ตอนที่แล้วTWO Chapter 224 พลิกสถานการณ์รอบๆ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 226 การไล่ล่า

TWO Chapter 225 ซุ่มโจมตี


TWO Chapter 225 ซุ่มโจมตี

ซาโพจุ่นรู้สึกราวกับว่าเขาอยู่ในฝันร้าย และมันเป็นฝันร้ายที่เขาต้องตื่นขึ้นมาให้เร็วที่สุด

เมื่อตี่เฉินบอกว่า เขามีโอกาสที่จะลอบโจมตี และจัดการกับฉีเยว่หวู่ยี่ ซาโพจุ่นก็รู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ชั้น 9 เขาไม่สามารถลืมได้ว่า ฉีเยว่หวู่ยี่ฉีกหน้าเขาในระหว่างสงครามโจวหลู่ โดยบอกว่าเขาเป็นสุนัขของตี่เฉิน การดูถูกเช่นนี้ เลวร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาเขาเสียอีก

ความเกลียดชังจะทำให้ผู้คนสูญเสียความมีเหตุมีผล และไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาถูกกลืนกินโดยความกระหายเลือดของเขาเอง

ซาโพจุ่นไม่ได้คิดเลยว่า ทำไมตี่เฉินถึงไม่ทำมันด้วยตัวเอง และเลือกที่จะมาหาเขาแทน เขายังไม่ได้พูดคุยกับตระกูลของเขา ก่อนที่จะนำกองกำลังชั้นสูงของเขา 2,000 นาย มาที่เมืองหยงเย่

เขาต้องการที่จะเริ่มต้นการแก้แค้น จิตวิญญาณของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความแค้นที่ยังคงเผาไหม้

ในตอนแรกสงครามก็ราบรื่น พวกเขาเดินทางในช่วงกลางคืน และไม่มีศัตรูขวางทางอยู่ตรงหน้าพวกเขาเลย แม้ว่าจะมีอุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆ มันก็ยังคงดำเนินไปตามที่เขาต้องการ

กองกำลังพันธมิตรเข้าไปในค่ายของศัตรูได้อย่างราบรื่น และเริ่มการสังหาร เมื่อเห็นทหารเมืองซานไห่ตกตายลงไปในบ่อเลือดทีละคนทีละคน ตอนนั้น ซาโพจุ่นพอใจและสนุกสนานเป็นอย่างมาก

ซาโพจุ่นไม่ได้คิดแค่ว่าเขาจะทำลายเพียงค่ายนี้ เขาคิดไปถึงว่า เขาจะนำกองกำลังพันธมิตรไปโจมตีเมืองซานไห่ เพื่อให้ฉีเยว่หวู่ยี่ก้มกราบเขา เขาต้องการให้ฉีเยว่หวู่ยี่ร้องขอความเมตตาจากเขา

แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้น? สถานการเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

ความเร็วในการรวบรวมกองกำลังของศัตรูเร็วกว่าที่กองกำลังพันธมิตรคาดไว้ภูเขา และความแข็งแกร่งของกองกำลังศัตรูก็เหนือกว่ากองกำลังพันธมิตรมาก แม้ว่านักรบคนเถื่อนภูเขาจะไม่ได้สวมชุดเกราะ พวกเขาก็ยังแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับทหารชั้นสูงของพันธมิตรได้

ชัยชนะนั้นสั้นมาก เมื่อทหารราบเกราะหนักของศัตรูรวมตัวกัน การสังหารของพวกเขาก็ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อีก ซาโพจุ่นรู้ว่าเวลาของพวกเขาได้หมดลง และการสู้รบที่แท้จริงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

แม้แต่ในขณะนั้น ซาโพจุ่นก็ยังคงเชื่อมั่นว่าชัยชนะอยู่ในมือของเขา หลังจากที่การสู้รบภายในค่ายหยุดลง กองกำลังพันธมิตรก็มีมากเป็น 2 เท่าของกองกำลังศัตรู ถ้าพวกเขาได้รับคำสั่งอย่างถูกต้อง พวกเขาคงจะไม่มีทางพ่ายแพ้แน่

กองกำลังพันธมิตรของซาโพจุ่นเริ่มตั้งขบวนทัพที่นอกค่าย และเริ่มเปิดฉากโจมตีศัตรู สำหรับซาโพจุ่น เขาไม่ได้ลังเลเลยที่จะจัดให้กองทหารม้าที่ยอดเยี่ยมของเขาอยู่ที่ด้านของกองกำลัง ดั่งกระบี่ที่แหลมคม

แต่น่าเสียดายที่ทหารราบเกราะหนักของศัตรูแข็งแกร่งเกินไป ซาโพจุ่นรู้สึกเหมือนโดนตบหน้า กองกำลังเมืองซานไห่ไม่ลังเลที่จะให้ทหารราบเกราะหนักของพวกเขารับการกระแทกของทหารม้า ทหารราบเกราะหนักเหล่านี้ โอหยางโชวต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากกว่าจะได้พวกเขามา แล้วจะเอาพวกเขาไปเปรียบเทียบกับทหารราบเกราะเบาได้อย่างไร?

หลังจากนั้น ทหารม้าของศัตรูก็ลอบโจมตีทหารธนูที่อยู่แนวหลัง มันทำให้ซาโพจุ่นโกรธเป็นอย่างมาก

ซาโพจุ่นยังไม่ท้อแท้ เขายังคงเชื่อว่าชัยชนะจะเป็นของพวกเขา เขาสงบลงและกระตุ้นทหารของเขา โดยสั่งให้ทหารโล่ดาบส่วนหนึ่งกลับมาช่วยเหลือทหารธนู ในขณะที่คนอื่นๆเดินหน้าต่อไป เพื่อกลืนกินทหารราบเกราะหนักของศัตรู

ซาโพจุ่นมองเห็นชัยชนะอยู่ในสายตาแล้ว อย่างไรก็ตาม ปีศาจที่ชื่อฉีเยว่หวู่ยี่ก็ได้นำกองทหารม้าเกราะหนักของเขามา ศัตรูมีเพียงทหารม้าเกราะหนัก 500 นาย แต่สามารถหยุดยั้งกองกำลังทหารโล่กระบี่ของพันธมิตรที่มีมากกว่า 3-4 เท่าได้ ไม่เพียงแค่นั้น ทหารโล่กระบี่ของพวกเขายังถูกทำลายอย่างย่อยยับอีกด้วย

สิ่งที่เกิดขึ้นคือฝันร้ายของซาโพจุ่น

เริ่มจากกองกำลังทหารธนูของพันธมิตรได้ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง และพวกเขาก็เริ่มที่จะวิ่งหนีเอาชีวิตรอด จากนั้น กองกำลังทหารม้าที่ซาโพจุ่นภาคภูมิใจ ก็ถูกกลืนกินโดยกองกำลังทหารราบเกราะหนักของศัตรู มีเพียง 100-200 นายเท่านั้น ที่ยังโชคดีหนีออกมาได้

สุดท้าย กองกำลังของพันธมิตรก็ถูกทำลายทั้งหมด

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่รุนแรงอขงทหารราบเกราะหนัก และทหารม้าเกราะหนัก ทหารโล่กระบี่ที่พยายามหนีก็โยนกระบี่และโล่ของพวกเขาลงพื้น และยกมือขึ้นยอมจำนนในที่สุด ทหารราบของพวกเขาไม่สามารถหนีจากทหารม้าของศัตรูได้ ทหารธนูที่พยายามหลับหนีก่อนหน้านั้นเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด

เหล่าลอร์ดเศร้าเสียใจ หลังจากที่กองกำลังทหารม้าถูกทำลาย พวกเขาก็นำทหารองครักษ์ของพวกเขา หลบหนีออกไปในทันที ความกล้าหาญและความศรัทธาของพวกเขาถูกทำลายลงทั้งหมดไม่มีเหลือ

พวกเขาเดิมพันทุกสิ่งทุกอย่างกับการโจมตีในครั้งนี้ แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับคือ กองกำลังของพวกเขาถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง

ลอร์ดเหล่านี้ตื่นตระหนก จนพวกเขาลืมแจ้งกองกำลังพันธมิตรฝั่งตะวันออกผ่านช่องพันธมิตร ซึ่งตอนนี้ยังคงเดินทางลึกเข้ามาในดินแดนของเมืองซานไห่ ซึ่งมันจะทำให้พวกเขาถูกซุ่มโจมตีโดยกรมหทารที่ 3

ซาโพจุ่นกำลังจ้องมองและดูถูกกลุ่มคนขี้ขลาดเหล่านี้ แต่เมื่อมองไปอีกที ก็จะพบว่า เขาเองก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนที่หลบหนีเหล่านั้น ทหารที่หลบหนีพยายามติดตามลอร์ดของตน พวกเขาเดินตามไปที่เมืองหยงเย่

โอหยางโชวโกรธมาก เหล่าแมลงพิษที่เขาเลี้ยงไว้นานกว่า 6 เดือน ได้ลอบกัดเขา และมันทำให้เขารู้สึกแย่ ความคิดที่จะปล่อยให้ลอร์ดเหล่านี้มีชีวิตอยู่ไม่เคยอยู่ในความคิดของเขา

เมื่อเห็นซาโพจุ่นปรากฎตัวขึ้นในกลุ่มพันธมิตรนี้ เขาก็รู้ว่าพันธมิตรหยานหวงและตัวเขาได้เกิดความสัมพันธ์ที่ไม่อาจแก้ไขได้อีกต่อไป ไม่เจ้าก็ข้าจะต้องตายกันไปข้างหนึ่ง

โอหยางโชวปล่อยให้ขุนพลซีอยู่ที่นี่ เพื่อรับผิดชอบเรื่องจัดการเชลย และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการซ่อมแซมค่ายด้วย ส่วนตัวเขาได้นำกองพันทหารองครักษ์ และกองพันที่ 3 แห่งกรมทหารที่ 1 ออกไปไล่ล่าศัตรู

ที่ชานเมืองทางตะวันออกของเมืองฉิวซุ่ย ห่างจากชายแดน 15 กิโลเมตร ที่เนินเขาเล็กๆแห่งหนึ่ง ด้านบนเนินเขานั้น นอกเหนือจากหญ้าป่าแล้ว ไม่มีต้นไม้อื่นๆอยู่เลย ที่นี่คือสถานที่ที่เอ้อหลายเลือกเป็นที่ซุ่มโจมตี กรมทหารที่ 3 และกองพันที่ 2 แห่งกรมทหารที่ 2 ได้หลบซ่อนตัวอยู่บนเนินเขา รอให้ปลามาติดเบ็ด

ลอร์ดแห่งเมืองดาบหัก ปาเตา ได้นำกองกำลังพันธมิตร 2,000 นาย เดินทางต่อโดยไม่เจอปัญหาใดๆระหว่างทาง เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาได้พบกับค่ายโจรไม่กี่แห่ง เมื่อเห็นกองกำลังขนาดใหญ่ พวกโจรก็จะเป็นเหมือนเต่า ที่ซ่อนตัวอยู่ที่กระดอง

เมื่อเดินทางมาด้วยความราบรื่น ปาเตาก็คลายความกังวลลง จนกระทั่งไม่แม้แต่จะส่งหน่วยสอดแนมออกไปสำรวจตามเส้นทางเดินทัพ

“พี่ชายเตา ท่านไม่คิดว่ามันแปลกหรือ? เราเดินทางมานานแล้ว แต่กลับไม่ได้พบกับทหารลาดตระเวณของศัตรูแม้แต่คนเดียว มันจะเป็นกับดักหรือไม่?” ลอร์ดแห่งเมืองกู่ซาน เติ้งไท่ไป๋เจี้ยงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

ปาเตาส่ายหัว “เจ้าคิดมากเกินไป เจ้าสังเกตเห็นหรือไม่ว่า ยังคงมีพวกโจรอยู่ในพื้นที่นี้? สิ่งที่ข้าจะบอกก็คือ มันหมายความว่าเมืองซานไห่ยังไม่ได้กวาดล้างพื้นที่บริเวณนี้ จึงเป็นธรรมดาที่จะไม่มีทหารมาลาดตระเวณ ไม่อย่างนั้น พวกเขาก็คงจะกลายเป็นอาหารของพวกโจรแน่ๆ” คำอธิบายของปาเตาทำให้เขาสบายใจมากขึ้น

เติ่งไท่ไป๋เจี้ยงคิดเกี่ยวกับมันอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะเลิกคิด และไม่สนใจมันอีกต่อไป

ด้านหลังของเนินเขา นายพันของกองพันที่ 3 แห่งกรมทหารที่ 3 เลี้ยวไค่ เดินมาที่ด้านหน้าของเอ้อหลาย แล้วกล่าวว่า “ท่านขุนพล พวกเขามาถึงแล้วขอรับ!”

เอ้อหลายที่กำลังขี่สัตว์ประหลาดเหนียนลั้วซาที่โดดเด่น กล่าวออกมาว่า “เตรียมพร้อม!”

“ขอรับ!”

เมื่อกองกำลังพันธมิตรเดินทางมาถึงกลางเนินเขา กองพันทหารม้าทั้ง 2 ซู่งมีทหารม้ารวมกันถึง 1,000 นาย ก็ปรากฎตัวออกมาราวกับเป็นผีป่า จู่พวกเขาก็โผล่ออกมา โดยไม่ชักช้า พวกเขาเริ่มพุ่งเข้าไปปะทะกับศัตรูจากบนเนินเขาในทันที

อย่างพร้อมเพียง หลังจากที่เหล่าทหารม้าปรากฎตัวขึ้น ทหารธนูของกรมทหารที่ 3 ก็ยิงฝนลูกศรไปที่ทหารธนูของกองกำลังพันธมิตร เพื่อเป็นการสนับสนุนให้กับเหล่าทหารม้า

ฝนลูกศรโค้งอย่างสวยงามในกลางอากาศ ก่อนที่จะตกลงสู่กองกำลังทหารธนูของศัตรูอย่างแม่นยำ เมื่อลูกศรพุ่งลงมา มันได้เจาะทะลุบ่าและหัวของพวกเขา บรรดาผู้ที่ถูกยิงที่หัวตายในทันที และบรรดาผู้ที่ถูกยิงที่บ่าก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด หากพวกเขาไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงนี้ พวกเขาก็มีโอกาศที่จะเป็นอัมพาตจากช่วงเอวขึ้นมา

การโจมตีอย่างกระทันหันทำให้กองกำลังของพันธมิตรตื่นตระหนก พวกเขาไม่เคยคิดว่าตนเองจะถูกซุ่มโจมตีในเวลาและสถานที่เช่นนี้

ปาเตาตื่นตระหนก เขารีบตะโกนออกมาว่า “ตั้งขบวนทัพ! ตั้งขบวนทัพ!” ทหารโล่กระบี่ที่อยู่ตรงกลางรีบมุ่งหน้าไปที่ปีก เพื่อสร้างแนวป้องกัน

อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างได้สายเกินไปแล้ว ก่อนที่พวกเขาจะตั้งขบวนทัพ และก่อนที่ทหารโล่กระบี่จะทันได้ยกโล่ของพวกเขาขึ้นมา ทหารม้าก็ได้กระแทกพวกเขากระจัดกระจายไปแล้ว

กองกำลังทหารม้าพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง ก่อนที่กองกำลังพันธมิตรจะจัดขบวนทัพได้สำเร็จ ทหารที่อยู่ด้านหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และพยายามที่จะถอยหลัง ในขณะที่คนที่อยู่ด้านหลังก็พยายามที่จะเข้าสู่ตำแหน่ง ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายภายในกองกำลังพันธมิตร

ในเวลานั้น กองพันที่ 1, 2 และ 4 ก็ออกมาจากด้านหลังเนินเขา ปรากฎตัวขึ้นที่ด้านหลังของพวกเขา ก่อนจะเริ่มฟันและแทงไปที่ด้านหลังของพวกเขา

ทหารราบที่เป็นนักรบคนเถื่อนภูเขา และทหารหอกเริ่มโจมตีศัตรู กองกำลังพันธมิตรที่กำลังสับสนวุ่นวายไม่สามารถประสานงานกันได้ ระบบคำสั่งของพวกเขาล้มเหลว และทหารเริ่มต่อสู้เพื่อตัวเอง ในทางกลับกัน กรมทหารที่ 3 เป็นปึกแผ่น และการเคลื่อนไหวของพวกเขาก็ประสานงานกันเป็นอย่างดี เมื่อทหารม้าเข้าปะทะกับแนวป้องกันของศัตรูที่กำลังสับสนวุ่นวาย พวกเขาก็สังหารศัตรูได้อย่างง่ายดาย

ทหารม้าของกองกำลังพันธมิตรอยู่ด้านหน้า ในสถานการณ์นี้ พวกเขาไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง ถ้าจะพุ่งไปที่ด้านหน้า ด้านหน้าก็ไม่มีศัตรู ถ้าจะพุ่งไปปะทะที่ด้านหลัง กองกำลังทหารโล่กระบี่ของพวกเขาก็ขวางอยู่ ทันใดนั้น ผู้บัญชาการทหารม้าก็มีความคิดบางอย่าง เขาสั่งให้ทหารม้าของเขาพุ่งขึ้นไปบนเนินเขา เพื่อฆ่าทหารธนูของศัตรู

มันเป็นเรื่องง่ายที่จะลงเขา แต่ยากที่จะขึ้นไป กองพันทหารธนูที่อยู่ด้านบนไม่ได้เกรงกลัว พวกเขาเล็งที่เป้าหมาย แล้วยิงฝนลูกศรออกไป นายพันของทหารธนูสั่งให้ทหารของเขาให้ความสำคัญกับทหารม้าก่อน บรรดาผู้ที่ถูกยิงก็ล่วงลงกับพื้น ส่งผลต่อการเดินหน้าของทหารม้าคนอื่นๆที่อยู่ด้านหลัง

เส้นทางขึ้นสู่เนินเขานั้นสั้น ทหารธนูยิงฝนลูกศรออกไปได้เพียง 3 ชุดเท่านั้น แต่มันก็ทำให้ทหารม้าที่เดิมมี 500 นาย เหลือไม่ถึง 200 นาย พวกเขาพยายามพุ่งขึ้นไป และเตรียมจะสังหารทหารธนู ทันใดนั้นเอง ก็มีขุนพลผู้หนึ่งขี่สัตว์ประหลาดที่มีเกล็ดสีเขียวปรากฎตัวขึ้นที่ด้านหน้าของกองพันทหารธนู

แฟนเพจ : TWOแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด