เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 193 การเคลื่อนไหวสุดท้ายของเทพนักสืบ
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 193 การเคลื่อนไหวสุดท้ายของเทพนักสืบ
ใบหน้าของจักรพรรดิกระเรียนสวรรค์เปลี่ยนเป็นดุร้าย ดวงตาของเขาส่องประกายขึ้นพร้อมกับขนเหล็กที่ถูกยิงออกมาราวกับสายฝน
ฝนลูกศรไม่ได้มีเป้าหมายที่ผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกแต่พุ่งไปยังผู้ใช้วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนและสังหารพวกเขาลงในพริบตา
จากนั้นลำแสงสีขาวยังถูกยิงออกมาจากดวงตาทั้งคู่ของจักรพรรดิกระเรียนสวรรค์และกวาดผ่านทำลายล้างหมู่บ้านทั้งหมด ผู้คนที่สัมผัสลำแสงสายนี้จะสูญสลายไปราวกับหิมะที่ถูกแสงแดด
ด้วยการเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้า เขาสามารถกวาดล้างผู้คนจำนวนมากได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
เสียงกรีดร้องแห่งความทุกข์ทรมานและสิ้นหวังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ฝนลูกศรพุ่งมาทางฟางหยวนเช่นกัน แต่เขายังสามารถคว้าร่างของคนด้านข้างเข้ามาป้องกันตนเองก่อนจะม้วนตัวหลบลำแสงสีขาวออกไปด้านข้างอย่างเร่งร้อน
มันหาได้ยากที่ผู้ใช้วิญญาณระดับสามจะสามารถต่อต้านผู้ใช้วิญญาณระดับห้า กระทั่งไป่หนิงปิงยังต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง ทุกครั้งที่เขาได้รับบาดเจ็บ สุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืดจะรักษาเขาทันที แต่มันก็ทำให้เขาเข้าใกล้ความตายมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้ใช้วิญญาณระดับห้าคือตัวตนระดับสูงสุดในขอบเขตมนุษย์
"หยุด!" ผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกตะโกนเสียงดัง เมื่อเขาเห็นผู้ใช้วิญญาณจำนวนมากถูกสังหาร หัวใจของเขาราวกับถูกกรีดเฉือน
เขาก่อตั้งหมู่บ้านและสืบทอดสายเลือดของตนเพราะมีแผนการใหญ่ มันไม่ใช่เพียงเพื่อการซ่อนตัวของเขา กล่าวได้ว่าสมาชิกในตระกูลเป็นผลงานที่เขาวางรากฐานมานับพันปี แต่ตอนนี้มันกลับถูกทำลายล้างโดยจักรพรรดิกระเรียนสวรรค์ มันจึงไม่ต่างจากการกรีดเลือดหัวใจของผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกเป็นเวลานับพันปี
โดยปราศจากทางเลือก ผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกต้องบินขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อโจมตีจักรพรรดิกระเรียนสวรรค์พร้อมกับมัจจุราชสีเลือดและค้างคาวโลหิต
จักรพรรดิกระเรียนสวรรค์หัวเราะเสียงดัง เขาเข้าใจผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกเป็นอย่างดีและมันก็เป็นสาเหตุที่เขาไว้ชีวิตสมาชิกตระกูลแสงจันทร์มาจนถึงตอนนี้ ด้วยวิธีการนี้เขาจะมีเวลาหลบหนี ขณะที่ผู้นำตระกูลแสงจันทร์พยายามจัดการสถานการณ์ทั้งหมด
"ไม่ดีแล้ว"
ผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกตะโกนด้วยความตื่นตระหนกเมื่อตระหนักถึงเงาของโซ่เหล็กที่เคลื่อนไหวราวกับอสรพิษอยู่บนร่างกายของเขาและเริ่มพันธนาการเขาเอาไว้อย่างกะทันหันพร้อมกับแผ่นยันต์ลึกลับที่ติดอยู่บนโซ่เหล็ก
"ตูม"
ด้วยการรัดพันของโซ่เหล็กทำให้เขาไม่สามารถขยับปีกและร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าในที่สุด
ฉากที่ไม่คาดคิดดังกล่าว ไม่เพียงผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกจะตกใจ ฝ่ายจักรพรรดิกระเรียนสวรรค์ก็ตกใจเช่นกัน แต่เพียงชั่วครู่เขากลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา "ฮ่าฮ่าฮ่า นี่คือโซ่ผนึกปีศาจและยันต์สะกดมาร ชื่อเทพนักสืบไม่ได้ไร้ความหมายจริงๆ พี่ใหญ่ วันนี้ท่านจะต้องตายอย่างแน่นอน"
วิญญาณทั้งสองเป็นวิญญาณหลักของตระกูลไท่
วิญญาณโซ่ผนึกปีศาจสามารถหยุดการเคลื่อนไหวของผู้ใช้วิญญาณ ขณะที่วิญญาณยันต์สะกดมารสามารถปิดผนึกการทำงานของวิญญาณที่อยู่ภายในร่างกายของเป้าหมาย
ผู้ใช้วิญญาณปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนถูกปราบปรามด้วยวิญญาณสองดวงนี้และตอนนี้มันก็ถูกใช้กับผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรก
"มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด?" ผู้นำตระกูลแสงจันทร์ตกใจและโกรธมาก
ย้อนกลับไปในฉากสุดท้ายของการต่อสู้กับไท่เซี่ยเล้ง แม้ความตายจะเป็นเรื่องแน่นอนสำหรับไท่เซี่ยเล้ง แต่สายตาของเขายังไม่ยอมแพ้และยังส่งฝ่ามือที่อาบย้อมไปด้วยเลือดพุ่งเข้าปะทะหน้าอกของผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรก แต่มันกลับไม่สามารถทำสิ่งใดได้ในเวลานั้น
"เป็นฝ่ามือนั่น! บัดซบ! ข้าจะสัมผัสถึงมันหากข้ามีกายเนื้อที่มีชีวิต ด้วยร่างผีดิบ แม้มันจะมีทั้งพลังโจมตีและป้องกัน แต่มันไม่มีความรู้สึก" ผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกส่ายศีรษะ
มีข้อเสียหลายประการเมื่อเปลี่ยนตนเองให้กลายเป็นผีดิบ เพราะมันเป็นวิธีที่ท้าทายสวรรค์พิภพแล้วมันจะไม่มีค่าตอบแทนได้อย่างไร?
"ฮ่าฮ่าฮ่า" จักรพรรดิกระเรียนสวรรค์หัวเราะอย่างบ้าคลั่งก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรก
ผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกพยายามดิ้นรนต่อต้านแต่ยังไม่เป็นผล
โซ่ผนึกปีศาจและยันต์สะกดมารไม่ได้พันธนาการร่างกายของเขาเท่านั้น แต่มันยังปิดผนึกวิญญาณในร่างของเขาอีกด้วย นี่ทำให้ผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกพบปัญหาใหญ่จริงๆ
"เจ้าแพ้แล้ว รับความตาย!" จักรพรรดิกระเรียนสวรรค์พุ่งลงมาราวกับดาวตก
"ปัง"
ศีรษะของผู้นำตระกูลรุ่นแรกได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก กระดูกซี่โครงถูกเปิดออก แขนสองข้างถูกตัดทิ้ง
แต่ในวินาทีสุดท้ายที่จักรพรรดิกระเรียนกำลังจะฆ่าเขา ผีดิบดูดเลือดกลับเปิดปากกรีดร้องออกมาอย่างกะทันหัน
"กี๊ซ..."
คลื่นเสียงอันแหลมคมพุ่งเข้าทำลายแก้วหูของจักรพรรดิกระเรียนสวรรค์และส่งเขาให้กระเด็นห่างออกไปหลายสิบเมตรก่อนจะล้มลงกับพื้น
เลือดไหลออกมาจากดวงตา ใบหู จมูก และปากของเขา ขณะเดียวกันเขาก็ไม่สามารถขยับร่างกายได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ผู้ใช้วิญญาณที่เหลืออยู่เร่งยิงดาบแสงจันทร์ บอลวารี และอื่นๆพุ่งเข้าโจมตีจักรพรรดิกระเรียนสวรรค์ด้วยความโกรธแค้น
อีกด้านหนึ่งกระเรียนปีกเหล็กมากกว่าสิบตัวยังพยายามบินเข้าโจมตีผู้นำตระกูลแสงจันทร์อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามการป้องกันของผู้ใช้วิญญาณระดับห้าไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แม้ฟางหยวนจะใช้ตะขาบทองคำทำลายล้างตัดร่างของพวกเขา มันก็ยังเป็นเพียงเรื่องไร้ประโยชน์
มันมีเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับห้าเท่านั้นที่สามารถทำร้ายกันและกัน
ตราบเท่าที่พลังวิญญาณของพวกเขายังไม่หมด ผู้ใช้วิญญาณคนอื่นๆก็ทำได้เพียงยืนมองด้านข้างอย่างช่วยไม่ได้เท่านั้น
เห็นกระเรียนปีกเหล็กไม่สามารถทำร้ายผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรก ขณะที่จักรพรรดิกระเรียนสวรรค์ก็ยังไม่สามารถขยับเขยื้อน ดังนั้นจักรพรรดิกระเรียนสวรรค์จึงทำได้เพียงกระตุ้นให้คิ้วดูดวิญญาณเพิ่มความเร็วในการกลืนกินพลังวิญญาณเท่านั้น
เมื่อผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกอยู่บนขอบเหวแห่งความตาย เขาจึงตะโกนเสียงดังด้วยความหวาดกลัว "เร็ว! ให้ข้ายืมพลัง จับคิ้วเอาไว้และกระตุ้นพลังวิญญาณของพวกเจ้า!"
"ไปช่วยเร็ว!"
"ช่วยบรรพชนรุ่นแรก!"
"ไป! ไป!"
กลุ่มผู้ใช้วิญญาณจำนวนมากเร่งเข้าไปให้ความช่วยเหลือ ไม่เพียงสมาชิกตระกูลแสงจันทร์ แต่ยังรวมถึงสมาชิกตระกูลไป่และตระกูลซ่งอีกด้วย
กระทั่งผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกก็ไม่สามารถตัดคิ้วดูดวิญญาณ โดยไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงผู้ใช้วิญญาณคนอื่นๆ ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถทำตามคำสั่งของผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกและคว้าจับคิ้วสีขาวเอาไว้เท่านั้น
เพียงสัมผัส คิ้วสีขาวก็ยืดยาวออกมารัดพันร่างกายของพวกเขาเอาไว้ทั้งหมด
"อา..." เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในระยะเวลาสั้นๆ พลังวิญญาณของพวกเขาก็ถูกดูดออกไปจนหมดสิ้น กระทั่งกำแพงวิญญาณยังเริ่มแตกร้าวทำให้ร่างกายของพวกเขาเกิดการสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรงก่อนจะกลายเป็นซากศพไปในลักษณะนั้น ไม่มีสิ่งใดน่าประหลาดใจเพราะพลังวิญญาณของผู้ใช้วิญญาณระดับสองย่อมไม่สามารถเปรียบเทียบกับผู้ใช้วิญญาณระดับห้า
ทะเลวิญญาณเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้ใช้วิญญาณ เมื่อมันพังทลาย ชีวิตของพวกเขาก็จะจบลงทันที
"บัดซบ!" ผู้นำตระกูลแสงจันทร์สาปแช่งด้วยความโกรธเมื่อโซ่ผนึกปีศาจเริ่มบีบรัดและเจาะเข้าไปในร่างกายของเขามากขึ้นกระทั่งกระดูกยังเริ่มส่งเสียงปริแตก
ในความเป็นจริงพลังวิญญาณที่เหลืออยู่ของไท่เซี่ยเล้งไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นการทำงานของโซ่ผนึกปีศาจกับยันต์สะกดมาร แต่เพราะพวกมันได้รับผลกระทบจากวิญญาณกระหายเลือด ดังนั้นพวกมันจึงเริ่มดูดซับพลังจากภายนอกขณะที่พวกมันยังมีเจตนารมณ์ของไท่เซี่ยเล้งแฝงอยู่ ดังนั้นมันจึงสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พลังวิญญาณของผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกลดลงอย่างรวดเร็วและไม่สามารถทนต่อไปได้อีกนานนัก
แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากผู้ใช้วิญญาณจำนวนมาก แต่มันดูเหมือนจะไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง
"พวกเจ้าจะเกรงกลัวสิ่งใด? หากท่านบรรพชนรุ่นแรกพ่ายแพ้ พวกเราทั้งหมดจะต้องตายเช่นกัน!" ฟางหยวนตะโกนเสียงดังและวิ่งเข้าไปคว้าคิ้วดูดวิญญาณเอาไว้
แมงมุมปฐพีกลายเป็นบ่อเลือดไปแล้ว ขณะเดียวกันฝูงกระเรียนก็ยังโจมตีพวกเขาอย่างต่อเนื่อง มันไม่มีความหวังที่เขาจะหลบหนีไปเพียงลำพัง ในทางตรงข้าม หากเขาช่วยผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกและทั้งสองฝ่ายต่อสู้จนตายไปพร้อมกัน บางทีเขาอาจกระทั่งจะได้รับผลประโยชน์บางอย่าง
คิ้วสีขาวรัดพันร่างกายของฟางหยวนอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ทำได้เพียงกัดฟันอดทน
การกระทำของฟางหยวนกระตุ้นผู้ใช้วิญญาณคนอื่นๆให้วิ่งเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
"เร็วเข้า! ด้วยวิธีนี้อาจทำให้พวกเรารอดชีวิต!"
"ถูกต้อง มันต้องอาศัยความแข็งแกร่งของทุกคน!"
"พวกเราทำได้เพียงเดิมพันด้วยชีวิตเท่านั้น!"
มือจำนวนนับไม่ถ้วนคว้าจับคิ้วสีขาว แม้ผู้ใช้วิญญาณจะตกตายลงอย่างต่อเนื่อง แต่คนอื่นๆก็ยังเข้ามาเติมเต็มช่องว่างอยู่ตลอดเวลา
"ฮ่าฮ่าฮ่า ต่อสู้กับผู้ใช้วิญญาณระดับห้า ยอดเยี่ยมและน่าสนใจมาก!" ไป่หนิงปิงก้าวไปข้างหน้า
ขณะที่ฟางเจิ้งไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาหายตัวไปในป่าและไม่ได้กลับมายังหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาล ไม่ว่าเขาจะอยู่หรือตาย ตอนนี้ผู้ใช้วิญญาณทั้งหมดก็รู้สึกเกลียดชังเขาไปเรียบร้อยแล้ว
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆและดูเหมือนพวกเขาจะไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
ผู้ใช้วิญญาณบางส่วนตาย บางส่วนเลือกโจมตีจักรพรรดิกระเรียนสวรรค์โดยตรง แต่เขายังยืนนิ่งราวกับภูเขาที่ไม่สามารถสั่นคลอน
มีเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับสามที่สามารถยืดหยัดอยู่ได้อย่างยากลำบากต่อหน้าคิ้วดูดวิญญาณ
เป็นเวลานี้ที่ผู้ใช้วิญญาณทั้งหมดเริ่มลังเลใจ
เมื่อสถานการณ์มาถึงจุดที่ไม่มีทางออก จักรพรรดิกระเรียนสวรรค์จึงเผยรอยยิ้มขมขืนก่อนจะตะโกนเสียงดัง "ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องเป็นวันตายของพวกเจ้าทุกคน!"
มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างผู้ใช้วิญญาณระดับสามกับระดับห้า สำหรับผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ พวกเขายังสามารถเข้าแทรกแซงการต่อสู้ระหว่างผู้ใช้วิญญาณระดับห้าได้บ้าง อย่างไรก็ตามผู้ใช้วิญญาณระดับสี่มีเพียงผู้นำตระกูลทั้งสาม แต่พวกเขาก็ถูกสังหารไปหมดแล้ว
ในจังหวะสุดท้ายก่อนที่พลังวิญญาณของผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกจะหมดลง ยันต์สะกดมารกลับส่องแสงสีทองขึ้นอย่างกะทันหันและดึงวิญญาณดวงหนึ่งออกมาจากทะเลวิญญาณของผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรก
วิญญาณดวงนี้อยู่ในรูปลักษณ์ของกะโหลกศีรษะมนุษย์ที่โปร่งใสราวกับคริสตัลสีแดงเลือดขนาดเท่ากับกำปั้นเด็ก
"วิญญาณกะโหลกเลือด! หลังจากหลายร้อยปีผ่านไป ข้าก็ได้พบมันอีกครั้ง!" จักรพรรดิกระเรียนสวรรค์กรีดร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น