายลงจำนวนมากจากหอกแห่งธอร์กับปืนทั้งหลายกระบอก แต่บางทีพวกมันก็อาจโดนทำลายไปเพราะพลังอำนาจของปืนพวกนั้น แต่อย่างน้อยก็ต้องมีไอเทมที่ดร็อปจากมอนสเตอร์ ไม่ใช่ว่าสิ่งแรกที่ทำหลังรอดชีวิตมาได้คือการไปหยิบฉวยสิ่งของหรือไงกัน? นั่นมันหน้าที่และความชอบธรรมของผู้รอดชีวิตเลยนะ!
…อย่างน้อยที่สุด อาร์คก็คิดเช่นนั้น
ทว่า ดูเหมือนผู้เล่นคนอื่นจะไม่คิดไปไกลถึงขั้นดังกล่าว แน่นอน หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์อันยากลำบากมา มันไม่มีผู้เล่นคนใดหรอกที่จะคิดถึงไอเทมเป็นสิ่งแรก
บางทีอาจมีจำนวนหนึ่งเกิดความคิดนี้ขึ้นมา แต่ก็เพราะมันมืดมาก อีกทั้งยังไม่รู้ว่าพวกมอนสเตอร์จะกลับมาอีกเมื่อไหร่... พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะเสียเวลาเข้าไปค้นหาไอเทม ทว่าอาร์คแตกต่างออกไป เขายินดีเสี่ยงชีวิตของตนกระทั่งว่าได้มาเพิ่มแม้สักเหรียญทองแดงเดียว
‘เจ้าพวกนี้คิดอะไรอยู่กันแน่นะ ถ้าหากสนใจเรื่องรอดชีวิตมากกว่า งั้นมาเข้าร่วมภารกิจนี้ทำไมกัน? ไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการเข้าร่วมภารกิจหรือไง? ถึงกับเมินเฉยต่อไอเทมที่อยู่ตรงหน้าขนาดนี้ และเลือกที่จะมุ่งหน้าไปยังปราสาทแจ๊คสันเพราะหวาดกลัวมอนสเตอร์จะกลับมา... สำหรับเราแล้ว เลือกเข้าไปหยิบฉวยไอเทมแล้วยอมตายเสียยังดีกว่า!’
แน่นอน สิ่งเหล่านี้ไม่อาจพูดออกมาดังได้
‘หึหึหึ งั้นก็เข้าทางเรา พวกนายออกไปให้หมดซะ ฉันคนนี้จะเสวยสุขกับไอเทมแทนพวกนายเอง’
ขณะที่อาร์คตัดสินใจได้ เข้าเร่งร้อนใช้งาน ‘ลอบเร้น’ ร่างกายของอาร์คได้กลมกลืนไปกับความมืดและหายไป ต้องขอบคุณสิ่งนี้จึงทำให้ผู้เล่นที่รอดชีวิตไม่พบเห็นอาร์ค พวกเขาคิดแค่ว่าจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ดังนั้นแล้ว สายตาของพวกเขาจึงค่อนข้างแน่วแน่ พอรวมกลุ่มจู่โจมได้แล้ว พวกเขาจึงมุ่งหน้าไปยังปราสาทแจ๊คสันโดยทันที
หลังตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนอื่นอยู่อีก อาร์คจึงปลด ‘ลอบเร้น’ และอัญเชิญสมุนปีศาจออกมา
“เดดริค เจ้ากะโหลก ค้นหาบริเวณใกล้เคียง ค้นหาบริเวณที่มีศพนอนกองอยู่อย่างระมัดระวัง ถ้าหากพบเจอไอเทมอะไรเข้า บอกให้ฉันรู้ทันที”
“เจ้านาย นี่ท่านถึงกับขนาดปล้นศพเลย?”
ด้วยสภาพเด็กน้อย เดดริคมองมายังอาร์คด้วยความเวทนา
เดดริคเริ่มพูดก็นานมาแล้ว มันเป็นเพราะอาร์คไม่เคยได้ยินคำชมเชยอันใดจากมัน และยังเป็นเพราะคำชมเชยระหว่างที่ต่อสู้นั้นมันออกจะไม่สะดวกอยู่บ้าง แต่ขณะที่อนุญาตให้มันพูดตามที่ต้องการได้ เดดริคก็มักจะแว้งกัดเขาเรื่องการกระทำที่ไม่ค่อยดีของเขาเสมอมา
“นี่แกอยากกินอาหารที่ฉันทำ หรือว่าอยากจะไปค้นศพ?”
“หา มีชีวิตก็ต้องดีกว่าอยู่แล้วสิขอรับ”
เดดริคเผยสีหน้าไม่สบายใจขณะเปลี่ยนร่างเป็นค้างคาวบินออกไป
ทว่า เจ้ากะโหลกที่ภักดีนั้นกลับกลิ้งไปรอบแล้วโดยไม่ต้องรอให้พูดกล่าวอะไรแม้สักคำ
‘มันคงดีถ้าเจ้ากะโหลกสามารถพูดได้แทนที่จะเป็นเจ้าค้างคาวนั่น...’
น่าเสียดายจริง ๆ
ดังนั้นแล้ว หนึ่งมนุษย์กับสองสมุนปีศาจจึงขยันขันแข็งออกค้นหาตามร่างศพ แต่เป็นเพราะร่างศพกระจายออกเป็นวงกว้าง มันจึงจำเป็นต้องใช้เวลานานเอาการ
เวลาผ่านไปนานขนาดไหนกัน? ระหว่างที่ออกค้นหาไปทั่วพื้นที่ ในที่สุดก็มาถึงสถานที่ที่ซากเรือเหาะตั้งอยู่
‘หือ? อะไรกัน?’
ฉับพลัน วัตถุสีดำที่อยู่ข้างของศพนักเวทได้ถูกเขาพบเห็น
หากเพียงแค่มอง รูปร่างของมันไม่ต่างอะไรไปจากหินตามพื้น แต่มันไม่ใช่สำหรับอาร์คที่ดวงตาเบิกกว้างไม่เคยมองพลาดแม้ขยะสักชิ้น
ขณะที่เขาเร่งร้อนเก็บมันขึ้นมา หน้าต่างข้อมูลจึงเด้งขึ้น
=====
ผลบาเซียม
ผลบาเซียมเป็นที่รู้จักกันในฐานะพืชในฝัน บาเซียมหาได้ยากยิ่ง มันคือพืชโบราณที่ถูกพบอยู่ในทวีปทางเหนือเพียงเท่านั้น
ธรรมชาติของพวกมันค่อนข้างรุนแรง มันสามารถเคลื่อนไหวเพื่อออกไปล่าสัตว์และกลืนกินเข้าไปเพื่อเจริญเติบโตได้ หลังจากที่อิ่มเพียงพอหลังการล่าแล้ว บาเซียมจะออกผลออกมาหนึ่งผลในรอบสิบหรือว่าร้อยปี
ถ้าหากนำผลบาเซียมไปเตรียมการด้วยวิธีการพิเศษ มันจะช่วยเพิ่มความสามารถทางเวทมนตร์ได้หลายเท่า ด้วยผลลัพธ์ของมันนี้ เหล่านักเวทสมัยโบราณจึงนิยมออกล่าหามันมา ตอนนี้พวกมันเกือบสูญพันธุ์ไปหมดสิ้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงถูกเรียกว่าพืชในฝัน
=====
‘งั้นนี่ก็เป็นวัตถุดิบวิเศษ?’
อาร์คจ้องมองผลบาเซียมด้วยสายตาใคร่สงสัย
นักรบจะได้เรียนรู้ทักษะใหม่เพื่อฝึกฝนซ้ำไปซ้ำมา ทว่านักเวทกลับมีวิธีการที่แตกต่างออกไปเพื่อเรียนคาถาบทใหม่
วิธีที่ง่ายที่สุดคือไปยังสมาคมเวทมนตร์ และจ่ายเงินเพื่อเรียนคาถาบทใหม่ แต่ข้อเสียเปรียบคือมันต้องใช้เงิน และที่ได้เรียนก็จะเป็นแค่คาถาทั่วไป นอกจากนี้ พวกเขายังไม่ได้มีคาถาที่หลากหลายขายมากนัก
เพราะเหตุนี้ เพื่อที่จะได้เรียนเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งขึ้น นักเวทที่มีเลเวลถึงระดับหนึ่งจะต้องใช้เวลาทั้งวันและคืนสำรวจค้นหาโบราณสถาน มันก็เพื่อค้นหาตำราเวทมนตร์ที่เหลือมาจากนักเวทยุคโบราณ ตำราเวทใหม่เหล่านี้ย่อมต้องแข็งแกร่งมากยิ่งกว่าคาถาที่มีขายในสมาคมเวทมนตร์ อีกทั้งยังมีหลายเล่มที่เป็นระดับยูนีค
กล่าวก็คือ ในขณะที่พ่อค้าเสี่ยงชีวิตออกไปซื้อขายเพื่อแลกส่วนแบ่งทางการตลาด สำหรับนักเวทก็คือเป้าหมายอันยิ่งใหญ่อย่างการครอบครองตำราเวทมนตร์ที่บันทึกเอาไว้ซึ่งคาถาอันแข็งแกร่ง แต่ปัญหาอยู่ที่ตำราเวทมนตร์บางเล่ม บางครั้งมันก็ต้องการวัตถุดิบวิเศษเพื่อใช้เรียน
แน่นอน วัตถุดิบวิเศษย่อมต้องทำให้ได้เรียนรู้ซึ่งคาถาเวทมนตร์อันทรงอำนาจ ซึ่งก็หมายถึงราคาที่สูงล้ำ
‘ถ้าหากเราโชคดี บางทีไอเทมชิ้นนี้อาจทำราคาได้สูง นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีหรือไรกัน?’
“เจ้างู เก็บพวกมันไป” อาร์คออกคำสั่งอย่างไม่คิดให้มากความ
ทว่า เจ้างูที่ปกติมักจะกลืนกินไอเทมไปโดยไม่มีปัญหา ตอนนี้กลับเผยท่าทีที่ผิดแผก ฉับพลันมันเริ่มชักและหดตัวลง
“หา? นี่ เจ้างู เกิดอะไรขึ้น?”
ซื่อ ซื่อออ...
เจ้างูน้อยใช้ความพยายามอย่างยิ่งเพื่อเงยหัวของมันขึ้น ราวกับว่ามันกำลังจะลอกคราบ เกล็ดของมันบริเวณปากเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่นที่เคยมีและเริ่มเหี่ยวย่น
ขณะที่อาร์คแตกตื่นเพราะสถานการณ์อันชวนสับสนนี้อยู่ หน้าต่างข้อมูลอีกอันได้เด้งขึ้นมาต่อหน้าต่อตาเขา
=====
ด้วยผลแห่งบาเซียม ตัวอ่อนอลาโมเน่เริ่มเกิดการเปลี่ยนสัณฐาน
=====
‘หือ? อะไรเนี่ย? งั้นเจ้างูนี่ก็กินผลบาเซียมเข้าไป? ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น เปลี่ยนสัณฐานคือ? งั้นเจ้างูนี่ก็เติบโตขึ้นได้ด้วยการกินอาหาร? เติบโตก็คือเติบโต อะไรคือเปลี่ยนสัณฐาน? แล้วเริ่มการเปลี่ยนสัณฐานคือ?’
เขาเริ่มไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จากนั้น หน้าต่างข้อความจึงปรากฏขึ้นอีกครั้ง
=====
ทักษะใหม่ของตัวอ่อนอลาโมเน่ได้รับการสร้างขึ้นและลงทะเบียน
ทักษะใหม่ +?????
ตัวอ่อนอลาโมเน่ได้เรียนรู้ทักษะใหม่ระหว่างขั้นตอนการเปลี่ยนสัณฐาน ทว่า ผู้อัญเชิญต้องหาให้พบว่ามันคือทักษะชนิดใดและศึกษาวิธีการใช้งาน ท่านมีเวลาจำกัดอยู่ที่ 20 วัน ถ้าหากท่านไม่อาจทำการเปลี่ยนสัณฐานได้โดยสมบูรณ์ภายในเวลาที่กำหนด ผลลัพธ์สุดท้ายคือความล้มเหลว
ระหว่างขั้นตอนการเปลี่ยนสัณฐาน ทักษะของตัวอ่อนอลาโมเน่ทั้งหมดจะถูกผนึก ดังนั้น ความสามารถคลังไอเทมจะสูญเสียไปเป็นการชั่วคราว
=====
อาร์คเหม่อมองหน้าต่างดังกล่าว
เจ้างูเรียนทักษะใหม่? เขาไม่เคยคิดกระทั่งจินตนาการถึง
‘พอมาคิดว่าเจ้างูสามารถเติบโตได้ด้วยวิธีการเช่นนี้ มันก็มีโอกาสที่จะสามารถทำอย่างอื่นได้นอกจากเป็นกระเป๋า?’
เพื่อความมั่นใจ ถ้าหากสมุนปีศาจสามารถได้รับทักษะที่มีประโยชน์ การต้องใช้ไอเทมสักหนึ่งหรือสองชิ้นย่อมไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร แต่เขาไม่มั่นใจว่านี่จะเรียกว่าได้รับสมบัติมาดีหรือไม่
‘อืม ระหว่างภารกิจอีเวนท์นี้เราต้องไปยังปราสาทแจ๊คสัน อีกทั้งยังไม่อาจใช้เจ้างูน้อยเป็นกระเป๋าได้อีก คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรมั้ง...’
ปัญหาอยู่ที่เจ้างูที่ต้องเรียนทักษะใหม่เพื่อกระบวนการเปลี่ยนสัณฐานที่สมบูรณ์ พอเห็นว่าการเปลี่ยนสัณฐานจะล้มเหลวถ้าหากไม่ได้เรียนรู้ทักษะภายในเวลายี่สิบวันแล้ว นี่ก็แสดงว่ามันไม่ใช่สิ่งมันจะเรียนรู้ได้ด้วยตัวของมันเอง
“อะไรกันล่ะเนี่ย?”
ถ้าหากเป็นเจ้ากะโหลกหรือเดดริค เขายังคงพอสามารถที่จะฝึกซ้อมการต่อสู้ด้วยได้ ทว่า เจ้างูนี่ไม่มีค่าสถานะอะไรเลยแม้สักนิด ความสามารถทางการต่อสู้จึงไม่มี ดังนั้นแล้วเขาจะใช้วิธีอะไรถึงจะรู้ว่าทักษะใหม่ที่มันเรียนคืออะไรกันล่ะ?
สถานการณ์นี้มันเกิดขึ้นปุบปับเกินไป ดังนั้นแล้วเขาจึงยังคิดอะไรไม่ออก นอกจากนี้ เขายังไม่มีเวลาให้คิดมากนักด้วย
“อึก ปะ-ไปไกล ๆ นะ! อั่ก!”
“คึคึคึ มนุษย์ทั้งหมดต้องถูกสังหาร!”
ฉับพลันเขาได้ยินเสียงใครบางคนโดนโจมตีจากทางด้านหลัง