บทที่ 12 ผู้กล้า สต้อล์กเกอร์ ยมทูต (1)
บทที่ 12 ผู้กล้า สต้อล์กเกอร์ ยมทูต (1)
「นั่นหมายความว่า มันน่าจะไม่เป็นไรนะ ถ้าเขาได้รับบาดแผลนิดๆหน่อยๆ…」
ชายคนนั้นบ่นพึมพำกับตัวเองบนถนนสายหลัก เขาเห็นพวกอันธพาลมากันหลายคนและเข้าไปล้อมผู้บุกรุก เกรงว่าเด็กผู้ชายคนนั้นจะได้รับอันตราย จนถึงขั้นบาดเจ็บ และก็ได้รับการช่วยเหลือจากชายคนนั้นเหมือนปกติทุกครั้งไป
อันธพาลพวกนี้กับผู้ชายคนนั้น พวกเขาอยู่ภายใต้ข้อตกลงร่วมกัน กล่าวคือมันเป็นการจับคู่กันที่ลงตัวมาก
ด้วยการให้เงินพวกเขาเป็นครั้งคราว ในกรณีที่ชายคนนั้นตัดสินว่าผู้บุกรุกควรปล่อยให้มีชีวิตรอด พวกอันธพาลก็จะแกล้งทำเป็นต่อสู้กับสายลับและพอถึงจุดๆหนึ่ง พวกเขาก็จะปล่อยตัวประกัน บังคับให้ผู้บุกรุกเป็นหนี้บุญคุณสายลับคนนั้น
โดยการกระทำเช่นนี้ สายลับก็จะขอให้ผู้บุกรุกออกไปจากสลัม ในขณะที่ผู้เคราะห์ร้ายยังไม่เป็นปรปักษ์กับสลัม
“ก็แค่ปล่อยให้พวกมันหักกระดูกเขาสัก 2-3 ชิ้น ก็คงได้เวลาไปช่วยเขาแล้วหล่ะ” นี่คือสิ่งที่เขาคิดเตรียมการเอาไว้ก่อนจะเข้าต่อสู้ การรอคอยโอกาสที่ดีที่สุดเพื่อขัดขวางพวกอันธพาลทำร้ายเด็กผู้ชาย แต่เขาถึงกับยืนนิ่ง พูดไม่ออก เมื่อได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า
「ห๊ะ? อ้ากกกกก!?」
เสียงร้องดังลั่น ชั่วขณะหนึ่ง สายลับคนนั้นไม่เข้าใจถึงเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า
พวกอันธพาลที่กำลังพยายามทำร้ายเด็กผู้ชาย พวกมันล้มลงและทิ้งตัวไปตามพื้น แม้กระทั่งสายลับคนนั้นที่ได้รับการฝึกมาตลอดชีวิต ก็ไม่อาจเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด
เขาสร้างฉากเหตุการณ์นี้ด้วยความง่ายดาย แต่ดูเหมือนว่าตัวการที่อยู่เบื้องหลัง แลดูไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่ ก่อนหน้าที่จะมีใครรู้ตัว มีบางอย่างปรากฏออกมาจากมือของเขา มันเป็นอุปกรณ์ปลายแหลมที่มีความละม้ายคล้ายคลึงกับมีดโยน เขาใช้ใบดาบแทงไปที่แขนของหัวหน้าแก๊งอันธพาลที่กำลังนอนดิ้นอยู่บนพื้นเพื่อป้องกันการหลบหนี และสุดท้าย เด็กผู้ชายคนนั้นก็ลงมือปลิดชีพเขา เป็นเวลาเดียวกับตอนที่สายลับเริ่มออกวิ่ง
ไม่จำเป็นต้องมีคำบรรยายๆใด
เขารับรู้ได้ว่าตัวเขานั้นไม่มีความสามารถพอที่จะจัดการกับเด็กผู้ชายคนนี้
ความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าอัศวินผู้คุมกฎของอาณาจักร
จิตวิญญาณอันแข็งกร้าวที่สามารถเอาชีวิตได้ ปราศจากซึ่งความลังเล เลยจุดที่เกิดกว่าจะเรียกว่าเป็นมนุษย์ได้แล้ว คนนอกที่ปรากฏตัวในสลัม
เงานั่นราวกับเทพแห่งความตาย คอยช่วงชิงดวงวิญญาณของคนที่มันเลือก
เขาไม่รู้ว่าอันธพาลพวกนั้นได้พูดกับเด็กผู้ชายถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาหรือไม่ แต่เขามั่นใจว่าถ้าเด็กผู้ชายคนนั้นเห็นเขาอยู่ในสายตาแล้วล่ะก็ เขาคงหนีจากนรกไม่พ้นเป็นแน่
ไม่ว่าจะกรณีไหน สัญชาตญาณของเขาบอกว่าความตายนั้นกำลังจะมาเยือน
ในขณะที่สายลับพยายามจะข้ามสะพานให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้ไปถึงอีกฝั่งของสะพาน อดีตสายลับตัดสินว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะรับมือเด็กผู้ชายคนนั้นด้วยตัวคนเดียว เขาพยายามกดข่มความกลัวไม่ให้มันเตลิดมากไปกว่านี้ เขาต้องรีบแจ้งให้ชายที่ดูแลรับผิดชอบทุกอย่างในสลัมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
☆
หลังจากผ่านไปได้ไม่นานตั้งแต่ที่เขาเริ่มออกวิ่ง สายลับคนนั้นได้มาถึงตลาดในย่านสลัม
เมื่อเตร็ดเตร่ไปตามถนน จะพบเห็นได้แต่ข้าวของเครื่องใช้ราคาถูก คุณภาพต่ำ ไม่อาจเทียบได้กับสินค้าปกติในเมืองหลวง เขาเข้าไปในตึกที่อยู่ตรงหัวมุม
การตกแต่งภายในอาคารดูหยาบๆ มีประตูเหล็กเสริมขึ้นมา ตรงประตูทั้งสองข้าง มีรูปปั้นกากอยล์อยู่สองตัวเหมือนทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์
เจ้ากากอยล์มองไปที่เขาด้วยสายตาเย็นชา เย็นยะเยือกราวกับผิวสีเทาของพวกมันที่ให้ความรู้สึกราวกับหิน
「「รหัสผ่าน?」」
「แห่ก แห่ก, 『กุญแจหลักแห่งที่ทิ้งขยะ』」
「「เจ้าสามารถผ่านเข้าไปได้」」
พวกมันตอบอย่างพร้อมเพรียงกันทันทีที่พวกมันได้ยินรหัสผ่าน เขาโล่งใจและก็ผลักประตูเหล็กเพื่อเข้าไปข้างใน
ภายในนั้น มีห้องที่ไม่เหมือนกับสลัม มันสะอาด เฟอร์นิเจอร์และข้าวของต่างๆมีมูลค่าสูง การตกแต่งภายในดูแล้วเจริญตา มันอาจจะเทียบเคียงได้กับคฤหาสน์ของพวกขุนนางระดับกลาง
ตรงกลางห้อง มีผู้คุ้มกันที่เป็นอดีตอัศวินหรืออดีตนักผจญภัย กำลังผ่อนคลายพร้อมกับเล่นพนันไปด้วย
「หืม? เกิดอะไรขึ้นแจ๊ค, นายดูร้อนรนนะ」
「เฮ้ย เฮ้ย สงสารเขาหน่อยเหอะ เขาอาจจะไปกินอะไรไม่ดีมาก็ได้ ดูเขาสิ ทำหน้าอย่างกับอยู่ตรงประตูแห่งความตาย?」
「เฮ้ย แก… อย่าโกงแบบนี้ดิวะ!!」
「เชอะ ตาแหลมจังนะพวกแก」
เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของเขาในขณะที่รายล้อมไปด้วยบรรดาเพื่อนร่วมงาน มันทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลาย มีเสียงหัวเราะแทรกเข้ามาบ้าง แจ๊ครู้สึกได้ถึงความกลัวที่ค่อยๆลดลง ที่นี่เขารู้สึกปลอดภัย ความตึงเครียดที่ถาโถมเข้ามากำลังหายไป
「ข้าต้องการพบเจ้านาย ข้ามีเรื่องสำคัญมาก」
แม้ว่าจะรู้สึกปลอดภัย มันไม่ใช่เรื่องผิดพลาดที่จะรายงานการค้นพบของเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เขาไม่รู้วัตถุประสงค์ของเด็กผู้ชายคนนั้น แต่เขามั่นใจว่านั่นไม่ใช่เด็กหลงทางทั่วไปแน่นอน เขารู้ว่าผู้คนที่มีอิทธิพลไม่ทำอะไรแบบนี้ ในฐานะสายลับผู้มีประสบการณ์โชกโชน เขาไม่สามารถปล่อยให้เด็กคนนั้นอยู่ตามลำพังได้ เพราะเขาไม่รู้ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากผู้บุกรุกที่จะนำมาสู่สลัม
「อะไรกันล่ะ? ทางประเทศส่งอัศวินมาอย่างงั้นหรือ?」
「ข้าไม่คิดเช่นนั้น…พวกเราค่อยว่ากันอีกที」
เชื่อได้ว่าเขาคงไม่สามารถอธิบายสถานการณ์ได้อย่างรัดกุม ในฐานะที่เขาเป็นสายลับ เขาตัดสินใจว่ามันคงไม่มีความหมายที่จะพยายามรายงานแบบไม่ละเอียดรอบคอบ เขาจึงไม่พูดสิ่งที่เขาคิดออกมา
เดินขึ้นไปบนบันไดไม้ มาหยุดอยู่ที่ปลายทางห้องโถง เขายืนตรงนั้นและเคาะประตู
「『ใครน่ะ?』」
「เจ้านาย ข้าเอง แจ๊ค ข้ามีเรื่องด่วนมาแจ้งให้ท่านทราบ」
「『ประตูไม่ได้ล๊อค เจ้าช่วยตัวเองละกันนะ』」
「ถ้าอย่างนั้น ขออนุญาตนะครับ」
เขาผลักประตูและเดินเข้าไปอย่างสุภาพ เขาเห็นชายอายุ 30 ปี ผมเผ้าเรียบร้อย สไตล์พ่อบ้านในคฤหาสน์ขุนนาง และมีแว่นตาข้างเดียว ให้ความประทับใจว่าเขาเป็นคนฉลาด เขากำลังอ่านเอกสาร พลางกวาดสายตาไปมา
「ข้าจะฟังไปพร้อมกับตรวจสอบเอกสารไปด้วย คงไม่มีปัญหาหรอกนะ?」
「ไม่เลยครับ เจ้านาย」
เขาตอบสนองไปแบบนั้น ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่เชื่อในข้อมูลที่สายลับต้องการรายงานว่ามันสำคัญเล็กน้อยขนาดไหน แต่เพราะเขาเชื่อว่าสายลับคนนี้มีความสามารถและไหวพริบพอที่จะตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดในขณะที่ทำเช่นนั้น
「โห่ ดูเหมือนว่ามันคงจะใช้เวลาสินะ ข้าไม่ว่าอะไร ถ้าเจ้าจะทำตัวตามสบายไปกับโซฟาที่อยู่ตรงนั้น」
ไม่รู้ว่าเขาเข้าใจความสำคัญของสถานการณ์จากเสียงสายลับหรือไม่ แต่เสียงของเจ้านายตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจัง
「ขอประทานอภัย… 」
ชายคนนั้นเอนหลังพิงโซฟา เขากำลังคิดว่าจะเรียบเรียงข้อมูลยังไงดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกำลังแล่นอยู่ภายในหัวของเขาอีกครั้ง และเขากำลังจะเปิดปากพูดพอดี
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะเรียบเรียงเป็นคำพูดออกมา เจ้านายของเขาก็เปิดปากพูดก่อน
「อืมมม แจ๊ค นายทำพลาดแล้วล่ะ」
เขากำลังสับสนกับคำพูด 『นายทำพลาดแล้วล่ะ』ที่เจ้านายของเขาพูดขึ้นมา ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยปากเล่าถึงสถานการณ์ที่เขาประสบพบเจอ มันทำให้เขารู้สึกขนลุก ตัวแข็ง สีหน้าดูซีดเซียวราวกับเห็นผี
「จะ เจ้านายหมายความว่าอะ… 」
「สวัสดี คุณคงจะเป็นผู้ปกครองและดูแลสลัมแห่งนี้สินะ? 」
เขากำลังจะถามพอดี เสียงเตะประตูดังขึ้น
เมื่อประตูเปิด ชายเจ้าของเสียงดังกล่าวก็เดินเข้ามาพร้อมกับจิตสังหารที่ถูกดึงกลับเข้าไปในร่างกายของเขาตอนที่เขาพูด
ชายคนนั้นท่าทางตื่นเต้น ดูมีความสุขราวกับเพื่อนๆชวนเขามาเล่นที่บ้าน ในมือขวา มีกากอยล์ไร้ร่าง มืออีกข้าง เขาลากอดีตนักผจญภัยที่เป็นเพื่อนร่วมงานของสายลับคนนั้น …
「โอ้ ขอบใจนายมากเลย ที่นำทางให้ชั้น เหตุการณ์เมื่อกี้ทำฉันเกือบลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปเลยแน่ะ」
มีเด็กผู้ชายยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมกับรอยยิ้มของยมทูต