ตอนที่แล้วTWO Chapter 219 นักเล่นหมากรุกและตัวหมากของเขา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 221 เชิญหมาป่าเข้าบ้าน

TWO Chapter 220 ฟิวส์


TWO Chapter 220 ฟิวส์

ก่อนที่หลินชิงจะกลับไป เธอได้มอบแบบแปลนสิ่งก่อสร้างพื้นฐานของเมืองขนาดกลางระดับ 3 ที่โอหยางโชวฝากเธอซื้อให้กับเขา แบบแปลนเหล่านี้มีมูลค่ารวมถึง 3,000 เหรียญทอง

โอหยางโชวส่งแบบแปลนให้กับไป๋หนานผู แล้วบอกให้เขาส่งมันให้กับฝ่ายก่อสร้าง พร้อมทั้งยังบอกให้พวกเขาเร่งสร้างพวกมันให้เร็วที่สุด ตามแผน พวกเขาจะสร้างวัดขงจื้อและวัดทางทหารไว้ด้านข้างของวัดจักรพรรดิเหลือง ส่วนหอนาฬิกา พวกเขาจะสร้างพวกมันที่หน้าประตูเต่าดำ ทางใต้ของถนนพาณิชย์ และริมคูเมืองด้านในฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก

…………………………………………………………………………..

ไกอา ปีที่ 1 เดือนที่ 8 วันที่ 26

หลังจากผ่านไป2 เดือน ในที่สุด การก่อสร้างมหาวิทยาลัยสีหนานก็แล้วเสร็จ โอหยางโชวนำกลุ่มข้าราชการเข้าร่วมในพิธีเปิด

เมื่อเทียบกับการออกแบบเดิมของโอหยางโชว สูซูต้าได้แนะนำให้เขาตั้งลานหมากรุกเพิ่มเข้าไปในมหาวิทยาลัย และมันก็ได้กลายเป็นวิทยาลัยแห่งที่ 4 ของมหาวิทยาลัย

โอหยางโชวกล่าวคำขวัญในระหว่างพิธีเปิด โดยคำขวัญของมหาวิทยาลัยสีหนานก็คือ การร่วมมือและความหลากหลายในอนาคต มหาวิทยาลัยสีหนานจะสร้างผู้นำมากมาย และจะกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของการศึกษาเรียนรู้

หลังจากจบพิธีเปิด สูซูต้าก็นำทางโอหยางโชวไปเยี่ยมเยือนเจียงซาง

หลังจากที่สูซูต้าและฟ่านจงหยานชักชวนอยู่นาน สุดท้ายเจียงซางก็ตกลงตั้งถิ่นฐานที่มหาวิทยาลับสีหนาน ในขณะเดียวกัน เขาก็ปฏิเสธตำแหน่งคณบดีของวิทยาลับเศรษฐศาสตร์ที่สูซูต้าเสนอให้เขา

ในฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้สีเขียวเต็มอยู่บนต้นไม้ในมหาวิทยาลัยสีหนาน และยังสีเสียงนกร้องจิ๊บๆอยู่รอบๆมหาวิทยาลัยอีกด้วย ที่มุมตะวันตกเฉียงเหนือของมหาวิทยาลัยสีหนาน มีทะเลสาบขนาดเล็กที่สร้างด้วยฝีมือมนุษย์ เรียกว่าทะเลสาบพระจันทร์ น้ำในทะเลสาบแห่งนี้ไหลมาจากคูเมือง ที่กลางทะเลสาบมีเกาะเล็กๆแห่งหนึ่ง ชื่อว่าเกาะดาวดับ เจียงซางอาศัยอยู่อย่างสันโดษที่นี่

เกาะดาวดับแห่งนี้ไม่ได้เชื่อต่อกับโลกภายนอก ดังนั้น หากต้องการจะไปยังเกาะ ก็ทำได้เพียงล่องเรือไปเท่านั้น ล่องเรือไปตามเส้นทาง มองไปด้านซ้ายและขวา จะเห็นถึงสภาพแวดล้อมที่งดงาม มองลงไปที่ทะเลสาบน้ำใส สามารถมองเห็นปลาที่แหวกว่ายอยู่ภายในนั้นได้อย่างชัดเจน

ในระหว่างนั้นมีฝนตกลงมาจากบนท้องฟ้า มองไปที่หยาดฝนที่ตกลงบนใบไม้ ดูงดงามเป็นอย่างมาก

เจียงซางอายุร่วม 80 ปีแล้ว ฝ่ายการศึกษาและวัฒนธรรมจึงได้จัดคนใช้ 2 ึน มาคอยดูแลเขา พวกเขาจะช่วยเขาทำแปลงผัก, ปลูกผลไม้ รวมถึงเลี้ยงสัตว์ปีกบนเกาะ ซึ่งจะมีทั้ง ไก่ เป็ด และห่าน ทะเสสาบพระจันทร์แห่งนี้นับได้ว่าสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองซานไห่

หลังจากที่โอหยางโชวมาถึงฝั่ง เขาก็มองไปรอบๆ สภาพแวดล้อมของที่นี่ช่างงดงามจริงๆ แม้ว่ามันจะไม่มีเสาแกะสลัก, ต้นไม้ที่มีค่า, หรือดอกไม้ใดๆก็ตาม มันมีเพียงบ้านหลังหนึ่ง ที่มุงหลังคาแบบง่ายๆตั้งอยู่ที่กลางเกาะ ก่อนจะเข้าไปถึงบ้าน มีรั้วล้อมรอบบริเวณเล็กๆกลายเป็นลานขนาดเล็กแห่งหนึ่ง พื้นที่ด้านในเป็นแปลงผักและผลไม้หลากหลายชนิด และบางส่วนก็เริ่มมีต้นกล้างอกออกมาแล้ว ข้างๆลานขนาดเล็กแห่งนี้เป็นป่าไผ่ เมื่อมีลมพัดผ่านให้พวกมันโยกไปมา จะเกิดเป็นเสียงของไผ่ที่พริ้วไหวไปตามสายลม

อีกด้านหนึ่งของลาน มีหินสูงไม่ถึงครึ่งเมตรตั้งอยู่ มันดูเงางามและเรียบเนียน คนรับใช้บอกว่ามันเป็นสถานที่ที่เจียงซางใช้สำหรับอ่านหนังสือ

เจียงซางสวมเสื้อคลุมหญ้า ขณะที่เขากำลังจกปลาอยู่ที่ริมทะเลสาบ ข้างๆของเขามีข้องใส่ปลาที่ยังว่างเปล่า เขายังตกไม่ได้อะไรเลย โอหยางโชวกำลังสงสัยว่า เขากำลังทำตามบทในประวัติศาสตร์หรือไม่ ‘หากเจียงซางตกปลา จะมีเฉพาะปลาที่เต็มใจเท่านั้นที่จะกินเบ็ดของเขา’

“ไท่กง ท่านลอร์ดมาที่นี่เพื่อพบท่าน” สูซูต้าเปิดปากของเขา

เจียงซางยังคงเงียบ ไม่ได้ตอบอะไรออกไป เขาเพียงหันไปทางสูซูต้า แล้วทำท่าทางให้เขาเงียบลง เจียงซางบอกให้เขาเงียบเพื่อไม่ให้ปลาที่เขาพยายามจะตกขึ้นมาตกใจ สูซูต้าหมดหนทาง เขาทำได้เพียงยืนอยู่ข้างๆลอร์ดของเขาอย่างอดทนเท่านั้น

คนรับใช้ฉลาด และรีบนำเก้าอี้เล็กๆมาให้ลอร์ดของพวกเขานั่ง

พวกเขารอตลอดทั้งเช้า ฝนก็ค่อยๆตกหนังขึ้นเรื่อยๆ เจียงซางยังคงไม่ขยับเขยือนใดๆ เขาไม่แม้แต่จะกล่าวอะไรออกมา เขาจับคันเบ็ดของเขาไว้ตลอดทั้งเช้า และไม่แม้แต่จะเปลี่ยนเหยื่อ

โอหยางโชวหมดหนทาง เขารู้ว่าเจียงซางเป็นคนที่ดื้นรั้น ดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงกลับไปเท่านั้น “ไท่กง ข้าได้เดินทางมาโดยไม่ได้บอกกล่าว หวู่ยี่จะกลับไปก่อน แล้วข้าจะกลับมาใหม่ในครั้งหน้า”

เมื่อเห็นว่าโอหยางโชวกำลังจะกลับ เจียงซางก็เปิดปากของเขาขึ้น “ท่านลอร์ด ท่านได้ฆ่าหวู่หวังในระหว่างสงครามมู่เย่แล้วใช่หรือไม่?”

โอหยางโชวตะลึง แต่เขาก็กล่าวอย่างสงบว่า “ไท่กง เหตุใดท่านจึงกล่าวเช่นนั้น?”

“เมื่อท่านกลับมา ข้าได้เห็นทหารองครักษ์ของท่านขณะที่พวกเขาขี่ม้าศึก ข้าไม่เห็นพวกเขาอยู่ข้างท่านในระหว่างการสกัดกั้น มันจึงมีเพียงคำอธิบายเดียวเท่านั้น คือ พวกเขาถูกส่งไปสกัดหวู่หวัง” ทักษะการวิเคราะห์ของเจียงซางน่ากลัวมาก

เมื่อเห็นว่าเจียงซางคาดเดาถูกต้อง โอหยางโชวก็พูดความจริง “ถูกต้องแล้ว ทหารองครักษ์ของข้าได้ฆ่าหวู่หวัง แล้วนำหัวของเขาไปให้ตี้สิน ถ้าด้วยเหตุผลนี้ แล้วไท่กงต้องการจะอยู่อย่างสันโดษและห่างไกลผู้คน ข้าก็จะไม่กล่าวอะไรอีก ลาก่อน!” หลังจากช่วงเวลานี้ โอหยางโชวแทบจะเลือกที่จะยอมแพ้ ในการขอให้เจียงซางออกมาช่วยเขา เขาเป็นลอร์ดและเป็นมาควิสแห่งเหลียนโจว ้เขาจะทำสิ่งต่างๆตามหลักการของเขา และเขาจะไม่เปลี่ยนแปลงมันเพราะคนเพียงคนเดียว

“เฮ้อ!” เจียงซางถอนหลายใจยาว

…………………………………………………………………………….

ไกอา ปีที่ 1 เดือนที่ 8 วันที่ 28

ภายใต้การชักชวนของเจ้ากรมกิจการภายใน เทียนเหวินจิง เผ่าคนเถื่อนภูเขาได้ตกลงร่วมมือกับเมืองซานไห่ ตามเงื่อนไขของโอหยางโชว พวกเขาได้ส่งนักรบ 1,000 คน ของพวกเขามาเข้าร่วมกับกองทัพเมืองซานไห่

โดยนักรบทั้ง 1,000 คนนี้ จะถูกส่งไปยังกองพันที่ 1 และ 2 ของกรมทหารที่ 3 หลังจากที่กรมทหารที่ 3 เตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาก็จะโจมตีค่ายโจรทั้งหมดภายใน 1 สัปดาห์

ณ ตอนนี้ พวกเขาเกือบจะเสร็จสิ้นปฏิบัติการการกวาดล้างค่ายโจรทางทิศตะวันตกแล้ว นอกจากนี้ พวกเขายังได้ทำลายดินแดนทั้งหมดที่ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองซานไห่ และกรมทหารที่ 1 ก็ได้ชี้เป้าไปยังเมืองหยงเย่ ของพันธมิตรดาบนภา

ลอร์ดแห่งเมืองหยงเย่ตื่นตระหนก และเขารีบขอความช่วยเหลือจากพันธมิตรดาบนภาทันที เขาต้องการให้พวกเขาช่วยปกป้องดินแดนของเขา จากการโจมตีของเมืองซานไห่

หลังจากที่พวกเขาได้รับทราบการขอความช่วยเหลือ ผู้นำของพวกเขา ปาเตาและเสี่ยวเฟิงขานเยว่ ก็เรียกร้องให้คนอื่นๆ นอกเหนือจากเมืองกวงซุ่ยที่กำลังยุ่งอยู่กับการปกป้องตัวเอง ส่งกองกำลังของพวกเขาไปช่วยเมืองหยงเย่

ปาเตาและเสี่ยวเฟิงขานเยว่นำกองกำลังทหารไปช่วยคนละ 500 นาย, เมืองกู่ซานและเมืองยี่ซุ่ยนำกองกำลังไปช่วยคนละ 300 นาย หลังจากกำลังเสริมมาถึงเมืองหยงเย่ทั้งหมดแล้ว พวกเขาก็มีกำลังทหารเพิ่มเข้ามาถึง 2,100 นาย

หลังจากที่พันธมิตรดาบนภาเคลื่อนย้ายกองกำลังของพวกเขามาตั้งอยู่ที่เมืองหยงเย่ เพื่อต่อสู้กับเมืองซานไห่ ไม่นานจากนั้นขุนพลซีก็ได้รับข่าว และเขาก็นำกรมทหารที่ 1ล่าถอยกลับไปในทันที

ในขณะที่ดินแดนขยายตัว ความรับผิดชอบของค่ายทิศตะวันตกก็ขยายออกไปทางตะวันตกมากขึ้น และขณะที่พวกเขากวาดล้างค่ายโจรทางฝั่งตะวันตก ค่ายทิศตะวันตกก็เคลื่อนย้ายไปทางทิศตะวันตกมากขึ้นเรื่อย จนตอนนี้ มันได้มาตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ ที่ห่างจากชายแดนทางตะวันตกเพียง 10 กิโลเมตร

โอหยางโชวเลือกที่จะถอย เห็นได้ชัดว่าเขามีข้อที่ต้องพิจารณา

พันธมิตรดาบนภามีขวัญกำลังใจที่สูงมาก หากโอหยางโชวเลือกที่จะต่อสู้ในขณะนี้ ถ้าเขาไม่ระมัดระวังผู้นำทั้งสองของพวกเขาปาเตาและเสี่ยวเฟิงขานเยว่ มันก็มีโอกาสที่เขาจะได้รับความพ่ายแพ้ จากความแข็งแกร่งของกรมทหารที่ 1 และอาวุธปิดล้อมที่ยังมีจำกัดของพวกเขา มันเป็นการยากที่พวกเขาจะยึดเมืองหยงเย่ได้ แม้ว่าพวกเขาจะยึดได้สำเร็จ พวกเขาก็คงจะมีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งมันไม่สอดคล้องกับความคิดทางยุทธศาสตร์ของเขา

ในทางกลับกัน ถ้าเขาเลือกที่จะล้อมพวกเขาไว้โดยไม่โจมตี พันธมิตรดาบนภาก็คงไม่มีความคิดที่จะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเช่นกัน กองทัพของพันธมิตรจะไม่สามารถอยู่ได้นานนัก เมื่อเวลาผ่านไป ถ้าพวกเขาพยายามที่จะยื้อเวลา ทหารของพวกเขาก็จะเริ่มเสียขวัญ

มันยังไม่ถึงเวลา โอหยางโชวยังคงรอคอยให้โลจีสติกทางทหารสร้างบันไดกำแพง และเขาก็กำลังรอให้กรมทหารที่ 3 ที่อยู่ค่ายทิศตะวันออก เสร็จสิ้นการฝึกอบรมทหารใหม่ด้วย

หลังจากปฏิบัติการการกวาดล้างค่ายโจร เป้าหมายหลักของโอหยางโชวก็ยังคงเป็นฐานที่มั่นของโจรภูเขา เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กับชนเผ่าคนเถื่อนภูเขา นอกจากนี้ สิ่งนี้ยังจะช่วยให้คนเถื่อนภูเขาอพยพลงมาจากภูเขามากยิ่งขึ้นด้วย

…………………………………………………………………………..

ไกอา ปีที่ 1 เดือนที่ 8 วันที่ 29

ณ เมืองหยงเย่

“เมืองซานไห่ได้ล่าถอยไปแล้ว เราควรจะทำเช่นไรต่อไปดี?” ลอร์ดแห่งเมืองกู่ซานกล่าว

ลอร์ดแห่งเมืองยี่ซุ่ย รั้วซุ่ยสานเฉียนตกใจ ดินแดนของเธออยู่ใกล้กับชายแดนฝั่งตะวันออกของเมืองซานไห่ ดังนั้น เธอจึงกลัวว่าดินแดนของเธอจะถูกโจมตี “เมื่อพวกเขากลับไปแล้ว เราก็ควรจะกลับกันได้แล้วเช่นกัน”

“ไม่!” เฮ่ยเส่อผีเฟิงตะโกนออกมา “ถ้าพวกเจ้ากลับไป แล้วพวกเราจะทำเช่นไรหากพวกเขาโจมตี? ข้าแน่ใจว่านี่ต้องเป็นแผนการของพวกเขา”

“แต่เราไม่สามารถนั่งอยู่ที่นี่โดยเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ได้ แล้วทำไม เราไม่ออกไปต่อสู้กับพวกเขาล่ะ?” เติ้งไท่ไป๋เจี้ยนไม่ชอบการรอคอย

ปาเตาขมวดคิ้ว และมองไปที่เสี่ยวเฟิงขานเยว่ “เจ้าคิดเช่นไร?”

“จากความแข็งแกร่งของกองกำลังพวกเรา ถ้าเราไม่ใช้ประโยชน์จากกำแพงเมือง แน่นอนว่าเราจะต้องพ่ายแพ้แน่ ไม่ใช่ว่าทุกคนได้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงของพวกเขาแล้วหรือ? ทหารราบเกราะหนักของพวกเขาแข็งแกร่งเกินไป” เสี่ยวเฟิงขานเยว่กล่าวอย่างไร้ประโยชน์

ปาเตาพยักหน้า “เจ้ากล่าวถูกต้องแล้ว อย่างไรก็ตาม หากการคาดเดาของข้าถูกต้อง ถ้าเรายังคงนั่งรออยู่ที่นี่ เมืองซานไห่ก็จะจัดการพวกเราทีละคน ทีละคน”

“เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็มีเพียงวิธีเดียว นั่นก็คือ เราต้องขอความช่วยเหลือจากภายนอก” เสี่ยวเฟิงขานเยว่กล่าวอย่างจริงจัง “พันธมิตรหยานหวงเป็นศัตรูของพวกเขา ถ้าเราสามารถขอให้ตี่เฉินช่วยเหลือพวกเราได้ เมืองซานไห่ก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป”

คำกล่าวของเขาทำให้ปาเตาตกใจ จากนั้นเขาก็ถ่มน้ำลายออกมา “ไม่ เราไม่ควรจะชวนหมาป่าเข้ามาในบ้านของเรา พวกเขาไม่ใช่องค์กรการกุศล มันเป็นเรื่องง่ายที่จะเชิญพวกเขา แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขอให้พวกเขากลับไป เจ้าไม่กลัวว่าพวกเขาจะโจมตีพวกเราจากภายในงั้นหรือ?”

“ข้าก็คิดว่ามันไม่เหมาะสมเช่นกัน” รั้วซุ่ยสานเฉียนและเติ้งไห่ไป๋เจี้ยนเห็นด้วย

ไม่มีใครสังเกตเฮ่ยเส่อผีเฟิงที่อยู่ด้านข้าง เขามีแสงชั่วร้ายปรากฎออกมาจากประกายสายตาของเขา เขาเป็นคนที่ชั่วร้าย ตอนนี้ เมื่อดินแดนของเขาอยู่ในอันตราย แม้ว่าเขาจะต้องเชิญหมาป่าเข้ามา เขาก็จะทำเช่นนั้น เฮ่ยเส่อผีเฟิงได้ตัดสินใจแล้ว แม้ว่าพันธมิตรจะไม่ยอมรับมัน เขาก็จะติดต่อกับตี่เฉินด้วยตัวเอง

เสี่ยวเฟิงขานเยว่รู้สึกผิดหวัง “นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ ปาเตา เจ้าคิดว่าเราควรจะทำเช่นไรล่ะ?”

ในตอนนี้ บรรยากาศช่างเคร่งเครียดและหดหู่

แฟนเพจ : TWOแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด