ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 194 ม่านเลือดบุปผาสวรรค์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 196 เกิดใหม่อีกครั้ง

เทพปีศาจหวนคืน บทที 195 เจตนารมณ์ของไป่หนิงปิง


เทพปีศาจหวนคืน บทที 195 เจตนารมณ์ของไป่หนิงปิง

ผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกหัวเราะอย่างมีความสุขก่อนจะหยุดอย่างกะทันหันและกล่าวกับจักรพรรดิกระเรียนสวรรค์ด้วยความเกลียดชัง "น้องเล็ก เจ้าไม่เคยคิดว่ามันจะกลายเป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่? พวกเราเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเก็บมาเลี้ยงโดยท่านอาจารย์ ตั้งแต่ยังเด็ก ท่านอาจารย์ใส่ใจเจ้ามากกว่าข้าเสมอ เพราะเหตุใดน่ะหรือ? แน่นอนว่ามันเป็นเพียงเพราะเจ้ามีพรสวรรค์นภาที่หนึ่งแต่ข้ามีพรสวรรค์นภาที่สาม"

"เมื่อเจ้ามีพรสวรรค์นภาที่หนึ่งเป็นธรรมดาที่การบ่มเพาะของเจ้าจะรวดเร็วกว่า แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าผู้มีพรสวรรค์นภาที่สามต้องใช้ความพยายามมากมายเพียงใดจึงจะสามารถไล่ตามเจ้าได้ทัน พวกเราถูกเรียกว่าแฝดกระเรียนแห่งความเที่ยงธรรม แต่เจ้าเป็นผู้นำและข้าต้องเป็นผู้ตามเสมอ เจ้าเป็นดาวรุ่งที่เจิดจรัสเพียงเพราะเจ้ามีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง!"

"นอกจากนั้นโชคชะตาของเจ้ายังดีพอที่ทำให้เจ้าได้ครอบครองมรดกเลือดที่แท้จริง กะโหลกเลือดสามารถดูดเลือดของเครือญาติและเปลี่ยนเป็นพรสวรรค์ให้กับผู้ใช้วิญญาณ เจ้ารู้หรือไม่ว่าในจังหวะนั้นข้ารู้สึกอย่างไร? ข้าคิดทั้งวันทั้งคืน คิดแผนการมากมาย ทั้งหมดก็คือข้ารู้ว่ากะโหลกเลือดเป็นความหวังเดียวของข้า ด้วยการครอบครองมัน ชีวิตของข้าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์"

"แต่มันเป็นของข้า! ของข้า!!" จักรพรรดิกระเรียนสวรรค์กระทืบเท้าด้วยความโกรธ

"ถูกต้อง มันเป็นของเจ้า" ผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกพยักหน้า "เจ้ามีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม โชคชะตาที่วิเศษ พวกเราเริ่มต้นมาในเวลาเดียวกัน ฆ่าศัตรูด้วยกัน แต่สวรรค์กลับชื่นชอบเจ้ามากกว่าและมอบมรดกเลือดให้กับเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าขณะที่ข้าเฝ้ามองและฟังเจ้าพูดคุยถึงแผนการในอนาคตของเจ้า ข้าต้องฝืนปั้นรอยยิ้มอย่างยากลำบากเพียงใด? แต่ก็เป็นวินาทีนั้นที่ข้าตระหนักได้ในที่สุด"

"สวรรค์โปรดปรานเจ้าจึงมอบพรสวรรค์นภาที่หนึ่งและมรดกเลือดให้กับเจ้า แล้วข้าจะทำสิ่งใดได้เมื่อข้ามีพรสวรรค์เพียงนภาที่สาม ดังนั้นไม่ใช่ว่าข้าต้องพึ่งพาตนเองงั้นหรือ? ข้าทำได้เพียงขโมยและฉกฉวยโอกาส! ข้าต้องเปลี่ยนชะตากรรมของข้าด้วยมือของข้าเอง! เมื่อสวรรค์กำหนดให้ข้าต้องอยู่ใต้เท้าบางคน แล้วข้าไม่สามารถโกรธเคืองงั้นหรือ!?" ผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือในตอนท้ายของประโยค

การปรากฏตัวของผีดิบดูดเลือดเป็นบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอยู่แล้ว แต่เมื่อเพิ่มเติมด้วยน้ำเสียงที่แปลกประหลาด มันยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นเยียบไปถึงแกนกระดูก

"ตั้งแต่สวรรค์ไม่ชอบข้า ท่านอาจารย์ไม่รัก ไม่มีผู้ใดสนใจ ข้าจึงต้องรักตนเองให้มากขึ้น ข้าต้องให้ความสำคัญกับตนเอง ข้าจะต้องพึ่งพาตนเอง ใช้ความพยายาม เสี่ยงโชค และทุ่มเทเพื่อตนเองเท่านั้นจึงสามารถประสบความสำเร็จ! แต่เส้นทางแห่งคุณธรรมพูดถึงศีลธรรม จริยธรรม สายสัมพันธ์ เกียรติยศ และชนชั้น ข้ามีเพียงตัวข้าเอง ไม่มีผู้ใดสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ไม่มีพรสวรรค์ และไม่มีทรัพยากร ดังนั้นบอกข้าว่าข้าควรทำอย่างไรจึงจะสามารถประสบความสำเร็จ?"

"บนเส้นทางสายคุณธรรม ข้าทำได้เพียงปล่อยให้ตนเองถูกทำร้าย กดขี่ และกลั่นแกล้ง ข้าสามารถเพียงก้มศีรษะลงต่อหน้าบรรดานายน้อยและเหล่าอัจฉริยะ ข้าไม่แม้แต่จะมีคุณสมบัติยกระดับตนเองและประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยแม้จะอายุมากขึ้นแล้ว เส้นทางสายคุณธรรม...เส้นทางจอมปลอม!"

"ด้วยละทิ้งจริยธรรม สายสัมพันธ์ ชนชั้นทางสังคม และค่าใช้จ่ายมหาศาล ข้าก้าวเดินมาบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม บนเส้นทางที่เป็นของข้าเอง ข้าจึงสามารถปลดปล่อยตนเองจากการถูกทำร้าย กดขี่ และกลั่นแกล้ง! ดังนั้นข้าจึงวางแผนขโมยมรดกเลือดจากเจ้าและกลายเป็นปีศาจ ฮ่าฮ่าฮ่า ปีศาจ ข้ากลายเป็นปีศาจ!"

ข้ากลายเป็นปีศาจ...

ข้ากลายเป็นปีศาจ...

เสียงดังกังวาลอยู่ในกำแพงเลือด

ด้านนอก จักรพรรดิกระเรียนสวรรค์นิ่งเงียบและจมอยู่กับความโศกเศร้า

ผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกหัวเราะและเริ่มฆ่าคนอีกครั้ง ผู้ใช้วิญญาณจำนวนมาถูกฆ่าและดูดเลือดก่อนที่กะโหลกเลือดจะเทเลือดเข้าไปในทะเลวิญญาณและยกระดับพรสวรรค์ให้กับผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรก

ยิ่งฆ่าผู้ใช้วิญญาณตระกูลแสงจันทร์มากขึ้นเท่าใด พรสวรรค์ของเขาก็เพิ่มสูงมากขึ้นเท่านั้น หลังจากกลืนกินหินวิญญาณเข้าไป ความสามารถในการต่อสู้ของเขาก็จะกลายเป็นแข็งแกร่งมากขึ้น

เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ช่วยไม่ได้ที่จักรพรรดิกระเรียนสวรรค์จะรู้สึกกระวนกระวายใจมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ด้วยการคงอยู่ของม่านเลือดบุปผาสวรรค์ เขาจึงทำได้เพียงถอนหายใจออกมาเท่านั้น

เมื่อเวลาผ่านไป มันจึงเหลือผู้ใช้วิญญาณเพียงไม่กี่คนที่ยังรอดชีวิตอยู่ด้านในกำแพงเลือด

"เด็กบ้า เจ้าขโมยบัวสมบัติสวรรค์ของข้า ข้าจะมอบโอกาสให้เจ้าได้ชดเชยความผิด ส่งมันมาให้ข้าแล้วชีวิตของเจ้าจะปลอดภัย" เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกเดินมาทางฟางหยวน

ฟางหยวนรู้ว่าตอนนี้เขามีโอกาสรอดชีวิตอยู่น้อยมาก แต่การแสดงออกของเขายังไม่เปลี่ยน เขากระทั่งหัวเราะเย้ยหยัน "คงมีเพียงเด็กสามขวบที่จะเชื่อคำพูดของตัวบัดซบเช่นเจ้า ฮืม ข้าจะทำลายบัวสมบัติสวรรค์ทันทีหากเจ้าเข้ามาใกล้กว่านี้ เจ้าควรรู้ว่าข้าปรับแต่งมันและสามารถสั่งให้มันระเบิดตัวเองได้ด้วยเพียงหนึ่งความคิด แต่มันก็ขึ้นอยู่กับเจ้า"

ผู้นำตระกูลแสงจันทร์ชะลอฝีเท้า

"เด็กบ้า เจ้าทั้งฉลาดและกล้าหาญ สมกับเป็นลูกหลานที่มีสายเลือดของข้าจริงๆ แต่เพราะเหตุนั้นหากข้าใช้เลือดของเจ้า มันจะสามารถยกระดับพรสวรรค์ของข้าได้เป็นอย่างมาก เดิมทีข้าใช้วิญญาณประเภทเลือดพยายามชำระล้างสายเลือดของข้าเพื่อนำพวกเขาไปสู่สุดยอดกายาแสงจันทร์บรรพกาล ตราบเท่าที่ข้าดูดเลือดของสุดยอดกายาดังกล่าว มันจะทำให้พรสวรรค์ของข้าเพิ่มขึ้นเป็นเก้าสิบเก้าส่วน"

"หากข้าพบสุดยอดกายาแสงจันทร์บรรพกาล ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป แต่เคราะห์ร้ายที่พวกเจ้าดูเหมือนจะโชคไม่ดีนัก ฮืม สิ่งที่ข้าเกลียดมากที่สุดในชีวิตก็คือการถูกบังคับ ดังนั้นหากบัวสมบัติสวรรค์สูญสลายไป เจ้าก็ต้องตายเช่นกัน"

คำพูดของเขายังไม่ทันจบประโยคขณะที่ปีกสีดำส่งร่างของผู้นำตระกูลแสงจันทร์พุ่งไปข้างหน้า

เห็นการเคลื่อนไหวนี้ ฟางหยวนเร่งล่าถอยออกไปด้วยความขนลุกขนชัน

แต่เขาจะสามารถหลบหนีจากผู้ใช้วิญญาณระดับห้างั้นหรือ?

อย่างไรก็ตามขณะที่กรงเล็บของผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกกำลังจะถึงตัวฟางหยวน มือน้ำแข็งกลับพุ่งเข้าโจมตีผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกจากด้านข้าง

"ปัง"

เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับมือน้ำแข็งที่แตกสลายและมวลอากาศเย็นที่แพร่กระจายออกไปรอบๆ แต่มันก็ทำให้ผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกต้องก้าวถอยหลังกลับไปเช่นกัน

"ไป่หนิงปิง?" ฟางหยวนตกใจเมื่อเห็นคนที่ยืนมือให้ความช่วยเหลือ

ไป่หนิงปิงสะบัดแขนก่อนที่มือของเขาจะงอกขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเป็นน้ำแข็งที่ปราศจากเลือดเนื้ออย่างสิ้นเชิง ชัดเจนว่าสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืดมาถึงขีดจำกัดเรียบร้อยแล้ว

"ข้าจะตายอย่างยอดเยี่ยม มันเพียงน่าเสียดายเล็กน้อยที่ข้าไม่สามารถอยู่เห็นบทสรุปของสงครามครั้งนี้" ไป่หนิงปิงถอนหายใจก่อนจะเผยรอยยิ้มให้กับฟางหยวน "ฟางหยวน เจ้าและข้าเป็นคนประเภทเดียวกัน ความตายของข้าเป็นเรื่องแน่นอน อย่างไรก็ตามมันน่าเสียดายหากเจ้าต้องมาตายพร้อมกันกับข้า ดังนั้นข้าจะปกป้องเจ้า แต่ข้ามีเงื่อนไข..."

ไป่หนิงปิงอาจเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับสาม แต่เมื่อความตายของเขาใกล้เข้ามา พลังการต่อสู้ของเขาจะปะทุขึ้นราวกับน้ำพุธรรมชาติ ดังนั้นความหวังสุดท้ายที่จะเอาชนะผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกก็คือเขา!

"เงื่อนไขใด?" ดวงตาของฟางหยวนส่องประกาย

ไป่หนิงปิงเปิดแขนสองข้างของเขาออกราวกับกำลังโอบกอดโลกใบนี้เอาไว้ "จงมีชีวิตอยู่เป็นพยานให้กับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกใบนี้เพื่อข้า..."

เป็นเพียงเวลานี้ที่หัวใจของฟางหยวนสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง

คนผู้นี้...

ฟางหยวนมองไป่หนิงปิงราวกับกำลังมองตนเองในช่วงวัยที่อายุยังน้อยของชีวิตก่อนหน้า คำพูดของไป่หนิงปิงอาจฟังดูไร้สาระ คนทั่วไปอาจไม่เข้าใจ แต่สำหรับฟางหยวน แน่นอนว่าเขาเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่

ไป่หนิงปิงเป็นอัจฉริยะระดับสูงสุด พรสวรรค์ของเขาท้าทายสวรรค์พิภพ แต่ชีวิตของเขากลับสั้นนัก เขาพบเส้นทางของตนเองเรียบร้อยแล้ว ด้วยความเชื่อนี้ มันทำให้เขาไม่เกรงกลัวต่อความตาย แต่เขายังไม่เต็มใจที่จะทิ้งโลกใบนี้ไป

เขาเสียใจ แต่ภายใต้สถานการณ์นี้ เขาไม่มีทางเลือกและทำได้เพียงฝากเจตนารมณ์ของเขาไว้กับฟางหยวนเท่านั้น

"โอ้ มันเป็นสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืดจริงๆ แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่มีสายเลือดของข้า มิฉะนั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องตาย" ผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกเผยรอยยิ้มชั่วร้าย "แต่หากเจ้าคิดว่าสามารถขัดขวางข้าด้วยสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืด นั่นยังไร้เดียงสาเกินไป"

ร่างของผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแกรอันตรธานหายไปก่อนจะปรากฏตัวอีกครั้งด้านหน้าไป่หนิงปิง

"ปัง"

เสียงปะทะครั้งที่สองดังขึ้น

ผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกก้าวถอยหลังไปขณะที่ศีรษะและร่างกายครึ่งบนของไป่หนิงปิงสูญสลายไปแล้ว

แต่ทันใดนั้น...

"แคร็ก แคร็ก แคร็ก..."

มวลอากาศเย็นควบแน่นจนก่อกำเนิดร่างกายและศีรษะของไป่หนิงปิงขึ้นมาอีกครั้ง ไป่หนิงปิงฟื้นคืนสู่ชีวิต!

"อันใด?" ผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกตกใจครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต สุดยอดกายาทั้งสิบเป็นบางสิ่งที่หาได้ยาก แน่นอนว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยพบเห็น ดังนั้นมันจึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกประหลาดใจ

คนทั้งสองปะทะกันอีกครั้ง แต่ในที่สุดระดับการบ่มเพาะที่อ่อนด้อยกว่าก็ส่งผลให้ไป่หนิงปิงกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ อย่างไรก็ตามแม้ผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกจะฆ่าเขากี่ครั้ง แต่เขาก็ยังไม่ตาย!

ในช่วงเวลานี้กล่าวได้ว่าร่างกายของไป่หนิงปิงใกล้เคียงกับคำว่าร่างอมตะเป็นอย่างมาก ไม่ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บระดับใด บาดแผลของเขาก็จะถูกกู้คืนในเสี้ยวพริบตา

ผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกยิ่งโกรธและเริ่มหวาดกลัว ดังนั้นเขาจึงยิ่งโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ร่างของไป่หนิงปิงค่อยๆสูญเสียสีสันแห่งชีวิต กระทั่งเส้นผมของเขายังกลายเป็นเส้นน้ำแข็งบางๆ

แต่ในที่สุดเวลาก็มาถึง...

ความตายเคลื่อนที่มาถึงในวินาทีนี้

"โลกมนุษย์เต็มไปด้วยความงดงามที่ไร้สิ้นสุด จากขอบฟ้าไปถึงขอบทะเล ขณะที่สายลมพัดพาเถ้าถ่านของข้ากลับสู่แผ่นดิน ดวงจันทร์จะส่องสะท้อนขึ้นจากผิวน้ำ" ไป่หนิงปิงท่องบทกวีด้วยรอยยิ้มบาง

จากนั้นใบหน้าของเขาก็แข็งค้างไปในลักษณะนี้

มวลอากาศเย็นแพร่กระจายออกไปรอบๆอย่างช้าๆ

"แคร็ก แคร็ก แคร็ก..."

ชั้นน้ำแข็งขนาดวงกว้างออกไปจากใต้เท้าของเขาราวกับคลื่นยักษ์ ขณะเดียวกันมังกรน้ำแข็งที่ม้วนตัวอยู่ในเกลียวคลื่นกลับพุ่งตรงไปยังผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกด้วยความเร็วสูง

ผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกพยายามใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขาต่อต้านมันอย่างเต็มกำลัง เส้นผมสีแดงของเขาตั้งชันขึ้นพร้อมกับหมอกสีเลือดที่พวยพุ่งออกมาจากร่างกาย ขณะที่มัจจุราชสีเลือดและค้างคาวโลหิตบินเข้าปะทะกับคลื่นน้ำแข็งที่น่าหวาดกลัว

แต่พวกมันยังต้องถูกแช่แข็งไปในพริบตา คลื่นน้ำแข็งปกคลุมพื้นที่ภายในม่านเลือดบุปผาสวรรค์เอาไว้ทั้งหมด แต่มันกลับไม่สัมผัสร่างของฟางหยวน พื้นที่เล็กๆรอบตัวฟางหยวนถูกเว้นช่องว่างเอาไว้ ชัดเจนว่ามันเป็นความตั้งใจของไป่หนิงปิง

"บึม"

ม่านเลือดบุปผาสวรรค์ระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงพร้อมกับคลื่นน้ำแข็งที่พวยพุ่งออกไปทุกทิศทุกทาง

"มันสามารถทำลายกำแพงเลือดงั้นหรือ? พลังนั่น..." จักรพรรดิกระเรียนสวรรค์ไม่กล้าเผชิญหน้ากับคลื่นน้ำแข็งและรีบบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างเร่งร้อน

ภายใต้ดวงตาที่ตื่นตระหนก จักรพรรดิกระเรียนสวรรค์เฝ้ามองภูเขาชิงที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นภูเขาน้ำแข็งไปอย่างสมบูรณ์ เวลานี้ภูเขาชิงเหมาที่เคยเขียวขจีและอบอุ่นกลับถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งและพายุหิมะ

พื้นที่เล็กๆรอบตัวฟางหยวนค่อยๆลดขนาดลงขณะที่เขาเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้น

ดินแดนน้ำแข็งพันปีแห่งนี้กลายเป็นอนุสรณ์สถานของอัจฉริยะหนุ่มที่แฝงไว้ด้วยความขุ่นเคืองและเสียงถอนหายใจ

"ไม่ดีแล้ว ข้าต้องออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็วที่สุด! ความตั้งใจของไป่หนิงปิงกำลังจะพังทลายลงในไม่ช้า!" ฟางหยวนพยายามก้าวเท้าไปข้างหน้าด้วยพื้นที่รอบตัวที่ถูกบีบอัดให้เล็กลงเรื่อยๆ