TWO Chapter 218 ลอร์ด
TWO Chapter 218 ลอร์ด
เช้าวันรุ่งขึ้น ขุ่ยหยิงหยูได้นำเอ้อหว้าฉีมาขอบคุณโอหยางโชว
“ขุ่ยเทียนฉีคำนับนายท่าน ขอบคุณสำหรับคำอนุญาติขอรับ” เอ้อหว้าฉี ซึ่งปัจจุบันก็คือ ขุ่ยเทียนฉี ได้กราบคำนับโอหยางโชวอย่างสุภาพนอบน้อม
การเติบโตของเด็ก NPC จะเร็วกว่าเด็กในโลกจริง ขณะที่ขุ่ยเทียนฉีเพิ่งมาถึงดินแดน ผิวของเขาเป็นสีน้ำตาลและผอมโซ แม้ว่าเขาจะอายุ 11-12 ปีแล้ว แต่เนื่องจากขาดสารอาหาร เขาจึงดูเหมือนกับเด็กอายุราวๆ 8 ปีเท่านั้น เมื่อเขาได้รับสิ่งต่างๆมากพอ กระดูกของเขาก็เริ่มเติบโตขึ้น และยังได้รับการศึกษาจากโรงเรียนอีก เด็กน้อยที่แสนซนในตอนนั้น ได้กลายเป็นเด็กหนุ่มแล้วในตอนนี้
โอหยางโชวบอกให้เขาลุกขึ้น ก่อนจะกล่าวกับเขาว่า “ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาหรือการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ ข้าก็จะสนับสนุนเจ้า ตอนนี้ เมื่อเจ้าได้เลือกที่จะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แล้ว เจ้าจะต้องไปให้ถึงจุดสูงสุดของเส้นทางนั้น เพื่อที่จะทำคุณประโยชน์ให้กับดินแดนได้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
“ข้าเข้าใจแล้วรอรับ!” ขุ่ยเทียนฉีตอบรับอย่างเคร่งขรึม
โอหยางโชวพยักหน้าอย่างมีความสุข “ตอนนี้ ไปคำนับอาจารย์ของเจ้าได้แล้ว”
ขณะที่ขุ่ยเทียนฉีกำลังจะคำนับเธอ ซ่งเจี๋ยก็ยกมือขึ้นเพื่อหยุดเขา ทำให้เขามองไปอย่างสับสน และไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร
ซ่งเจี๋ยหันไปทางโอหยางโชว แล้วกล่าวว่า “หวู่ยี่ ก่อนที่จะให้เขาเรียกข้าว่าเป็นอาจารย์ ข้ายังต้องการจะสอนคนของท่านคนอื่นอีก ท่านจะตกลงหรือไม่?” ในโอกาสที่เป็นทางการเช่นนี้ ซ่งเจี๋ยจะเป็นเหมือนไป๋ฮัวและคนอื่นๆ คือเรียกชื่อของเขาด้วยชื่อในเกมส์
โอหยางโชวยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอจะสื่อ “ใครหรือ?”
“ปานเซี่ย!”
“เจ้าต้องการให้ปานเซี่ยดูแลเจ้าต่อไปหรือ?” โอหยางโชวคาดเดาเพียงว่า อาจเป็นเพราะเธอคงจะยุ่งกับนิกาย จนไม่มีเวลาจ้างแม่บ้าน จึงต้องการให้ปานเซี่ยไปเป็นแม่บ้านของเธอ
ซ่งเจี๋ยส่ายหัว “ข้าต้องการให้ปานเซี่ยเป็นศิษย์หลักของข้า”
โอหยางโชวขมวดคิ้ว เขาคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในทันที การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป ก่อนที่เขาจะเรียกเธอด้วยเสียงต่ำ “ปานเซี่ย!”
“นายท่าน!” เธอก้าวออกมา และโค้งคำนับโอหยางโชว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและวิตกกังวล
“เรียกนางทำไมกัน?” ซ่งเจี๋ยคงไม่ต้องการให้ปานเซี่ยไปเป็นศิษย์ของเธอโดยไม่มีเหตุผล ดังนั้น โอหยางโชวจึงคาดเดาว่า ปานเซี่ยคงจะไปขอร้องเธอ ซ่งเจี๋ยเป็นคนดีเกินไปจึงยอมรับเธอ แต่สำหรับคฤหาสน์ของลอร์ด ตำแหน่งและอำนาจไม่อาจมองข้ามได้ โอหยางโชวจะไม่ยอมรับมัน
บรรยากาศภายในห้องกลายเป็นอึดอัดมากขึ้น
เมื่อเห็นว่าโอหยางโชวโกรธมาก ปานเซี่ยก็ก้มหน้าพร้อมมีน้ำตาไหลลงมาจากใบหน้าของเธอ เธอหมอบคลานและร้องไห้ “บ่าวผิดไปแล้ว นายท่านโปรดลงโทษด้วย” เป็นดั่งที่โอหยางโชวคาดไว้ เมื่อปานเซี่ยได้ยินว่าซ่งเจี๋ยนยอมรับเอ้อหว้าฉีเป็นศิษย์หลัก เธอจึงไปขอร้องซ่งเจี๋ยให้ยอมรับเธอด้วย
หมู่บ้านของปานเซี่ยถูกปล้นโดยพวกโจร และที่เธอรอดชีวิตมาได้ก็เพราะแอบซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ ในคืนนั้น เธอได้เห็นคนในครอบครัวของเธอถูกฆ่าโดยพวกโจร เมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังได้ถูกปลูกฝังไว้ในใจส่วนลึกของเธอ เธอหวังว่าวันหนึ่ง เธอจะสามารถแก้แค้นพวกโจรได้
เมื่อมาถึงเมืองซานไห่ เธอได้ถูกคัดเลือกโดยขุ่ยหยิงหยู ให้เข้ามาเป็นแม่บ้านในคฤหาสน์ของลอร์ด ปานเซี่ยได้ปรามความต้องการในการล้างแค้นของเธอ เธอต้องการจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในคฤหาสน์ของลอร์ด ใครจะคิดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ซ่งเจี๋ยได้รับศิษย์หลัก มันทำให้ความเกลียดชังที่อยู่ภายในใจของเธอถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง
ปานเซี่ยไม่กล้าไปขออนุญาติจากโอหยางโชว เธอกลัวว่าโอหยางโชวจะปฏิเสธเธอ เมื่อคืนนี้ เธอได้ให้บริการซ่งเจี๋ย เธอจึงถือโอกาสนั้น ขอร้องให้ซ่งเจี๋ยรับเธอเป็นศิษย์ ซ่งเจี๋ยใจอ่อน และเมื่อเห็นว่าศักยภาพของเธอก็ไม่ได้เลวร้ายนัก เธอจึงมาขอให้โอหยางโชวอนุญาติ
โอหยางโชวสงบสติอารมณ์ของเขา เขาต้องการจะไล่เธอออกจากคฤหาสน์ของลอร์ด โชคดีที่ขุ่ยหยิงหยูก้าวเข้ามาช่วยให้เขาสงบลง “พี่ใหญ่ ข้าเห็นว่านางยังเด็ก ปล่อยให้นางออกไปเถอะ”
“ใช่พี่ใหญ่ ให้โอกาสนางเถอะ” มู่ฉิงซีก็ช่วยอ้อนวอนเช่นกัน
สุดท้าย แม้แต่ฉีสือก็คุกเข่าลง และอ้อนวานเขา “นายท่าน โปรดให้โอกาสนางด้วย”
ปานเซี่ยยังคงเด็กอยู่ และเมื่อเห็นว่าทุกคนช่วยพูดให้เธอ เธอก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เธอรู้ว่าตัวเองทำผิดพลาด และยังลากทุกคนมามีส่วนร่วมอีกด้วย มันทำให้เธอกังวลมาก เธอมองอย่างขอความเมตตามาทางโอหยางโชว
โอหยางโชวถอนหายใจ แล้วกล่าวว่า “ปานเซี่ยไม่ตั้งใจทำงานของตน และละเมิกกฎของคฤหาสน์ของลอร์ด นับตั้งแต่บัดนี้ไป นางจะถูกไล่ออกจากคฤหาสน์ของลอร์ดและได้รับอิสระภาพคืน ตั้งแต่วันนี้ นางจะไม่สามารถใช้ชื่อของคฤหาสน์ของลอร์ดและนางจะไม่ได้รับสิ่งใดๆจากคฤหาสน์ของลอร์ดอีก” โอหยางโชวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลงโทษเธอ ถ้าเขาไม่ทำเช่นนั้น เขาจะยังเป็นผู้นำของคฤหาสน์ของลอร์ดได้อย่างไร
“ขอบคุณนายท่าน!” การตัดสินใจของโอหยางโชว ก็เหมือนเป็นการยินยอมให้ซ่งเจี๋ยรับเธอเป็นศิษย์ได้ ปานเซี่ยรู้สึกขอบคุณ แต่เธอก็รู้สึกเศร้าที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคฤหาสน์ของลอร์ดอีกต่อไป
พายุได้ผ่านไปแล้ว ปานเซี่ยและขุ่ยเทียนฉีคำนับอาจารย์ของตน และพวกเขาก็ได้กลายเป็นศิษย์หลักของซ่งเจี๋ย ในฐานะที่พวกเขาเป็นศิษย์พี่ในนิกายกระบี่ตงหลี่ อนาคตของพวกเขาไร้ขีดจำกัด
เมื่อได้รับปานเซี่ยเป็นศิษย์แล้ว ซ่งเจี๋ยก็ตัดสินใจที่จะไม่จ้างแม่บ้าน เพราะเธอมีลูกศิษย์คอยให้บริการแล้ว โอหยางโชวก็ไม่ต้องการเช่นนั้น ดังนั้น ฉีสือจึงต้องรับผิดชอบอาคารหลักทั้งหมด
…………………………………………………………………………….
ไกอา ปีที่ 1 เดือนที่ 8 วันที่ 25 โอหยางโชวได้จัดการประชุมของดินแดนขึ้น
ก่อนที่เหล่าเจ้ากรมจะได้รายงานสิ่งใด หัวหน้าฝ่ายการศึกษาและวัฒนธรรม สูซูต้า ก็ยืนขึ้น คำนับเขา แล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมกับโอหยางโชวว่า “เรียนนายท่าน ฝ่ายของเรามีข้อเสนอแนะ โปรดอนุมัติด้วย”
“ข้อเสนอแนะอะไร?”
“ในขณะนี้ ราชสำนักได้แต่งตั้งนายท่านเป็นมาควิสแห่งเหลียนโจวแล้ว จากมารยาททางวัฒนธรรมของพวกเรา ท่านจะต้องถูกเรียกว่าลอร์ด ดังนั้น การเรียกท่านว่านายท่านจะต้องถูกหยุด และทุกคนจะต้องเรียกท่านว่าลอร์ด โดยเฉพาะเหล่าพนักงานและข้าราชการพลเรือน และคฤหาสน์ของลอร์ดก็จะต้องเปลี่ยนชื่อเป็นคฤหาสน์ของมาควิสแห่งเหลียนโจวตามประเพณีด้วยเช่นกัน” สูซูต้าทำตามประเพณีแบบดั้งเดิม
เราไม่ควรคิดว่ามันเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ในความเป็นจริง มันได้แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงสถานะของดินแดน ก่อนที่จะได้รับตำแหน่งขุนนาง เมื่อลอร์ดอ้างสิทธิ์เหนือที่ดินในเขตทุรกันดารหรือที่อื่นๆ โดยราชสำนักไม่ได้อนุญาติ พวกเขาจะยังไม่ใช่ขุนนางจริงๆ แต่หลังจากที่ได้รับแต่งตั้งจากราชสำนักแล้ว โดยเฉพาะตำแหน่งมาควิส เขาและดินแดนของเขาถึงจะได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ
เดิมทั้งหมดนี้ควรจะได้รับการปฏิบัติทันทีหลังจากที่เขาได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนัก หัวหน้าฝ่ายการศึกษาและวัฒนธรรม สูซูต้าตระหนักถึงปัญหานี้ดี
หลังจากที่เขาได้รับการแต่งตั้งและอัพเกรดดินแดนได้ 2 วัน โอหยางโชวก็ไปพักอยู่ที่เมืองหงส์สาบสูญเป็นเวลา 3 วัน สูซูต้าจึงตัดสินใจว่า จะยกเรื่องนี้ขึ้นมาในการประชุมสิ้นเดือนครั้งนี้
“ใช่ท่านลอร์ด ข้าเห็นด้วย” เทียนเหวินจิงกล่าวสนับสนุน
“ใช่ท่านลอร์ด ข้าก็เห็นด้วย” ทุกคนลุกขึ้นคำนับเขาและกล่าวออกมา
โอหยางโชวกล่าวอย่างไร้ความรู้สึกว่า “ข้าอนุมัติ!” จากนี้ไป เขาได้ก้าวไปใกล้ความอ้างว้างเพิ่มขึ้นอีกก้าวแล้ว
หลังจากที่สูซูต้าถอยออกมา หัวหน้าฝ่ายตรวจสอบพิเศษฉินซีเจี้ยน ได้ยืนขึ้น แล้วกล่าวว่า “เรียนท่านลอร์ด นับตั้งแต่ที่มีการเปิดหอนางโลม ข้าราชการหลายคนก็เริ่มจะใช้เวลาว่างไปเที่ยวที่นั่น เราควรจะจัดการกับข้าราชการเหล่านี้เช่นไรขอรับ?”
เทียนเหวินจิงกล่าวขึ้นในทันที “ในฐานะเจ้ากรมกิจการภายใน ข้าเสนอให้ทำการสืบสวน และปิดหอนางโลม ก่อนที่ปัญหาจะบานปลาย” เทียนเหวินจิงไม่ใช้ไม้อ่อน เขาตัดสินใจว่าการกระทำที่รุนแรงเป็นสิ่งจำเป็น
โอหยางโชวส่ายหัว “วิธีดังกล่าวไม่เหมาะสมนัก หอนางโลมเป็นแหล่งบันเทิง เราไม่สามารถปิดมันหรือใช้ความรุนแรงกับผู้ที่ใช้บริการที่นั่นได้ เพราะถ้าเราทำ มันก็จะทำให้คนทั่วไปโกรธ ในทางกลับกัน หัวหน้าฝ่ายฉินก็กล่าวถูกต้อง เราไม่สามารถอนุญาติให้ข้าราชการไปที่นั่นได้ ประกาศออกไปว่า ถ้าพวกเขาถูกพบที่นั่น พวกเขาจะถูกปรับเงิน 3 เดือน, ถ้าถูกพบครั้งที่ 2 พวกเขาจะถูกพักงาน และถ้าพวกเขาถูกพบอีกเป็นครั้งที่ 3 พวกเขาจะถูกไล่ออก”
โอหยางโชวอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับหอนางโลมในสมัยก่อน และเขาก็อยากจะเข้าไปดู แต่สถานการณ์ในตอนนี้ไม่อนุญาติให้เขาทำเช่นนั้น ในฐานะลอร์ด เขาต้องเป็นตัวอย่างให้กับคนอื่นๆ และยิ่งเมื่อซ่งเจี๋ยได้มาอยู่ที่นี่ เขาก็คงจะไม่มีโอกาสไปที่นั่นเลย
“ขอรับท่านลอร์ด!” ฉินซีเจี้ยนถอยกลับมา
เทียนเหวินจิงเดินออกมา คำนับเขา แล้วกล่าวว่า “เรียนท่านลอร์ด มีพัฒนาการใหม่เกี่ยวกับชนเผ่าคนเถื่อนภูเขาขอรับ”
“โอ้? เร็วๆเข้า บอกข้าเร็ว!” โอหยางโชวตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“เมื่อเร็วๆนี้ ข้าได้ไปเยือนหลายเผ่า และได้ยินเรื่องในทำนองเดียวกัน จากคำอธิบายของพวกเขา ลึกเข้าไปในเทือกเขา มีฐานที่มั่นขนาดใหญ่ของพวกโจรภูเขา และพวกเขาก็มักจะลงไปปล้นเผ่าคนเถื่อนภูเขาอยู่เสมอ เมื่อพวกเขาได้ยินว่าพวกเรามีกำลังทหารที่เข้มแข็ง ผู้นำของเผ่าเหล่านั้นก็กล่าวว่า ถ้าพวกเราสามารถกวาดล้างฐานที่มั่นแห่งนั้นได้ พวกเขาก็จะร่วมมือกับเรา และยอมให้พวกนักรบชั้นยอดของพวกเขา เข้าร่วมกับกองทัพซานไห่”
“ฐานที่มั่นของพวกโจรภูเขาหรือ?” โอหยางโชวไม่เข้าใจว่าเหตุใด เทียนเหวินจิงถึงได้กล่าวอย่างเตร่งขรึม จากอำนาจทางการทหารของเมืองซานไห่ พวกเขาควรจะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย
“จากที่พวกเขาอธิบาย โจรภูเขาเหล่านี้มีฝีมือ และฐานที่มั่นก็ตั้งอยู่บนสันเขาที่น่ากลัว ทางขึ้นไปเป็นเพียงเส้นทางแคบๆ ทำให้มันง่ายต่อการป้องกัน และยากที่จะโจมตี จำนวนของพวกเขาก็มีไม่ใช่น้อยๆ แม้ว่าจะไม่สามารถระบุจำนวนที่แน่ชัดได้ แต่ก็คงมีไม่น้อยกว่า 10,000 คน ดังนั้น การจะจัดการพวกเขา มันคงจะไม่ง่ายนัก”
โอหยางโชวพยักหน้า เมื่อได้พังแล้ว เขาก็รู้ว่ามันไม่ง่ายจริงๆ แม้ว่าเมืองซานไห่จะมีทหารจำนวนมาก แต่มากกว่าครึ่งก็เป็นทหารม้าและทหารเรือ มีทหารเพียง 4,000 นายเท่านั้น ที่สามารถเข้าโจมตีฐานที่มั่นนั้นได้ ด้วยจำนวนคนเท่านี้ โอหยางโชวจึงไม่มั่นใจมากนักว่าจะสำเร็จ
“สิ่งแรกที่จะทำคือ ท่านต้องติดต่อกับฝ่ายข่างกรอง และบอกให้พวกคนเถื่อนภูเขานำพวกเขาไปที่นั่น แล้วให้พวกเขาสืบค้นรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับฐานที่มั่นแห่งนั้น, สิ่งที่สองที่จะทำก็คือ โน้วน้าวให้พวกผู้นำเผ่าอนุญาติให้นักรบคนเถื่อนภูเขาของพวกเขาลงมาเปลี่ยนขั้นเป็นทหารราบ แล้วเข้าร่วมกับกรมทหารที่ 3 หลังจากทำทั้ง 2 สิ่งนี้แล้ว ข้าไม่เชื่อว่าเราจะไม่สามารถจัดการมันได้”
“ขอรับท่านลอร์ด!”
“ตอนนี้กรมทหารที่ 3 เพิ่งจะจัดตั้งขึ้น หลังจากที่พวกเขาพร้อมแล้ว เราก็จะออกไปกวาดล้างฐานที่มั่นโจรภูเขาแห่งนั้น ดังนั้น เจ้ากรมเทียนต้องให้ความร่วมมือกับกรมกิจการทหาร อย่าปล่อยให้เผ่าคนเถื่อนภูเขาเหล่านั้น คิดว่าเมืองซานไห่ของเราเป็นคนหลอกลวง เมื่อจำเป็น เราสามารถส่งมอบธัญพืชให้แก่พวกเขาได้ เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจของเรา” โอหยางโชวเตรียมใช้ไพ่ลับอย่างธัญพืชกับเผ่าคนเถื่อนภูเขาเหล่านี้อีกครั้ง ธัญพืชคือสิ่งที่จะช่วยให้พวกเขาอยู่รอดได้
“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ ข้าจะไม่ทำให้ท่านลอร์ดผิดหวัง!” เทียนเหวินจิงใช้วเลาในการสร้างความสัมพันธ์กับชนเผ่าคนเถื่อนภูเขามานาน เขาจึงรู้จุดอ่อนของพวกเขาดี ด้วยคำสัญญาของโอหยางโชว มันทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น
แฟนเพจ : TWOแปลไทย