ตอนที่17 ทำเงินก้อนใหญ่
หลังจากนั้น2อาทิตย์ ไต้หลี่ก็กลับมาที่ออฟฟิศของเจียนกั๋วเฉิน
“หลี่ ความดีความชอบทั้งหมดเป็นของเธอแล้วนะตอนนี้ ถ้าไม่มีเธอ Talent Education ก็คงไม่สามารถเปิดคลาสฝึกสำหรับสอบเข้าม.ปลายต่อได้” เจียนกั๋วเฉินยิ้มแล้วเปิดเซฟข้างหลังเขา เขาหยิบซองจดหมายหนาๆอ้วนๆมาให้ไต้หลี่
"คุณสู้ไม่ท้อมาตลอดหลายวันมานี้ซินะ"
"ขอบคุณครับอาจารย์เฉิน"ไต้หลี่รู้ว่าเงินเดือนของเขาอยู่ข้างในซองจดหมายนั้น เขาหยิบมัันออกมาเเล้วเริ่มนับ
"นักเรียน1คนเท่ากับ500หยวน 36คนเท่ากับ18000หยวน ไม่อยากจะเชื่อว่าฉันทำเงินได้18000 ใน2อาทิตย์ นี้มันเจ๋งโครต" เเต่ถึงอย่างงั้นมันก็รู้สึกเเปลกๆที่มือจับซองจดหมาย "ทำไมมันหนางี้เนี่ย มันไม่น่าจะมีเงินเกิน2ปึ๊งนะ
เงิน18000หยวนมันหนางี้เลยเหรอ ฉันรู้สึกเหมือนมีเงินอยู่3-4ปึกเลย หรือเขาให้เเบงค์50เเทนเเบงค์100นะ?" ไต้หลี่รู้สึกอายนิดหน่อยที่ต้องหยิบเงินออกมาเเล้วนับ เเต่เจียนกั๋วเฉินจู่ๆก็บอกเอง "เปิดเเล้วลองนับดู มันน่าจะ
มี36000หยวนนะ"
36000เหรอครับ? 2เท่าเหรอ? คุณนับผิดรึเปล่าครับ"ไต้หลี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
"ไม่หรอกครับ" เจียนกั๋วเฉินพูดทันที เขายิ้มเเล้วพูดต่อ "ผมบอกว่าผมจะให้คุณ500หยวนต่อเด็ก1คน เเต่เพราะครั้งนี้นักเรียนเรียนทุกคนในคลาสฝึกของเราได้คะเเนนเต็มทุกคน ผมเลยให้คุณ 1000หยวนต่อคน รวมเป็น
เงิน36000หยวน"
ไต้หลี่ยังพูดไม่ออก เจียนกั๋วเฉินอธิบายต่อ"ตามข้อมูลของผม ราคาค่านายหน้าของโค้ชที่ได้จากคลาสฝึกสำหรับสอบสมรรถนะเข้าม.ปลายสูงสุดในเมืองโหยวฮาวอยู่ที่1000หยวนต่อนักเรียน1คน ครูพละปรกติจากโรงเรียนม.ต้นก็ยังทำไม่ได้ราคานี้เเต่ผมจ่ายให้คุณได้เเบบมาตรฐานสูงที่สุด เงินเดือนสำหรับฝึกงานที่เราตกลงกันไว้ก็หายไปเพราะอาจารย์มืออาชีพจะรับเเค่ค่านายหน้าเท่านั้น"
นี้มันมากกว่าที่เขาคิดถึง18000หยวน ไต้หลี่ไม่ได้สนใจเรื่องค่าจ้างฝึกงาน300หยวนต่อสัปดาห์อยู่เเล้ว เเต่ถึงอย่างงั้นไต้หลี่ก็ยังตกใจที่เจียนกั๋วเฉินขึ้นเงินเดือนของไต้หลี่ด้วยตนเอง ด้วยความที่ระบบทุนนิยมส่วนมากจะเล่นเเง่ทุกทางที่จะหักค่าจ้าง นั้นทำให้เขางง
เจียนกั๋วเฉิน พูดต่อ
"คุณหลี่ คลาสการฝึกเพื่อสอบพละในปีนี้มันจบเเล้วก็จริง เเต่เราก็กำลังจะเปิดในปีหน้าด้วย เราวางเเผนว่าจะเพิ่มไปอีก2-3คลาสเเล้วยังเพิ่มจำนวนนักเรียนที่มาสมัครในเเต่ละคลาสอีกด้วย ผมหวังว่าเราจะได้ร่วมทำงานด้วยกันอีกนะครับ สำหรับค่านายหน้าก็ตามที่ผมตกลงกับคุณไว้ว่าจะให้เเพงที่สุดในสายงานนี้"
ไต้หลี่ในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมเจียนกั๋วเฉินถึงได้ขึ้นค่านายหน้า เเน่นอนว่าเขาอยากจะดึงไต้หลี่ไว้ให้ทำงานกับเขาในคลาสฝึกพละในปีหน้ากับtalent education ไม่เเปลกเลยว่าทำไมอาจารย์เฉินเป็นนักธุรกิจที่ประสบผลสำเร็จ คนปรกติที่หวังเเค่เงินทองใกล้ตัวคงหาทุกวิธีทางที่จะกินเงินเดือนของไต้หลี่ อย่าว่าเเต่จะขึ้นเลย เเต่สิ่งที่เจียนกั๋วเฉินคิดถึงคือเรื่องของอนาคตมากกว่า เขาหวังที่จะสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับไต้หลี่เพื่อเตรียมเข้าปีหน้า ถึงเเม้ว่าไต้หลี่จะไม่ดังเลยก็ตาม เเถมยังไม่ใช่โค้ชมืออาชีพด้วย เเต่ผลที่เขาได้รับมันกลับยอดเยี่ยม
นักเรียน36คนผ่านการสอบด้วยคะเเนนเต็มทั้งหมดในเวลาเพียงเเค่2อาทิตย์ของการฝึก มันสะท้อนให้เห็นความสามารถของไต้หลี่ เเละเเน่นอน สถิตินี้จะเป็นตัวล่อผู้ปกครองชั้นดีเจียนกั๋วเฉินเชื่อว่าเขาจะหมดห่วงเรื่องนักเรียนที่มาลงทะเบียนตราบใดที่ยังมีไต้หลี่ทำงานให้เขาอยู่
ไต้หลี่คำนวณกับตัวเองต่อไป"2-3คลาสฝึกพร้อมกับจำนวนผู้เรียนที่มากขึ้น อะ สมมุติว่านักเรียน40คนต่อ1คลาส 3คลาสก็จะได้ทั้งหมด120คนคูณด้วย1000ต่อคนเท่ากับค่านายหน้าคือ120000หยวน!"
ไจ้หลี่ตกใจกับตัวเลขหลังจากที่เขาคำนวณดูเเล้ว 120000หยวนเเล้วการสอบสมรรถภาพเข้ารร.ม.ปลายก็มีทุกปี เขาทำเงินได้10000หยวนต่อเดือนโดยไม่ต้องทำงานทั้งปีถ้าเขาเเบ่งเงินออกเท่าๆกัน12เดือน
ไต้หลี่ไม่ได้จำเป็นต้องห่วงเรื่องถ้านักเรียนไม่พอรึเปล่าด้วย เพราะเมืองโหยวฮาวเป็นเมืองที่มีคนเยอะเเน่นมาก เเล้วยังมีผู้เข้าสอบจำนวนนับ100นับ1000 การที่จะได้นักเรียนในคลาสฝึกซัก100-200คนเป็นเรื่องง่ายๆเเล้ว
เขาผงกหัวพลางคิดถึงเรื่องเงิน
"อาจารย์เฉิน ผมจะมานี้เเน่นอนถ้าคุณยังมีคลาสฝึกในปีหน้า!"
ถึงเเม้ว่ามันจะเป็นเพียงเเค่คำสัญญาปากเปล่า เเต่เจียนกั๋วเฉินก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายเเล้ว เเต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ตัวไต้หลี่ที่เป็นอัฉริยะขนาดนั้นมาด้วยคำสัญญาปากเปล่าธรรมดา เขายังเตรียมเเผนการไว้อีกด้วย เขาเปลี่ยนโทนเสียงเเล้วพูดอย่างสงบ เหมือนตอนที่พูดกันปรกติ "ผลการสอบเข้าทำงานประกาษเเล้วนี้ เป็นยังไงบ้าง"
"ผมทำมันพังยับเลยครับ" ไต้หลี่ไม่ปกปิด "ผมจะพยายามให้ดีขึ้นปีหน้าครับ"
"เเล้วคุณมีเเผนอื่นเเล้วรึยัง?สำหรับการไปตามล่าหางานหน่ะ?"อาจารย์เฉินถาม
"ผมวางเเผนไว้ว่าจะไปเข้าตลาดเเรงงานสำหรับเด็กมหาลัยดูนะครับ เพื่อจะได้งานกันเขาบ้าง"ไต้หลี่พูดต่อ"เอาตรงๆเลยนะครับ การหางานมันยากสำหรับผมก็ตรงคณะที่ผมเรียนนี้ละครับ"
"ผมมีข้อมูลบางอย่างมาให้คุณนะ เผื่อคุณอาจจะสนใจ คือทางโรงเรียนกีฬาเทศบาลของเราเนี่ยกำลังจะจ้างผู้ช่วยโค้ชชั่วคราวอยู่ ถึงเเม้จะไม่ใช่งานประจำก็เถอะ" เจียนกั๋วเฉินกล่าว
สิ่งที่เรียกว่าการจ้างชั่วคราวในสถาบันรัฐบาลเป็นคล้ายๆกับงานสัญญาจ้าง เราอาจจะเรียกมันว่าเป็นงานพาร์ทไทม์ก็ได้ ถึงเเม้ว่าคนที่โดนจ้างเเบบชั่วคราวจะไม่เหมือนคนที่จ้างเเบบถาวรก็จริง เเต่พวกเขาทำเหมือนกันเป๊ะ หรือบางทีอาจจะทำมากกว่าเเบบถาวรด้วย เเต่เงินเดือนกับสวัสดิการจะต่างกันโดยสิ้นเชิง บางครั้งพนักงานชั่วคราวก็โดนว่าในเรื่องที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ตัวอย่างเช่น ถ้าข่าวออกมาในอินเตอร์เน็ตว่าฝั่งบริหารกับสำนักงานกฏหมายเกิดเหตุการใช้ความรุนเเรงกันในที่ทำงาน คนผิดก็เเน่นอนว่าต้องเป็นพนักงานชั่วคราว ที่โดนโบ้ยว่า"เป็นคนทำ" ตอนโดนสอบสวน พวกพนักงานประจำจะถูกมองว่าเป็นคนดีเป็นมิตรกับทุกคนไม่ใช้ความรุนเเรงตลอด~
พนักงานชั่วคราวจะมีเเรงค์ต่ำกว่าทุกอย่าง1ขั้นเสมอในสถาบันรัฐบาล เเต่ถึงอย่างงันก็ยังมีคนไม่น้อยที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการเป็นพนักงานชั่วคราว ถึงเเม้ว่าเงินเดือนจะน้อยเเล้วงานก็โคตรยาก เเต่อย่างน้อยมมันก็มั่นคง เงินเดือนจ่ายก็ตรงเวลาเเล้วก็ไม่โดนไล่ออกเเบบปุปปับด้วย โดยเฉพาะคนที่พ่อเเม่เเก่ตัวเเล้วด้วย ตำเเหน่งในงานรัฐบาลก็ถือว่าเป็นงาน"จริงๆ"ได้
พนักงานชั่วคราวที่ได้เงินเเค่3000หยวนยังนับว่าดีกว่านักเขียนออนไลน์ที่ได้ตัง30000ต่อเดือนเลย เเล้วสำหรับเด็กจบใหม่อย่างไต้หลี่ ผู้ที่มีประสบการณ์ทางสังคมต่ำ ทางเลือกของเขาเลยมีไม่มาก ตำเเหน่งชั่วคราวในสถาบันรัฐบาลถือว่าล่อตาล่อใจเขาเเล้ว ยิ่งเป็นโรงเรียนกีฬาด้วย
สิ่งที่ไต้หลี่ต้องการตอนนี้คืองานที่เกี่ยวกับการฝึกกีฬา ยิ่งเขาฝึกใครมากเท่าไร ยิ่งเพิ่มค่าประสบการณ์ที่จะเอามาอัพเวลโค้ชของเขา โรงเรียนกีฬาก็คือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดตอนนี้ ที่นั้นมีคนที่จะฝึกเต็มไปหมด ไต้หลี่จะสามารถใช้ระบบโค้ชได้อย่างเต็มที่
ขอบคุณมากๆครับอาจารย์เฉิน ผมจะไปดูที่นั้นวันพรุ่งนี้ครับ" ไต้หลี่กล่าว เจียนกั๋วเฉินอยากที่จะช่วยเขาจนถึงที่สุดเพราะยังไง เขาก็เป็นคนที่อยู่ด้วยตั้งเเต่ต้น อาจารย์เฉินหยิบกระดาษโน้ตมาจากลิ้นชักเเล้วเอาให้ไต้หลี่ "นี้คือเบอร์โทรของอาจารย์ฉิงฮั๋ว ซุนที่ทำงานอยู่ที่โรงเรียนกีฬา เขาเคยเป็นนักเรียนของผม ผมจะคุยไว้ให้ เเค่ไปวันพรุ่งนี้เเล้วไปบอกเขาว่าคุณมาจากผม"