ตอนที่ 15 แสงจันทร์
ตอนที่ 15 แสงจันทร์
เมื่อหมาป่าขลุ่ยตื่นขึ้นมาบนเตียงเดิมที่เขาเคยนอน
เขาไม่รู้สึกถึงตัวของตัวเอง เขารู้สึกราวกับว่าลอยอยู่ในอากาศ ถึงแม้เขาจะรู้สึกเจ็บปวดก็ตามแต่เพราะความรู้สึกผ่อนคลาย ทำให้ดูเหมือนจะไม่ค่อยเจ็บปวดเท่าไหร่
"Mandala?" หมาป่าขลุ่ยกระซิบ "หลวงพ่อไม่ใช่ว่าปริมาณของการฉีดที่คุณให้ผมน้อยเกินไปหรอ?"
"คุณก็รู้เหตุผล ยังจะพูดอะไรอีก" ใต้แสงเทียนหลวงพ่อที่กำลังสวดมนต์หันมามองเขา "เมื่อคุณถูกนำกลับมาที่นี่ สภาพของคุณไม่มีชิ้นดี เพื่อไม่ให้คุณตายจากความเจ็บปวด ผมจึงจำเป็นต้องใช้ Mandala กับคุณ"
"อย่างนั้นหรอ ? แต่นักบวชธรรมดาสามารถทำการผ่าตัดแผลให้แบบนี้ได้ด้วยหรอ นอกจากนี้โบสถ์ธรรมดาๆ ไม่ควรมีเครื่องมือผ่าตัดและยาเสพติดจำนวนมากเช่นนี้"
หลวงพ่อเมินเขา
หมาป่าขลุ่ยยกศีรษะช้าๆและเห็นว่าหน้าอกของเขามีรอยเย็บเป็นจำนวนมาก เขาถอนหายใจเบา ๆ "ถ้าผมมีชีวิตอยู่คงหมายความว่าศิลปินแห่งสายฝนตายไปแล้วใช่ไหม?"
"ไม่ใช่ว่าตอนนี้ เขาอยู่ข้างๆคุณหรอ?"
หมาป่าขลุ่ยตะลึงกับคำพูดของหลวงพ่อ เขาหันไปรอบๆ และเกือบร้องไห้บนที่นอน
ข้างหมอนของเขามีขวดแก้วขนาดใหญ่ ส่งกลิ่นที่น่ารังเกียจคล้ายยาฆ่าเชื้อโรค มันดูแห้ง ดูผิดรูปทรงถูกใส่ในภาชนะ ราวกับว่าน้ำระเหยออกไปหมด ร่างกายที่บิดเบี้ยวขดตัวลงคล้ายทารกในครรภ์ แต่ทารกธรรมดาไม่ได้น่ากลัวเช่นนี้
"นั่นเป็นวิธีการแก้แค้นของคุณหรอ?" หมาป่าขลุ่ยกล่าวขมขื่นว่า "คุณมาจากชนเผ่านักล่าหรอคุณใช้วิธีอะไรเปลี่ยนเขาให้เป็นแบบนี้?"
"เขากลายเป็นแบบนี้หลังจากที่เขาเสียชีวิตแล้ว" หลวงพ่อเอาขวดจากเขาและทำท่าทางที่จะโยนมันออกไป "ถ้าคุณไม่ต้องการมัน ฉันจะโยนมันออกไป."
"เป็นความผิดผมเอง โปรดยกโทษให้ผมด้วยในสิ่งที่ทำลงไป มันจะช่วยให้ได้เงินจำนวนมากจากสภานักดนตรี" หมาป่าขลุ่ยบุ้ยปากและขอร้องให้เมตตา น้ำลายค่อยๆหยดลงมาจากปากเขาดูคล้ายคนบ้า "มิฉะนั้นเครื่องดนตรีของฉันจะไม่สามารถซ่อมแซมได้ คนจากห้องวิจัยคาเวนดิชจะไม่ปล่อยฉันผ่านประตูไปโดยไม่มีเงิน"
นักบวชมองลงไปที่เศษซากในขวดและถามว่า "มันเป็นเงินที่คุณสัญญาว่าจะแบ่งให้เด็กคนนั้นด้วยใช่ไหม?"
หมาป่าขลุ่ยตะลึง "คุณรู้ได้อย่างไร?"
“เมื่อตอนที่คุณคุยกันเมื่อคืนฉันได้ยินทุกอย่างจากข้างนอก”
"ตั้งแต่ตอนไหน?"
"ตั้งแต่ต้นจนคุณพูดว่า เพื่อชดเชยให้กับเขาที่เป็นเหยื่อจากอันตรายที่เขาอาจจะเจอ ผมจะสนับสนุนทางการเงินให้เขาได้เรียนรู้ที่จะเป็นนักดนตรี "
"คุณไม่อยากรู้หรอว่าเขาจะเป็นได้ไหม?"
หลวงพ่อมองเขาอีกครั้งราวกับว่าเขาเป็นคนที่งี่เง่า แต่ไม่ได้พูดอะไร
"เยี่ยม คุณเข้าใจสินะ" หมาป่าขลุ่ยยักไหล่ "ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ฉันอาจตายไปแล้วในเวลานี้"
หลวงพ่อส่ายหัว "คุณมีราชาหมาป่าที่สามารถควบคุมอากาศธาตุได้ คุณไม่มีทางตายได้หรอก"
"อาจารย์เป็นคนให้ฉันมา ต้องขอบคุณความสุขุมรอบคอบของเขา ฉันจึงสามารถที่จะทำให้ศิลปินแห่งสายฝนประหลาดใจได้ แต่ฉันก็สูญเสียไปมากเช่นกัน"
"ไม่มีสิ่งใดดีกว่าการมีชีวิตอยู่ ทำไมคุณถึงไม่พักผ่อนก่อนละ" แต่หลังจากช่วงเวลาแห่งความเงียบ เขากระซิบ "จะมีรถมาพาคุณไปในวันพรุ่งนี้ ฉันจะไปกับคุณเพื่อรับสินค้าในวันพรุ่งนี้มันคือ..... จงเก็บไว้เป็นอย่างดี ฉันหวังว่าคุณจะสามารถใช้มันได้อย่างถูกต้อง "
เขาก้มหน้ามองหมาป่าขลุ่ยก่อนออกจากห้องและปิดประตู ในความเงียบมีเพียงหมาป่าขลุ่ยเท่านั้น
หลังจากนั้นเป็นเวลานานเขาก็เกาศีรษะของเขาและถอนหายใจเบา ๆ "ตราบเท่าที่ยังใช้งานมันอยู่ ไม่มีคำว่า" ถูกต้อง "หรอก?"
เย่วซิงฝันอีกครั้ง เขาฝันถึงอดีตอันไกลโพ้น แต่แตกต่างจากสิ่งที่เขาจำได้
มันดูเหมือนจะมาจากจินตนาการของใครบางคน เริ่มต้นด้วยเสียงฝนตก ตั้งแต่เขาเข้ามาในความฝัน เขากลับมาอยู่ที่ถนนของ Avalon อีกครั้ง
เสียงการเล่นเปียโนที่คุ้นเคยดังมาจากที่ไหนสักแห่งมันเป็นเสียงจากความทรงจำครั้งแรกของเขา เหมือนมีมือที่นำทางเขาสู่โลกแห่งความฝัน
ในฝูงชนที่โกรธเกรี้ยว เขาเห็นชายคนหนึ่งถือกระเป๋าเปียโนอยู่ เขาดูอ่อนเยาว์มาก ดังนั้นเวลาคงผ่านมาหลายปีมาแล้ว เสื้อคลุมของเขาลอยอยู่ในสายลมปลิวไสว
ผมสีเงินยาวของเขาไม่ได้ผูกมัดเหมือนคนชาวตะวันออกอื่นๆ เขาใส่กิ๊บปิ่น แปลก ๆ ง่าย ๆ
"กลุ่มชายชราคนหนึ่งจากเมืองศักดิ์สิทธิ์เรียกฉันว่า 'Chant of Month' คุณอาจจะคิดว่าฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญนอกรีต แต่อย่างใดก็ตามคุณลองมองมาที่นี่ ลูกชายของฉันซึ่งมีความอัจฉริยะมากกว่าฉัน, ?"
ผู้ชายมองลงไปที่ลูกชาย เด็กจ้องมองไปที่รอบข้างของเขา ใบหน้าของเด็กคุ้นเคยมากมันทำให้เย่วซิงปวดหัว แต่เขาก็ยังจำไม่ได้ว่าเด็กคนนั้นเป็นใคร
เย่วซิงกำลังยืนอยู่กลางฝูงชนเขาจ้องมองอย่างสับสน
"พ่อ,ผมอยากได้นั่น" เด็กยกมือขึ้นและชี้ไปที่ลูกโป่งในมือของคนที่เดินผ่านมา
"โอเค,เดี๋ยวพ่อซื้อให้ แต่อย่าบอกแม่ล่ะ?" ผู้ชายที่ถือกระเป๋าเปียโนพูดคุยกับลูกของเขาและเดินผ่านเย่วซิงไป เย่วซิงมองกลับไปและเห็นเด็กคนนั้นอยู่ในอ้อมแขนของชายคนนั้นจ้องมองด้วยแววตาที่ไร้เดียงสา
ในฝูงชนเด็กมองกลับไปที่เขา สายตาของพวกเขาประสานกันนาน เมื่อสบตากับพวกเขาทำให้เย่วซิงต้องก้าวถอยหลัง เขาล้มลงกับพื้นอย่างมึนงง ทำให้รู้สึกราวกับมีอะไรออกมาจากตัวเขา
เด็กคนนั้นดูคล้ายกับเขาตอนที่เขายังเป็นเด็ก แต่เขาไม่ได้มีความสุขแบบนี้? เขาไม่เคยหัวเราะอย่างมีความสุข
เมื่อเพลงเปียโนเริ่มต้นขึ้น มันได้สลายความโกรธของฝูงชน ลมพัดลงมาจากฟากฟ้าแล้วก็พัดไปทั่วทั้งเมือง
เย่วซิงกำลังดิ้นรนอยู่ในสายลมไม่แน่ใจว่าจะพัดเขาไปที่ไหน ที่ปลายนิ้วของเขา เชือกส่องแสงดึงเขาเข้าไปในสายลม ทำให้เขาลอยอยู่ในสายลม
"เย่วซิงเคยฝันแบบนี้มาก่อนไหม" ชายผู้ถือกล่องเปียโนกระซิบข้างหู
เย่วซิงมองไปทั่วๆไป เขาได้ยินเสียงหนุ่มตอบกลับมาแทน "นั่นคือสิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากหลับไป?"
"บางที คุณอาจจะยังสามารถฝันได้อีกเมื่อคุณตื่นขึ้นมา" ผู้ชายที่ถือกระเป๋าเปียโนหัวเราะเบา ๆ เสียงของเขานุ่มและต่ำเหมือนเสียงสะท้อนที่ชัดเจนของการกะทบของหยกเข้าด้วยกัน
"คุณจะลืมความฝันที่คุณมีเมื่อคุณนอนหลับ แต่สิ่งที่คุณมีเมื่อคุณตื่น ทันจะดำเนินต่อไปในความฝันของคุณและทั่วโลกจะกลายเป็นดั่งความฝันที่สวยงามใช่มั้ย?"
เขามองกลับไปที่ชายถือกระเป๋าเปียโน เกิดความเจ็บปวดอย่างเฉียบพลันจนทำให้เขาต้องคุกเข่าลง เขาจับศีรษะและรู้สึกเจ็บปวด
"โลกนี้เป็นเหมือนฝันร้าย ,พ่อ!" เขาตะโกนว่า "ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพ่อ พ่อคิดว่ามันเป็นความฝันที่สวยงามหรอ? แม่ตายไปแล้ว – แม่ตายก็เพราะพ่อ!"
ชายชาวตะวันออกตกใจมาก ดูเหมือนเขาจะจำได้ในที่สุด เขาจ้องมองที่ตาของเย่วซิงที่เต็มไปด้วยน้ำตาอย่างซับซ้อน
เพลงที่นุ่มนวลราวกับผ้าไหมถูกขัดจังหวะอยู่ครู่หนึ่ง ดั่งเช่นกรรไกรคมได้ตัดมันเป็นชิ้น ๆ และทิ้งทุกอย่างกองไว้
ลมค่อยๆหยุดไป ฝุ่นก็หายไป ดวงอาทิตย์ก็ลาลับไป แผ่นดินแตกสลายและทุกอย่างก็พังทลายลง ความมืดปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างและเขาก็กำลังตกลงไปในนรก บทเพลงของเปียโนที่แตกสลายเปลี่ยนเป็นมือจับเขาไว้แน่น
ฝันเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก บางครั้งก็เป็นเมืองที่ถูกน้ำท่วมและบางครั้งปราสาทก็พร้อมที่จะจมลงในดิน บางครั้งก็เป็นทะเลที่โกรธเกรี้ยว ป่าที่โตขึ้นจนสุดขอบฟ้า และแสงสว่างจ้าที่ขอบฟ้า ในวินาทีต่อมา มันก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง บรรยากาศมืดมัวขึ้นเรื่อยๆ หมอกที่ไม่มีที่สิ้นสุดกระจายเพิ่มขึ้นดูดกลืนทุกๆอย่าง
เปียโนเริ่มเล่นขึ้นอีกครั้ง เสียงพาดวงจันทร์ลอยผ่านเมฆขึ้นไปบนฟ้า
เย่วซิงกำลังเดินอยู่ในหมอกและกำลังเดินตามเสียงเพลง ที่เท้าของเขาถนนเริ่มขรุขระขึ้น ทางเริ่มแคบและยากที่จะเดินก้าวต่อไป
หมอกล้อมรอบตัวเขา ราวกับว่าวิญญาณหลาย ๆ ดวงกำลังจ้องมองเขาอย่างเงียบ ๆ ทำให้
เย่วซิง รู้สึกว่าเขาไม่ได้เดินตามเส้นทางนี้เพียงลำพัง เขาเดินไปตามภูเขา ไปข้างหน้า และข้างหน้าจนกว่าจะถึงสถานที่ต่อไป
ราวกับก้าวต่อไปจะก้าวไปสู่นรก
เพลงราวกับดังมาจากจุดสิ้นสุดของท้องฟ้าที่แตกกระจาย ราวกับว่ามันร้องเรียกเขา เย่วซิงก้าวไปที่หมอกอย่างเงียบ ๆ
แต่ดูเหมือนนรกแห่งนี้ไม่กลืนกินเขาเพราะเพลงที่มองไม่เห็นกำลังคุ้มครองเขาอยู่ เขาก้าวไปตามสายลมและเริ่มเดินหน้าเร็วขึ้นและเร็วขึ้น
บางครั้งเขาก็มองไปรอบ ๆ จ้องไปที่เมฆที่กำลังเต้นระบำ ในหมอกและทะเลเมฆมีเพียงดาวดวงเดียวส่องลงมาเหมือนไฟที่พยายามล่อปลาในหมอก ไฟกระพริบผ่านเขาไป แล้วหายไป
เขาเริ่มที่จะรู้สึกสงบ ไม่กลัวอีกต่อไป
จากนั้นเมฆก็แยกออกตรงหน้าเขา ชั้นของหมอกและเมฆแยกออกจากทั้งสองด้านเผยให้เห็นท้องฟ้ามืดกับดวงดาวกระพริบด้านบน ด้านบนเมฆมีดวงจันทร์ส่องให้เห็นเส้นทางแก่เขา
ในแสงจันทร์เขาเห็นชายคนหนึ่งรอเขาอย่างเงียบ ๆ เขายืนอยู่ในระยะไกล เย่วซิงไม่สามารถจับตัวเขาได้ เขาจ้องมองอย่างเงียบๆ เมื่อเห็นเงาของเย่วซิง เขาหัวเราะและโบกมือเบา ๆ ร่างกายของเขาแกว่งไปมาราวกับกำลังจะสลายหายไป
"ลูกชอบมันไหม?" เขามองไปที่เด็กผู้ชาย "ความฝันที่สวยงามแบบนี้?"
"นี่เป็นเวทย์มนต์ของพ่อหรือเปล่า?" เย่วซิงจ้องที่เขา "แต่ผมไม่คิดว่ามันสวยงามผมกลัวมัน."
"เย่วน้อย นี่เป็นความฝันของเมื่ออดีตของลูก ลูกจำไม่ได้หรอ"
"ผมลืมไปแล้ว" เย่วซิงหันไปรอบ ๆ และไม่อยากเห็นมันอีก
"สิ่งที่ถูกลืมไปแล้ว จะไม่ปรากฏตัวที่นี่" เขากระซิบในแสงจันทร์ "สิ่งที่ไม่อาจลืมได้ อาจจะเจ็บปวด แต่นี่เป็นความฝันของลูก ลูกจะลืมไปได้อย่างไร?"
เย่วซิงงงงวย เขามองไปรอบโลกในฝัน มองทะเลเมฆและแสงจันทร์ เขารู้สึกสูญเสียและเศร้า
"ผมควรทำอย่างไรดี?" ในความเงียบพ่อของเขาหัวเราะอ่อนโยนเหมือนแสงจันทร์
"ลูกไม่ได้วางแผนที่จะก้าวไปข้างหน้าหรอ?" เขากล่าวว่า " อย่างเช่นการบินไปบนท้องฟ้า อย่าล้มลงเพียงเพราะความเจ็บปวด เพียงแค่ก้าวไปข้างหน้าตรงไปข้างหน้าและไม่มีอะไรในโลก สามารถหยุดลูกได้ ไม่ว่าจะนำลูกไปสู่สวรรค์หรือนรก จงมุ่งไปสู่จุดจบของความฝันของตัวเอง "
ชายหนุ่มมองตาสีดำของเขาซึ่งมีสีเดียวกับของเขา ดูเหมือนจะมีคำเป็นพันคำอยู่ในตัว แต่ดูเหมือนเขาไม่รู้จะพูดออกมายังไง
"อย่าลืมมันล่ะเย่วซิง”
ในแสงจันทร์ เย่วซิงจ้องที่พ่อและถอนหายใจ ความรู้สึกของเขาค่อนข้างซับซ้อน แต่เขารู้สึกเศร้ามาก ชายคนนั้นค่อยๆหายตัวไปบนดวงจันทร์มีเพียงลมที่แผ่วเบาฝากคำพูดสุดท้ายมาให้กับเขา,
"พ่อจะรอคอยลูก"