บทที่ 68 นักเรียนมอปลายปีหนึ่ง (อ่านฟรี)
"ตั้งใจเล่าเรียน หมั่นเพียรใฝ่รู้"
เมื่อยืนอยู่ที่ประตูโรงเรียนของโรงเรียนมัธยม จะสามารถเห็นคำขวัญแปดคำของโรงเรียนได้ชัดเจน
เฝิงหยู่สะพายกระเป๋านักเรียนใหม่อย่างไม่เต็มใจ เขารู้สึกว่ากระเป๋านักเรียนไม่เหมาะสมกับเขา อย่างน้อยสีของกระเป๋าควรเป็นสีทองเพื่อแสดงสถานะของเขา
โรงเรียนมัธยมปลายเปิดเทอมเร็วกว่ากำหนดครึ่งเดือน ในมณฑลหลงเจียง นักเรียนมัธยมปลายจะต้องได้รับการฝึกทหาร ได้ยินมาว่าเป็นการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างนักเรียนและการปลูกฝังวินัย ไม่มีใครรู้ได้ว่ามันมีประสิทธิภาพแค่ไหน?
แม้ว่าเฝิงหยู่พยายามไม่เป็นที่โดดเด่นโดยสวมเสื้อผ้าที่เรียบง่ายสบายๆ แต่เขาก็ยังดึงดูดความสนใจของนักเรียนและครูคนอื่นๆ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะหลี่ซื่อเฉียงขับรถพาเขาไปส่งที่โรงเรียน
เด็กคนนี้เป็นลูกของเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าหรือนักธุรกิจใหญ่? ถึงกับเดินทางมาโรงเรียนโดยรถยนต์
วันนี้ เหวินตงจุน หลี่น่าและหลิวคุนมาโรงเรียนโดยนั่งรถมาด้วยกัน หลี่นาและหลิวคุนได้นำกระเป๋าสัมภาระติดตัวไปด้วย เพราะพวกเขาจะอยู่ในหอพักของโรงเรียน
เมื่อพวกเขามาถึง เฝิงหยู่ก็พาพวกเขาไปจ่ายค่าเล่าเรียนก่อน หลังจากนั้นจึงไปที่หอพักเพื่อเอากระเป๋าไปเก็บ ให้หลี่ซื่อเฉียงได้ออกแรงทำงานสักหน่อย พวกเขาทั้ง4คนอยู่ในชั้นเดียวกัน
"เฝิงหยู่ ตงจุน พวกนายไม่อยู่ในหอพักโรงเรียนเหรอ?" หลิวคุนถามในขณะที่จัดผ้าปูเตียง
“พี่สาวของฉันซื้อห้องชุดในเมืองปิง พวกเราสองคนจะไปอยู่ที่นั่น รีบเก็บของได้แล้ว อีกเดี๋ยวพี่เขยจะพาเราออกไปหาของกินอร่อยๆ” เฝิงหยู่ตอบ
พ่อแม่ของพวกเขาไม่ได้มาด้วย เด็กๆจากชนบทเริ่มอยู่ด้วยตัวเองตั้งแต่ยังวัยรุ่น
มายืนอยู่ประตูหอพักผู้หญิง พวกเขาเห็นหลี่น่าใส่กระโปรงสีฟ้าเดินออกมา สายตาของพวกเขาทั้งสามคนจ้องมองเธออย่างหลงใหล
"อะแฮ่ม!" เฝิงหยู่ไม่พอใจ พวกนายสองคนหัดสังเกตหน่อยก็ดีนะ!
ถึงแม้ความสัมพันธ์ของเฝิงหยู่และหลี่น่าไม่ได้เป็นแฟนกันอย่างโจ่งแจ้ง แต่ครูในโรงเรียนมัธยมต้นต่างรู้ว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันทุกวัน หลี่น่าจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่ออยู่กับเฝิงหยู่เท่านั้น เธอจะนิ่งเงียบเมื่ออยู่กับคนอื่น
ระหว่างมื้ออาหาร เหวินตงจุนขยันขันแข็งมากที่สุด เจ้าหนุ่มนี่ไม่เจอกันไม่กี่วันเองแต่ดูเหมือนจะโตเป็นล่ำเป็นสันขึ้น ก่อนที่เฝิงหยู่จะเริ่มกินเขาก็ตักเนื้อแกะให้หลี่นา: "แกะนี่รสชาติดี ลองทานดูสิ"
หลี่นาาเขินอายหน้าแดงก่ำ รีบตักเนื้อแกะใส่กลับไปในชามของเฝิงหยู่ พูดเบาๆว่า : "ฉันตักเองได้"
เฝิงหยู่ตักใส่ปากตัวเองด้วยรอยยิ้มเริงร่า จากนั้นก็ตักซี่โครงแกะยื่นไปที่หน้าหลี่นา ด้วยความเร็วการรับประทานอาหารของเหวินตงจุน เขาสามารถทานเนื้อแกะทั้งหมดได้ในนาที!
"พวกเธอนี่กินจุกันจริงๆ พรุ่งนี้หลังจากพิธีเปิดการศึกษา ก็เป็นการฝึกทหาร พอถึงตอนนั้น พวกเธอคงไม่ได้กินเนื้อสัตว์ในระหว่างการฝึกอบรม " หลี่ซื่อเฉียงกล่าว
เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องการฝึกทหาร ความเร็วของเหวินตงจุนก็ชะลอตัวลง แม้ว่ารางกายของพวกเขาจะแข็งแรงสามารถทนต่อความยากลำบาก แต่พวกเขาไม่สามารถทนต่อการฝึกทหารที่น่าเบื่อได้ ทุกวันเขาจะต้องเดินขบวนเลี้ยวซ้ายและขวา ถ้าเพียงแต่เขาสามารถเล่นบาสเก็ตบอลหรือฟุตบอลในระหว่างการฝึกซ้อมได้คงจะดีไม่น้อย
หลิวคุนสังเกตว่าเฝิงหยู่ไม่กังวลเรื่องการฝึกซ้อมทหารเลย จึงถามเขาอย่างประหลาดใจว่า: "เฝิงหยู่ นายไม่กลัวเรื่องการฝึกซ้อมทหารเหรอ?"
เฝิงหยู่ตอบด้วยความรู้สึกเศร้า: "ฉันอยากจะเข้าร่วม แต่ฉันไม่สามารถทำได้ ฉันป่วย ไม่สามารถเข้าร่วมการฝึกอบรมทหาร"
"นายป่วยเหรอ? ป่วยเป็นอะไร? " หลี่น่าถามอย่างกระวนกระวายใจ
เฝิงหยู่หยิบใบรับรองแพทย์ออกจากกระเป๋าแล้ววางลงบนโต๊ะ: "โรคข้ออักเสบ นั่นหมายความว่าหัวเข่าของฉันจะปวด ไม่ว่าตอนยืนหรือเดิน "
เหวินตงจุนฉกใบรับรองแพทย์ของเฝิงหยู่มาอ่าน จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้มเชือดเฉือน: "โรคไขข้ออักเสบ ฉันรู้จักนายดี นายวิ่งเร็วปล๋อกว่ากระต่าย ไม่ใช่เพราะนายไม่อยากเข้าฝึกทหารเลยเป็นข้อเข่าอักเสบหรอกนะ? "
เฝิงหยู่ยิ้ม กล่าวว่า "นายไม่ต้องพูดออกมาดังก็ได้"
"เป็นประชากรคนหนึ่ง ในขณะที่จีนยังคงมีสงครามอยู่สองด้าน แต่นายกลับไม่อยากไปฝึกทหาร? " เหวินตงจุนพูดจากระแนะกระแหนเฝิงหยู่
ในตอนที่เฝิงหยู่อยากเปลี่ยนเรื่องคุย เหวินตงจุนพุ่งมาจับแขนเฝิงหยู่ ถามว่า "แล้วอาการป่วยของฉันละ?"
เอิ่ม เหวินตงจุนก็คือเหวินตงจุนอยู่ยังวันยังค่ำ คิดว่าจะเปลี่ยนนิสัยได้แล้วเสียอีก เมื่อกี้ยังมีหน้ามาตำหนิฉัน
"ฉันเตรียมไว้ให้แล้ว รับรองโดยโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียง หลี่น่า อาการป่วยของเธอคือเท้าแบน เธอยืนไม่ได้นาน ไม่สามารถคุกเข่าหรือวิ่งได้ เธอจะยังได้รับการยกเว้นจากชั้นเรียนพลศึกษาอีกด้วย " เฝิงหยู่กล่าว เขาหยิบใบรับรองแพทย์ออกมา แล้วส่งไปให้หลี่นา
"เอ้านี่ ใบนี้เป็นของหลิวคุน เล็บขบที่เกิดจากเล็บคุด แม้เดินไปในระยะทางใกล้ๆก็เป็นเรื่องยาก "
"นี่สำหรับตงจุน ฉันจะไม่อ่านให้ฟังนะ เอาไปอ่านเองแล้วกัน "
“ตงจุน ใบรับรองแพทย์ของนายเป็นโรคอะไร? บอกมา ต่อไปในชั้นเรียนพลศึกษาฉันจะได้เอามาเป็นข้ออ้างขอหยุด” หลิวคุนถาม และพยายามแย่งใบรับรองแพทย์จากมือเหวินตงจุน
เหวินตงจุนรีบคว้าใบรับรองแพทย์กลับมา แล้วเก็บไว้ในกระเป๋าของเขา เขาตะโกนว่า "ดูไม่ได้ ฉันไม่ให้ใครดูทั้งนั้น "
หลี่นาส่งใบรับรองแพทย์กลับไปให้เฝิงหยู่ กล่าวว่า "ฉันไม่ต้องการมัน ฉันคิดว่าการฝึกทหารไม่ได้เลวร้ายอะไร ฉันจะได้รู้จักเพื่อนมากขึ้น แล้วการแกล้งป่วยมันไม่ถูกต้อง พวกเธอกำลังโกหกครูและโกหกโรงเรียน "
หลังจากที่ลี่นาพูดจบ เธอก็จ้องที่หลี่ซื่อเฉียงอย่างกระฟัดกระเฟียด หลี่ซื่อเฉียงรู้สึกผิดอย่างมาก เขาไม่ได้เป็นคนจัดการเรื่องใบรับรองแพทย์เหล่านี้ ต่อให้เขาตอบตกลงว่าจะช่วย เฝิงตันอิงคงไม่เห็นด้วยเป็นอันขาด
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา อู๋จื้อกางมัดใจพยาบาลสาวคนนั้นได้สำเร็จ ปรากฎว่านางพยาบาลมาจากครอบครัวฐานะดี แม่ของเธอเป็นครู พ่อของเธอเป็นหัวหน้าแผนกในโรงพยาบาล
เดิมทีอู๋จื้อกางต้องการล้มเลิกที่จะจีบเธอ ครอบครัวของเขามีพ่อคนเดียวที่ทำงานในโรงงาน แต่เฝิงหยู่สนับสนุนเขา พูดว่า: "ต่อให้ครอบครัวของเธอจะดีกว่านาย แต่นายก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกด้อยกว่า คิดสิว่าเดือนๆหนึ่งนายมีรายได้เท่าไหร่ เงินเดือนของนายไม่น้อยกว่าพ่อของเธอ ภายในปีหน้า ฉันขอรับประกันว่าเงินเดือนของนายจะเพิ่มเป็นสองเท่า "
ภายใต้กำลังใจและคำแนะนำของเฝิงหยู่ รวมถึงการผลาญเงินล่อ และความด้านได้อายอด รอนางพยาบาลเลิกงานที่หน้าประตูโรงพยาบาลทุกวัน ทุกครั้งที่ไปหาเขาจะหอบของขวัญหรือดอกไม้ไปด้วย เพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้นเขาก็เอาชนะใจเธอ
เมื่อเฝิงหยู่พูดกับอู๋จื้อกางเกี่ยวกับการขอใบรับรองแพทย์ให้ได้รับการยกเว้นจากการฝึกอบรมทางทหาร เขาก็ตกลงที่จะช่วยเฝิงหยู่ทันที ต่อให้ยากเย็นกว่านี้เขาก็ต้องทำให้ได้
แต่เฝิงหยู่คิดไม่ถึงว่าใบรับรองแพทย์ของเหวินตงจุนจะเป็นการตัดหนังหุ้มลึงค์ แค่เขาคิดถึงเรื่องนี้เขาก็อยากหัวเราะเสียงดังลั่น
"ฉันจะเข้าร่วมวันแรกและวันสุดท้ายของการฝึกทหาร ไม่อย่างนั้นชุดลายพลางที่ซื้อมาคงสูญเปล่า สำหรับการฝึกอบรมทางทหาร คงรู้กันแล้วว่าฝึกไม่กี่วัน ส่วนเรื่องการจะหาเพื่อน เอิ่ม ฝึกจนไม่มีโอกาสได้คุยกันหรอก ต่อให้เธอรับใบรับรองแพทย์นี้ไป เธอก็ยังเข้าร่วมการฝึกทหารได้ นักเรียนคนอื่นๆต้องฝึกต้องวิ่ง แต่เธอสามารถนั่งดูข้างๆก็ได้ " เฝิงหยู่กล่าว
หลี่ซื่อเฉียงฝืนยิ้มแล้วส่ายหัว น้องเขยคนนี้หัวใสจริงๆ
หลังจากรับประทานเสร็จ ทุกคนก็ไปที่สวนสนุกและเล่นตลอดกันทั้งวัน เหวินตงจุนและ หลิวคุนเลือกเครื่องเล่นที่น่าตื่นเต้นเท่านั้น ส่วนเฝิงหยู่กับหลี่น่าไปที่ร้านเกม เขาใช้เงินหลายสิบหยวนกับเครื่องหนีบตุ๊กตา แต่ได้ตุ๊กตาขนาดเล็กสองตัวซึ่งมีมูลค่าเพียงไม่กี่เฟินมามอบให้หลี่น่า แต่เมื่อเขาเห็นรอยยิ้มบนหน้าของหลี่น่า เขาก็รู้สึกว่าเงินจำนวนนั้นช่างคุ้มค่า
เฝิงหยู่มาส่งหลี่น่าและหลิวคุนที่โรงเรียนก่อนฟ้ามืด เฝิงหยู่มองประตูโรงเรียนอย่างวิตกกังวล "ทำไมมันถึงยังอยู่มอปลายปีหนึ่งนะ? เมื่อไหร่จะได้เข้ามหาวิทยาลัย? พอเข้ามหาลัยแล้ว คงได้เป็นเจ้าของหลี่น่าอย่างเต็มปากเต็มคำ"