TWO Chapter 226 การไล่ล่า
TWO Chapter 226 การไล่ล่า
แน่นอนว่าด้านหน้าของกองพันทหารธนูก็คือ ผู้การแห่งกรมทหารที่ 3 เอ้อหลาย และพาหนะของเขา ลั้วซา ซึ่งมันได้เข้าสู่สนามรบเป็นครั้งแรก ไม่เพียงแต่มันไม่รู้สึกว่าตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทาง แต่มันยังรู้สึกตื่นเต้นมากๆอีกด้วย “เหนียน!”
เสียงคำรามของสัตว์ประหลาดเหนียน ทำให้กองกำลังพันธมิตรแทบสิ้นสติ พวกเขาไม่สามารถที่จะก้าวต่อไปได้อีก
เอ้อหลายที่อยู่บนหลังลั้วซา ดึงง้าวออกมาและยืนเป็นโล่ให้กับทหารของเขา
“จงเผชิญหน้ากับความตายของพวกเจ้าซะ!” เอ้อหลายตะโกนใส่ เขาไม่รู้สึกกลัวใดๆ แม้จะต้องเผชิญหน้ากับทหารม้า 200 นาย ด้วยตัวคนเดียวก็ตาม เขาเริ่มการโจมตี และสัตว์ประหลาดเหนียนกระแทกเข้าไปที่กลางกลุ่มทหารม้าทันที เขากวัดแกว่งง้าวได้อย่างสมบูรณ์แบบ ง้าวของเขาทรงพลังมาก มันมีน้ำหนักถึง 20 กิโลกรัม มันดูราวกับเป็นตะขอจากขุมนรก ทุกๆคลื่นที่เกิดจากการเหวี่ยง มันจะสังหารคนที่ขวางทางทั้งหมด และทำให้ศัตรูของมันหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
การโจมตีของเอ้อหลายทรงอานุภาพและอันตรายถึงตาย หลังจากที่เวลาผ่านไปชั่วครู่ เขาก็ส่งเลือดและชิ้นเนื้อของศัตรูบินกระจายไปรอบๆ
สัตว์ประหลาดเหนียนก็เอาอย่างเจ้านายของมัน สังหารศัตรูด้วยทักษะการหายเลือดของมัน มันปลดปล่อยกลิ่นอายที่ดุร้ายออกมา และทำให้ทั่วทั้งเนินเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว บางคนถึงกับล้มลงกับพื้นโดนที่ยังไม่ทันจะทำอะไร
ลั้วซาพุ่งชนอย่างรุนแรง ทำให้ทหารม้าบางส่วนตกจากหลังม้า เขาของมันเป็นอาวุธที่ทรงพลัง มันเจาะทะลุชุดเกราะของม้าศึกได้อย่างง่ายดาย และมันทำให้เกิดเป็นภาพที่น่าสยดสยอง
ทหารม้าอยู่ล้อมรอบเอ้อหลาย แต่ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้เขาได้ แม้ว่าจะโชคดีแทงหอกโดนเข้า แต่มันก็แทบจะไม่ทำให้ชุดเกราะปูเหรินของเขามีรอยขีดข่วนใดๆ การโจมตีของพวกเขาไม่สามารถทำให้เขาเกิดอันตรายได้เลย เช่นเดียวกัน ลั้วซาก็มีชุดเกราะปกคลุมหัวและข้อต่อต่างๆ สำหรับส่วนอื่นๆ มันมีเกร็ดที่แข็งแกร่งไม่แพ้ชุดเกราะปูเหรินปกคลุมอยู่
การโจมตีที่รุนแรง การป้องกันที่ไม่อาจพังทลายได้ และความดุร้ายของสัตว์ร้าย เมื่อทั้ง 3 สิ่งนี้มารวมอยู่ด้วยกัน บุรุษเพียงผู้เดียวพร้อมกับพาหนะของเขาก็ทำให้บนเนินเขาเล็กๆแห่งนี้กลายเป็นนรกบนดินได้
เลือดที่ไหลนองจากบนเนินเขาค่อยๆไหลมารวมกัน กลับเป็นลำธารโลหิต เนินเขาที่เคยเขียวชะอุ่ม ตอนนี้ถูกย้อมเป็นสีแดงโลหิตอันโดดเด่น
สิ่งที่น่าประทับใจดั่งกล่าวได้กระตุ้นทหารของกรมทหารที่ 3 ผู้บัญชาการของพวกเขาทำให้เลือดของพวกเขาเดือดพล่าน และพวกเขาก็พุ่งเข้าหาศัตรูของพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง
ในทางกลับกัน กองกำลังพันธมิตรเหมือนกลายเป็นผ้าขี้ริ้ว ขวัญและกำลังใจของพวกเขาแทบไม่มีเหลือ และมันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นที่พวกมันจะพังทลาย
ผู้บัญชาการกองกำลังพันธมิตร ปาเตา เต็มไปด้วยความสิ้นหวังขณะที่เขามองดูทหารของเขาถูกฆ่า เขามองไม่เห็นหนทางใดที่จะกอบกู้สถานการณ์นี้ได้เลย ในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ เขาได้ละทิ้งกองกำลังของเขา และนำทหารองครักษ์ 10 นาย หนีออกไปจากสนามรบ โดยที่พวกเขาหนีไปทางทิศตะวันออก
เมื่อพวกเขาเห็นว่าผู้บัญชาการของพวกเขาหลบหนี ทหารทั้งหมดก็เริ่มสูญเสียความตั้งใจที่จะต่อสู้ และเริ่มที่จะถอยไปข้างหลัง
เติ้งไท่ไป๋เจี้ยงอ้าปากค้าง ขณะที่เขามองดูปาเตาหลบหนี เขาไม่สามารถเชื่อสายตาตัวเองได้ เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใด คนที่มักจะตรงไปตรงมาอย่างปาเตา จะเป็นคนที่ขี้ขลาด และทำผิดพลาดในระดับต่ำเช่นนี้ เมื่อเห็นความยุ่งเหยิงข้างหน้าของตน เติ้งไท่ไป๋เจี้ยงก็ถอนหายใจของตนก่อนที่จะเริ่มล่าถอย อย่างน้อย เขาก็แสดงความเป็นสุภาพบุรุษ เขาปกป้องรั้วซุ่ยสานเฉียนและกองกำลังของเธอ ก่อนที่เขาจะตามหลังเธอไป
ผู้คนจะเปิกเผยสันดานที่แท้จริงของพวกเขา เมื่อถูกบังคับให้เขาไปในช่องแคบที่มีแต่ความสิ้นหวัง ปาเตาเป็นคนเช่นนี้ เติ้งไท่ไป๋เจี้ยงพบว่าเขาไม่ได้เป็นคนที่กล้าได้กล้าเสียเหมือนกับท่าทีที่เขาแสดงออกมา
หลังจากที่พวกเขาหนีมาได้ 4 กิโลเมตร ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่า ภัยพิบัติกำลังจะเกิดขึ้น เขาต้องการที่จะรีบกลับไปและจัดเตรียมกองกำลังของเขาใหม่ แต่น่าเสียดาย มันสายเกินไปแล้ว ทหารม้าเมืองซานไห่ตามมาไล่ล่าพวกเขาอย่างไม่หยุดยั้ง
เมื่อทหารในกองกำลังพันธมิตรเห็นว่าความพยายามของพวกเขาไร้ประโยชน์ พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะยอมจำนน ตอนนี้ ลอร์ดของพวกเขาได้ละทิ้งพวกเขาไปแล้ว ทหารเหล่านี้จึงไม่มีภาระทางจิตใจอีกต่อไป
ขณะที่พวกเขาจัดการกับเชลย พวกเขาก็พลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการไล่ล่า ซึ่งมันทำให้ปาเตารอดพ้นจากความตาย สำหรับลอร์ดอีก 2 คนที่เหลือ คือ รั้วซุ่ยสานเฉียนและเติ้งไท่ไป๋เจี้ยง ไม่ได้โชคดีเช่นเขา กองพันที่ 2 แห่งกรมทหารที่ 2 ไล่ล่าและฆ่าพวกเขาได้สำเร็จ
ในการสู้รบครั้งนี้ กรมทหารที่ 3 และกองพันที่ 2 แห่งกรมทหารที่ 2 ได้สังหารศัตรูไป 820 คน และจับเชลยได้ 1,180 คน ส่วนพวกเขาสูญเสียไม่ถึง 200 นายเท่านั้น นับเป็นชัยชนะที่เด็ดขาด
ในการสู้รบที่ฝั่งทิศตะวันออกนี้ ปาเตาหลบหนีไปได้ แต่ลอร์ดคนอื่นๆไม่ได้โชคดีนัก
โอหยางโชวพร้อมกับกองพันทหารองครักษ์ของเขา และกองพันที่ 3 แห่งกรมทหารที่ 1 ได้ปิดล้อมซาโพจุ่นและคนที่เหลือ กลุ่มพันธมิตรไม่สามารถหลบหนีออกไปจากชายแดนของเมืองซานไห่ได้
“ซาโพจุ่น ทำไมเจ้าถึงได้มาอยู่ที่นี่กัน?” โอหยางโชวตั้งคำถาม
ซาโพจุ่นตอบกลับอย่างท้าทาย “มันเป็นกงการอะไรของเจ้ากัน?”
โอหยางโชวส่ายหัวและหัวเราะอย่างเย็นชา “มันไม่ใช่กงการอะไรของข้าหรอก ข้าก็แค่กลัวว่าจะมีคนถูกหลอกใช้โดยที่พวกเขาไม่ได้สังเกตก็เท่านั้น” ถ้าเฮ่ยเส่อผีเฟิงต้องการกำลังเสริม เขาควรจะติดต่อตี่เฉินหรือชุนเซิ่นจุน แล้วทำไม่เขาถึงได้ติดต่อกับซาโพจุ่นได้ล่ะ? โอหยางโชวเดาว่า มีบางคนวางแผนเรื่องนี้ และใครคนนั้นเป็นคนใช้ให้ซาโพจุ่นมา
การแสดงออกของซาโพจุ่นเปลี่ยนไป เขาดูเหมือนจะไม่สงบ อย่างไรก็ตาม เขาบังคับให้ตัวเองสงบลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกล่าวออกไปว่า “เหลวไหล! เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว! ข้าก็แค่ต้องการทำลายเจ้าก็เท่านั้น! ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น!”
“ดี! เมื่อเจ้าว่ามันเหลวไหล! ข้าก็จะตอบสนองความต้องการของเจ้าด้วยความตาย!” โอหยางโชวไม่เสียเวลาพูดอีกต่อไป “ฆ่าพวกเขาซะ!”
“ขอรับท่านลอร์ด!”
ไม่มีการสู้รบใดๆเกิดขึ้นในครั้งนี้ กองกำลังของเมืองซานไห่ได้ปิดล้อมกองกำลังของศัตรูที่มีไม่ถึง 200 นาย และไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาหลบหนี พวกเขาได้ทำลายกองกำลังทั้งหมดนี้ที่ชายแดนเมืองซานไห่
ก่อนที่ซาโพจุ่นจะตาย เขาได้มองไปที่ฉีเยว่หวู่ยี่อย่างโกรธแค้น เขาสูญเสียกองกำลังชั้นสูง 2,000 นาย เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายกับตระกูลของเขาอย่างไร สิ่งเดียวที่พอจะปลอบใจเขาได้ก็คือ เขาไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการเทเลพอร์ตพวกเขากลับดินแดน คำกล่าวของฉีเยว่หวู่ยี่ทำให้เกิดความสงสัยขึ้นในหัวใจของเขา หลังจากซาโพจุ่นคิดอย่างหนัก การตระทำของตี่เฉินดูเหมือนจะน่าสงสัยเล็กน้อย
เฮ่ยเส่อผีเฟิงสามารถจินตนาการได้ถึงผลที่กำลังรอคอยดินแดนของเขาอยู่ เมื่อคิดถึงเกือบ 1 ปีที่ผ่านมาที่เขาทำงานในดินแดนของเขาอย่างหนัก เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของเขาได้ เมื่อเขาตระหนักว่าเมืองซานไห่จะยึดมัน เขาก็ตะโกนออกไปว่า “ฉีเยว่หวู่ยี่ เจ้ามันขี้ขลาด เจ้าเป็นคนที่โหดร้าย เจ้าไม่สมควรจะเป็นตัวแทนของผู้เล่นทั่วไป”
โอหยางโชวยังคงเงียบ ในความเป็นจริง เขาไม่ได้โกรธใดๆต่อการกระทำของเฮ่ยเส่อผีเฟิง ถ้ามันเป็นเขา เขาก็อาจจะเสี่ยงต่อการถูกบังคับให้เดินเส้นทางนี้
ผู้ชนะคือราชา เจ้าตายและข้าอยู่ สงครามระหว่างดินแดนนั้นโหดร้าย
หลังจากที่พวกเขาสังหารศัตรูที่เหลือทั้งหมดแล้ว โอหยางโชวก็นำกองกำลังของเขากลับไปยังค่ายทิศตะวันตก
เมื่อเขากลับมาถึง กองพันที่ 1 แห่งกรมทหารที่ 2 ได้มาถึงแล้ว พวกเขารีบเมาอย่างเร็วที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังมาสายเกินไป และไม่ทันที่จะเข้าร่วมการสู้รบที่ดุเดือด
ในเต็นท์ โอหยางโชวได้เรียกเหล่านายทหารเข้ามาเพื่อประชุมแบบง่ายๆ
ขุนพลซีรายงานความสูญเสียของเหล่าทหารด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวด “เรียนท่านลอร์ด กรมทหารที่ 1 มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 1,100 นาย ซึ่งเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของทหารในกรม กองพันที่ 2 ย่ำแย่ที่สุด พวกเขาเหลือทหารเพียง 100 นายเท่านั้น มันจะต้องได้รับการจัดตั้งใหม่”
หลังจากเสร็จสิ้นการรายงาน ขุนพลซีก็ก้าวออกมาและคุกเข่าลง “กรมทหารที่ 1 สูญเสียเป็นอย่างมาก ในฐานะผู้บัญชาการแห่งค่ายตะวันตก ข้าทำงานได้ไม่ดี ท่านลอร์ดโปรดลงโทษข้าด้วย”
นายพันทั้ง 5 ก็ก้าวออกมา และคุกเข่าลงด้านหลังขุนพลซี ก่อนจะกล่าวพร้อมกันว่า “โปรดลงโทษพวกเราด้วย!”
พวกเขาสูญเสียเป็นอย่างมาก ซึ่งมันก็เกิดจากการป้องกันที่หละหลวมของพวกเขา มันทำให้ศัตรูลอบโจมตีพวกเขาได้อย่างง่ายดาย ความผิดพลาดเช่นนี้ เหล่าทหารคาดเดาจะมีคนตายเพื่อชดใช้ความผิด
โอหยางโชวกล่าวอย่างไร้อารมณ์ “ลุกขึ้น!”
พวกเขาทั้งหมดมองไปยังคนอื่นๆ พวกเขายังคงคุกเข่าอยู่ ไม่มีใครกล้าจะลุกขึ้น
“นี่คืออะไร? พวกเจ้าต้องการให้ข้าช่วยพวกเจ้าทุกคนงั้นหรือ?” คำกล่าวของโอหยางโชวทำให้พวกเขาสับสน
“ความสูญเสียทั้งหมดในการสู้รบครั้งนี้ไม่ได้เป็นความผิดของพวกเจ้าทั้งหมด แม้แต่ข้าก็ไม่คิดว่าศัตรูจะเร่งรีบเช่นนี้ ข้าจึงไม่สามารถตำหนิพวกเจ้าได้ทั้งหมด เพราะมันก็เป็นสิ่งที่ข้าไม่ได้คาดคิดเช่นกัน” โอหยางโชวกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป “ด้วยความสูญเสียอย่างหนักนี้ พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องถูกตำหนิ ศัตรูบุกเข้ามาถึงค่าย แต่พวกเจ้าทั้งหมดกลับไม่สังเกตเห็นพวกมัน ไม่ใช่ว่าปฏิกิริยาของพวกเจ้าช้าเกินไปหรือ กรมทหารทั้งหมดจะต้องรอบคอบ เราไม่สามารถเย่อหยิ่งได้ และคิดเพียงว่าเพราะเราอยู่ในเขตแดนของเรา แล้วจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเรา”
“ขอรับท่านลอร์ด!” นายทหารทั้ง 6 ต่างก็อับอาย
“ในทางทหารเรามีความเป็นธรรมมาก ถ้าพวกเจ้าทำได้ดี เราก็จะตอบแทน แต่ถ้าพวกเจ้าล้มเหลว เราก็จะลงโทษพวกเจ้า ขุนพลซีจะถูกหักเงินเดือนครึ่งปี และนายพันทั้ง 5 จะถูกหักเงินเดือน 3 เดือน” โอหยางโชวประกาศบทลงโทษ
“ขอบคุณท่านลอร์ดที่ให้อภัยพวกเรา!”
หลังจากนั้นขุนพลซีก็เริ่มรายงานสถานการณ์ของเชลย “เรียนท่านลอร์ด เราได้จับเชลยเป็นทหารธนู 320 นาย, ทหารโล่กระบี่ 1,260 นาย และทหารม้า 54 นาย รวมเป็น 1,634 นาย ขอรับ”
โอหยางโชวพยักหน้า “ส่งพวกเขาให้กรมกิจการทหาร เพื่อนำพวกเขาไปเป็นทหารสำรองชั่วคราว สำหรับกรมทหารที่ 1 หลังจากที่เสร็จสิ้นปฏิบัติการแล้ว เราถึงจะเริ่มเสริมกำลังใหม่”
“ปฏิบัติการ?” ขุนพลซียังไม่เข้าใจ
“ถูกต้อง ศัตรูกล้าที่จะท้าทายเรา ดังนั้น เราจะตอบแทนพวกเขาด้วยเลือด ข้าจะกลับไปที่เมืองหลักเพื่อรวบรวมกองพันป้องกันเมืองและกองพันเครื่องกลพระเจ้า เพื่อช่วยเป็นกำลังสนับสนุนกรมทหารที่ 1 ในการยึดเมืองหยงเย่และเมืองกวงซุ่ย ทำไมหรือ? พวกเจ้าไม่มีความมั่นใจเช่นนั้นหรือ?” โอหยางโชวประกาศแผนการแก้แค้นของเขา
ในขณะนี้ มันเป็นเวลาที่ดีที่สุด ที่เขาจะโจมตีเมืองหยงเย่และเมืองกวงซุ่ย โอหยางโชวไม่ต้องการปล่อยให้พวกเขามีเวลาในการฟื้นตัว และไม่ต้องการให้พวกเขารับสมัครและฝึกอบรมทหารใหม่เพิ่ม
เมื่อได้ยินว่าจะได้แก้แค้น เลือดของเหล่านายทหารก็เดือดพล่าน จากนั้น ขุนพลซีก็กล่าวด้วยอารมณ์ว่า “ท่านลอร์ดอย่าได้กังวล เราจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!” แม้ว่ากรมทหารที่ 1 จะสูญเสียไปเกือบครึ่ง แต่ด้วยความช่วยเหลือของกองพันป้องกันเมือง และกองพันเครื่องกลพระเจ้า เขามีความมั่นใจว่าจะสามารถจัดการเมืองทั้ง 2 นี้ได้อย่างแน่นอน
ในเวลาสงครามเช่นนี้ การประชุมได้สิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว โอหยางโชวสั่งให้กองพันองครักษ์และกองพันที่ 1 แห่งกรมทหารที่ 2 ประจำการที่ค่ายตะวันตกชั่วคราว ส่วนเขานำทหารองครักษ์ 10 นาย รีบกลับไปยังเมืองซานไห่
แฟนเพจ : TWOแปลไทย