ตอนที่แล้วHK ตอนที่ : 36
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปHK ตอนที่ : 38

HK ตอนที่ : 37


เย่เฟิงก็เริ่มเล่าเรื่องต่อ

เขาได้เงินจากการขายบ้านและร้านค้าทั้งสาม โดยประสบการณ์ที่อยู่ในกองทัพของพวกเขา มันเป็นเรื่องง่ายที่จะหาซื้อปืนที่ชายแดน!

เพื่อนทั้งสองของเย่เฟิงเรียกว่า หม่าเหลียงและเจิ้งซานเปา

แม้ว่าพวกเขาจะอยู่กับครอบครัว แต่ความรู้สึกระหว่างเพื่อนในของกองกำลังพิเศษและในที่สุดพวกเขาก็ตกลงเข้าร่วมในแผนการแก้แค้นครั้งนี้

เย่เฟิงและเพื่อนอีกสองคน ได้ร่วมกันตรวจสอบคนที่มีส่วนร่วมทำร้ายครอบครัวเติ้ง

พอเมื่อถึงตอนกลางคืน คนสามคนที่เป็นหน่วยรบพิเศษพร้อมกับอาวุธชั้นยอดจะจัดการทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นี้!

แน่นอนว่ารวมถึงรองผู้บังคับการสำนักงานเลขานุการตำรวจ!

จำนวนคนที่พวกเขาฆ่ามีมากกว่า 50 คน!

คดีนี้ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติของประเทศเซี่ยตกใจกันทั้งประเทศ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ทำให้รองอธิบดีกรมตำรวจถูกกดดันอย่างหนักและเย่เฟิงกลายเป็นอาชญากรระดับ A เป็นคนที่ตำรวจต้องการตัวมากที่สุดในตอนนี้แล้วก็ทำให้หม่าเหลียงและเจิ้งซานเปา กลายเป็นอาชญากรระดับ B ไปด้วย

เย่เฟิงเอาเงินที่เหลือ 1 ล้านหยวนจากการขายบ้านและร้านค้า แบ่งออกเป็นสองส่วนให้หม่าเหลียงกับเจิ้งซานเปา และก็ให้เงินกับครอบครัวของพวกเขาทั้งสอง

เพราะพวกเขาสูญเสียลูกชายที่บ้าน!

หลังจากรับเงินจำนวนนี้แล้ว หม่าเหลียงและเจิ้งซานเปาก็จากไป สามคนจึงแยกทางกันเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกจับได้

กว่าสองปีแล้วที่เย่เฟิงได้พาเซียวหลิงหนีไปทุกที่ในแต่ละจังหวัด

เงินที่ใช้ในตอนนี้ก็เงินร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ ดังนั้นเย่เฟิงจึงไม่ได้ทานมื้อเช้ามานานแล้ว สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้เขาจนตรอกอย่างมาก

เมื่อเล่าเรื่องของตัวเองเสร็จ เย่เฟิงก็มองดูชิเล่ย "เพื่อน ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคุณ คุณจะทำอย่างไร?"

คิ้วของชิเล่ยเริ่มย่นลึกขึ้น

ได้ยินจากโอวหยางชางว่าเย่เฟิงเป็นอาชญากรระดับ A ที่ตำรวจต้องการตัวมากที่สุดตอนนี้ ตอนแรกชิเล่ยคิดว่าเย่เฟิงเป็นไอชั่วที่ให้อภัยไม่ได้

อย่างไรก็ตามหลังจากฟังเรื่องราวของเย่เฟิงจากเจ้าตัวแล้ว ชิเล่ยก็ตระหนักว่าถ้าเย่เฟิงไม่ได้ถูกบังคับให้นี่เป็นทางเลือกสุดท้ายแล้วละก็ เย่เฟิงจะสามารถทำอะไรต่อไปได้?

"ถ้าเป็นผมงั้นหรอ......"

ชิเล่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พูดเสียงต่ำและหนักแน่น

"ฆ่า!"

"ฆ่าพวกมันให้หมด! หมูหมากาไก่ก็ฆ่าไม่ให้เหลือ!"

เย่เฟิงมองเข้าไปในนัยน์ตาของชิเล่ย มันไม่มีร่องรอยของการสั่นไหวสักนิด คำพูดของเขาทั้งหมดออกมาจากใจจริงแน่นอน

เขาหัวเราะ!

หัวเราะอย่างมีความสุขมากออกมา!

"ขอบคุณ!"

"ขอบคุณมากที่คุณเข้าใจ!"

ชิเล่ยส่ายหัว "ชายที่มีความกล้าหาญชายคนั้นเป็นคนเที่ยงธรรม"

"ผมดีใจที่คุณทำสิ่งนั้นลงไป!"

ชิเล่ยลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้าและหยิบธนบัตรสีแดงมูลค่า 100 หยวน ออกมาจากกางเกงยีนส์สิบใบ

เขาวางเงินไว้บนโต๊ะเปิดปากพูด

"อย่าปฏิเสธ! ผมไม่ได้ให้เพราะเห็นใจคุณ ผมให้เซียวหลิง!"

เย่เฟิงตอนนี้เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกอีกครั้ง ในน้ำเสียงของเขาสะอื้นเล็กน้อย

"ขอบคุณ!"

"ในอนาคตผมจะตอบแทนคุณแน่นอน!"

ชิเล่ยยกมือขวาขึ้นมาจับมือกับเย่เฟิง

"ผมไปเข้าเรียนล่ะ! นอกจากนี้ ... ระวังตัวด้วย!"

"โอเค!"

"สำหรับลูกของพี่ชายผม ผมจะดูแลเธออย่างดี!"

ในห้องเรียน หลิงหยูโม่ที่นั่งข้างชิเล่ยเห็นเขาค่อนข้างหดหู่มาก

หลิงหยูโม่รู้สึกว่าชิเล่ยกำลังอารมณ์ไม่ดีเธอจึงถามด้วยความเป็นห่วง

"พิสดารหินเป็นอะไรหรือเปล่า?"

"ไม่มีอะไร!" ชิเล่ยถอนหายใจ "เห้อ โลกนี้ไม่มีความเป็นธรรมมากเกินไป!"

หลิงหยูโม่พยักหน้าเห็นด้วย "พิสดารหิน นายพูดถูกแล้ว โลกนี้ไม่มีความเป็นธรรมเลยสักนิด!"

"พิสดารหินนายไม่ควรตำหนิโลกนะ อย่างมีบางสิ่งที่ความอยุติธรรมไม่สามารถมาทำอะไรก็ได้"

"ฉันเชื่อว่าพิสดารหิน ต้องกลายเป็นคนที่มีความสามารถที่แท้จริง!"

อารมณ์ของชิเล่ยดีขึ้นมาเล็กน้อย

หลิงหยูโม่พูดถูกที่ว่าอย่างมีบางสิ่งที่ความอยุติธรรมไม่สามารถมาทำอะไรก็ได้!

ชิเล่ยเชื่อว่าเขามีเทคนิคการแฮ็กระดับโลกอยู่ เขาจะสร้างตำนานของตัวเองขึ้นมาได้แน่นอน!

ในตอนนี้ ชิเล่ยได้มีความเชื่อมั่นในตัวเองเต็มเปี่ยม!

"เสี่ยวโม่ ขอบคุณนะ!"

ชิเล่ยยิ้มได้เพราะคำพูดของหลิงหยูโม่ ชิเล่ยเต็มไปด้วยความมั่นใจในอนาคต

แม้ว่าองค์กรลึกลับจะกดดันเขาต่างหนักหนาสาหัสเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ชิเล่ยไม่หวาดกลัวพวกมันเลยสักนิด!

ตอนเที่ยงชิเล่ยและหลิงหยูโม่เดินไปที่โรงอาหารของโรงเรียนด้วยกัน

โรงอาหารของมหาวิทยาลัชวนกิ่งได้แบ่งออกเป็นหลายชั้น

ชั้นที่ 1 - 3 จะเป็นโรงอาหารธรรมดาบริการตัวเอง

ชั้นที่ 4 - 5 เป็นโรงอาหารจานเดียว

ชั้นที่ 6 เป็นโรงอาหารหรูและมีห้องส่วนตัวให้ด้วย โดยทั่วไปนักศึกษาจะมาจัดวันเกิดและมาฉลองตอนมหาลัยปิดเทอม

ชิเล่ยเดิมเสนอให้ไปรับประทานอาหารกันที่ชั้นสี่ไม่ก็ชั้นห้า

แต่หลิงหยูโม่ปฏิเสธอย่างจริงจังว่า "พิสดารหิน เราจะไปกินที่โรงอาหารธรรมดากัน!"

ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าของชิเล่ยหรือนิสัยของชิเล่ยเขา เธอไม่อยากให้เขาต้องลำบากใจ

หลิงหยูโม่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ในหัวใจของเธอชิเล่ยได้ล่วงล้ำเข้ามาทีละนิดแล้ว

"ดี! เสี่ยวโม่เธออย่ามาเสียใจทีหลังละ!"

ครอบครัวของหลิงหยูโม่รวยมาก ดังนั้นเธอกับมู่ชวง จะมาทานอาหารกันที่ชั้น 4 เป็นประจำ

หลังจากมองชิเล่ย หลิงหยูโม่ก็เลือกโรงอาหารธรรมดา

บนโรงอาหารธรรมดาชั้น 3

ชิเล่ยถือถาดอาหารเดินตามหลิงหยูโม่ไปที่มุมๆหนึ่ง

หลังจากวางถาดอาหารไว้ตรงหน้าหลิงหยูโม่แล้วชิเล่ยก็นั่งตรงข้ามกับเธอ

หลิงหยูโม่มองไปที่อาหารบนโต๊ะและพูดว่า "พิสดารหินอาหารดูหน้าตาน่ากินดีนะ!"

โรงอาหารธรรมดาพวกเขาต้องไปเลือกซื้อว่าพวกเขาต้องการกินอะไรมาใส่ในถาดอาหารของพวกเขา

บนถาดอาหารที่ชิเล่ยซื้อมาเป็นอาหารที่ดีที่สุดในโรงอาหารธรรมดานี้เลย

มีหัวสิงโตตุ๋นผักกาดขาว ไก่ผัดถั่วลิสง ผัดเห็ดหูหนูและซุปถั่วฟักทอง

เนื้อสัตว์สองจาน จานละ 8 หยวน จานผักและซุป จานละ 2.50 หยวน ราคาอาหารของพวกเขารวมทั้งหมด 21 หยวน!

มันค่อนข้างแพงเลยทีเดียว!

ในปี 2006 ค่าครองชีพส่วนใหญ่ของนักศึกษา อยู่ที่ประมาณ 400 หยวน โดยเฉลี่ยตกวันละ 16 หยวน

อาหารเที่ยง มื้อละสิบกว่าหยวนถือว่าค่อนข้างฟุ่มเฟือย!

ชิเล่ยคีบไก่ผัดถั่วลิสงขึ้นมาหนึ่งชิ้นใส่เข้าปาก จากนั้นก็เข้าหันหัวไปคายทิ้งทันที

"ถุย ถุย ถุย~"

หลิงหยูโม่มองชิเล่ยอย่างตกใจ "พิสดารหินเป็นอะไรไม่อร่อยหรอ?"

ตอนที่ชิเล่ยอยู่ที่จินหยากาเด้น กระเพาะอาหารของเขาถูกยกระดับโดยโอวหยางชางมากขึ้นและทำให้เขาจู้จี้จุกจิกเรื่องรสชาติอาหารมาก

"เสี่ยวโม่ เธอไม่คิดว่ามันไม่อร่อยงั้นหรอ?"

หลิงหยูโม่พูดด้วยความไม่มั่นใจว่า "ฉันคิดว่ามันก็โอเคนะ!"

ชิเล่ยกลายเป็นหดหู่ "ฉันเคยกินของที่ไม่อร่อย! แต่นี่มันไม่อร่อยเลย?"

หลิงหยูโม่หัวเราะ หึหึ แล้วยิ้ม

คราวนี้ชิเล่ยลองตักหัวสิงโตตุ๋นผักกาดขาวใส่เข้าปาก

ต่อมาเขาก็ถุยออกมาอีกครั้ง

"ถุย รสชาติอย่างกับน้ำล้างเท้า!" ตอนแรกชิเล่ยสาบานว่าเขาจะไม่คายมัน!

เขาไม่คิดว่าจะคายออกมาเร็วขนาดนี้

มันยากที่จะกลืนลงไปมาก!

หัวสิงโตตุ๋นผักกาดขาวรสชาติมันไม่ได้แตกต่างกว่าไก่ผัดถั่วลิสงเลยสักนิด!

ชิเล่ยมองไปที่ผัดเห็ดหูหนูแล้วทำเสียงเล็กเสียงน้อย "เธอกล้ากิน?"

หลิงหยูโม่มองชิเล่ยที่กำลังตาขาวอยู่ตอนนี้  "พิสดารหิน อย่าบ่น เพื่อนร่วมชั้นจำนวนมากกินอาหารพวกนี้ทุกวัน!"

ชิเล่ยวางลงตะเกียบลง "เสี่ยวโม่ เราไปกินข้าวที่ชั้น 4 ไม่ก็ออกไปหาอะไรกินข้างนอกกันเถอะ!"

"ดี!" หลิงหยูโม่ตอบตกลงในที่สุดแล้วคิดในใจว่าเขาต้องให้เธอจ่ายเงินแน่นอน

ในขณะที่พวกเขาเดินขึ้นไปชั้น 4 โทรศัพท์มือถือของหลิงหยูโม่ก็ดังขึ้น

"ใคร?" จู่ๆชิเล่ยก็ถามออกมา

หลิงหยูโม่ก็โชว์โทรศัพท์มือถือของเธอให้ดู "พิสดารหินนายหึงงั้นหรอ เป็นพี่สาวมู่!"

"เอ่อ„..." เป็นที่น่าอึดอัดใจเขาไม่ได้หึง!

"ฮัลโหล? พี่สาวมู่" หลิงหยูโม่รับโทรศัพท์

ในสาย มู่ชวงถามว่า "หยูโม่เธออยู่ไหน? เธอจะมาไหม?"

หลายวันมานี้หลิงหยูโม่มักจะทานอาหารกลางวันกับมู่ชวงด้วยกันเป็นประจำ

แต่วันนี้เป็นผลมาจากความสัมพันธ์ของชิเล่ยกับหลิงหยูโม่ ทำให้เธอลืมโทรหามู่ชวง

"พี่สาวมู่พวกเรากำลังไป"

"เธอมากับใคร?" มู่ชวงถามต่อ "เป็นชิเล่ยที่ชอบโดดเรียนงั้นหรอ?"

หลิงหยูโม่การเป็นตึงเครียดเล็กน้อย เธอกลัวว่าการที่เธอพาชิเล่ยไปด้วยจะทำให้มู่ชวงไม่คอยแฮปปี้เท่าไหร่

"ลืมมันไปเถอะ หยูโม่ เธอกับชิเล่ยรีบๆมาเร้วเข้า!" มู่ชวงพูดเสร็จเธอก็ตัดสายไป

ที่โรงอาหารชั้น 4

หลิงหยูโม่กับชิเล่ยก็เดินมาถึงโต๊ะของมู่ชวง

ชิเล่ยมองดูที่โต๊ะและพบว่ามีชายหญิงคู่หนึ่งนอกจากมู่ชวง

"วันนี้แปลกจริงๆเลยชิเล่ย ไม่คิดเลยว่าวันนี้นายจะไม่ได้โดดเรียน!" มู่ชวงเริ่มทักทายด้วยการล้อเลียน

ชิเล่ยเลิกคิ้วขึ้น เขาคงไม่ได้ไปกระตุ้นอะไรที่ทำให้มู่ชวงหงุดหงิด ใช่ไหม?

"พี่สาวมู่!" ในส่วนของหลิงหยูโม่ตอนนี้กลายเป็นอึดอัดใจอย่างมาก

"หยูโม่ เพื่อนที่ดูดีสองคนนี้คือใคร?" ชิเล่ยลงไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับผู้หญิงที่นั่งข้างมู่ชวง แล้วเริ่มสอบถาม

ผู้หญิงคนนี้ใส่ชุดเดรสวันพีชสีเขียวอ่อนผมยาวและใบหน้าของเธอดูกลมเล็กน้อย

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่สวยเท่าหลิงหยูโม่และมู่ชวงแต่เธอก็ดูไม่เลวเท่าไหร่ อย่างน้อยก็เป็นไม้ประดับได้

หลิงหยูโม่เริ่มแนะนำให้รู้จัก "เขาชื่อชิเล่ยเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉัน" และหันไปบอกชิเล่ยต่อ "พิสดารหิน เธอเป็นรุ่นพี่ปี 3 ชื่อกัวเหมยถิง"

ชิเล่ยพยักหน้า บนใบหน้าเขามีแต่รอยยิ้ม "สวัส คนสวย"

กัวเหมยถิงไม่ได้สนใจอะไร พยักหน้าตอบตามมารยาท "สวัสดีรุ่นน้องชิ"

"เอาละ หยูโม่ให้ฉันแนะนำต่อเอง" กัวเหมยถิงได้แนะนำคนที่อยู่ข้างเธอ "ท่านนี้คือศาสตราจารย์ที่อายุน้อยที่สุดของคณะศิลปกรรมของเราโดชุนฮุย เขาเพิ่งกลับมาจากสถาบันศิลปะฟลอเรนซ์ที่อิตาลีในปีนี้! และภาพจิตรกรรมสีน้ำมันของศาสตราจารย์โด มีชื่อเสียงมากในต่างประเทศ"

มู่ชวงและหลิงหยูโม่ค่อนข้างประหลาดใจ เมื่อมองไปที่รูปลักษณ์ในปัจจุบันของเขาเหมือนชายหนุ่มอายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดเท่านั้นเอง ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นคนที่มีความสามารถมากขนาดนี้!

ชิเล่ยหรี่ตองมองโดชุนฮุยเล็กน้อย

โดชุนฮุยยิ้มและพยักหน้าให้ชิเล่ย

"สวัสดีครับศาสตราจารย์โด!"

โดชุนฮุยตอบกลับอย่างสุภาพ

"สวัสดีนักศึกษาชิ!"

บนโต๊ะอาหาร บรรยากาศไม่ค่อยน่ารื่นรมย์นัก เนื่องจากความไม่คุ้นเคยกันของแต่ละคน

หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จชิเล่ย หลิงหยูโม่และมู่ชวงก็กลับมาที่หอพัก

ระหว่างเดินทางกลับโทรศัพท์มือถือของชิเล่ยก็ดังขึ้น ปรากฏว่าเป็นซันเฟิงโทรมาหาเขา

ชิเล่ยกดปุ่มรับสายและพูดว่า "ว่าไงพี่เฟิง มีเรื่องอะไร?"

แต่โทรศัพท์มือถือของซันเฟิงกลายเป็นเงียบฉี่

ชิเล่ยพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะปกติซันเฟิงไม่ได้เป็นอย่างนี้

"พี่เฟิงเกิดเรื่องอะไรขึ้น!"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด