ตอนที่ 13 The Demon of Rain and Breath of Boiling Blood
ตอนที่ 13 The Demon of Rain and Breath of Boiling Blood
Pippen กระโดดขึ้นมาจากพื้นดิน เหมือนกับมีพลังระเบิดออกมาจากร่างของเขา แต่ร่างกายของเขาไม่สามารถทนรับมันได้ บางส่วนของข้อต่อร่างกายเขาแยกออกจากัน เพราะพลังที่ปะทุอขึ้นเรื่อยๆ แต่ทันใดนั้นมีบางอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ราวกับลูกเหล็กขนาดใหญ่พุ่งผ่านร่างเย่วซิงไป ดวงตาของเย่วซิงเห็นเพียงแสงแฟลชที่เกิดจากความเร็ว จากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนเป็นสีดำ
เขารู้สึกมึนงงราวกับว่าตัวเองชนเข้ากับกำแพง
ในแสงจันทร์ Pippen กระโจนขึ้นไปในอากาศจับกระเป๋าสีดำไว้แน่น จากนั้นก็หันหลังกลับและโยนมันเข้าไปในความมืด
ไม่นานหลังจากนั้นฝูงหมาป่ายักษ์พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินและฉีกเขาเป็นชิ้นๆ มีเศษกระดูกมากมายชิ้นเนื้อและเลือดไหลไปรอบๆ กล่องสีดำกลิ้งไปตามถนนจนหยุดที่เท้าของใครสักคนที่ปลายของถนน
หมาป่าสีเงินยักษ์ตามกระเป๋าไปติดๆ คนที่แต่งตัวประหลาดมองไปที่ใบหน้าหมาป่าสีเงินและยิ้ม เขาก้มลงและเปิดกระเป๋าสีดำ
แกร๊ก!
ในพริบตา, กระเป๋าสีดำเปิดออกพร้อมเสียงอึกทึก
ด้วยเสียงที่รุนแรงพลังที่มองไม่เห็นดังค้อน ทุบศีรษะของหมาป่าลงบนพื้นดิน เลือดไหลพุ่งเข้าสู่กล่อง จนไม่เหลือเลือดสักหยด
กล่องสีดำเริ่มแตกกระจายจนกลายเป็นผง คลาริเน็ตที่ประณีตตกไปอยู่ในมือของเจ้าของมัน การสั่นสะเทือนหยุดลง ราวกับว่าในที่สุดมันก็ถูกส่งกลับไปยังที่ที่มันควรอยู่
"ผิดหวังใช่ไหมหมาป่าขลุ่ย" คนที่แต่งตัวประหลาดถอดหมวกออกและเผยให้เห็นลูกตาสีขาวของเขา "เป็นกับดักที่ดี แต่มันใช้กับฉันไม่ได้ผล มีผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่าในแผนของแก แกรู้สึกเสียใจบ้างไหม?"
เขาดูมีอายุ ใบหน้าของเขาเหี่ยวย่น ไม่มีอะไรเหมือนกับคนอายุสามสิบปีอย่างทีหมาป่าขลุ่ยอธิบายไว้ แต่ดวงตาสีขาวเหล่านี้ขยับไปมาด้วยความหนาวเยือกเย็นยิ่งกว่าของหมาป่า หากสัตว์ร้ายทำให้คนกลัว ความเหี้ยมโหดและความโหดร้ายนี้อาจทำให้ดวงวิญญาณของมนุษย์ตายได้เลย
"ผิดไปหน่อยนะ" เกิดเสียงดังสะท้อนรอบๆหมาป่า ซึ่งมาจากหมาป่าขลุ่ย "เขาได้ตายไปแล้วตั้งแต่แกคิดจะควบคุมเขาด้วย 'หนอน'."
จากซากกะโหลกศีรษะของ Pippen สิ่งชีวิตสีดำเหมือนปลิงคลานออกมาจากหู เดิมทีมันอาศัยเป็นปรสิตอยู่ในสมองของ Pippen มันคลานออกและว่ายน้ำผ่านไปอย่างรวดเร็ว มีรอยเลือดตามทางที่มันวิ่งไป มันมาถึงศิลปินแห่งสายฝนและห่อรอบข้อมือของเขาและแข็งตัวจนเป็นสร้อยข้อมือแปลกประหลาด
ศิลปินแห่งสายฝนมองลงไปอย่างนุ่มนวลชื่นชมสร้อยข้อมือหนอนที่ข้อมือของเขา เขาถอนหายใจเบา ๆ "แกเห็นไหมฉันต้องจ่ายเงินไปมากสำหรับสิ่งนี้ มันช่วยให้ฉันผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมากมาย รวมทั้งเรื่องในครั้งนี้"
ขณะที่เขากำลังพูดอยู่เขาก็มองไปรอบ ๆ ที่ทิวทัศน์ด้วยความรู้สึกประหลาดใจและน่ายกย่องบนใบหน้าของเขา "มันยากที่จะจินตนาการ ไม่น่าเชื่อว่าฉันไล่ล่าแกจนมาไกลถึงที่นี่ แกดันซ่อนอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ที่น่าขันนี้ "
"ฉันจะไม่ปล่อยให้แกหนีไปได้อีก" เสียงที่หนาวสั่นพูดราวกับว่ามาจากทุกทิศทุกทาง
"ฉันไม่จำเป็นต้องกังวลถึงสิ่งที่เกิดขึ้น คำสั่งที่ฉันได้รับคือการทำลายล้างเท่านั้น" ศิลปินแห่งสายฝนหัวเราะ "ในทำนองเดียวกันฉันสามารถ ... " เขาหยุดชั่วคราว, คาริเนตในมือของเขาสั่นมากขึ้นด้วยความหนาวสั่น "... ทำลายแกได้!"
การระเบิดดังคล้ายเสียงนกหวีดมรณะ เมื่อเสียงนกหวีดแผ่กระจายไปทั่ว เกิดเสียงราวทะเลคลั่งตามมา ลมทะเลก็เริ่มเต้นไปมาอย่างกะทันหัน พลังงานอากาศธาตุจำนวนมากตื่นตัวต่อเสียงผิวปาก อากาศธาตุรวมตัวกันมุ่งมาในทิศทางเดียว เปลี่ยนทุกอย่างจนเป็นหมอก
อากาศเริ่มแห้งแสบมากขึ้น ทุกลมหายใจมาพร้อมกับความรู้สึกแสบร้อน จากนั้นหมอกควันจาง ๆ แผ่กระจายไปออกจากใต้เท้าศิลปินแห่งสายฝนลิยไปในอากาศ
หมอกปกคลุมทั้งถนนทุกอย่างดูเสมือนภาพเบลอไปหมด
จากนั้นหยดน้ำเริ่มปรากฏออกมาจากอากาศที่เบาบางเหมือนพายุฝนในหมอก รอบตัวของพวกเขาความอบอุ่นในอากาศเริ่มหายไป เหลือเพียงบรรยากาศที่เย็นยะเยือก
ทันใดนั้นเมื่อมีหมอกหนาขึ้นฝนเริ่มตกหนัก
หมาป่าสีเงินแผดเสียงร้องขึ้นในหมอก แต่พวกเขาได้สูญเสียการมองเห็นของเขาและไม่สามารถหาคนอื่นได้
นักดนตรีของโรงเรียนแห่งการเปลี่ยนแปลงทำได้ดีที่สุดในการจัดการกับธรรมชาติ ทำให้เกิดพายุหรือน้ำแข็ง ทำให้เกิดเปลวไฟและกำแพงเหล็ก ในหมู่นักดนตรีพวกเขาเหมาะที่สุดสำหรับสนามรบเพราะพลังทำลายล้างที่ทรงพลังของพวกเขา!
เขาบรรเลงเพลงด้วยคาริเนต เขาเริ่มเร่งจังหวะเพลงมากขึ้น เกิดพายุหมอกหนาแน่นและหนาวเย็นเพียงพอที่จะทำให้ทุกคนตายได้
"หืม ดูเหมือนเขากำลังพยายามซ่อนตัวอยู่ในกระดอง" ดวงตาของหมาป่าขลุ่ยหันไปด้านหน้าเหมือนสัตว์จ้องมองที่หมอกและสายฝน
... Krommer Variation Opus 74 หรือที่เรียกว่า "Demon of Rain"
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่อันตรายที่สุด ไม่ใกล้เคียงเลย ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องตื่นตัวมาก
ในหมอกเสียงคาริเนตดังขึ้นอย่างเฉียบพลัน
เสียงเหมือนคนนับไม่ถ้วนกำลังร้องไห้ท่ามกลางสายฝนกระจายไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกับเสียงผึ้งเหล็กตีปีกบิน คล้ายเสียงร้องของผี กำลังเดินไปมาในหมอก
ภายในหมอกเสียงหวีดรุนแรงมากขึ้น ฉับพลันเกิดหอกพายุไม่มีที่สิ้นสุดแทงลงไปในคอของหมาป่าสีเงินเกิดเป็นหลุม หัวหมาป่าสีเงินหลุดจากคอของมัน มันกลิ้งไปตามพื้นในสายฝน ร่างของหมาป่าสีเงินตัวนี้ตกลงไปในหลุมที่เต็มไปด้วยแท่งเหล็กแหลม
แท่งเหล็กเหล่านี้ฝังตัวอยู่ในแผ่นดินยังมันเกิดขึ้นได้เฉพาะที่ๆไม่มีแสง เมื่ออยู่นอกหมอกความร้อนจะทำให้หายไปอย่างรวดเร็ว
นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ปีศาจแห่งสายฝนเป็นที่รู้จักในฐานะบทเพลงแห่งการสังหารหมู่ การรวมกันของโน้ตดนตรีจากบันทึกต่างๆ ทำให้เขาสามารถสร้างระเบิดเหล็กซึ่งมีพลังของการทำลายล้างสูง และเกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกันมัน
หมอกยังคงอยู่ มันคล้ายสิ่งมีชีวิต มันดูดซับแสงและความร้อนอย่างต่อเนื่องจากสภาพแวดล้อมซึ่งเป็นเหตุให้อุณหภูมิเย็นลง หมอกทำหน้าที่เป็น "ตัวกลาง" ในการสร้างเหล็ก
ไม่ว่าเกราะหนักหรือความทนทานของผนังก็ไม่สามารถหยุดการแทรกแซงของหมอกได้
ถ้ามีคนถูกโจมตี พวกเขาอาจถูกฉีกขาดครึ่ง หลังจากเสียงเงียบลง ได้เวลาที่ส่วนบนของร่างกายจะต้องบอกลากับครึ่งล่าง หรือบางทีร่างกายอาจกลายเป็นเศษเนื้อ
นี่เป็นลักษณะที่เป็นอันตรายที่สุดของศิลปินแห่งสายฝนเพราะการฆ่าคือความสามารถของเขา
เพลงยังคงเล่นอย่างต่อเนื่อง ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เศษเหล็กที่มีความบางมากมาจากทุกทิศทาง เหล็กสามารถตัดผ่านคอของหมาป่าและฆ่าพวกเขาได้ทันที
แต่ด้วยตัวโน้ตที่น่าตกใจของหมาป่าขลุ่ยยังคงมีหมาป่าปรากฏตัวราวกับมาจากทั่วทุกมุมโลก
ดูเหมือนว่ามันจะไม่วันจบลง การเรียกจากหมาป่าขลุ่ยยังคงนำหมาป่าออกมาจำนวนมากจนเกือบจะไม่มีที่ให้หมาป่าปรากฏตัวขึ้นอีกแล้ว
หมาป่าเหล่านี้สูงเกือบเท่ามนุษย์มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ธรรมดา พวกมันเกิดจากอากาศธาตุด้วยไม่มีความอ่อนแอ ไม่มีเลือด ไม่มีความเมื่อยล้า และไม่มีความกลัว
“แกไม่มีที่ให้ซ่อนแล้วหมาป่าขลุ่ย!” ในฝนหมอกศิลปินแห่งสายฝนก็คำรามออกมา เกิดแสงกระพริบกำแพงแยกออก ก้อนหินยุบลงไปในดิน ฝุ่นละอองบินอยู่ทุกหนทุกแห่ง ในฝุ่นเผยให้เห็นเงาของหมาป่าขลุ่ย
แผ่นเหล็กตัดผ่านผนังเฉียดลำคอของเขา เกิดเลือดสาดกระเซ็น
"เก้าอี้รถเข็น?" ศิลปินแห่งสายฝน ได้ก้าวไปข้างหน้า "เป็นไปได้ยังไง?"
ตามมาด้วยเสียงเหล็กสั่นสะเทือน พร้อมกับลูกศรเหล็กพุ่งเข้ามาราวกับพายุทอร์นาโด ไปยังรถเข็นด้านหน้า
หมาป่าขลุ่ยเอียงร่างกาย ล้อเลื่อนสไลด์ไปบนพื้นเป็นวงกลมหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว ศรเหล็กพุ่งผ่านเขา ทะลุผ่านกำแพงจนพรุนเป็นรังผึ้ง
"ว้าว แกพูดอะไรนะ" หมาป่าขลุ่ยยักคิ้วของเขาและตบเบา ๆ ที่พนักแขนของรถเข็น"สิ่งนี้ใช้งานง่ายและเป็นประโยชน์ต่อความเกียจคร้านของฉัน มันคือสุดยอดแห่งความสะดวกสบาย ฉันตกหลุมรักมันแล้วสิ"
"เก็บคำพูดกวนๆของแกไว้และไปลงนรกกับพวกเขาซะ" ศิลปินแห่งสายฝนยกใบหน้าที่เหี่ยวขึ้น
ในที่มืดดวงตาสีขาวของเขาเริ่มหดตัว "ไร้สาระมาก!"
เขายกคาริเนตไปที่ริมฝีปากของเขาและเล่นเพลงด้วยคีย์สูง หมอกขาวจู่ๆ ก็สั่นสะเทือนเดือดพล่าน และเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนเลือด
เลือดสีแดง?!
" Breath of Boiling Blood?" หมาป่าขลุ่ยเปิดปากของเขาและบดฟันของเขา "เพลงที่ต้องใช้เลือดเป็นเครื่องสังเวย อันที่จริงมันคงเป็นรูปแบบของลัทธิชั่วร้ายของคุณ."
มีการหมุนวนของหมอกสีแดงฝนตกนับไม่ถ้วนและเสียงเสียดสีเหมือนเสียงคำรามจากพายุฝนฟ้าคะนอง เกิดเหล็กบางและคมมาก มีความเร็วเท่าลูกศรเหวี่ยงไปในสายฝนด้วยเสียงกระหึ่มเหมือนวิญญาณชั่วร้ายที่กำลังกรีดร้อง
นี่คือ The Exploding Iron ที่น่าจะเป็นแค่เพลงสั้นๆ ผสมกับสายฝน จนเกิดเป็นรูปร่างของใบพัดลมและไม่มีใครสามารถหลบหนีมันในพื้นที่แคบๆนี้ได้
แต่ตอนนี้มันมีหกอัน Breath of Boiling Blood เป็นเทคนิคของปีศาจบางครั้งมันจะทำให้ใครสักคน...โคตรอิจฉา!
ทำไมไม่มีเทคนิคดังกล่าวสำหรับนักดนตรีของศาสนจักร? แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้เลือดของคนอื่น แต่อย่างน้อยพวกเขาก็อาจใช้เลือดของตัวเองได้!
นัยน์ตาของหมาป่าขลุ่ยดูอิจฉา
ใบมีดหกอันในแต่ละครั้ง ศิลปินแห่งสายฝนต้องเสียเลือดไปเยอะให้กับสิ่งนี้ แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าเขาจะบ้าหรือพยายามที่จะแสดงความเคารพอย่างมากกับศัตรูของเขา ด้วยการแสดงการต่อสู้อย่างรัดกุมดังกล่าว ก็จะยากมากที่จะตอบโต้กลับได้
หลังจากที่เขาถูกโจมตีจากระยะไกลกว่าหนึ่งร้อยฟุตหมาป่าขลุ่ยได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหล็กเพียงชิ้นเดียว! แต่...มันปักอยู่บนหัวของเขา โชคยังดีที่เขาปัดป้องจนมันหลือเพียงปลายเหล็กแท่งเหล็กที่ปักไปบนหัวเขาไม่ทะลุกะโหลกศีรษะ
และตอนนี้เขาอยู่ในรถเข็นคนพิการและที่ไม่มีที่จะหลบหนี เสียงหึ่งในอากาศทำให้เขารู้สึกหนาวสั่น นั่นคือเสียงของเหล็กร้อนพร้อมที่จะระเบิด
ภายใต้ความกดดันดังกล่าวเขาเริ่มเล่นขลุ่ยของเขาแม้หนังศีรษะของเขาที่ยังคงชาอยู่
ทันใดนั้นเสียงของขลุ่ยก็ถูกบดบังด้วยเสียงลมและทรายที่พัดปลิว ชิ้นเหล็กเริ่มหายไปจากสายฝนและหมอก เหล็กร้อนแดงเกิดขึ้นโดยฉับพลัน เกิดความร้อนที่พอทำลายร่างกายของพวกเขาในชั่วพริบตา เปลี่ยนเป็นแผ่นทรายเหล็กที่อันตรายมากขึ้นกว่าเดิม
ทรายเหล็กแผดเผาผ่านหมอกพุ่งไปข้างหน้าและดึงหมอกเลือดไปพร้อมกับมัน
หลังจากที่ดูเหมือนจะมีเพียงไม่กี่วินาที หนามแหลมหลายร้อยอันปลิวออกจากหมอกเลือดเข้าไปที่หินและกำแพงจนสลายเป็นชิ้น ๆ ทันที ความร้อนที่เหลือแผ่ออกไปทำให้เกิดไอน้ำขึ้น
ในไอน้ำคุณจะได้ยินเสียงกรีดร้องของหมาป่าสีเงิน
(สรุปว่าหมาป่าสร้างทรายขึ้นมาและเปลี่ยนเป็นเหล็กร้อนแดง และเปลี่ยนเป็นทรายเหล็กอีกที และยิงมันออกไปสกัดหนามเหล็กและใบพัดเหล็ก แล้วก็หนีไป)
"ฉันเป็นอัจฉริยะจริงๆฮ่าๆๆๆๆ !!"
หมาป่าสีเงินหกตัวดึงรถเข็นด้วยกำลังทั้งหมดของพวกมัน มันทำลายหมอกตรงหน้าและลากเขาหนีไป
หมาป่าขลุ่ยมีเลือดครอบคลุมครึ่งหนึ่งของร่างกายของเขา เขานั่งแน่นอยู่บนรถเข็นที่กำลังจะพังทลายลง คงไม่มีใครคาดเดาได้ว่า เขาจะใช้รถเข็นนี้เป็นไพ่ใบสุดท้าย โดยใช้มันหนีหนีจากใบพัดเหล็กทั้ง 6 อัน
หมาป่าขลุ่ยได้ถอนหายใจบนรถเข็นที่กำลังเคลื่อนด้วยความเร็ว เขาหยิบขวดที่ห้อยอยู่ที่คอของเขา เขาเปิดก๊อกด้วยนิ้วและกลืนน้ำหมดทั้งขวด
ทันทีที่ของเหลวสีฟ้าใสเข้าไป ตัวเขาก็สั่น ผิวของเขาซีดลง เส้นเลือดสีน้ำเงินและสีม่วงขยายตัวใต้ผิวของเขาพันกันไปมา
"บ้าจริง เราสูญเสียพลังมากเกินไป" หมาป่าขลุ่ยกระซิบ เขาหายใจเข้าลึก ๆ และเริ่มเล่นขลุ่ย
คราวนี้มีเพลงในรูปแบบต่างๆ เป็นภาพลวงตาที่สร้างได้เหมือนจริง ในโลกที่พังทลาย กลางคืนอากาศหนาวเย็น แต่จู่ๆก็ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ลมจากทะเลทรายพัดลงมาจากฟากฟ้า เกิดฝนตกทำให้อากาศหนาวเย็น
ความชื้นและพิษในอากาศถูกลมพัดเอาไป เสียงของขลุ่ยกระจายไปเหมือนพายุทราย ทำให้ภาพลวงตานี่ราวกับอยู่ท่ามกลางความร้อนของแสงอาทิตย์
เสียงของแรงเสียดสีของหินอันดังกึกก้องเอาชนะเสียงร้องจาก 'Demon of Rain'
หมาป่าอัลฟ่าขนาดใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นใต้แสงจันทร์ มันเปราะบางกว่าตัวก่อนหน้า แต่มันแข็งแกร่งกว่ามาก สีขนของมันสะท้อนแสงกับน้ำ ก่อนจะค่อยๆจางหายไป
มันหายไปจริงๆ
ศิลปินแห่งสายฝน พยายามถอยกลับอย่างรวดเร็ว แต่หมาป่าอัลฟ่าก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
ร่างกายของศิลปินแห่งสายฝนสั่นเล็กน้อย เขามองลงไปและรอยกัดขนาดใหญ่บนเอวของเขา มันเป็นแผลที่ทำโดยหมาป่าอัลฟ่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วเกินกว่าจะตั้งตัวทัน
ภายใต้แสงจันทร์อัลฟ่าคายบางสิ่งออกจากปาก เลือดและอวัยวะต่างๆกองอยู่บนพื้น อัลฟ่าค่อยๆมองกลับไปที่เขา ลำตัวโปร่งแสงใสของมันดูราวกับจะกลืนไปในหมอก
"ผู้ส่งสารจาก Underworld?" ศิลปินแห่งสายฝนร้องอย่างโง่เขลา, จนเสียงกรีดร้องเศร้าหมองหยุดลง
อัลฟ่าหายตัวไปอีกครั้ง เมื่อมันโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง กรงเล็บของมันถือชิ้นเนื้ออันใหม่และกระดูกซี่โครงครึ่งตัว มันมองลงไปอย่างเฉยเมยราวกับมองเหยื่อ ศิลปินแห่งสายฝนไม่มีทางตอบโต้ได้เลย มันเร็วเกินกว่าความเข้าใจของมนุษย์ด้วยซ้ำ!
ทุกๆการปรากฏตัวของหมาป่าอัลฟาจะมีเนื้อฉีกขาดทุกๆครั้ง
ศิลปินแห่งสายฝนพยายามคว้าอวัยวะของตนที่ล่วงหล่น แต่สุดท้ายเขาก็ล้มตัวลงบนพื้น
การต่อสู้จบลงแล้ว