HK ตอนที่ : 36
สุดท้ายชิเล่ยก็ไม่ได้ใส่รองเท้าคู่นั้น!
เรื่องนี้ทำให้โอวหยางชางเพิ่มความประทัยต่อชิเล่ยขึ้นมาเล็กน้อย
ในตอนเช้าเมื่อชิเล่ยตื่นขึ้นมา ก็พบว่าโอวหยางชางออกไปทำงานแล้ว
มองไปที่โทรศัพท์มือถือเห็นว่าตอนนี้แปดโมงเช้าแล้ว เนื่องจากชิเล่ยโดดเรียนมาหลายวันแล้ว ชิเล่ยเลยตัดสินใจแวะไปมหาลัยเพื่อให้คนอื่นเห็นเขาสักนิด
ฝีมือการทำอาหารของชิเล่ยห่วยแตกมากเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะทำอาหารเช้ากิน
ด้านนอกของมหาลัยชวนกิ่งในซอยถนนด้านหลังมีอาหารเช้าขายนับไม่ถ้วน
ชิเล่ยใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ราคาถูกเหมือนเดิม เดินไปที่ถนนด้านหลัง
อาหารเช้าที่ขายอยู่บนถนนด้านหลัง มีของกินที่ชิเล่ยชอบอยู่เป็นจำนวนมาก!
เช่นเกี๊ยวต้มไม่ก็ก๋วยเตี๋ยวรสเผ็ดที่ชิเล่ยชอบ
ก่อนที่จะมาถึงแผงลอยที่คุ้นเคย มีโต๊ะสองตัวให้ลูกค้านั่งกิน
หนึ่งในโต๊ะสองตัวมีคนสี่คนนั่งอยู่
อีกโต๊ะมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ก้มหัวอยู่และมีเด็กหญิงตัวน้อย อายุราวๆห้าขวบ
เด็กหญิงตัวน้อยกำลังกินเกี๊ยวต้มอยู่ ส่วนชายหนุ่มกำลังนั่งมองเด็กหญิงตัวน้อยกินอยู่
ชิเล่ยเดินไปนั่งลงตรงข้ามกับชายหนุ่มแล้วก็ตะโกนสั่งอาหารเสียงดัง "เถ้าแก่จ้าว เอาเกี๊ยวชาวหนึ่ง เผ็ดกลางๆ!"
[TL : wonton เรียกทับศัพท์มาจากภาษาจีน เป็นเกี๊ยวแบบกวางตุ้ง แป้งบางสีเหลือง ข้างในมีกุ้งกะหมู ถ้าเป็นแบบดั้งเดิมจริงๆ ขนาดจะค่อนข้างเล็ก ส่วนบะหมี่เกี๊ยวที่ทานกันในบ้านเรา จะเป็นแบบกวางตุ้งเรียกว่า หวั่นทั๊น (ถ้าผิดบอกด้วยนะครับ)]
เมื่อได้ยินเสียงชิเล่ยสั่งอาหาร ตอนแรกมือที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะของชายหนุ่มที่ก้มหัวอยู่กำลังกำหมัดแน่นอยู่ก็ค่อยๆคลายออก
เถ้าแก่จ้าวเป็นชายวัยกลางคน อายุคร่าวๆน่าจะมากกว่า 50 ปี แต่ในความเป็นจริงเขามีอายุแค่ 40 ปีเท่านั้น!
เพราะเข้าใช้ชีวิตมาอย่างโชกโชนมาทั้งชีวิตเลยทำให้เขาดูแก่กว่าที่ควร
"รอแปปนึง!" เถ้าแก่จ้าวตอบโต้กลับมาทันที
เด็กหญิงตัวน้อย ที่กำลังใช้ช้อนตักเกี๊ยวขึ้นมากิน พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่มว่า "ทำไมคุณลุงไม่กินหล่ะคะ!"
ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าคุณลุงส่ายหัวเล็กน้อย
ตอบอย่างจริงใจว่า "คุณลุงยังไม่หิวครับ เซียวหลิงเด็กดี กินก่อนเลย"
เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ชื่อเซียวหลิง ถามออกมาอย่างไร้เดียงสาว่า "คุณลุงไม่หิวจริงๆหรอคะ? แต่เมื่อวานคุณลุงก็ยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลยนี่!"
สำเนียงของทั้งสองไม่ใช่ภาษาท้องถิ่นของเมืองชวนกิ่ง
ชิเล่ยแทบไม่เข้าใจคำพูดของเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ เขาหันกลับไปมองไปที่ชายคนนั้นที่กำลังก้มหัวอยู่
นี่ทำให้ชายหนุ่มที่ซ่อนมือทั้งสองอยู่ใต้โต๊ะกำหมัดขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากมองดูภาพรวมต่างแล้ว ในใจชิเล่ยก็คาดเดาสถานการณ์ตอนนี้ได้ทันที
ไม่มีอะไรมากเพราะว่าชายหนุมคนนี้กำลังประสบปัญหาก็คือ เขาไม่มีเงิน!
คิดถึงเรื่องนี้ชิเล่ยก็ตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง "เถ้าแก่จ้าว เอาแบบเมื่อกี้ไม่เผ็ดอีกชาม!"
ชายหนุ่มคนนั้นที่ก้มหัวอยู่ก็ยกหัวขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อสังเกตชิเล่ยเหมือนกัน
ชิเล่ยเปิดปากพูดด้วยรอยยิ้ม "พี่ชายผมเลี้ยงคุณเอง!"
ชายหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างสุภาพว่า "ขอบคุณครับ!"
ชิเล่ยตอบกลับ "ห่างบ้านมาไกล มีปัญหาอะไรงั้นหรอ? ไม่ต้องสุภาพก็ได้!"
ครู่ต่อมาเกี๊ยวสองชามก็มาเสิร์ฟ
ชิเล่ยเอาเงินออกมาไม่เพียงจ่ายค่าเกี๊ยวทั้งสองชามนี้แต่ยังจ่ายของเซียวหลิงให้ด้วย
ภายในดวงตาของชายหนุ่มคนนั้นกำลังมองการกระทำของชิเล่ยทุกอย่าง พูดออกมาว่า "สหาย ผมขอบคุณอีกครั้ง!" ชายหนุ่มลังเลอยู่นิดหน่อยและยังพูดต่อว่า "ความใจกว้างในครั้งนี้ ผมจะตอบแทนคุณแน่นอน"
ชิเล่ยไม่ได้สนใจอะไรจริงจังเท่าไหร่ แล้วเริ่มลงมือกินเกี๊ยวเบื้องหน้าของเขา
วิธีการกินของชิเล่ยทำให้สาวน้อยที่ชื่อเซียวหลิงหัวเราะเยาะและยิ้ม
"คุณลุงทำไมกินเร็วขนาดนั้น? ไม่มีใครมาแย่งคุณลุงซะหน่อย!"
ลุง!
ฉันละอยากจะลุกหนีออกไปจริงๆ!
ฉันดูเหมือนคุณลุงจริงดิ?
"เด็กน้อย ลุงต้องรีบไปเรียน!" พูดเสร็จ ชิเล่ยก็หยิบตะเกียจขึ้นมาคีบเกี๊ยวกินต่อ และกล่องกระดาษทิชชู่อยู่ข้างซ้ายของเขา
"เฮ้ พี่ชาย หยิบกระดาษทิชชู่ให้หนูที!"
ได้ยินดังนั้นเขาก็ดันกล่องกระดาษทิชชู่ผลักไปด้านหน้า
แล้วชิเล่ยก็ใช้มือซ้ายหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาเช็ดรอยพริกที่ติดอยู่มุมปาก
'ผู้ชายคนนี้ทำไมดูคุ้นๆจังแหะ!'
เมื่อชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไปหยิบกระดาษทิชชู่เขาก็เห็นถึงความผิดปกติของชิเล่ยเช่นกัน
ในใจของชิเล่ยก็ส่งสัญญาณเตือนขึ้นมาทัน!
'อันตราย! จริงๆแล้วผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่?'
โดยอาศัยประสบการณ์ในอดีตที่ได้รับการฝึกอบรมจากองค์กรลึกลับแม้กระทั่งร่างกายของชีวิตนี้จะไม่สามารถเทียบได้กับความเข้มแข็งของชีวิตที่แล้วได้ แต่สำหรับคนธรรมดาก็ยังเอามาเทียบไม่ได้
พูดได้เลยว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไป 7 หรือ 8 คน ไม่สามารถเอามาเทียบกับชิเล่ยได้
แต่ชิเล่ยดูไม่เหมือนชายที่ดูแข็งแรงเท่าไหร่และเขาไม่ได้รู้สึกถึงภัยคุกคามแบบนี้มานานแล้ว
ชิเล่ยวางตะเกียบแล้วมองผู้ชายตรงหน้าอีกครั้ง
"คุณลุงทำไมไม่กินต่อคะ?" เซียวหลิงมองไปที่ชายคนนั้นอย่างประหลาดและหยุดถาม
ชายหนุ่มสั่นหัวและพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยนว่า "เซียวหลิงลุงกินอิ่มแล้ว!"
หลังจากที่พูดกับเด็กหญิงตัวน้อยเสร็จ วิสัยทัศน์ของเขาก็คล้ายกับใบมีดที่แหลมคมจ้องมองชิเล่ยเหมือนกัน!
มองไปที่ชายตรงหน้าเขาชิเล่ยก็นึกขึ้นมาได้แล้วว่าเขาเป็นใคร
"เย่เฟิง?"
เมื่ออยู่ๆชิเล่ยก็พูดชื่อเย่เฟิงออกมา กล้ามเนื้อร่ายกายของเย่เฟิงก็หดเกร็งขึ้นมาแล้วมองไปที่ชิเล่ย
"คุณเป็นใคร?" การแสดงออกของเย่เฟิงกลายเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที
เซียวหลิงที่นั่งอยู่ก็ยังตระหนักว่าไม่ถูกต้องก็ลุกขึ้นหยิบชามไปนั่งข้างเย่เฟิง
ชิเล่ยยักไหล่
"ผมเป็นนักศึกษาของมหาลัยที่นี่!"
การแสดงออกของเขาผ่อนคลายมาก ราวกับว่าเย่เฟิงไม่ใช่อาชญากรระดับ A ที่ตำรวจกำลังต้องการตัวอยู่ตอนนี้
เย่เฟิงมองชิเล่ยอย่างซับซ้อน เขาพูดออกมาด้วยเสียงแหบๆ "คุณอยากจะฟังเรื่องของฉันไหม?"
เพราะว่าชิเล่ยได้เลี้ยงเกี๊ยวกับเขา เย่เฟิงจึงไม่ต้องการทที่จะทำร้ายชิเล่ยและตอนนี้คนกำลังพลุกพล่านการทำให้เกิดเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาไม่ใช่เรื่องที่ดีซักนิด
ชิเล่ยหยิบตะเกียบขึ้นมาอีกครั้งและดูเหมือนว่าจะไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเย่เฟิงเลย "ลองเล่ามาดู!"
เย่เฟิงยกมือขวาขึ้นมาลูบหัวเซียวหลิงช้าๆและเริ่มเล่าเรื่องเกี่ยวกับเขา
เย่เฟิงเป็นเด็กกำพร้า แต่เขาโชคดีกว่าชิเล่ย เย่เฟิงได้ถูกชายคนหนึ่งแซ่เติ้งรับไปอุปธรรมและเขาเป็นคนใจดี
ในครอบครัวเขามีลูกชายคนหนึ่งชื่อเติ้งไคซึ่งมีอายุมากกว่าเย่เฟิงหกปี
ชายแซ่เติ้งยังเลี้ยงเย่เฟิงเหมือนกับเขาเป็นลูกชายแท้ๆอีกด้วย
เติ้งไคยังถือว่าเป็นพี่ชายที่เย่เฟิงรักมาก!
เย่เฟิงรู้สึกว่าเติ้งไคยังเป็นพี่ชายแท้ๆของเขา พ่อแม่ของเติ้งไคก็เหมือนเป็นพ่อแม่ของตัวเขาเอง
หลังจากเติ้งไคเรียนจบไฮสคูลเขาก็ไปสมัครเข้ากองทัพ
เนื่องจากประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมของเขาจึงทำให้เขาได้เข้าสู่หน่วยรบพิเศษได้อย่างรวดเร็วจากนั้นก็ได้เลื่อนขั้นเป็นหัวของหน่วยรบพิเศษ
ส่วนเย่เฟิงที่เรียนจบไฮสคูล ด้วยความสัมพันธ์ของทั้งสอง ทำให้เขาได้เข้าร่วมกองทัพแบบเดียวกับเติ้งไค
เย่เฟิงไม่ได้ทำให้เติ้งไคผิดหวัง เขามีผลงานที่โดดเด่นมากและได้เข้าร่วมหน่วยรบพิเศษ แบบเติ้งไคและได้อยู่ทีมของเติ้งไค
สองพี่น้องในหน่วยรบพิเศษ เรียกได้ว่าเขาทั้งสองเป็นเอซของหน่วยเลยก็ว่าได้!
ยังมีข่าวอีกว่าเติ้งไคที่เป็นหัวหน้าหน่วยรบพิเศษส่วนเย่เฟิงเป็นหัวหน้าตัวน้อยในหน่วย
บอกได้เลยว่าพวกเขาเป็นดาวรุ่งสองดวง!
อย่างไรก็ตามพระเจ้าชอบที่จะเล่นตลก!
ในภารกิจที่ชายแดนทีมหน่วยรบพิเศษที่นำโดยเติ้งไคถูกล้อมรอบด้วยศัตรูนับสิบ
แม้ว่าหน่วยรบพิเศษของเติ้งไคจะโจมตีกลับไปอย่างหนัก แต่ศัตรูก็ไม่น้อยลงไปเลยทำให้สถานการณ์มีความยากลำบากอย่างมาก
ในความสิ้นหวัง เติ้งไคก็พยายามฆ่าพวกมันให้หมด!
อย่างไรก็ตามพวกเขาถูกศัตรูล้อมไว้หมดแล้วพร้อมกับพวกมันยังมีอาวุธที่ทันสมัยกว่า
ในท้ายที่สุดหน่วยรบพิเศษ ของเติ้งไคต้องจ่ายค่าตอบแทนที่สาหัสพอสมควรถึงได้เอาชนะมาได้!
แต่เติ้งไคเพื่อช่วยชีวิตเย่เฟิงไว้เขาได้ไปรับกระสุนแทนเย่เฟิง ในที่สุดเขาก็ต้องอยู่ที่ชายแดนนั้นไปตลอดกาล!
หลังจากกลับมาที่กองทัพแล้ว เย่เฟิงไปพบบัญชาการเพื่อขอลาไปหยุดและกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่ของเติ้งไค
เมืองเฮย์เจียง บ้านเกิดของครอบครัวเติ้ง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาก แต่ก็ยังเป็นด้วยครอบครัวที่อบอุ่น
ครอบครัวเติ้งมีร้านค้าที่ให้เช่าติดถนนอยู่สามร้าน จึงทำให้ครอบครัวเติ้งไม่ต้องกังวลปัญหาเกี่บงกับเสื้อผ้าและอาหาร
นอกจากนี้ยังเป็นเพราะร้านค้าทั้งสามนี้ที่ทำให้ครอบครัวเติ้งถูกกดขี่ข่มเหง!
ครอบครัวเติ้งในเมืองเฮย์เจียงเขตชานเมือง ครอบครัวของพวกเขามีลูกชายสองคนที่อยู่กองทัพทำให้พวกเขามีชื่อเสียงมาก
ทำให้ไม่มีอันธพาลมากล้ามาเก็บค่าคุ้มครอง
หลังจากที่เติ้งไคเสียชีวิต หัวหน้ากลุ่มอันธพาลไม่ทราบว่าไปหาวิธีการหาข่าวมาจากไหน นอกจากนี้ยังได้รับข้อมูลผิดอีกว่าลูกชายของครอบครัวเติ้งทั้งสองเสียชีวิตในสนามรบ!
ภายใต้ข่าวนี้ที่ทำให้หัวหน้าอันธพาลมีความสุขมาก และได้สร้างปัญหาให้ครอบครัวเติ้งมากมาย เพื่อบีบให้พวกเขาต้องขายร้านค้าทั้งสามในราคาถูก
ครอบครัวเติ้งต้องพึ่งเงินค่าเช่าจากร้านค้าทั้งสามในการใช้ชีวิต แล้วพวกเขาจะอมขายมันออกไปได้ยังไง?
หัวหน้ากลุ่มอันธพาลได้บอกครอบครัวเติ้งถึงข่าวการตายในสนามรบของลูกทั้งสองคน ขู่ว่าถ้าไม่โอนร้านค้าทั้งสามที่ครอบครัวเติ้งครอบอยู่มาพวกเขาจะทำลายครอบครัวเติ้งให้สิ้นสาก!
หัวหน้ากลุ่มอันธพาลได้ทำในสิ่งที่เขาได้กล่าวมา พ่อของเติ้งไคที่รถกระบะที่ไม่มีทะเบียนขับชนตายกลางถนน
แม่ของเติ้งไคไม่สามารถทนทุกข์ทรมานกับความสูญเสียนี้ได้ จึงตรอมใจตายตามพ่อของเติ้งไคตามไป
ครอบครัวเติ่งจึงเหลือแค่ภรรยาของเติ้งไคเฉินหลานและลูกสาวของเติ้งไค เติ้งเซียวหลิง
พ่อตาแม่ยายตาย ในตัวกฎหมายเฉินหลานไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์เก็บไว้ได้!
หัวหน้ากลุ่มอันธพาลได้บุกเข้าไปจับตัวเฉินหลานนำไปที่โรงงานที่ถูกทิ้งร้าง แล้วลงมือข่มขืนเธอและปล่อยเธอให้ตายไว้ทั้งนั่น
เติ้งเซียวหลิงที่บังเอิญไปเล่นอยู่ในร้านค้าที่ให้เช่าทำให้เด็กน้อยคนนี้ไม่เจออันตรายใดๆ
คืนนั้นเย่เฟิงกลับบ้านที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าที่พี่ใหญ่ของเขาตายในสนามรบ แล้วต้องมาเจอกับโศกนาฏกรรมของการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงของครอบครัวเติ้ง ทำให้เย่เฟิงเกือบจะพังทลายลงมา
โชคดีที่เติ้งเสี่ยวหลิงยังมีชีวิตรอดอยู่!
เพื่อเติ้งเสี่ยวหลิง เย่เฟิงไม่ได้มองหาหัวหน้ากลุ่มอันธพาลเพื่อแก้แค้นในทันที แต่เลือกช่องท่างปกติคือกระบวนการกฎหมายเพื่อจับคนผิดมาลงโทษที่ทำให้ครอบครัวเติ้งเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นมาในครั้งนี้
น่าเศร้า!
แต่โชคชะตากลับมาเล่นตลกกับเย่เฟิงอีกครั้ง!
ทำไมพวกอันธพาลที่กล้าอาละวาดขนาดนี้?
ความจริงก็คือหัวหน้าอันธพาลมีพี่เขยเป็นรองผู้บังคับการ สำนักงานเลขานุการตำรวจ!
หลังจากที่เย่เฟิงแจ้งความไปไม่เพียงแต่ไม่ได้รับข่าวคราวอะไรเลย ตัวเขาเองยังได้รับการเตือนมาจำนวนมาก!
และอีกฝ่ายยังกล้ามาข่มขู่เขาอีกด้วยว่าถ้าเขากล้าที่จะเปิดเผยทุกอย่างออกมา ระวังชีวิตเติ้งเสี่ยวหลิงไว้ให้ดี!
ดังนั้น ภัยคุกคามในครั้งนี้ทำให้เย่เฟิงสูญเสียความมีเหตุผลของเขาไปอย่างสิ้นเชิง!
จากนั้น เย่เฟิงจึงพาเติ้งเซียวหลิงหนีมาอยู่ในอีกเมืองหนึ่งที่เป็นของเพื่อนร่วมทีมในหน่วยรบพิเศษและเริ่มวางแผนแก้แค้น
สาเหตุของความหายนะครั้งนี้มาจากร้านค้าทั้งสาม บ้านของครอบครัวเติ้งกับร้านค้าทั้งสามถูกขายต่ำกว่าราคาตลาดในปัจจุบันจึงทำให้ถูกขายออกไปอย่างรวดเร็ว
เย่เฟิงได้ติดต่อหาเพื่อนในหน่วยรบพิเศษ ของเขา
ในฐานะที่เป็นสมาชิกคนหนึ่งของหน่วยรบพิเศษ หัวหน้าของพวกเขาได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม สมาชิกทีมอีกสองคนที่ยังมีชีวิตรอดกลับมารีบมาเมืองเฮย์เจียงโดยไม่มีคำคัดค้านใดๆ
ตอนนี้เย่เฟิงเงยหน้าขึ้นมามองที่ชิเล่ย
เขามองเห็นกำปั้นทั้งสองของชิเล่ยที่เปิดเผยให้เห็นถึงความโกรธออกมา
"จากนั้นละ?"