บทที่ 8 ผู้กล้ากับเจ้าหญิง (1)
บทที่ 8 ผู้กล้ากับเจ้าหญิง (1)
เมื่อผมเขียนจดหมายเสร็จแล้ว มันทำให้ผมรู้สึกอารมณ์ดี เหมือนกำลังมอบรางวัลดาวทองคำให้กับผู้คนที่อยู่ในห้องนี้
เจ้าหญิงยังคงกรีดร้องด้วยความทุกข์ทรมานจากการที่แขนขาของเธอถูกบดขยี้ ผมยังไม่หยุดจนกว่าผมจะทำให้เธอเจ็บปวดมากกว่านี้ จนเธอไม่สามารถทนได้อีกต่อไปและสลบในไม่ช้า
เหล่าอัศวินก็เหมือนกัน พวกมันกำลังร้องโอดครวญไปกับความเจ็บปวดอย่างหาที่สุดมิได้ มันใช้เวลาไม่นาน ก่อนที่ส่วนใหญ่ไม่สามารถอดทนต่อความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้น พวกมันก็ค่อยๆหมดสติ
ผลลัพธ์ที่ออกมา คือ พวกมันรู้สึกราวกับในหัวกำลังจะระเบิดและดวงตาดูคล้ายกับปลาที่กำลังจะตาย ไม่ว่าพวกมันจะสลบไปแล้วหรือไม่ก็ตาม เสียงร้องคร่ำครวญที่สะท้อนไปมา ก็ค่อยๆดับลง
「อะเร๊? ความรู้สึกนี้ เหมือนไม่ได้รู้สึกอย่างนี้มานานแล้วแหะ」
เมื่อเสร็จสิ้นงานของผม ผมลุกขึ้นยืนและรับรู้วิสัยทัศน์การมองเห็นของผม มันดูยุ่งเหยิง มันแสดงให้เห็นว่ามานาของผมหมดไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่กำลังเขียนตัวอักษรด้วย 【ดาบขาแมงมุมเพลิง】, ผมก็คอยรักษาระดับพลังชีวิตของอะลีเซียโดยใช้ 【ดาบคริสตัลมรกต】เพื่อไม่ให้เธอตาย ถึงแม้ว่า 【ดาบขาแมงมุมเพลิง】,แทบจะไม่ได้ใช้มานาเลย แต่พลังการรักษาของ【ดาบคริสตัลมรกต】กลับดูดมานาไปค่อนข้างเยอะ
「เปิดหน้าต่างสเตตัส」
อุเคย์ ไคโตะ | อายุ 17 ปี | เพศ ชาย |
พลังชีวิต:531/545 มานา:347/412 |
เลเวล: 1 |
ความแข็งแกร่ง: 224
พลังกาย: 324 ความอดทน: 545 ความไว: 587 พลังเวทย์ 117 ต้านทานเวทย์มนต์: 497 |
ทักษะประจำตัว: 「ดาบแห่งดวงวิญญาณ▽」 「ความเข้าใจในภาษาอื่น」 |
ทักษะ: 『ต่อย เลเวล 1』 『ควบคุมเวทย์มนต์ เลเวล 1 』『เหินเวหา เลเวล 1』 |
สถานะปัจจุบัน: ยอดเยี่ยม |
เหมือนได้รับการยืนยัน มานาที่เหลือลดลงไป 20% อย่างที่คิด การใช้งานดาบแห่งดวงวิญญาณมากเกินไปเห็นได้จากหน้าต่างสถานะ
ถ้าผมยังไม่มีทักษะที่ช่วยเพิ่มอัตราการฟื้นฟูมานาและทักษะที่ช่วยลดการใช้มานาแล้วล่ะก็ ผมคงไม่สามารถต่อสู้ได้แบบเมื่อก่อน ผมควรจะรีบเพิ่มเลเวลก่อนดีมั้ย หรือค่อยทำหลังจากจัดการธุระบางอย่าง?
「หืมมม… อืมมม… งั้นคงได้เวลาต้องไปแล้วล่ะ?」
ในเมื่อผมจัดการตรงนี้เกือบเสร็จเรียบร้อย ผมก็จะรีบชิ่งออกจากปราสาทเดี๋ยวนี้และไปยังเมืองที่ใกล้ที่สุด จากนั้นผมก็จะวางแผนเตรียมการออกจากเมือง
「…… ไม่มีประโยชน์หรอก แกไม่สามารถหนีออกไปจากปราสาทหลังนี้ได้หรอก」
「เอ๋ เธอรู้สึกตัวแล้วเหรอเนี่ย?」
「อัศวินมากกว่า 500 นาย ประจำการอยู่ในปราสาทหลังนี้ แกจะถูกจับและก็โดนทรมานจนตาย」
ด้วยความเสียหายที่ได้รับและทักษะฟื้นฟูที่บังคับใช้อยู่หลายครั้ง ประสาทสัมผัสในร่างกายของเธอคงจะเป็นอัมพาตชั่วคราว เสียงของเจ้าหญิงอะลีเซียเริ่มแหบแห้งเพราะความเจ็บปวด
เธอยังพอมีแรงหันมามองผม ผมรับรู้ได้ว่าเธอกลับเป็นปกติ ไม่ได้มีความมุ่งร้ายแผ่ออกมา
เป็นอย่างที่คาดเอาไว้เลย น่าจะเป็นเพราะธรรมชาติของเจ้าหญิงที่มีความเด็ดเดี่ยว ไม่ว่าผมจะทรมานเธอมากแค่ไหนก็ตาม? เธอยังคงสับสน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งน่าจะมาจากความโอ้อวดโอหังจอมปลอม แต่ถ้าได้ปล่อยให้เธอพักฟื้น ผมก็จะได้สนุกมากกว่านี้ ผมอารมณ์ดีสุดๆไปเลยล่ะ
เจ้าหญิงอะลีเซีย มองมาทางผมที่กำลังจมอยู่กับความเงียบงัน เธอตะโกนมาทางผมในขณะที่คิดว่าเธอนั้นถือไพ่เหนือกว่า
「ไอ้พวกคนป่าเถื่อนแบบแกที่มาจากต่างโลก ดูท่าจะมั่นใจในตัวเองมากเลยนะ เห๊อะ ฉันจะไม่ปล่อยแกไปง่ายๆแน่ ฉันจะฆ่าแกให้เจ็บปวดยิ่งกว่านี้ ร้อยเท่า พันเท่า และ ฉันจะทำให้แกต้องอับอายมากกว่าที่แกทำกับฉัน」
สายตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและเกลียดชัง
นี่สิสิ่งที่ผมต้องการ สายตาที่จ้องมาหลังจากที่เธอโดนตบซะยับเยิน
สายตานั่น ทำให้เธอรับรู้ว่ามันเป็นไปได้ที่จะฝังความเจ็บปวด ความอับอายไว้ในส่วนลึก
แต่ยังไงซะ……
「ก็นะ ถ้าแกไม่ลองสวดอ้อนวอน ขอความเมตตาจากฉัน งั้นฉันก็ช่วยอะไรแกไม่ได้ ในเมื่อพวกผู้กล้าอย่างแก ยังสามารถใช้ประโยชน์ได้อีกเยอะ ฉันจะให้แกกล่าว สัตยาบันต่อหน้าผู้คนของเราด้วยเกียรติของผู้กล้า เจ้าจะสาบานว่าจะจงรักภักดีหรือไม่?」
เฮ้อ- ช่างเป็นเด็กที่เอาแต่ใจอะไรอย่างเน้ ผมมองดูเธอราวกับว่าเธอมั่นใจในการโน้มน้าวของตัวเองด้วยคำพูดอันสวยหรูและท่าทางองอาจ
ผมมองไปที่เจ้าหญิง และก็
「อ๊า ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า ฮ้า ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า ฮ๊า ฮ๊า ฮ่า~………」