HK ตอนที่ : 37
เย่เฟิงก็เริ่มเล่าเรื่องต่อ
เขาได้เงินจากการขายบ้านและร้านค้าทั้งสาม โดยประสบการณ์ที่อยู่ในกองทัพของพวกเขา มันเป็นเรื่องง่ายที่จะหาซื้อปืนที่ชายแดน!
เพื่อนทั้งสองของเย่เฟิงเรียกว่า หม่าเหลียงและเจิ้งซานเปา
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่กับครอบครัว แต่ความรู้สึกระหว่างเพื่อนในของกองกำลังพิเศษและในที่สุดพวกเขาก็ตกลงเข้าร่วมในแผนการแก้แค้นครั้งนี้
เย่เฟิงและเพื่อนอีกสองคน ได้ร่วมกันตรวจสอบคนที่มีส่วนร่วมทำร้ายครอบครัวเติ้ง
พอเมื่อถึงตอนกลางคืน คนสามคนที่เป็นหน่วยรบพิเศษพร้อมกับอาวุธชั้นยอดจะจัดการทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นี้!
แน่นอนว่ารวมถึงรองผู้บังคับการสำนักงานเลขานุการตำรวจ!
จำนวนคนที่พวกเขาฆ่ามีมากกว่า 50 คน!
คดีนี้ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติของประเทศเซี่ยตกใจกันทั้งประเทศ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ทำให้รองอธิบดีกรมตำรวจถูกกดดันอย่างหนักและเย่เฟิงกลายเป็นอาชญากรระดับ A เป็นคนที่ตำรวจต้องการตัวมากที่สุดในตอนนี้แล้วก็ทำให้หม่าเหลียงและเจิ้งซานเปา กลายเป็นอาชญากรระดับ B ไปด้วย
เย่เฟิงเอาเงินที่เหลือ 1 ล้านหยวนจากการขายบ้านและร้านค้า แบ่งออกเป็นสองส่วนให้หม่าเหลียงกับเจิ้งซานเปา และก็ให้เงินกับครอบครัวของพวกเขาทั้งสอง
เพราะพวกเขาสูญเสียลูกชายที่บ้าน!
หลังจากรับเงินจำนวนนี้แล้ว หม่าเหลียงและเจิ้งซานเปาก็จากไป สามคนจึงแยกทางกันเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกจับได้
กว่าสองปีแล้วที่เย่เฟิงได้พาเซียวหลิงหนีไปทุกที่ในแต่ละจังหวัด
เงินที่ใช้ในตอนนี้ก็เงินร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ ดังนั้นเย่เฟิงจึงไม่ได้ทานมื้อเช้ามานานแล้ว สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้เขาจนตรอกอย่างมาก
เมื่อเล่าเรื่องของตัวเองเสร็จ เย่เฟิงก็มองดูชิเล่ย "เพื่อน ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคุณ คุณจะทำอย่างไร?"
คิ้วของชิเล่ยเริ่มย่นลึกขึ้น
ได้ยินจากโอวหยางชางว่าเย่เฟิงเป็นอาชญากรระดับ A ที่ตำรวจต้องการตัวมากที่สุดตอนนี้ ตอนแรกชิเล่ยคิดว่าเย่เฟิงเป็นไอชั่วที่ให้อภัยไม่ได้
อย่างไรก็ตามหลังจากฟังเรื่องราวของเย่เฟิงจากเจ้าตัวแล้ว ชิเล่ยก็ตระหนักว่าถ้าเย่เฟิงไม่ได้ถูกบังคับให้นี่เป็นทางเลือกสุดท้ายแล้วละก็ เย่เฟิงจะสามารถทำอะไรต่อไปได้?
"ถ้าเป็นผมงั้นหรอ......"
ชิเล่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พูดเสียงต่ำและหนักแน่น
"ฆ่า!"
"ฆ่าพวกมันให้หมด! หมูหมากาไก่ก็ฆ่าไม่ให้เหลือ!"
เย่เฟิงมองเข้าไปในนัยน์ตาของชิเล่ย มันไม่มีร่องรอยของการสั่นไหวสักนิด คำพูดของเขาทั้งหมดออกมาจากใจจริงแน่นอน
เขาหัวเราะ!
หัวเราะอย่างมีความสุขมากออกมา!
"ขอบคุณ!"
"ขอบคุณมากที่คุณเข้าใจ!"
ชิเล่ยส่ายหัว "ชายที่มีความกล้าหาญชายคนั้นเป็นคนเที่ยงธรรม"
"ผมดีใจที่คุณทำสิ่งนั้นลงไป!"
ชิเล่ยลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้าและหยิบธนบัตรสีแดงมูลค่า 100 หยวน ออกมาจากกางเกงยีนส์สิบใบ
เขาวางเงินไว้บนโต๊ะเปิดปากพูด
"อย่าปฏิเสธ! ผมไม่ได้ให้เพราะเห็นใจคุณ ผมให้เซียวหลิง!"
เย่เฟิงตอนนี้เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกอีกครั้ง ในน้ำเสียงของเขาสะอื้นเล็กน้อย
"ขอบคุณ!"
"ในอนาคตผมจะตอบแทนคุณแน่นอน!"
ชิเล่ยยกมือขวาขึ้นมาจับมือกับเย่เฟิง
"ผมไปเข้าเรียนล่ะ! นอกจากนี้ ... ระวังตัวด้วย!"
"โอเค!"
"สำหรับลูกของพี่ชายผม ผมจะดูแลเธออย่างดี!"
ในห้องเรียน หลิงหยูโม่ที่นั่งข้างชิเล่ยเห็นเขาค่อนข้างหดหู่มาก
หลิงหยูโม่รู้สึกว่าชิเล่ยกำลังอารมณ์ไม่ดีเธอจึงถามด้วยความเป็นห่วง
"พิสดารหินเป็นอะไรหรือเปล่า?"
"ไม่มีอะไร!" ชิเล่ยถอนหายใจ "เห้อ โลกนี้ไม่มีความเป็นธรรมมากเกินไป!"
หลิงหยูโม่พยักหน้าเห็นด้วย "พิสดารหิน นายพูดถูกแล้ว โลกนี้ไม่มีความเป็นธรรมเลยสักนิด!"
"พิสดารหินนายไม่ควรตำหนิโลกนะ อย่างมีบางสิ่งที่ความอยุติธรรมไม่สามารถมาทำอะไรก็ได้"
"ฉันเชื่อว่าพิสดารหิน ต้องกลายเป็นคนที่มีความสามารถที่แท้จริง!"
อารมณ์ของชิเล่ยดีขึ้นมาเล็กน้อย
หลิงหยูโม่พูดถูกที่ว่าอย่างมีบางสิ่งที่ความอยุติธรรมไม่สามารถมาทำอะไรก็ได้!
ชิเล่ยเชื่อว่าเขามีเทคนิคการแฮ็กระดับโลกอยู่ เขาจะสร้างตำนานของตัวเองขึ้นมาได้แน่นอน!
ในตอนนี้ ชิเล่ยได้มีความเชื่อมั่นในตัวเองเต็มเปี่ยม!
"เสี่ยวโม่ ขอบคุณนะ!"
ชิเล่ยยิ้มได้เพราะคำพูดของหลิงหยูโม่ ชิเล่ยเต็มไปด้วยความมั่นใจในอนาคต
แม้ว่าองค์กรลึกลับจะกดดันเขาต่างหนักหนาสาหัสเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ชิเล่ยไม่หวาดกลัวพวกมันเลยสักนิด!
ตอนเที่ยงชิเล่ยและหลิงหยูโม่เดินไปที่โรงอาหารของโรงเรียนด้วยกัน
โรงอาหารของมหาวิทยาลัชวนกิ่งได้แบ่งออกเป็นหลายชั้น
ชั้นที่ 1 - 3 จะเป็นโรงอาหารธรรมดาบริการตัวเอง
ชั้นที่ 4 - 5 เป็นโรงอาหารจานเดียว
ชั้นที่ 6 เป็นโรงอาหารหรูและมีห้องส่วนตัวให้ด้วย โดยทั่วไปนักศึกษาจะมาจัดวันเกิดและมาฉลองตอนมหาลัยปิดเทอม
ชิเล่ยเดิมเสนอให้ไปรับประทานอาหารกันที่ชั้นสี่ไม่ก็ชั้นห้า
แต่หลิงหยูโม่ปฏิเสธอย่างจริงจังว่า "พิสดารหิน เราจะไปกินที่โรงอาหารธรรมดากัน!"
ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าของชิเล่ยหรือนิสัยของชิเล่ยเขา เธอไม่อยากให้เขาต้องลำบากใจ
หลิงหยูโม่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ในหัวใจของเธอชิเล่ยได้ล่วงล้ำเข้ามาทีละนิดแล้ว
"ดี! เสี่ยวโม่เธออย่ามาเสียใจทีหลังละ!"
ครอบครัวของหลิงหยูโม่รวยมาก ดังนั้นเธอกับมู่ชวง จะมาทานอาหารกันที่ชั้น 4 เป็นประจำ
หลังจากมองชิเล่ย หลิงหยูโม่ก็เลือกโรงอาหารธรรมดา
บนโรงอาหารธรรมดาชั้น 3
ชิเล่ยถือถาดอาหารเดินตามหลิงหยูโม่ไปที่มุมๆหนึ่ง
หลังจากวางถาดอาหารไว้ตรงหน้าหลิงหยูโม่แล้วชิเล่ยก็นั่งตรงข้ามกับเธอ
หลิงหยูโม่มองไปที่อาหารบนโต๊ะและพูดว่า "พิสดารหินอาหารดูหน้าตาน่ากินดีนะ!"
โรงอาหารธรรมดาพวกเขาต้องไปเลือกซื้อว่าพวกเขาต้องการกินอะไรมาใส่ในถาดอาหารของพวกเขา
บนถาดอาหารที่ชิเล่ยซื้อมาเป็นอาหารที่ดีที่สุดในโรงอาหารธรรมดานี้เลย
มีหัวสิงโตตุ๋นผักกาดขาว ไก่ผัดถั่วลิสง ผัดเห็ดหูหนูและซุปถั่วฟักทอง
เนื้อสัตว์สองจาน จานละ 8 หยวน จานผักและซุป จานละ 2.50 หยวน ราคาอาหารของพวกเขารวมทั้งหมด 21 หยวน!
มันค่อนข้างแพงเลยทีเดียว!
ในปี 2006 ค่าครองชีพส่วนใหญ่ของนักศึกษา อยู่ที่ประมาณ 400 หยวน โดยเฉลี่ยตกวันละ 16 หยวน
อาหารเที่ยง มื้อละสิบกว่าหยวนถือว่าค่อนข้างฟุ่มเฟือย!
ชิเล่ยคีบไก่ผัดถั่วลิสงขึ้นมาหนึ่งชิ้นใส่เข้าปาก จากนั้นก็เข้าหันหัวไปคายทิ้งทันที
"ถุย ถุย ถุย~"
หลิงหยูโม่มองชิเล่ยอย่างตกใจ "พิสดารหินเป็นอะไรไม่อร่อยหรอ?"
ตอนที่ชิเล่ยอยู่ที่จินหยากาเด้น กระเพาะอาหารของเขาถูกยกระดับโดยโอวหยางชางมากขึ้นและทำให้เขาจู้จี้จุกจิกเรื่องรสชาติอาหารมาก
"เสี่ยวโม่ เธอไม่คิดว่ามันไม่อร่อยงั้นหรอ?"
หลิงหยูโม่พูดด้วยความไม่มั่นใจว่า "ฉันคิดว่ามันก็โอเคนะ!"
ชิเล่ยกลายเป็นหดหู่ "ฉันเคยกินของที่ไม่อร่อย! แต่นี่มันไม่อร่อยเลย?"
หลิงหยูโม่หัวเราะ หึหึ แล้วยิ้ม
คราวนี้ชิเล่ยลองตักหัวสิงโตตุ๋นผักกาดขาวใส่เข้าปาก
ต่อมาเขาก็ถุยออกมาอีกครั้ง
"ถุย รสชาติอย่างกับน้ำล้างเท้า!" ตอนแรกชิเล่ยสาบานว่าเขาจะไม่คายมัน!
เขาไม่คิดว่าจะคายออกมาเร็วขนาดนี้
มันยากที่จะกลืนลงไปมาก!
หัวสิงโตตุ๋นผักกาดขาวรสชาติมันไม่ได้แตกต่างกว่าไก่ผัดถั่วลิสงเลยสักนิด!
ชิเล่ยมองไปที่ผัดเห็ดหูหนูแล้วทำเสียงเล็กเสียงน้อย "เธอกล้ากิน?"
หลิงหยูโม่มองชิเล่ยที่กำลังตาขาวอยู่ตอนนี้ "พิสดารหิน อย่าบ่น เพื่อนร่วมชั้นจำนวนมากกินอาหารพวกนี้ทุกวัน!"
ชิเล่ยวางลงตะเกียบลง "เสี่ยวโม่ เราไปกินข้าวที่ชั้น 4 ไม่ก็ออกไปหาอะไรกินข้างนอกกันเถอะ!"
"ดี!" หลิงหยูโม่ตอบตกลงในที่สุดแล้วคิดในใจว่าเขาต้องให้เธอจ่ายเงินแน่นอน
ในขณะที่พวกเขาเดินขึ้นไปชั้น 4 โทรศัพท์มือถือของหลิงหยูโม่ก็ดังขึ้น
"ใคร?" จู่ๆชิเล่ยก็ถามออกมา
หลิงหยูโม่ก็โชว์โทรศัพท์มือถือของเธอให้ดู "พิสดารหินนายหึงงั้นหรอ เป็นพี่สาวมู่!"
"เอ่อ„..." เป็นที่น่าอึดอัดใจเขาไม่ได้หึง!
"ฮัลโหล? พี่สาวมู่" หลิงหยูโม่รับโทรศัพท์
ในสาย มู่ชวงถามว่า "หยูโม่เธออยู่ไหน? เธอจะมาไหม?"
หลายวันมานี้หลิงหยูโม่มักจะทานอาหารกลางวันกับมู่ชวงด้วยกันเป็นประจำ
แต่วันนี้เป็นผลมาจากความสัมพันธ์ของชิเล่ยกับหลิงหยูโม่ ทำให้เธอลืมโทรหามู่ชวง
"พี่สาวมู่พวกเรากำลังไป"
"เธอมากับใคร?" มู่ชวงถามต่อ "เป็นชิเล่ยที่ชอบโดดเรียนงั้นหรอ?"
หลิงหยูโม่การเป็นตึงเครียดเล็กน้อย เธอกลัวว่าการที่เธอพาชิเล่ยไปด้วยจะทำให้มู่ชวงไม่คอยแฮปปี้เท่าไหร่
"ลืมมันไปเถอะ หยูโม่ เธอกับชิเล่ยรีบๆมาเร้วเข้า!" มู่ชวงพูดเสร็จเธอก็ตัดสายไป
ที่โรงอาหารชั้น 4
หลิงหยูโม่กับชิเล่ยก็เดินมาถึงโต๊ะของมู่ชวง
ชิเล่ยมองดูที่โต๊ะและพบว่ามีชายหญิงคู่หนึ่งนอกจากมู่ชวง
"วันนี้แปลกจริงๆเลยชิเล่ย ไม่คิดเลยว่าวันนี้นายจะไม่ได้โดดเรียน!" มู่ชวงเริ่มทักทายด้วยการล้อเลียน
ชิเล่ยเลิกคิ้วขึ้น เขาคงไม่ได้ไปกระตุ้นอะไรที่ทำให้มู่ชวงหงุดหงิด ใช่ไหม?
"พี่สาวมู่!" ในส่วนของหลิงหยูโม่ตอนนี้กลายเป็นอึดอัดใจอย่างมาก
"หยูโม่ เพื่อนที่ดูดีสองคนนี้คือใคร?" ชิเล่ยลงไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับผู้หญิงที่นั่งข้างมู่ชวง แล้วเริ่มสอบถาม
ผู้หญิงคนนี้ใส่ชุดเดรสวันพีชสีเขียวอ่อนผมยาวและใบหน้าของเธอดูกลมเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่สวยเท่าหลิงหยูโม่และมู่ชวงแต่เธอก็ดูไม่เลวเท่าไหร่ อย่างน้อยก็เป็นไม้ประดับได้
หลิงหยูโม่เริ่มแนะนำให้รู้จัก "เขาชื่อชิเล่ยเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉัน" และหันไปบอกชิเล่ยต่อ "พิสดารหิน เธอเป็นรุ่นพี่ปี 3 ชื่อกัวเหมยถิง"
ชิเล่ยพยักหน้า บนใบหน้าเขามีแต่รอยยิ้ม "สวัส คนสวย"
กัวเหมยถิงไม่ได้สนใจอะไร พยักหน้าตอบตามมารยาท "สวัสดีรุ่นน้องชิ"
"เอาละ หยูโม่ให้ฉันแนะนำต่อเอง" กัวเหมยถิงได้แนะนำคนที่อยู่ข้างเธอ "ท่านนี้คือศาสตราจารย์ที่อายุน้อยที่สุดของคณะศิลปกรรมของเราโดชุนฮุย เขาเพิ่งกลับมาจากสถาบันศิลปะฟลอเรนซ์ที่อิตาลีในปีนี้! และภาพจิตรกรรมสีน้ำมันของศาสตราจารย์โด มีชื่อเสียงมากในต่างประเทศ"
มู่ชวงและหลิงหยูโม่ค่อนข้างประหลาดใจ เมื่อมองไปที่รูปลักษณ์ในปัจจุบันของเขาเหมือนชายหนุ่มอายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดเท่านั้นเอง ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นคนที่มีความสามารถมากขนาดนี้!
ชิเล่ยหรี่ตองมองโดชุนฮุยเล็กน้อย
โดชุนฮุยยิ้มและพยักหน้าให้ชิเล่ย
"สวัสดีครับศาสตราจารย์โด!"
โดชุนฮุยตอบกลับอย่างสุภาพ
"สวัสดีนักศึกษาชิ!"
บนโต๊ะอาหาร บรรยากาศไม่ค่อยน่ารื่นรมย์นัก เนื่องจากความไม่คุ้นเคยกันของแต่ละคน
หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จชิเล่ย หลิงหยูโม่และมู่ชวงก็กลับมาที่หอพัก
ระหว่างเดินทางกลับโทรศัพท์มือถือของชิเล่ยก็ดังขึ้น ปรากฏว่าเป็นซันเฟิงโทรมาหาเขา
ชิเล่ยกดปุ่มรับสายและพูดว่า "ว่าไงพี่เฟิง มีเรื่องอะไร?"
แต่โทรศัพท์มือถือของซันเฟิงกลายเป็นเงียบฉี่
ชิเล่ยพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะปกติซันเฟิงไม่ได้เป็นอย่างนี้
"พี่เฟิงเกิดเรื่องอะไรขึ้น!"