TWO Chapter 228 การเดินทางที่เร่งรีบ ตอนที่ 2
TWO Chapter 228 การเดินทางที่เร่งรีบ ตอนที่ 2
ที่นอกเมืองเทียนเฟิง เมื่อเขาเห็นกำแพงเมืองมีทหารเข้ามาประจำการ โอหยางโชวก็หัวเราะอย่างเย็นชา และสั่งให้ทหารของเขาพุ่งไปข้างหน้า พวกเขาวิ่งไปจนห่างจากกำแพงเมือง 500 เมตร ก่อนจะหยุดลงตรงนั้น
โอหยางโชวนำเครื่องยิงหน้าไม้ 3 คันศร ทั้ง 2 เครื่องออกมาจากถุงเก็บของของเขาอย่างใจเย็น ทหารองครักษ์เริ่มการติดตั้งและตั้งศูนย์ของเครื่องยิงหน้าไม้ ภายใต้คำสั่งของนายพันแห่งกองพันเครื่องกลพระเจ้า หวังหยวนเฟิง
หลังจากนั้น พวกเขาก็เริ่มยิงไปที่กำแพงเพื่อสร้างทางขึ้นให้กับทหาร
ลูกศรจำนวนมากถูกยิงไปที่กำแพงเมือง มองไปที่กำแพงที่เป็นเป้าของลูกศร มันกลายเป็นคล้ายกับกำแพงปีนผา
กองร้อยที่ 1 และ 2 ของกองพันทหารองครักษ์เริ่มก่อน พวกเขาเตรียมพร้อมและรอสัญญาณ ภายใต้การนำของนายพันหวังเฟิง พวกเขาลงจากหลังม้า และรีบวิ่งไปที่ด้านล่างของกำแพง ใช้ลูกศรเป็นบันได ปีนขึ้นไปบนกำแพง
กองพันทหารม้าเดินไปข้างหน้า และเมื่อเข้าสู่ระยะยิงของธนู พวกเขาก็ใช้ธนูของพวกเขา ยิงฝนลูกศรไปที่บนกำแพงเมือง เพื่อกดดันเหล่าทหารป้องกันเมือง และเพื่อคุ้มกันเหล่าทหารองครักษ์ที่กำลังปีนขึ้นไป
เมืองเทียนเฟิงสูญเสียทหารไปแล้ว 1,000 นาย และตอนนี้เหลือเพียง 300 นาย แล้วพวกเขาจะใช้วิธีใดในการต่อกรกับกองพันทหารม้าของฝ่ายตรงข้ามกัน? พวกเขาบางคนที่ถูกยิงโดยฝนลูกศรตายในทันที
การขว้างปาหินเป็นระยะๆและไม่ต่อเนื่อง ไม่สามารถคุกคามกองกำลังงที่กำลังปีนขึ้นไปได้เลย หลังจากผ่านไปเพียงไม่นาน พวกเขาก็ประสบความสำเร็จในการปีนขึ้นไปบนกำแพง
หลังจากที่ขึ้นมาได้แล้ว พวกเขากระชักกระบี่ถังของพวกเขาออกมา แล้วเข้าไปปะทะกับทหารป้องกันเมืองเทียนเฟิง
ใช้โอกาสนั้น โอหยางโชวสั่งให้ทหารองครักษ์ กองร้อยที่ 3, 4 และ 5 แบกท่านไม้ขนาดใหญ่ ไปกระแทกประตูเมือง
ที่บนกำแพง ผู้ที่ถูกสังหารส่วนใหญ่แล้วเป็นทหารป้องกันเมือง แม้ว่ากองกำลังของโอหยางโชวจะไม่ได้ใช้ประโยชน์เรื่องจำนวน พวกเขาก็ยังมีความได้เปรียบเรื่องทักษะและประสบการณ์ พวกเขาฆ่าศัตรูและผลักดันให้ถอยไป
ภายในเวลาไม่ถึง 20 นาที ประตูเมืองก็ถูกทำลาย และทหารองครักษ์กองร้อยที่ 3, 4 และ 5 ก็ขึ้นไปช่วยบนกำแพง
โอหยางโชวเก็บเครื่องยิงหน้าไม้ 3 คันศร ทั้ง 2 เครื่อง แล้วสั่งให้ทหารบุกเข้าไปในเมือง
กองกำลังเดินเข้าไปในกำแพงได้อย่างราบรื่น และสังหารทุกคนที่ขวางทางพวกเขา ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ เวลาเพิ่งจะผ่านไปไม่ถึง 1 ชั่วโมง
หลังจากที่ทหารม้าเข้ามาในเมือง ผู้อยู่อาศัยในเมืองก็ตื่นตระหนก ขณะที่พวกเขาพยายามเข้าไปซ่อนตัวในบ้านของตัวเอง โอหยางโชวไม่ได้กังวลเรื่องชาวเมืองเหล่านี้ เขารีบวิ่งตรงไปที่คฤหาสน์ของลอร์ด เขาแค่ต้องยึดที่นั่นเท่านั้น
ลอร์ดแห่งเมืองเทียนเฟิง เสี่ยวเฟิงขานเยว่ ได้นำทหารองครักษ์ของเขา และกองกำลังสำรองทั้งหมด 500 นาย มาคอยป้องกันคฤหาสน์ของลอร์ด
สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขามีความสุขก็คือ หลังจากผ่านไป 10 นาที ในทีสุดปาเตาก็ได้นำทหารชั้นสูง 300 นาย จากเมืองดาบหักมาเสริมกำลังให้กับพวกเขา เพื่อปกป้องคฤหาสน์ของลอร์ดร่วมกับพวกเขา
ถนนทั้งหมดที่เชื่อมกับคฤหาสน์ของลอร์ดถูกปิดกั้น พวกเขาส่งทหารไปป้องกันกำแพงเมืองเพื่อซื้อเวลา แล้วยังให้ชาวเมืองนำไม้และหินมากองรวมกันเพื่อปิกกั้นถนน เพื่อซื้อเวลาให้ได้มากที่สุดด้วย
เมื่อโอหยางเห็นฉากดังกล่าว เขาตัดสินใจสั่งให้ทหารทุกนายลงจากหลังม้า เพื่อต่อสู้ในแบบทหารราบ เขาปล่อยให้กองร้อยที่ 3 ของกองพันที่ 2 แห่งกรมทหารที่ 2 ดูแลม้า ขณะที่คนอื่นๆเดินผ่านช่องว่างเข้าไป และตรงไปที่คฤหาสน์ของลอร์ด
ในคฤหาสน์ของลอร์ด มีหอธนูที่ถูกสร้างขึ้นชั่วคราว 2 แห่ง เสี่ยวเฟิงขานเยว่ ภายใต้การคุ้มครองของทหารองครักษ์ของเขา ยืนอยู่ที่หอธนูด้านหนึ่ง “ฉีเยว่หวู่ยี่ เจ้าโหดร้ายเกินไปแล้ว”
โอหยางโชวส่ายหัวด้วยความขบขัน “ตั้งแต่ที่เจ้ากล้าที่จะยั่วยุข้า เจ้าก็ต้องคิดอยู่แล้วว่าดินแดนของเจ้าจะต้องถูกยึดครอง”
“ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าทำได้สำเร็จแน่!”
โอหยางโชวไม่ต้องการเสียเวลากับเขา เขาหันไปทางปาเตาที่ยืนอยู่ข้างๆเสี่ยวเฟิงขานเยว่ แล้วหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา ก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าคงจะเป็นปาเตาแห่งเมืองดาบหักใช่หรือไม่? ความกล้าหาญของเจ้าช่างน่ายกย่องเสียจริง!”
เมื่อเผชิญหน้ากับคำขู่ของเขา ปาเตาไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ “วันนี้ไม่เจ้าก็ข้าจะต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!”
“เยี่ยม!” โอหยางโชวตะโกนออกไป “โจมตี!”
โอหยางโชวได้หยิบเครื่องยิงหน้าไม้ 3 คันศร ทั้ง 2 เครื่องออกมาอีกครั้ง ภายใต้การนำของหวังหยวนเฟิง มันเล่งเป้าไปที่หอธนูทั้ง 2 แห่ง เพื่อขจัดภัยคุกคามจากด้านบน
ลูกศร 1 หอก 3 ใบมีด เป็นดั่งกระสุนปืนใหญ่ ที่บินตรงไปยังหอธนู มันกระแทกเข้ากับทหารที่อยู่ในนั้น และแม้แต่หอธนูเองก็เริ่มสูญเสียสมดุลและส่ายไปมา
หากเสี่ยวเฟิงขานเยว่ไม่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว แล้วกระโดดลงมาก่อนที่ลูกศรจะปะทะ เขาอาจจะต้องจบชีวิตไปแล้ว
หวังหยวนเฟิงพยายามอีกครั้ง เขาสั่งให้ยิงอีก 2 รอบ และหอธนูก็ไม่สามารถจะทนได้อีกต่อไป มันแตกหักออกเป็น 2 ส่วน และพังลงตรงนั้น
ทหารที่อยู่ใต้หอธนูตื่นตระหนก พวกเขาทุกคนอ้าปากค้าง ความแข็งแกร่งของเครื่องยิงหน้าไม้ 3 คันศร ได้ฝังเข้าไปในส่วนลึกในจิตใจของพวกเขาแล้ว
หลังจากที่ทำลายหอธนูแล้ว โอหยางโชวก็สั่งให้กองกำลังของเขาเคลื่อนไปข้างหน้า
“ยิงธนู!” ทหารม้าทำหน้าที่เป็นพลธนู พวกเขายืนอยู่นอกคฤหาสน์ของลอร์ด และสาดฝนลูกศรเข้าไปในคฤหาสน์ของลอร์ด ทหารองครักษ์ชักกระบี่ถังที่คมกริบของพวกเขาออกมา และพุ่งไปที่คฤหาสน์ของลอร์ด
ภายในคฤหาสน์ของลอร์ด มีเสียงกรีดร้องดังออกมาไม่ขาดสาย ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พวกเขาถูกยิงโดยฝนลูกศร มันบังคับให้พวกเขาไม่เต็มใจที่จะอยู่ในลาน และถอยไปยังทางเดิน ไม่ว่าปาเตาและเสี่ยวเฟิงขานเยว่จะสั่งอย่างไร พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะออกไป
ภายใต้การโจมตีของฝนลูกศร ถ้าพวกเขายังยืนอยู่ในลานกลางแจ้ง พวกเขาก็จะเป็นได้แค่เป้าที่มีชีวิตเท่านั้น
ประตูถูกซ้อนทับด้วยหินขนาดใหญ่ ทำให้มันยากที่จะเจาะทะลวง
โอหยางโชวตัดสินใจใช้แผนเดิมอีกครั้ง เขาสั่งให้หวังหยวนเฟิงยิงลูกศรไปที่กำแพงคฤหาสน์เพื่อสร้างเป็นบันไดลูกศร และให้พวกทหารองครักษ์ใช้มันปีนข้ามกำแพง เมื่อพวกเขากระโดดเข้าสู่คฤหาสน์ของลอร์ด พวกเขาก็พุ่งเข้าไปปะทะกับศัตรูของพวกเขาในทันที
โอหยางโชวยังคงไม่พอใจ เขาสั่งให้ทหารม้าบางส่วนปีนขึ้นไปบนกำแพง และยิงไปที่ศัตรูของพวกเขาจากที่สูง ส่วนคนที่เหลือมุ่งเน้นไปที่การกระแทกประตูคฤหาสน์ของลอร์ด
ในคฤหาสน์ของลอร์ด เมื่อฝนลูกศรหยุดลง ภายใต้การนำของลอร์ดทั้ง 2 เหล่าทหารรีบออกมาจากทางเดิน และต่อสู้กับกองพันทหารองครักษ์
แม้ว่าพวกเขาจะมีจำนวนมากกว่า แต่พวกเขาก็ยังคงถูกดันกลับไป ทหารสำรองที่อยู่ในหมู่พวกเขาเป็นเพียงหน้าใหม่ เมื่อต้องต่อสู้กับทหารสงครามชั้นสูง พวกเขาก็หวาดกลัวและไม่กล้าจะก้าวไปข้างหน้า
ปาเตากลายเป็นโหดร้าย เขานำทหารชั้นสูงของเขาออกมาข้างหน้า และปะทะกับทหารองครักษ์
ทหารม้าที่ปีนขึ้นมาบนกำแพงได้แล้ว ก็เริ่มยิงธนูของพวกเขาเพื่อสนับสนุนการโจมตีของทหารองครักษ์ กองกำลังของปาเตากลายเป็นเป้าหลักของทหารม้าเหล่านี้
ปาเตาไม่สามารถปกป้องตัวเองได้มากนัก และเขาก็ถูกยิงจนได้รับบาดเจ็บ
เขาคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด
เมื่อทหารของเมืองดาบหักเห็นว่าลอร์ดของพวกเขาได้รับบาดเจ็บ พวกเขาก็รวมกลุ่มรอบๆตัวเขา เพื่อพาเขาออกไป แต่กองพันทหารองครักษ์จะปล่อยให้พวกเขามีโอกาสทำเช่นนั้นได้อย่างไร? พวกเขาผลักดันไปข้างหน้าทันที
อีกชั่วครู่ต่อมา มันก็กลายเป็นการนองเลือด ทหารที่ไม่สามารถมุ่งความสนใจไปที่การป้องกันได้ ก็ถูกสังหารลงเป็นจำนวนมาก เมื่อถึงจุดนี้ ผลของการสู้รบนี้เริ่มปรากฎขึ้นให้เห็นชัดเจนแล้ว
ทหารม้าที่อยู่บนกำแพงกระโดดลงไปที่ลาน ส่วนหนึ่งของพวกเขาบุกเข้าไปที่ประตู เพื่อนำก้อนหินที่ขวางอยู่ออกจากประตู
อย่างหมดหนทาง เสี่ยวเฟิงขานเยว่ทำได้เพียงรวบรวมกองกำลังที่เหลืออยู่ของเขา ถอยกลับเข้าไปในห้องโถงประชุม พวกเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง และรอชะตากรรมที่ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไรต่อไป
กองพันทหารองครักษ์ไม่ได้โจมตีห้องโถงประชุมในทันที แต่พวกเขาเข้าไปช่วยทหารม้าเปิดประตูหลัก หลังจากที่เปิดประตูได้แล้ว โอหยางโชวก็นำกองกำลังที่เหลือเข้ามาในคฤหาสน์ของลอร์ด
เนื่องจากพื้นที่ตัวอาคารของคฤหาสน์ของลอร์ดมีจำกัด ทหารม้าส่วนใหญ่จึงถูกทิ้งไว้ที่นอกอาคารของคฤหาสน์ของลอร์ด และคอยปิดตัวอาคารของล้อมคฤหาสน์ไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครหลบหนีไปได้ โดยเฉพาะลอร์ดของที่นี่ เสี่ยวเฟิงขานเยว่ ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ทำหน้าที่ไปสำรวจเมือง เพื่อป้องกันไม่ให้กองกำลังอื่นๆมาช่วยพวกเขาผ่านทางประตูเทเลพอร์ต
หลังจากที่กองกำลังของเมืองซานไห่เข้ามาในลานได้ พวกเขาก็เตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบครั้งสุดท้าย
ภายในห้องโถง เมื่อเห็นศัตรูเข้ามาในลาน ราวกันฝูงปลาที่ขึ้นมาจากทะเล สายตาของกองกำลังพันธมิตรก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
กองพันทหารองครักษ์ยังคงอยู่ที่ด้านหน้า และเป็นผู้นำการโจมตีเข้าไปในห้องโถง
กองกำลังพันธมิตรหลังชนฝา พวกเขาไม่มีทางออก พวกเขาทำได้เพียงหวังว่า ชีวิตของพวกเขาจะดีกว่านี้ในครั้งต่อไป
ห้องโถงประชุมที่คับแคบแห่งนี้ กลายเป็นสมรภูมิสุดท้ายของทั้ง 2 ฝ่าย
ทหารจากกองพันทหารองครักษ์มีความแข็งแกร่งทางร่างกายเหมือนเหล็กกล้า และมีจิตวิญญาณที่ไม่มีวันแตกสลาย พวกเขาพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่กลัวตาย พวกเขาถือเกียรติและศักดิ์ศรีเหนือชีวิตของพวกเขา การโจมตีและการสังหารคือสัญชาตญาณของพวกเขา
ทหารเหล่านี้เป็นดั่งเครื่องจักรสังหารที่มีประสิทธิภาพสูง พวกเขาดำเนินการอย่างรวดเร็ว ฆ่าทุกคนที่ขวางทางพวกเขา ความตายเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่พวกเขาจะให้ศัตรูของพวกเขาได้ และเลือดก็เป็นเครื่องบรรณาการที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา
บรรยากาศและฉากดังกล่าวทำให้ศัตรูยอมแพ้และหยุดดิ้นรน
เสี่ยวเฟิงขานเยว่และปาเตายังคงพยายามเพิ่มขวัญกำลังใจให้กับกองกำลังของพวกเขาในการสู้รบครั้งนี้
การสังการเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เลือดสดๆไหลย้อมไปทั่วพื้นหิน หลังจากที่ก้าวเดิน เท่าก็จะเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจำนวนมาก ราวกับกำลังบ่มเพาะปีศาจ
แสงสะท้อนของการฟันกระบี่ ส่องประกายไปทั่วห้องโถง เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บร้องออกมาอย่างเจ็บปวด และพวกเขาจมอยู่ในเงากระบี่ของศัตรู
โอหยางโชวยืนอยู่นอกห้องโถง เขามองไปที่การสังหารนี้อย่างไม่หลบเลี่ยง
เลือดไหลออกมาชะโลมทั่วแผ่นดิน กองกำลังของพันธมิตรล้มลงที่ละคนทีละคน เมื่อเลือดบดบังทัศนวิศัยของพวกเขา ทหารของกองกำลังพันธมิตรก็สูญเสียความกล้าและพยายามหนี ผ่านลานด้านหลัง
เสี่ยวเฟิงขานเยว่หัวเราะออกมา เขาไม่ได้ถอยไปพร้อมกับปาเตา เขาชักกระบี่ออกมาจากเอว แล้วเผชิญหน้ากับทหารองครักษ์เพียงลำพัง ก่อนจะตะโกนออกไปว่า “ฆ่า!” นี่เป็นเสียงสุดท้ายของเขา ขณะที่ทหารองครักษ์พุ่งเข้าไปข้างหน้าและฟันเขา
แฟนเพจ : TWOแปลไทย