TWO Chapter 227 การเดินทางที่รีบเร่ง ตอนที่ 1
TWO Chapter 227 การเดินทางที่รีบเร่ง ตอนที่ 1
เมื่อโอหยางโชวกลับมาถึงเมืองซานไห่ เวลาก็ล่วงเลยมาถึง 16.00 น. แล้ว
เขาไม่ได้รีบกลับไปที่คฤหาสน์ของลอร์ด แต่มุ่งหน้าไปยังกรมกิจการทหาร เพื่อฟังรายงานจากเจ้ากรมกิจการทหาร เก่อหงเหลียง เมื่อเขาได้ยินว่ากรมทหารที่ 3 ปฏิบัติการได้อย่างยอดเยี่ยม ความหดหู่ภายในใจของเขาก็บรรเทาลงเล็กน้อย
ขุนพลเอ้อหลายไม่ทำให้เขาผิดหวัง เพียงการต่อสู้ครั้งแรก เขาก็เข้าไปยืนอยู่ในหัวใจของกองกำลังของเขาแล้ว เขาได้สะสมศักดิ์ศรีและความเคารพในกรมทหารที่ 3 เมื่อมีเขาอยู่ในกรมทหารที่ 3 โอหยางโชวก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก
โอหยางโชวสั่งให้เก่อหงเหลียงจัดเชลยทั้งหมดเข้าไปอยู่ในกองทหารสำรอง
เชลยจากฝั่งตะวันออกและตะวันตก มีรวมกันทั้งสิ้น 2,800 คน พวกเขาเป็นทหารอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนขั้นอีก แน่นอนว่าโอหยางโชวจะไม่ปล่อยให้มันสูญเปล่า เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เขาจะจัดให้พวกเขาทั้งหมดเข้ามาอยู่ในกองทัพซานไห่
โอหยางโชวได้บอกเก่อหงเหลียงเกี่ยวกับปฏิบัติการของค่ายทิศตะวันตก และสั่งให้กรมกิจการทหารให้ความช่วยเหลือ
“เจ้ากรมเก่อ กระจายคำสั่งของข้าออกไป!” โอหยางโชวหยุดชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวต่อว่า “สั่งให้กองพันที่ 2 แห่งกรมทหารที่ 2 รีบมาที่เมืองหลัก และสั่งให้กองพันป้องกันเมืองฉิวซุ่ยเตรียมพร้อม”
“เพื่อช่วยกรมทหารที่ 3 ยึดเมืองยี่ซุ่ยและเมืองกู่ซาน กองพันเครื่องกลพระเจ้าจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกจะไปช่วยค่ายทิศตะวันตก และกลุ่มที่ 2 จะไปช่วยค่ายทิศตะวันออกในการปฏิบัติการครั้งนี้”
ครั้งนี้โอหยางโชวโกรธมาก และเขาจะไม่ให้โอกาสใดๆศัตรูของเขา
“ขอรับท่านลอร์ด!”
หลังจากที่เขาออกจากกรมกิจการทหาร โอหยางโชวยังไม่ได้หยุด เขารีบวิ่งเข้าไปในค่ายทหารในเมือง เพื่อไปพบกับนายพันแห่งกองพันเครื่องกลพระเจ้า หวังหยวนเฟิง หลังจากที่โอหยางโชวได้ให้คำแนะนำที่สำคัญบางอย่างกับเขาแล้ว โอหยางโชวก็กลับไปที่คฤหาสน์ของลอร์ด
ข่าวของสงครามได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งดินแดน
เมื่อเห็นโอหยางโชวกลับมาที่คฤหาสน์ ซ่งเจี๋ยและขุ่ยหยิงหยูก็ถอนหายใจโล่งอก ความปลอดภัยของโอหยางโชวคือสิ่งที่พวกเธอกังวล
โอหยางโชวส่งข้อความเกี่ยวกับการลอบโจมตีที่เขาเผชิญในเมืองซานไห่เข้าไปที่ช่องพันธมิตร เขาเตือนให้สมาชิกในพันธมิตรให้ความสนใจกับชายแดนของพวกเขา เพราะอาจจะเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้ได้
จากการสู้รบครั้งนี้ โอหยางโชวตระหนักว่า ระบบแจ้งเตือนภัยที่ชายแดนยังอยู่ในระยะที่พอจะรับได้ แต่หลังจากที่ดินแดนขยายออกไปอีก ถ้าพวกเขาไม่ตั้งหอสังเกตการที่ชายแดน มันจะทำให้ศัตรูของพวกเขามีโอกาส
“ซาโพจุ่นมันเป็นคนที่ไร้ยางอายจริงๆ!” กงเฉิงซีบ่น
“หวู่ยี่ นี่เป็นการกระทำของซางโพจุ่นเอง หรือว่าเป็นการเล่นเล่ห์กลของพันธมิตรหยานหวงกัน?” ไป๋ฮัวถาม
โอหยางโชวส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “การคาดเดาที่ไร้เหตุผลไม่มีประโยชน์อะไร เราควรจะรอดูไปก่อน” โอหยางโชวมีความกังวลเช่นเดียวกับจวู่ไต๋เฟิงฮัว เขาไม่ต้องการเริ่มสงครามระหว่างพันธมิตรทั้ง 2 ในตอนนี้
ไป๋ฮัวฉลาด เธอเข้าใจในทันทีว่าโอหยางโชวหมายความว่ายังไง “เข้าใจแล้ว”
……………………………………………………………………………
ไกอา ปีที่ 1 เดือนที่ 9 วันที 4 ณ เมืองซานไห่
เมื่อเวลา 6.00 น. โอหยางโชวได้นำทหารองครักษ์ของเขา, หัวหน้าฝ่ายข่าวกรอง ซ่งสาน, นายพันแห่งกองพันเครื่องกลพระเจ้า หวังหยวนเฟิง และกองพันที่ 2 แห่งกรมทหารที่ 2 เดินทางออกจากเมืองซานไห่ และตรงไปยังค่ายทิศตะวันตก
เมื่อมาถึงค่ายทิศตะวันตก โอหยางโชวก็หยุดพักเพียงชั่วครู่ เพื่อรวมตัวกับกองพันทหารองครักษ์ และกองพันที่ 1 แห่งกรมทหารที่ 2 จากนั้น พวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังเมืองเทียนเฟิง ซึ่งอยู่สุดทางทางตะวันตกของแอ่งเหลียนโจว
จากการแนะนำของหัวหน้าฝ่ายข่าวกรอง ซ่งสาน เมืองเทียนเฟิงอยู่ห่างจากเมืองซานไห่ถึง 300 กิโลเมตร และห่างจากค่ายทิศตะวันตก 240 กิโลเมตร มันตั้งอยู่ใกล้กับทะเลสาบสีหลา
แรงจูงใจทางยุทธศาสตร์ของโอหยางโชวนั้นง่ายมาก เขาต้องการทำลายภัยคุกคามทางตะวันตกอย่างสิ้นเชิง โดยเขาจะเด็ดลอร์ดหัวหลักทั้ง 3 ทางตะวันตกของแอ่งเหลียนโจวทั้งหมด
เพื่อที่จะทำมัน เขาจะต้องเดินทางไกล
แน่นอนว่าลอร์ดแห่งเมืองเทียนเฟิง เสี่ยวเฟิงขานเยว่คงไม่คิดว่าโอหยางโชวจะทำเช่นนี้ ดังนั้น เมืองซานไห่จึงนำมาเพียงทหารม้าเท่านั้น พวกเขาวางแผนที่จะโจมตีเมืองเทียนเฟิงก่อนที่พวกเขาจะทันได้ตอบสนอง
พระอาทิตย์ขึ้นสูงบนท้องฟ้า ภายใต้การชี้ทางของสายลับจากฝ่ายข่าวกรอง กองกำลังทหารม้าชั้นสูง 1,500 นาย ก็เดินทางลึกเข้าไปในเขตทุรกันดารเพื่อแก้แค้น
เพื่อให้เดินทางได้อย่างรวดเร็วที่สุด พวกเขาใช้เวลาพักน้อยมาก โอหยางโชวได้ใช้ม้าฉิงฟู่ 1,500 ตัว จากทุ่งหญ้าทางตะวันตกของเมือง เพื่อให้ทหารทุกนายมีม้าฉิงฟู่ 2 ตัว ให้พวกเขาได้สลับผลัดเปลี่ยน ซึ่งมันทำให้พวกเขาเดินทางได้รวดเร็วขึ้นอย่างมาก
กรมกิจการทหารจงใจเลือกเส้นทางที่หลบเลี่ยงเมืองหยงเย่และเมืองกวงซุ่ย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมา ในช่วงบ่าย กองกำลังได้เดินผ่านเมืองหยงเย่และเข้าสู่จุดที่ลึกที่สุดของเขตทุรกันดาร
สำหรับภารกิจอันยาวนานนี้ โอหยางโชวได้เตรียมพร้อมอย่างมาก เขาไม่เพียงแต่จะนำเตนท์ทหาารมามากพอ เขายังนำเม็ดอาหารทหาร และเครื่องยิงหน้าไม้ 3 คันศร 2 เครื่อง มากับเขาด้วย โดยพวกมันทั้งหมดถูกเก็บไว้ในถุงเก็บของของเขา
………………………………………………………………………….
ไกอา ปีที่ 1 เดือนที่ 9 วันที่ 5 ได้มีชุดการแจ้งเตือนสั้นๆ ดังขึ้นที่หูของเขา
“แจ้งเตือนระบบ : ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นฉีเยว่หวู่ยี่ ในการยึดครองเมืองหยงเย่, รางวัลพิเศษ : คะแนนการกุศล 200 แต้ม!”
“แจ้งเตือนระบบ : ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นฉีเยว่หวู่ยี่ ในการยึดครองเมืองยี่ซุ่ย, รางวัลพิเศษ : คะแนนการกุศล 200 แต้ม!”
“แจ้งเตือนระบบ : ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นฉีเยว่หวู่ยี่ ในการยึดครองเมืองกวงซุ่ย, รางวัลพิเศษ : คะแนนการกุศล 200 แต้ม!”
“แจ้งเตือนระบบ : ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นฉีเยว่หวู่ยี่ ในการยึดครองเมืองกู่ซาน, รางวัลพิเศษ : คะแนนการกุศล 200 แต้ม!”
โอหยางโชวได้ยึดครองดินแดนของสมาชิกดาบนภาทั้ง 4 ในครั้งเดียว ซึ่งมันส่งผลให้เสี่ยวเฟิงขานเยว่และปาเตาตกใจกลัว พวกเขาปลอบตัวเองว่า โชคดีที่ดินแดนของพวกเขาอย่างห่างไกล ซึ่งมันทำให้พวกเขาสามารถหผ่อนคลายได้ชั่วคราว
ความพ่ายแพ้ของกองกำลังพันธมิตรฝั่งตะวันตก ได้พิสูจน์แล้วว่า แม้ว่าจะได้รับการช่วยเหลือจากภายนอก พวกเขาก็ไม่สามารถจะเทียบกับเมืองซานไห่ได้ พวกเขายังจบลงด้วยการถูกแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งของฉีเยว่หวู่ยี่อีกด้วย
เมืองหยงเย่คิดว่าพวกเขาจะสามารถอยู่รอดได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่โอหยางโชวก็ได้กวาดล้างพวกเขาอย่างฉับพลัน
…………………………………………………………………………….
ไกอา ปีที่ 1 เดือนที่ 9 วันที่ 6
กองกำลังของโอหยางโชวได้มาถึงเมืองเทียนเฟิง
โอหยางโชววางแผนที่จะใช้กลยุทธ์ของพวกเขากลับพวกเขาเอง เขาจะลอบโจมตีในเช้ามืดของวันพรุ่งนี้
ในวันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าเริ่มมีแสงเล็กน้อย และหมอกก็ยังไม่เริ่มจางหายไป อากาศยังคงชื้น และมีหยดน้ำค้างกระจายอยู่ทั่วไป
เมืองเทียนเฟิงเงียบสงบ และแม้แต่เกษตรกรที่ทำงานหนักที่สุดก็กำลังหลับอยู่
แต่ทันใดนั้น เสียงดังของเกือกม้าก็ได้ทำลายความเงียบสงบของชานเมือง
เสียงห้อม้าได้ปลุกเกษตรกรที่อยู่นอกเมือง ชายวัยกลางคนพึมพำขณะที่เขาเปิดประตู เมื่อเขาได้เห็นกองทหารม้าด้านหน้า เขาก็อ้าปากค้าง และรีบวิ่งเข้าไปในบ้านด้วยความกลัว
“สามี ใครอยู่ข้างนอกหรือ?” หญิงสาวผู้หนึ่งที่อยู่ในบ้านกล่าว
“เงียบ อย่างส่งเสียง” เกษตรกรกล่าวอย่างตื่นตระหนก จากนั้นเขาก็เตือนเธอว่า “กองทหารจำนวนมากมายเหลือเกิน ดูเหมือนว่าเราจะต้องปกป้องชีวิตของเราเองอีกครั้งแล้ว เฮ้ย เราต้องลำบากมามากกว่าจะตั้งหลักปักฐานได้ แล้วเหตุใด เราต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ด้วยเล่า?”
“ปล่อยเรื่องของสงครามให้นายท่านจัดการเถอะ ท่านไม่คิดว่าเขาจะเอาชนะศัตรูได้หรือ?”
“เจ้าไม่รู้อะไรเลยจริงๆ เด็กหนุ่มที่เป็นเพื่อนบ้านของเราได้ออกไปทำสงครามพร้อมกับนายท่าน แต่เขาก็ไม่ได้กลับมา และยังได้ยินมาอีกว่า ไม่มีใครที่เข้าร่วมกองทัพกับนายท่านได้กลับมา” เกษตรกรไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนภรรยาของเขา
“แล้วเราจะทำอย่างไรดี?” ขณะที่กล่าว ภรรยาของเกษตรกรก็เริ่มตื่นตระหนก
“เราสามารถทำอะไรได้หรือ? เก็บของของพวกเราแล้วหนีไงล่ะ!”
เวลา 6.00 น. พระอาทิตย์สีแดงส้มค่อยๆขึ้นทางทิศตะวันออก และเมืองที่หลับไหลก็เริ่มตื่นขึ้น
ในขณะนั้น กองกำลังของเมืองซานไห่อยู่ห่างจากเมืองเทียนเฟิงเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น เมื่อหน่วยลาดตระเวณเห็นกองกำลังขนาดใหญ่ พวกเขาก็ตื่นตระหนกและทำการแจ้งเตือนทันที
สัญญาณเตือนได้ทำลายบรรยากาศที่เงียบสงบของเมือง เหล่าทหารรีบวิ่งออกจากค่ายภายในเมือง มุ่งหน้าไปยังกำแพงเมือง ม้าวิ่งอย่างรวดเร็วในถนนสายเล็กๆของเมือง มันตรงไปยังคฤหาสน์ของลอร์ด ทหารม้าร้องตะโกนตลอดทางว่า “เปิดทาง! เร็วเข้าเปิดทาง!”
ทหารม้าหยุดที่ด้านหน้าคฤหาสน์ของลอร์ด เขาไม่สนใจจะจัดการกับม้าของเขา และรีบวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์ทันที ขณะที่เขาวิ่งไป เขาก็ตะโกนออกไปว่า “ข่าวทางทหารฉุกเฉิน! ข่าวทางทหารฉุกเฉิน!”
ลอร์ดแห่งเมืองเทียนเฟิง เสี่ยวเฟิงขานเยว่ รีบเข้าไปในห้องโถงประชุม แล้วถามว่า “สถานการณ์อะไรกัน?”
“เรียนนายท่าน มีทหารม้ามากกว่า 1,000 นาย ปรากฎขึ้นที่นอกเมือง และพวกเขาดูไม่เป็นมิตรขอรับ!”
“อะไรนะ? เจ้ากล่าวอีกครั้งซิ?” เสี่ยวเฟิงขานเยว่ตระหนกตกใจ จนปล่อยให้ถ้วยชาหลุดออกจากมือ และตกลงบนพื้น
ทหารม้าไม่กล้าชักช้า เรารีบอธิบายสถานการณ์ทั้งหมด
เสี่ยวเฟิงขานเยว่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างหดหู่ ราวกับว่าเขาได้สูญเสียจิตวิญญาณของเขาไปแล้ว ขณะที่เขาพึมพำออกมาว่า “ฉีเยว่หวู่ยี่ ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะโหดเหี้ยมเช่นนี้ เจ้าถึงกลับไล่ล่าข้ามาถึงที่นี่”
“นายท่าน เราควรจะทำเช่นไรดี?”
เสี่ยวเฟิงขานเยว่แข็งค้าง เขารีบสงบสติอารมณ์ แล้วสั่งการออกไปว่า “สั่งให้ทหารทั้งหมดไปป้องกันกำแพง พวกเขาเป็นทหารม้า จึงไม่เก่งเรื่องการปิดล้อม เรายังคงมีโอกาสอยู่”
“ขอรับนายท่าน!”
หลังจากทหารม้าออกไป เสี่ยวเฟิงขานเยว่ก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป เขาเข้าใจดีกว่ากองกำลังเพียง 300 นาย ที่เขารวบรวมได้ในตอนนี้ คงจะไม่สามารถป้องกันกำแพงเมืองได้แน่
เขารีบเปิดช่องพันธมิตร เพื่อติดต่อกับสมาชิกในพันธมิตรอีกคนที่ยังเหลืออยู่ ปาเตา “พี่ชายเตา ฉีเยว่หวู่ยี่เป็นปีศาจ เขาได้มาโจมตีที่นี่แล้ว ข้าหวังว่าท่านจะสามารถส่งกำลังมาเสริมช่วยข้าได้บ้าง”
ปาเตาไม่สนใจ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการจะส่งกำลังเสริมไปช่วยเหลือเมืองเทียนเฟิง เขายังสั่งให้กองกำลังของเขาออกไปลาดตระเวณ เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่า มีกองกำลังของเมืองซานไห่อยู่ในเขตแดนของเขาหรือไม่
“พี่ชายเสี่ยวเฟิง ไม่ใช่ว่าท่านรู้อยู่แล้วหรือว่า กองกำลังหลักของเมืองดาบหัก ได้ถูกทำลายไปแล้ว ข้าก็ต้องการจะช่วยเหลือท่าน แต่ข้าไม่สามารถจะทำอะไรได้จริงๆ” แน่นอนว่าปาเตาจะไม่ส่งกองกำลังของเขาไปช่วยพวกเขา
ทัศนคติของปาเตาทำให้เสี่ยวเฟิงขานเยว่ขุ่นเคือง และเขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “พี่ชายเตา ถ้าริมฝีปากตาย ฟันก็จะเย็น ข้าคงไม่ต้องอธิบายทฤษฎีนี้ให้ท่านฟังใช่หรือไม่? ฉีเยว่หวู่ยี่ได้จัดการเฮ่ยเส่อผีเฟิงและคนอื่นๆไปแล้ว ตอนนี้ เราสามารถพึงพากันและกันได้เท่านั้น ถ้าท่านไม่ช่วยข้า เป้าหมายต่อไปของเมืองซานไห่ก็คงจะเป็นท่าน พี่ชายปาเตา”
ปาเตาเข้าใจทฤษฎีนี้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ทุกคนมีปัญหาของตัวเอง เขากัดฟันแล้วกล่าวว่า “พี่ชายเสี่ยวเฟิงอย่างเพิ่งตกใจ เมื่อข้ายืนยันได้แล้วว่า ไม่มีกองกำลังของเมืองซานไห่ในเขตแดนของข้า ข้าจะส่งกำลังเสริมไปช่วยท่านทันที”
เสี่ยวเฟิงขานเยว่รู้ดีว่านี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาจะได้รับแล้ว “แล้วข้าจะรอ” ขณะที่เขากล่าว เขาก็ปิดช่องพันธมิตร เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสูรบ
เสี่ยวเฟิงขานเยว่รู้ว่ากำแพงเมืองคงจะต้านได้ไม่นาน เขาทำได้เพียงปกป้องคฤหาสน์ของลอร์ดและซื้อเวลาจนกว่ากำลังเสริมของปาเตาจะมาถึง
แฟนเพจ : TWOแปลไทย