ตอนที่แล้วตอนที่ 151 ระดับทั้งสามของผู้หลุดพ้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 153 327

ตอนที่ 152 ขอทานน้อย


ที่เมือง7A28 หรือที่รู้จักกันว่าเมืองแห่งสันติสุข

เมืองเกรดAที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ หรือจะเรียกว่ามหานครที่มีผู้คนหลายร้อยล้านคน

ในทำนองเดียว เมืองแห่งสันติสุขมีประชากรถึง280ล้านคนและจะมีผู้คนถึง400ล้านคนหากนับคนที่เดินทางผ่านเมืองไปด้วย

เห้นได้ชัดว่า เมืองแห่งสันติสุขสามารถรองรับผู้คนจำนวนมากได้

ก่อนที่หลิน ฮวงจะมาถึงเมืองเกรดA เขาเคยวาดฝันไว้ว่ามันจะดูเป็นยังไงแต่เมื่อเขามาถึง เขาก็รู้ได้ว่ามันแตกต่างจากที่เขาจินตนาการไว้

เขาคิดว่าจะมีตึกระฟ้าสูงที่หลากหลายและอาคารสมัยใหม่ แต่ส่วนใหญ่กลับเป็นอาคารเก่าแก่แทน  ในทางตรงกันข้าม อาคารที่ทันสมัยจะมีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นในเมืองนี้ มีหอคอยโบราณ เจดีย์โบราณ และกำแพงเมืองโบราณ สิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่ยังคงรักษาเสน่ห์ของประวัติศาสตร์เอาไว้

แม้กระทั่งบ้านของชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ให้กลิ่นอายของความเก่าแก่ บ้านถูกสร้างด้วยอิฐสีแดงและกระเบื้องสีเขียว มันเป็นเมืองทางประวัติศาสตร์ที่รุ่งเรือง

หลิน ฮวงจองโรงแรมอาคารสูงที่ใจกลางเมือง จากนั้นเขาก็เช็คอินโรงแรมและไปที่ห้องเขาบนชั้น81

เขาเดินขึ้นบันไดไปยังห้อง081029ของเขา

ห้องพักมีขนาดที่กว้างอย่างมาก ผนังทำด้วยกระเบื้องโปร่งใส มันเป็นกระเบื้องเทียมที่มีความโปร่งใสราวกับคริสตัลซึ่งจะมีทั้งความแข็งและเหนียว หลิน ฮวงสามารถมองเห็นทั่วทั้งเมืองได้อย่างชัดเจน

 

“ดูเหมือนการพักที่นี่จะเป็นเรื่องดี”เมื่อมองดูทิวทัน์ หลิน ฮวงก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนไปใช้บริการโรงแรมอื่น

 

นอกจากนี้ยังมีระเบียงขนาดใหญ่ที่หันหน้าไปทางทิศใต้พร้อมกับชุดเก้าอี้และโต๊ะ

เขานั่งอยู่ตรงระเบียงสักพักเพื่อรับลมแรงที่เย็นสบาย

 

“ความประทับใจโดยรวมของโรงแรมดีมาก”หลิน ฮวงพอใจกับโรงแรม จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นและวางแผนจัดตารางเวลาเขา

ตั๋วประตูมิติที่เขาได้จองไว้ก่อนหน้าคืออีก33วัน 12วันได้ผ่านไปและเขาก็วางแผนที่จะอยู่ในเมืองแห่งสันติสุขเป็นเวลา21วัน

 

หลิน ฮวงไม่ได้อยู่เฉยๆในระหว่าง21วัน นับตั้งแต่ที่เขาค้นพบสามระดับของผู้หลุดพ้นที่เหนือกว่าระดับทอง เขาก็ยิ่งจดจ่อกับการฝึกมากกว่าเดิม

หลังจากที่ทำความสะอาดห้องนั่งเล่น เขาก็เริ่มฝึกทักษะดาบเพลิงคลั่งจาก8โมงเช้าถึง5ทุ่มเป็นเวลาหลายวัน นอกจากมื้ออาหาร เขาทุ่มเทให้กับการฝึกเป็นเวลาถึง14ชั่วโมงครึ่งในทุกวัน

จำนวนของชิ้นส่วนทักษะดาบก็เพิ่มขึ้น

ในวันที่6 เขาสะสมชิ้นส่วนดาบเพลิงคลั่งได้ถึง1000ชิ้น

ท้ายที่สุดการแจ้งเตือนจากเสี่ยว เฮยก็ปรากฏขึ้น

 

“ท่านได้สะสมชิ้นส่วนทักษะดาบเพลิงคลั่งถึง1000ชิ้น มันสามารถผสานเป็นการ์ดทักษะดาบหายากได้ ท่านต้องการจะผสานหรือไม่?’

“ผสาน”หลิน ฮวงพยักหน้าทันที

 

ภายใต้สถานการณ์ปกติ การจะผสานการ์ดทักษะดาบระดับหายากจะใช้เพียง300ชิ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สำหรับทักษะดาบเพลิงคลั่ง การแจ้งเตือนเพื่อผสานการ์ดทักษะกลับต้องใช้ถึง1000ชิ้น

 

“กำลังผสานชิ้นส่วนทักษะดาบx1000”

“ขอแสดงความยินดีด้วย ท่านได้รับทักษะหายาก – ดาบเพลิงคลั่ง”

หลิน ฮวงรีบเปิดดูข้อมูลทักษะทันที

“การ์ดทักษะ”

“ชื่อการ์ดทักษะ : ดาบเพลิงคลั่ง”

“ความหายาก : หายาก”

“ประเภททักษะ : ดาบ’

“ระดับทักษะ : ไม่อาจระบุได้”

“สถานะ : ใช้งานได้”

“หมายเหตุการ์ด : พอใช้ได้”

 

“เสี่ยว เฮย ‘ระดับทักษะไม่อาจระบุได้’คืออะไร?”

“‘ระดับทักษะไม่อาจระบุได้’หมายความว่าทักษะนี้มันเกินกว่าทักษะระดับทองและจะยังสามารถใช้งานได้แม้ว่าจะไปถึงระดับหลุดพ้นแล้วก็ตาม”หลิน ฮวงใช้เวลาสักพักเพื่อทำความคุ้นเคยกับคำอธิบายอันแสนคลุมเครือ

“เสี่ยว เฮย ฉันจำได้ว่าแกเคยบอกฉันว่าตราบเท่าที่มีชิ้นส่วนการ์ดทักษะเพียงพอ ดาบเพลิงคลั่งจะสามารถอัพเกรดเป็นระดับสุดยอดได้โดยไม่ต้องใช้การ์ดเลื่อนขั้น ตอนนี้ฉันมีชุดการ์ดทักษะที่สมบูรณ์แล้ว นั่นก็หมายความว่าฉันจะได้รับชิ้นส่วนทักษะ1ชิ้นทุกครั้งที่ฉันฝึกทักษะนี้?”หลิน ฮวงไม่แน่ใจ

“ท่านจะไม่ได้รับชิ้นส่วนทักษะใหม่โดยตรงผ่านการใช้ทักษะดาบเพลิงคลั่ง ท่านต้องสร้างกระบวนท่าดาบของท่านเองผ่านกระบวนท่าของดาบเพลิงคลั่ง หากกระบวนท่าใหม่สามารถผ่านการประเมินได้ ท่านจะได้รับชิ้นส่วนทักษะใหม่”

“แล้วเกณฑ์การประเมินละ?”หลิน ฮวงถามทันที

“มันขึ้นอยู่กับเต๋าแห่งดาบ หากมันใช่ มันก็จะผ่านการประเมิน หรือมิฉะนั้นก็ไม่ผ่านการประเมิน”

“เต๋าแห่งดาบ....”คำพูดนี้ดูลึกลับ

 

เขาเปิดเครือข่ายหัวใจและเริ่มค้นหาข้อมูลของคำนี้ ไม่มีคำอธิบายที่แน่นอนของคำว่าเต๋าแห่งดาบในเครือข่าย

เขาหยุดความคิดที่จะโทรหาหยี่ เสิ่น เพราะตัวตนที่สองของเขาจะถูกเปิดเผย เขาจึงเปลี่ยนความคิดและเริ่มฝึกทักษะดาบอีกครั้ง

เขาใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายกับการฝึกดาบเขา เขารู้สึกงุนงงเพราะเขาไม่ได้รับชิ้นส่วนทักษะเลยแม้แต่ชิ้นเดียว

 

“เต๋าแห่งดาบมันคืออะไร?”หลิน ฮวงคิดลึกพลางลูบคาง ทันใดนั้น ความคิดก็แล่นวูบเข้ามาในหัวของหลิน ฮวง“เต๋าแห่งดาบคือสิ่งจำเป็นเพื่อที่จะยกระดับทักษะดาบจากหายากเป็นสุดยอด  วิชาดาบใหญ่ระดับสุดยอดที่ฉันครอบครองก็ควรจะมีเต๋าแห่งดาบ…”

 

หลิน ฮวงจึงเริ่มฝึกวิชาดาบใหญ่แทนดาบเพลิงคลั่ง

ขณะที่เขาฝึกวิชาดาบใหญ่ เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายลี้ลับรอบตัวเขา มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้เขารู้สึกทุกรายละเอียดเมื่อเขาฝึกทักษะนี้ เมื่อเขากำลังฝึกทักษะนี้ แม้กระทั่งฝุ่นในอากาศก็ยังถูกตัดเป็นครึ่งหนึ่งหากเขาต้องการจะทำ

หลังจากที่ฝึกวิชาดาบใหญ่อยู่3ครั้ง หลิน ฮวงก็เข้าใจมันอย่างผิวเผิน

จากนั้นเขาจึงเริ่มฝึกดาบเพลิงคลั่งซ้ำๆและค่อยๆสังเกตทุกๆรายละเอียดของทักษะ

หลังจากฝึกอยู่หลายชั่วโมง มันก็เกินเที่ยงคืนไปแล้ว

โดยไม่คาดคิด เขาสะสมชิ้นส่วนทักษะดาบเพลิงคลั่งได้ประมาณ10ชิ้น เขารู้ว่าเขากำลังย่ำเดินไปถูกทางแล้ว

เขาตระหนักว่ามันดึกแล้วและท้องของเขาก็ร้องประท้วง ทั้งวันเขาได้กินอาหารเพียงมื้อเดียวคือตอน7โมงเช้า -มันเป็นเวลา17ชั่วโมงแล้วที่เขาไม่ได้กินข้าว

 

“มันดึกแล้ว ฉันหิวมาก...ฉันสงสัยว่าจะยังมีอะไรให้ฉันกินอยู่ไหม”หลิน ฮวงลดหัวลงและก้มมองผ่านกระเบื้องโปร่งใส เขาสังเกนเห็นว่าไฟบนถนนล้วนปิดหมดแล้ว แต่ยังมีบริเวณเล็กๆไม่ไกลจากเขาที่ยังมีแสงไฟสว่างอยู่ สถานที่นั้นหนาแน่นไปด้วยผู่คนและมันดูเหมือนจะเป็นตลาดกลางคืน

 

เขาอาบน้ำ เปลี่ยนชุดและลงไป

เมื่อออกจากโรงแรม เขาก็รีบเร่งไปตลาดกลางคืน

 

“ดูเหมือนคนที่นี่ส่วนใหญ่จะชอบกินอาหารตอนกลางดึก...”หลิน ฮวงเดินตามกลิ่นของอาหารและพบว่าตัวเองกำลังอยู่หน้าเตาบาร์บีคิว

 

เจ้าของแผงลอยเป็นชายแก่ร่างเตี้ยอ้วนอายุ60ปี ใบหน้าของเขาเปื้อนเขม่าควันสีดำและไม่มีใครบอกได้ว่าเขาเกิดมาพร้อมกับใบหน้าเช่นนี้หรือว่ามันเกิดขึ้นเพราะควันจากถ่านหิน

บนเตาบาร์บีคิว มีสเต็กขนาดเท่ากำปั้นหลายชิ้นกำลังส่งเสียงชวนน้ำลายไหล

หลิน ฮวงกลืนน้ำลายเมื่อได้กลิ่นหอมหวานของสเต็ก

 

“ลุง นี่มันเนื้ออะไรกัน?”หนึ่งในลูกค้าข้างเขาถาม

คนที่เหลือรวมถึงหลิน ฮวงรีบกางหูเพื่อฟังคำตอบของเจ้าของร้านทันที

“นี่คือหมูหอม มันคือสายพันธ์ใหม่ระหว่างหมูป่าและหมูขนหอม มันพึ่งจะเริ่มวางขายในตลาดเมื่อสองปีก่อนและถือเป็นส่วนผสมไหม นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมราคาของมันจึงสูง...”เจ้าของอธิบายรายละเอียด

 

เมืองแห่งสันติสุขคือเมืองเกรดAที่เต็มไปด้วยนักล่าและพวกเขาหลายคนก็มักจะมองหาอาหารในช่วงกลางดึกเพราะพวกเขามักจะยุ่งอยู่ตลอดทั้งวันและสามารถออกหากินได้กลางดึกเท่านั้น แน่นอน พวกเขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเงินมากนัก พวกเขาจะใช้จ่ายมากแค่ไหนก็ได้เพราะเงินก็เป็นเพียงตัวเลขสำหรับพวกเขา

ที่เตาบาร์บีคิว กลิ่นของสเต็กยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นและเสียงซู่ซ่าก็ยิ่งเพิ่มความกระหายของทุกคน

เจ้าของร่างอ้วนเริ่มพลิกเนื้อด้วยที่คีบ

ทันใดนั้น เงาดำก็วูบไหวและชั่วอึดใจต่อมา หนึ่งในสเต็กบนเตาก็หายไป

หลินฮวงรู้ว่าคนที่ขโมยสเต็กไปคือเด็ก เขาไม่ได้หยุดเด็กเพราะเขาเชื่อว่าเด็กนั้นทำลงไปก็เพราะความหิว

 

“ขอทานน้อย แกกล้าดียังไงถึงมาขโมยสเต็กต่อหน้าเรา แกคิดว่าเราตาบอดหรือไง?”นักล่ากำลังจะลงโทษเด็ก แต่หลิน ฮวงก็หยุดเขา

“เขาต้องหิวมากเป็นแน่”หลิน ฮวงส่ายหัวและยิ้ม“ลุง ผมจะจ่ายค่าสเต็กให้เด็กคนนี้เอง”

หลังจากที่จ่ายเงิน หลิน ฮวงก็หันมามองเด็กและบอกเขา“การขโมยของมันผิดนะ พ่อแม่ของเธออยู่ไหน?เธอหลงมางั้นหรอ?”

 

เด็กไม่ได้มีรูปลักษณ์คล้ายขอทาน แม้ว่าใบหน้าและเสื้อของเขาจะสกปรก มันก็ดูเหมือนจะพึ่งเลอะมาไม่นาน

เมื่อฟังคำพูดของหลิน ฮวง เขาลังเลอยู่สักพักก่อนที่จะผงกหัว

 

“เอาละ หลังจากกินอาหารเสร็จ ฉันจะพาเธอออกไปจากตลาดกลางคืนและรอพวกเขาอยู่ที่นั่น พวกเขาจะต้องเดินผ่านที่นั่นแน่ๆ”หลิน ฮวงลุกขึ้นและบอกขณะที่มองดูสเต็กที่สกปรกไปเสียแล้ว“ไม่ต้องไปกินอันที่เธอถืออยู่นั่นหรอก ฉันจะขอให้ลุงทำสเต็กชิ้นใหม่ให้เธอเอง”

จากนั้นเขาก็หันไปบอกเจ้าของร้านและกล่าว“ลุง ผมขอเอากลับบ้านสองชิ้น”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด