TWO Chapter 229 การยึดครอง
TWO Chapter 229 การยึดครอง
ไกอา ปีที่ 1 เดือนที่ 9 วันที่ 9 เวลา 9.20 น.
ลอร์ดแห่งเมืองเทียนเฟิง เสี่ยวเฟิงขานเยว่ได้จบชีวิตลงในสนามรบ
รอยยิ้มที่น่าสังเวชของเสี่ยวเฟิงขานเยว่ได้กลายเป็นความทรงจำส่วนลึกที่สุดของโอหยางโชวสำหรับการสูรบครั้งนี้ โอหยางโชวเข้าใจความรู้สึกของลอร์ดที่มีต่อดินแดนของพวกเขาดี
เสี่ยวเฟิงขานเยว่ไม่ได้เลือกที่จะหนี ในวินาทีสุดท้าย เขาเลือกที่จะตายไปพร้อมกับดินแดนของเขา สงครามระหว่างดินแดนไม่มีความชอบธรรม หรือความยุติธรรมใดๆ ไม่มีดีไม่มีชั่ว มีเพียงการอยู่รอดของผู้ที่แข็งแกร่ง และความตายของผู้ที่อ่อนแอเท่านั้น
โอหยางโชวเดินเข้าไปในห้องโถงประชุม แล้วสั่งให้ทหารองครักษ์เก็บกวาดทหารส่วนที่ยังเหลือ เขาเดินตรงไปยังแผนหินของเมืองเทียนเฟิง ชักกระบี่ถังออกมา จากนั้นก็หมุนวนกำลังภายในสีทองของเขา ส่งมันเข้าไปในดาบถัง ก่อนที่จะฟันลงไป โอหยางโชวไม่รู้เพลงกระบี่ใดๆ เขาจึงทำได้เพียงใช้พลังฟันลงไปตรงๆ เพื่อทำลายแผ่นหิน
แผ่นหินของดินแดนมีค่าการป้องกันและความทนทาน โดยมันจะมีความสัมพันธ์กับระดับของเหรียญการสร้างหมู่บ้านที่ใช้ในการสร้างดินแดน และระดับของดินแดนในปัจจุบัน
สำหรับหมู่บ้านระดับ 1 ที่ใช้เหรียญการสร้างหมู่บ้านระดับสัมฤทธิ์ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุด จะมีค่าความทนทาน 100 และค่าการป้องกัน 10 แต่ละระดับที่สูงขึ้นของเหรียญการสร้างหมู่บ้าน จะเพิ่มค่าสถานะเริ่มต้น 20% และแต่ละระดับที่สูงขึ้นของดินแดน จะเพิ่มสถานนะเป็น 2 เท่า สำหรับการอัพเกรดใหญ่ๆที่สำคัญๆ จะเพิ่ม 5 เท่า
เมืองเทียนเฟิงเป็นเมืองขนาดเล็กระดับ 3 และถูกสร้างขึ้นโดยเหรียญการสร้างหมู่บ้านระดับสัมฤทธิ์ ค่าความทนทานของมันคือ 8,000 และค่าการป้องกันคือ 800 ทุกครั้งที่ถูกโจมตี ค่าความทนทานจะลดลง ถ้าพลังต่อสู้ต่ำกว่าค่าการป้องกัน แผ่นหินจะไม่ถูกทำลาย แต่คุณสามารถลดค่าความทนทานของมันได้
หลังจากที่โอหยางโชวฟันมันด้วยกระบี่ถัง ค่าความทนทานของมันก็ลดลงไปเพียง 12 แต้มเท่านั้น อย่างช่วยไม่ได้ เขาทำได้เพียงสั่งให้ทหารองครักษ์ของเขามาช่วยเขาในการทำลายแผ่นหินนี้
ครึ่งชั่วโมงต่อมา แผ่นหินก็ถูกทำลาย
หลังจากนั้น ก็มีเสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นที่หูของโอหยางโชว
“แจ้งเตือนระบบ : ผู้เล่นฉีเยว่ได้ยึดครองเมืองเทียนเฟิงแล้ว โปลดเลือกว่าจะยึดครองเพื่อส่งมาบให้กับคนอื่น หรือจะทำลาย”
“ฉันเลือกยึดครอง!”
เมืองเทียนเฟิงตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่ดี ดังนั้น โอหยางโชวจึงเลือกที่จะยึดครองมัน และไม่เพียงแต่เมืองเทียนเฟิงเท่านั้น ดินแดนอีก 4 แห่งก่อนหน้านี้ โอหยางโชวก็เลือกที่จะยึดครอง
“แจ้งเตือนระบบ : หลังจากยึดครองแล้ว คุณสามารถจะเปลี่ยนชื่อดินแดนได้ คุณต้องการจะเปลี่ยนมันหรือไม่?”
“ไม่!” โอหยางโชวไม่สนใจ เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะตั้งชื่ออื่นๆให้กับมัน
หลังจากที่ยึดครองดินแดนแล้ว โอหยางโชวก็มีเวลาที่จะจัดการกับความยุ่งเหยิงทั้งหลาย
การสู้รบที่ลานด้านหลังของคฤหาสน์ได้สิ้นสุดลงแล้ว เมื่อเสี่ยวเฟิงขานเยว่ตาย ทหารของเขาก็ยอมจำนน ส่วนปาเตาและทหารของเขาถูกสังหารทั้งหมด ไม่มีใครรอดชีวิตแม่แต่คนเดียว
โอหยางโชวนั่งอยู่ในคฤหาสน์ของลอร์ด เพื่อควบคุมเมืองเทียนเฟิง และเริ่มออกคำสั่งต่างๆ
เขาสั่งให้กองพันที่ 2 แห่งกรมทหารที่ 2 รับผิดชอบการเคลื่อนย้ายกำลังทหารในเมืองสาขาของเมืองเทียนเฟิง เขาบอกกับประชาชนของเมืองเทียนเฟิงว่า นับแต่นี้ไป เมืองเทียนเฟิงจะอยู่ภายใต้การปกครองของเมืองซานไห่ เขาสั่งให้กองพันทหารองครักษ์รับผิดชอบการรักษากฎหมายและกฎระเบียบภายในเมือง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการจราจล เขานำประชาชนบางส่วนมาทำความสะอาดคฤหาสน์ของลอร์ด และให้คำแนะนำกฎหมายและกฎระเบียบของเมือง
ในช่วงบ่าย เมืองเทียนเฟิงก็กลับสู่ภาวะปกติ
โอหยางโชวสั่งให้กองพันที่ 1 และ 2 แห่งกรมทหารที่ 2 กลับไปยังเมืองซานไห่ในทันที พร้อมกับนำคำสั่งของเขากลับไปด้วย เขาสั่งให้กองพันทหารเรือที่ 1 แห่งเป่ยไห่ รีบล่องเรือขึ้นมาตามแม่น้ำมิตรภาพ และมาประจำการที่ทะเลสาบสีหลาเพื่อปกป้องมัน เขายังได้แต่งตั้งให้หัวหน้าฝ่ายก่อสร้าง เจ้าเต๋อหวัง มาเป็นผู้ดูแลเมืองเทียนเฟิง และให้เขาเลือกพนักงานและข้าราชการบางส่วนมาพร้อมกับกองทัพเรือ เขายังสั่งให้อู่ต่อเรือส่งช่างต่อเรือมาที่เมืองเทียนเฟิง เพื่อสร้างอู่ต่อเรือที่นี่ด้วย
หลังจากที่พวกเขาออกไป โอหยางโชวก็เริ่มเรียกข้าราชการทั้งหมดในเมืองเทียนเฟิงมาพบเขา
คฤหาสน์ของลอร์ดได้รับการทำความสะอาดแล้ว และศพทั้งหมดก็ถูกนำออกไป และทั้งหมดก็ได้ถูกฝังอยู่ที่สุสานนอกเมือง คราบเลือดได้รับความสะอาดแล้ว เหลือเพียงแต่บัญญากาศที่ยังคงมีกลิ่นคาวเลือดหน่าแน่นเท่านั้น
เมืองเทียนเฟิงเป็นเมืองขนาดเล็กระดับ 3 ในหมู่ผู้เล่น มันอาจจัดอยู่ใน 300 อันดับแรก เสี่ยวเฟิงขานเยว่อาจได้รับพิจารณาว่า เป็นลอร์ดที่จัดการงานของดินแดนได้ดีคนหนึ่ง
เมืองเทียนเฟิงมีข้าราชการทั้งสิ้น 23 คน โดยเป็นระดับเหล็กดำ 11 คน, ระดับเงิน 2 คน, ระดับ ทอง 1 คน และไม่มีบุคคลทางประวัติศาสตร์
หลังจากการสู้รบ 2 ครั้ง กองกำลังเกือบทั้งหมดของเมืองเทียนเฟิงได้ถูกกวาดล้าง ทำให้ตอนนี้เมืองเทียนเฟิงเหลือประชากรเพียง 7,000 คนเท่านั้น
หลังจากที่เมืองเทียนเฟิงถูกยึดครอง มันก็จะไม่มีผู้อพยพเข้ามาอีก โอหยางโชวจึงได้เคลื่อนย้ายคนทั้งหมดจากเมืองสาขาของดินแดน เข้ามาในเมืองหลักแห่งนี้ เพื่อช่วยให้ประชากรที่นี่มีถึงระดับ 10,000 คน
เนื่องจากเมืองเทียนเฟิงตั้งอยู่นอกเขตแดนของเมืองซานไห่ ชาวเมืองเทียนเฟิงจึงไม่ได้รับพิจารณาว่าเป็นชาวเมืองซานไห่ เว้นแต่ว่าโอหยางโชวจะเคลื่อนย้ายพวกเขาทั้งหมดกลับไปยังเมืองซานไห่
เห็นได้ชัดว่าโอหยางโชวไม่คิดจะทำเช่นนั้น เนื่องจากเขามีแผนการใหญ่สำหรับเมืองเทียนเฟิงไว้แล้ว
เขาเริ่มเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารของเมืองเทียนเฟิง ให้คล้ายกับเมืองสาขาอื่นๆของเมืองซานไห่ โดยมีข้าราชการเบื้องต้น 23 คน สร้างกรมการบริหาร, กรมกิจการภายใน, กรมการเงิน และกรมคลังวัสดุ เมื่อเจ้าเต๋อหวังได้นำข้าราชการชั้นสูงมา เมืองเทียนเฟิงก็จะเริ่มดำเนินงานได้อีกครั้ง
ข้าราชการระดับทองเพียงคนเดียวของที่นี่ชื่อว่า ผูจีเตา เขาผ่านการทดสอบระดับจักรวรรดิ อายุ 42 ปี และเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของเสี่ยวเฟิงขานเยว่
โอหยางโชวอยู่ในสำนักงานของลอร์ดกับผูจีเตาตามลำพัง
ข้าราชการที่เป็นกระดูสันหลังเช่นเขา ไม่ต้องการรับใช้นายสองคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจ้านายเก่าของเขาเพิ่งจะถูกฆ่าตาย เมื่อเขาเข้ามา เขาจึงไม่เต็มใจที่จะพูดคุยกับโอหยางโชว
โอหยางโชวยิ้มและไม่ได้คิดอะไร เขาบอกให้ผูจีเขานั้งลง แล้วกล่าวว่า “เมืองเทียนเฟิงและเมืองซานไห่มีความขัดแย้งกันบางอย่าง ข้าแน่ใจว่าท่านรู้อยู่แล้ว และข้ารู้คิดว่าท่านรู้ว่าใครเป็นผู้เริ่มก่อน”
ผูจีเตารู้สึกอึดอัดมาก ในฐานะของเสี่ยวเฟิงขานเยว่ เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่า เมืองเทียนเฟิงเป็นผู้เลือกที่จะต่อสู้ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติในวันนี้ เมื่อพวกเขาพ่ายแพ้ พวกเขาก็ไม่สามารถจะกล่าวอะไรได้
เนื่องจากมันถูกผูกเป็นปมแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะแก้ออก จุดยืนของพวกเขานั้นแตกต่างกัน ในใจของเขา การกระทำของเมืองเทียนเฟิงนั้นถูกต้อง เพียงแค่ความแข็งแกร่งที่พวกเขามีนั้นยังไม่เพียงพอก็เท่านั้น
โอหยางโชวคิดว่า คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะโน้มน้าวเขา เขาจึงกล่าวว่า “ข้าราชการที่ดีจะต้องเรียนรู้และปรับตัวอยู่เสมอ ข้าหวังว่าท่านจะพิจารณาถึงสวัสดิภาพของชาวเมืองด้วย ถ้าท่านไม่ยอมทำสิ่งใดเพราะความทะนงตนของท่าน พวกเขาก็จะสูญเสียข้าราชการที่ดีไป ท่านต้องการให้เป็นเช่นนั้นหรือ?”
ผูจีเตาถอนหายใจยาว ก่อนจะยอมคำนับโอหยางโชว “คำนับท่านลอร์ด”
โอหยางโชวพยุงเขาขึ้น แล้วกล่าวว่า “ด้วยความช่วยเหลือของท่าน เมืองเทียนเฟิงก็คงไม่มีอะไรต้องกังวลอีก!”
โอหยางโชวแต่งตั้งให้เขาเป็นเจ้ากรมการบริหาร กับคนที่คุ้นเคยเช่นเขา การทำให้เมืองเทียนเฟิงดำเนินต่อไปได้ ก็ยังจะไม่ใช่เรื่องยาก
ในวันรุ่งขึ้น กองพันทหารองครักษ์ได้ออกจากเมือง และเริ่มกวาดล้างค่ายโจรตามแนวชายแดน โอหยางโชวแนะนำพวกเขาอย่างเฉพาะเจาะจงว่า พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องกวาดล้างค่ายโจรรอบๆเมืองเทียนเฟิงเท่านั้น พวกเขายังต้องกวาดล้างพื้นที่รอบๆทะเลสาบสีหลาด้วย
เป้าหมายแรกของเขาก็คือ ทำให้ประชาชนสามารถอยู่อย่างสงบได้ในเวลากลางคืน และพิสูจน์ว่า ผู้ปกครองของพวกเขามีอำนาจที่จะปกป้องความปลอดภัยของพวกเขาได้, เป้าที่สองของเขาก็คือ การใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ รวบรวมเชลยจำนวนหนึ่ง มาจัดตั้งเป็นกองพันป้องกันเมืองเทียนเฟิง เพราะกองพันทหารองครักษ์ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานนัก ดังนั้น ก่อนที่พวกเขาจะกลับไป โอหยางโชวต้องการจะมั่นใจว่า เมืองเทียนเฟิงสามารถปกป้องตนเองได้
ความสามารถในการรับสมัครทหารของเมืองเทียนเฟิงได้ถูกรีดเร้นโดยเสี่ยวเฟิงขานเยว่แล้ว ดังนั้น วิธีเดียวที่เขาจะทำได้ก็คือ กวาดล้างค่ายโจร เพื่อที่จะได้รับเชลยมา
โอหยางโชวนำทหารองครักษ์ 4 นาย ออกจากเมือง ตรงไปยังทะเลสาบสีหลา
ในฐานะที่เป็นไข่มุกที่ส่องแสงสดใสที่สุดทางตะวันตกของแอ่งเหลียนโจว ทะเลสาบสีหลามีพื้นที่ถึง 3,150 ตารางกิโลเมตร ซึ่งมันมีขนาดใหญ่กว่าพื้นที่ของเมืองขนาดกลางระดับ 1 ทั้งหมดเสียอีก จุดที่ลึกที่สุดลึกถึง 35 เมตร และมีความลึกเฉลี่ยที่ 25 เมตร
น้ำในทะเลสาบใสมาก สามารถมองทะลุน้ำและเห็นพื้นเบื้องล่างของทะเลสาบได้ น้ำมันอุณหภูมิที่เหมาะสม จึงมีปลาและพืชน้ำอยู่มากมาย นอกจากนี้ มันยังมีนกหลากหลายชนิด ที่ชอบมาทำรังอยู่รอบๆทะเลสาบ
บนพื้นผิวทะเลสาบ ชาวประมงกำลังหว่านแห่ของพวกเขาลงไปเพื่อจับปลา
ทะเลสาบสีหลาเป็นดั่งขุมสมบัติ แต่โอหยางโชวไม่ได้วางแผนที่จะใช้ประโยชน์จากมันชั่วคราว เมื่อเขามองไปที่น้ำอันสดใส หัวใจของเขาพลันรู้สึกสดชื่อขึ้นมา
ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านไป ทหารองครักษ์ได้ออกไปกวาดล้างค่ายโจรทุกวันภายในพื้นที่ 5,000 ตารางกิโลเมตรนี้ ไมว่าค่ายโจรจะเล็กหรือใหญ่เพียงใด พวกมันทั้งหมดก็ถูกพวกเขากวาดล้างจนหมดสิ้น
ปฏิบัติการของพวกเขา ทำให้ได้รับเงินถึง 4,100 เหรียญทอง เชลยที่ต่อสู้ได้ 1,020 คน, เชลยที่ต่อสู้ไม่ได้ 2,250 คน และทรัพยากรอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งมันช่วยเติมเต็มคลังแสงและคลังสินค้าที่เคยว่างเปล่าของเมืองเทียนเฟิง
ความสำเร็จของกองพันทหารองครักษ์ทำให้ชาวเมืองเทียนเฟิงหวาดหวั่น
ก่อนหน้านี้ ในการพยายามกลาดล้างค่ายโจรแต่ละแห่ง เมืองเทียนเฟิงจะต้องระมัดระวังและวางแผนเป็นอย่างดี ซึ่งแตกต่างกับทหารองครักษ์เหล่านี้ พวกเขากวาดล้างค่ายโจรได้อย่างง่ายดาย เมื่ออยู่ภายใต้การคุ้มครองของกองกำลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัย
การเพิ่มขึ้นของเชลยจำนวนมาก ทำให้เมืองเทียนเฟิงมาถึงขีดจำกัดของประชากร โอหยางโชวจึงอัพเกรดเมืองเทียนเฟิงเป็นเมืองขนาดกลางระดับ 1 และมันเป็นเมืองขนาดกลางแห่งที่ 4 ของเมืองซานไห่
สำหรับการใช้เงินที่ได้รับมา โอหยางโชวโอหยางโชวเลือกกลุ่มชั้นสูงจากเชลยที่ต่อสู้ได้ และเอาบางส่วนจากเมืองเทียนเฟิง มาจัดตั้งเป็นกองพันทหารป้องกันเมืองเทียนเฟิง
โดยจะมีกองพันทหารโล่กระบี่ 1กองพัน และกองพันทหารธนู 1 กองพัน รวมเป็น 1,000 นาย โอหยางโชวยังได้เลือกนายทหารมาจากทหารในกองพันทหารองครักษ์ และทิ้งพวกเขาไว้ที่นี่ เพื่อทำหน้าที่เป็นนายพันและนายกอง
สำหรับงานของกองพันทหารป้องกันเมือง นอกจากจะปกป้องเมืองแล้ว ยังต้องปฏิบัติการกวาดล้างค่ายโจรต่อไป เพื่อเพิ่มประชากรให้กับเมือง
หลังจากเปลี่ยนขั้นทหารของทหารในกองพันทหารป้องกันเมืองแล้ว โอหยางโชวก็เก็บเงินไว้ 1,000 เหรียญทอง และมอบเงินส่วนที่เหลือ 2,700 เหรียญทอง ให้เป็นทุนในการสร้างสาขาของธนาคาร 4 สมุทรที่เมืองเทียนเฟิง เพื่อเป็นการส่งเสริมการขยายตัวของเศรษฐกิจที่นี่
หลังจากยึดครองเมืองเทียนเฟิงได้ 1 สัปดาห์ แผนการและโครงการต่างๆของโอหยางโชวก็ช่วยต่อลมหายใจให้กับเมืองเทียนเฟิงอีกครั้ง
แฟนเพจ : TWOแปลไทย