Chapter 61: ดันเจี้ยนระดับอีลิท
Chapter 61: ดันเจี้ยนระดับอีลิท
วันต่อมาหลังจากกินข้าวเช้านั้นเกมก็อัพเดทได้เสร็จสิ้น หวังหยู่ก็เปิดโน้ตบุ๊คของเขาและเริ่มที่จะตรวจรายละเอียดของแพทช์โน้ต และมันเป็นเรื่องที่แน่ชัดกับสิ่งที่มู่จี่เซียนพูดเมื่อคืนว่า มันเป็นอีเวนต์วันปีใหม่จีนจริงๆที่ถูกเพิ่มเข้ามาในเกม
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับเควสนี้นั้น ผู้เล่นจะต้องรับเควสในเกม สำหรับเควสนั้นจะถูกปล่อยออกมาในตอนเที่ยงและผู้เล่นก็สามารถที่จะเข้าดันเจี้ยนได้ไม่ว่าตอนไหนก็ตาม
เมื่อหวังหยู่กำลังจะเข้าไปในเกม ก็มีเสียงเคาะประตูออกมาจากด้านนอกของห้อง
“ฉันกำลังไป ฉันกำลังไป!”เมื่อหวังหยู่นั้นจะลุกขึ้นและไปเปิดประตู มู่จี่เซียนที่อยู่ในห้องครัวก็ล้างมือและวิ่งออกไป เปิดประตู แล้วเธอก็ตระหนักได้ว่ามีหญิงสาวที่อยู่ด้านนอก
หญิงสาวคนนี้มีตัวเตี้ย และมีรูปร่างที่ดีมากและพร้อมกับดวงตาคู่สวยที่งดงามและทำให้รู้สึกถึงความบริสุทธิ์ ผู้หญิงคนนี้นั้นกำลังถือตะกร้าเล็กๆในมือของเธออยู่
“คะ? คุณมาหาใครหรือเปล่าคะ?”มู่จี่เซียนถามหญิงสาวปริศนา
ผู้หญิงคนนี้นั้นก็หัวเราะเบาๆแล้วเธอก็ชี้ไปที่บ้านตรงข้ามและพูด “ฉันไม่ได้มาหาใครค่ะ ฉันพึ่งจะย้ายบ้านมาและฉันคิดว่าควรที่จะมาทักทายกับเพื่อนบ้านอย่างคุณ! ได้โปรดดูแลฉันในอนาคตด้วยค่ะ!”เมื่อเธอพูดเสร็จ หญิงสาวก็ส่งตะกร้าให้กับมู่จี่เซียนและพูด “นี่เป็นของขวัญเล็กๆ ได้โปรดรับมันไปด้วย”
มู่จี่เซียนส่ายหัวอย่างสับสนก่อนที่จะมองไปที่ไหล่ของหญิงสาวและเห็นว่าเธอพึ่งจะออกจากบ้านมา เธอก็ผ่อนคลายเล็กน้อยและมู่จี่เซียนก็รับตะกร้าและพูด “แน่นอน แน่นอน เป็นเพื่อนบ้านกันนี้ดีกว่าเป็นคนห่างไกลกันอยู่ดี การดูแลกันนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้ว! ได้โปรดเข้ามาข้างในเถอะค่ะ เข้ามาเถอะ…”
“ขอบคุณค่ะ!”หญิงสาวพยักหน้าและตามมู่จี่เซียนเข้าไปในบ้าน
“ทำตัวเหมือนอยู่บ้านเลยนะ ฉันจะไปเอาชาให้เธอ ที่รัก! พวกเรามีแขก! ไว้ค่อยเล่นเกมนะ…”มู่จี่เซียนตะโกนเมื่อเธอวิ่งไปเตรียมชา
หลังจากที่เขามาในบ้าน หญิงคนนี้ก็ตรวจสอบภายในบ้านอย่างระมัดระวัง สุดท้ายเธอก็นั่งไปบนโซฟาและพูด “มีแค่คุณและสามีของคุณที่อาศัยอยู่ด้วยกันงั้นเหรอ?”
“ไม่ ไม่ สองห้องด้านขวานั้น พวกเราปล่อยเช่าให้เด็กสาวสี่คน พวกเธอนั้นเป็นส่วนหนึ่งของสตูดิโอเกมหน่ะ”มู่จี่เซียนตอบกลับ
“โอ้ โอเค”หญิงสาวพยักหน้า
ในเวลานั้นเอง หวังหยู่ก็เดินออกมาจากห้องและจ้องไปอย่างมึนงงกับหญิงสาวก่อนที่จะถามขึ้น “เธอคือใคร?”
หลังจากที่ดูหวังหยู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า หญิงสาวก็หัวเราะขึ้น “ชื่อของฉันคือ หยางนัว แต่คุณสามารถที่จะเรียกฉันว่านัวน้อยได้ค่ะ!”
“ชื่อของผมคือหวังหยู่”หวังหยู่แนะนำตัวเขาอย่างอึดอัด
“สวัสดีค่ะ คุณหวัง”หลังจากที่แลกเปลี่ยนคำพูดกันเสร็จ ทั้งคู่ก็นั่งตรงข้ามกันอย่างอึดอัดและเงียบงัน
“ฉันจะไปทำงานก่อนแล้ว พวกเธอสามารถที่จะพูดคุยกันต่อได้นะ”เมื่อเห็นมู่จี่เซียนกลับมา หวังหยู่ก็รีบโบกมือลาและหายเข้าไปในห้องของเขาในทันที
เมื่อเห็นหวังหยู่นั้นวิ่งหนีไป หยางนัวก็ถามขึ้น “พี่ชายหยู่นั้นทำงานอะไรเหรอคะ?”
‘อ๊า....มันไม่ได้เป็นงานไรมากหรอก เขาเพียงแค่เล่นเกม”มู่จี่เซียนตอบกลับ
“{REBIRTH}?”
“ใช่!”
“เกมนั้นโด่งดังมาก! คุณเล่นกับคุณหวังด้วยหรือเปล่าคะ?”หยางนัวถามขึ้นอีกครั้ง
“ฉันกำลังพิจารณาอยู่เลยว่าจะเริ่มเล่นมัน….เธอเล่นมันด้วยงั้นเหรอ?”มู่จี่เซียนหัวเราะ
“ฉันก็ไม่ได้เล่นไปมากกว่าคุณนายหวังหรอกค่ะ ที่จริงแล้ว ฉันพึ่งจะเล่นเมื่อวานเอง ทำไมพวกเราไม่ไปฝึกฝนด้วยกันในอนาคตละ?”หยางนัวหัวเราะคิกคัก
“โอเค ได้เลย! แต่ทางที่ดีเธออย่าดูถูกฉันนะ ถึงแม้ว่าฉันจะดูเป็นแบบนี้นะ แต่ฉันก็ยังคงมีความสามารถบางอย่างอยู่!”สำหรับการเป็นโอเปอเรเตอร์บริการลูกค้านั้น มู่จี่เซียนก็มีความมั่นใจในตัวของเธอเอง
“ถ้าอย่างงั้นคุณจะต้องพาฉันไปรอบๆแล้วละ ฉันมีชื่อว่า”หิมะอันบริสุทธิ์“เพิ่มฉันเป็นเพื่อนด้วยเมื่อคุณเข้าเกม!”
“แน่นอน!”มู่จี่เซียน ยิ้ม
“ถ้าอย่างงั้นฉันจะไม่รบกวนเวลาคุณอีกแล้วค่ะ ฉันจำเป็นที่จะต้องไปทำอาหารให้เสร็จก่อน! ถ้าคุณมีเวลาละก็มาเล่นกับฉันด้วย!”เมื่อเธอพูดเสร็จ หยางนัวก็ลุกขึ้นยืน
“โอเค! มาเยี่ยมตอนไหนก็ได้ในอนาคตนะ!”มู่จี่เซียนตอบกลับ
หลังจากที่หยางนัวนั้นจากไป มู่จี่เซียนก็กระเด้งตัวขึ้นอย่างมีความสุขและกลับไปในห้อง แล้วเธอก็เห็นหวังหยู่นั่งอย่างเงียบงันบนเตียงพร้อมกับการแสดงออกที่ดูมีปัญหา
“ที่รักเกิดอะไรขึ้น? คุณรู้สึกไม่ดีงั้นเหรอ?”
“ผมสบายดี....ผู้หญิงคนนั้นไปหรือยัง?”หวังหยู่ถาม
“เธอไปแล้ว!”มู่จี่เซียนตอบ
หลังจากที่จ้องไปที่ประตูของห้องนอน หวังหยู่ก็พูดขึ้นอย่างฉับพลัน “ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนธรรมดา มันจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าถ้าคุณไม่ยุ่งกับเธอมากในอนาคต”
“หื้อ? ทำไมละ?”
“ร่ายกายที่แข็งแกร่งพร้อมกับพลังที่ทรงพลังอย่างมากและการควบคุมลมหายใจนั้นไม่ใช่อะไรที่คุณสามารถทำสำเร็จโดยปราศจากการฝึกฝนเป็นเวลาสิบปีโดยการใช้เทคนิคลับของครอบครัว!”หวังหยู่อธิบาย
“อะไรนะ? คุณมั่นใจใช่ไหม? ว่าเธอรู้ศิลปะการต่อสู้?”มู่จี่เซียนอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
เธอนั้นหลงคิดไปว่าผู้ที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดนั้นจะมีร่างกายที่ใหญ่โตและกำยำเหมือนกับครอบครัวของหวัง ใครจะไปคิดว่าหญิงสาวที่สวยงามแบบนั้นจะเป็นหนึ่งในพวกนั้นด้วยกัน?
“ใช่ ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้ดูผิดแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น นามสกุลของเธอก็คือ หยาง ถ้าให้ผมเดาละก็..... ไม่! พวกเราจะต้องย้ายออกในทันทีในตอนนี้!”เมื่อหวังหยู่พูดมากยิ่งขึ้น การแสดงออกของเขานั้นก็มืดมนมากยิ่งขึ้น
“เอาหน่า! มีคนมากมายที่มีนามสกุลหยาง! ดูการแสดงออกของคุณสิ ทำตัวน่ากลัวเชียว! ไม่ใช่ว่าพวกเราอยู่อย่างเป็นสุขมาจนถึงตอนนี้งั้นเหรอ? ถ้าพวกเราย้ายออกละก็ แล้วบ้านหลังนี้ละ?”มู่จี่เซียนหัวเราะคิกคัก
“มันอาจจะเป็นเรื่องจริง แต่จำนวนของหยางที่รู้เกี่ยวศิลปะการต่อสู้ที่ทรงพลังนั้นมีน้อยมากจริงๆ…พวกเขาไม่กล้าที่จะต่อกรกับผม แต่ผมกังวลว่าพวกเขาจะเล่นงานคุณแทน…’หวังหยู่ตอบกลับอย่างเคร่งขรึม
“ไม่ต้องกังวลหน่า คุณหยางนั้นดูอัธยาศัยดีมาก ดังนั้นเธอไม่เป็นคนประเภทนั้นแน่นอน! ฉันค่อนข้างเก่งในเรื่องการอ่านคนนะ!”มู่จี่เซียนพยายามปลอบประโลมหวังหยู่
“โอเค....แต่พยายามอย่าไปตีสนิทกับเธอให้มากในอนาคตนะ โอเคไหม?”หวังหยู่เตือน
มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทั้งสองคนที่หาหลักแหล่งอยู่ได้ ดังนั้นหวังหยู่ไม่ต้องการที่จะให้ต้นตระกูลที่ไม่จำเป็นของเขานั้นมาสร้างปัญหา
“ฉันรู้ ฉันรู้! ฉันจะระวังตัว โอเคไหม?”มู่จี่เซียนแตะไปที่ไหล่ของหวังหยู่และพยายามที่จะปลอบประโลมเขา
“อา….น้องเซียน การที่เธอติดตามฉันนั้นเป็นเรื่องยากสำหรับเธอจริงๆ…”หวังหยู่หัวเราะอย่างข่มขืน เมื่อเขาลูบไปที่หัวของมู่จี่เซียน
“คุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่? ตราบเท่าที่ฉันมีคุณนั้นก็ไม่มีเรื่องอะไรที่ยากสำหรับฉันหรอก!”มู่จี่เซียนยิ้มอย่างอ่อนโยน “และเป็นกี่ครั้งแล้วที่ฉันจำเป็นที่จะต้องบอกคุณ? เรียกฉันว่าที่รักหรือไม่ก็ดาร์ลิ้ง! ไม่ใช่น้องเซียน! ฉันเป็นภรรยาของคุณแล้ว!”
“ได้เลย ที่รัก!”หวังหยู่พยักหน้าแล้วเขาก็ยื่นหมวกให้กับมู่จี่เซียนและพูด “ถ้างั้นเล่นเกมกันเถอะ! ผมติดตั้งหมวกให้คุณแล้ว”
“โอเค!”
เมื่อตอนเข้าเกม หวังหยู่ก็ตระหนักว่ามันเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
ทั่วทั้งถนนั้นเต็มไปด้วยไฟของเทศกาลพร้อมกับตึกมากมายที่ถูกทาสีแดงสว่าง!
สำหรับเกมตะวันตกที่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดนี้นั้นทำให้เกิดบรรยากาศที่พิเศษขึ้นกับมัน
ในช่วงเวลาที่หวังหยู่เข้าเกม เขาก็ได้รับข้อความจากนิกายซวนเฉินในทันที “รีบมายังสำนักงานกิลด์! พวกเรารอนายอยู่!”
“โอเค!”หวังหยู่รีบตอบและก็ออกมาจากร้านอาหารและเดินไปยังที่เทเลพอร์ตและเขาก็เทเลพอร์ตไปในทันที
ในตอนนี้นั้น สำนักงานกิลด์นั้นก็เป็นสีแดงสว่าง และทางเข้านั้นมีกระทั่งประทัดไฟและบทกลอน!
ในห้องประชุมนั้น ที่เหลือก็กำลังนั่งเหยียดขาอยู่บนโต๊ะและรอคอยหวังหยู่โดยมีการแสดงออกที่ไม่มีความอดทน
“ทำไมทุกคนถึงเร่งรีบกันขนาดนี้ละ? พวกเรากำลังจะเล่นไพ่นกกระจอกกัน8คนงั้นเหรอ?”
‘เล่นเหี้..ไรละ! พวกเรารอนายเพื่อที่จะแบ่งเงินกันต่างหาก!”หมิงตู่ทุบโต๊ะและเขาก็ตระโกนแล้วเขาก็เขวี้ยง [ระเบิดสายฟ้า] ใส่ด้านหลังของหวังหยู่
“เหี้...! เฒ่าหลี่ต้องการที่จะตายใช่ไหม?”หวังหยู่กระโดดอย่างตกตะลึงและเขาก็เดินเข้าไปหาหมิงตู่
หมิงตู่ก็ดึงเก้าอี้ให้ในทันทีและพูด “น้องกระทิง ได้โปรดนั่งลงเถอะ…”
หลังจากที่หวังหยู่นั่งลง ทั้งเจ็ดคนก็จ้องไปที่ดาบน้ำแข็งพร้อมกับดาบน้ำแข็งอย่างคาดหวัง
เมื่อหมิงตู่นั้นพูดเกี่ยวกับเรื่องเงิน หวังหยู่ก็จำได้ขึ้นมาอย่างฉับพลันว่าเขาพึ่งลงพนันไปสองร้อยเหรียญทองเมื่อวาน!
เมื่อเห็นทุกคนจ้องมาที่เขาอย่างคาดหวัง ดาบน้ำแข็งก็นั่งลงอย่างสบายๆโดยไม่มีการแสดงออกใดๆ
“เหี้...! ดาบน้ำแข็งกำลังรอเหี้..อะไรอยู่? เร็วเข้า!”หมิงตู่เริ่มต้นที่จะด่าอีกครั้งหนึ่ง
“เฮะเฮะ ฉันเพียงต้องการจะดูว่าพวกนายนั้นจะไม่อดทนกันขนาดไหน!”ดาบน้ำแข็งหัวเราะ
“เหี้...! ทำไมนายไม่เปลี่ยนชื่อของนายเป็นดาบยาจกแทนวะ!”หมิงตู่ด่า
รัศมีฤดูใบไม้ผลิก็ส่ายหัวแล้วเขาก็พูด “ฉันคิดว่าคนที่ใช้ชื่อจริงนั้นจะเป็นพวกขี้เหนียวอย่างแท้จริงซะอีก…”
“ไอ้เหี้...พี่ชายฤดูใบไม้ผลิ!”
“ฮ่าๆๆๆ! เอาละ ฉันจะไม่เล่นละ!”เมื่อเขานั้นสนุกเพียงพอ ดาบน้ำแข็งก็หยิบกองเงินจำนวนมหาศาลออกมาจากกระเป๋าของเขา
เมื่อเห็นภูเขาของเหรียญทองบนโต๊ะนั้น ตาความทระนงตัวนั้นก็แทบจะหลุดออกมจากเบ้าและอุทาน “เย็...เหี้...! ฉันไม่เคยที่จะเห็นเงินจำนวนมากเท่านี้มาก่อน ตลอดชีวิตของฉันเลย!”
“โชคร้ายที่เป็นเงินของนายแค่หนึ่งเหรียญ….”ดาบน้ำแข็งหัวเราะเบาๆ พร้อมกับนั้นเขาก็ชักกริชของเขาออกและดีดเงินไปหนึ่งเหรียญให้กับความทระนงตัว
เมื่อหยิบเหรียญนั้นไป ความทระนงตัวก็มีการแสดงออกที่ซับซ้อนแล้วเขาก็พึมพำ “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้รับเงิน......มันมีคุณค่าอย่างมากกับจิตใจของฉัน….ทางที่ดีฉันควรที่จะหาที่เก็บไว้อย่างปลอดภัยให้มัน…”
เหรียญนั้นก็จะกลายเป็นตัวเลข ในทันทีเมื่อมันเข้าไปในกระเป๋า แล้วทำไมไอ้เด็กโง่เง่านี่นั้นยังทำแบบนั้น? ฝังเหรียญเรอะ?
“ขุนนางครอทนี่ของนาย!”ดาบน้ำแข็งประกาศแล้วเขาก็ดีดเหรียญอีกเหรียญไปให้ขุนนางครอท
“ถ้าผมรู้มันก่อนหน้านี้ละก็ ถ้าอย่างงั้นผมจะพนันมันเพิ่ม….”ขุนนางครอททำหน้าตาบูดบึ้ง
“อย่างน้อยนายก็ชนะ! 1เหรียญทองนั้นก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย!”ความทระนงตัวพยายามที่จะปลอบใจเขา
“ผมรู้ แต่ผมรับไม่ได้ที่คนแบบเฒ่าหลี่นั้นจะได้เงินหนึ่งร้อยเหรียญทองต่างหาก….”ขุนนางครอทบ่น
“เอิ่ม….เขาเป็นคนที่หน้าด้านที่กล้าที่จะใช้ชื่อจริง….”
โบซอนและไร้ความกลัวนั้นได้มาห้าร้อยเหรียญทอง ในขณะที่ดาบน้ำแข็งและรัศมีฤดูใบไม้ผลิได้มาคนละหนึ่งพันเหรียญทอง นอกจากนี้ ภูเขามันก็ไม่ได้เล็กลง
เมื่อเห็นกองเงินบนโต๊ะ ทุกคนก็รู้สึกผิดหวังกันเล็กน้อย
สองหมื่นเหรียญทอง!ทุกคนนั้นต้องการที่จะตกเป็นทาสกับเงินหนึ่งเหรียญทอง และในตอนนี้หวังหยู่นั้นก็ได้เงินพอที่จะให้เขาจมลงไปกับกองเงินได้แล้ว!
“ฮ่าๆๆๆ! ให้ผมเดาว่าที่เหลือนั้นเป็นของผมสินะ…”ภายใต้สายตาที่อิจฉาของคนอื่น หวังหยู่ก็เลียริมฝีปากและกวาดเงินเข้าไปในกระเป๋า
เมื่อหลังจากนี้ ดาบน้ำแข็งก็หยิบกระเป๋าเงินเล็กๆออกมาและพูด ‘อาวุธระดับอัคนีนั้นขายได้ 240เหรียญทองในการประมูล และพวกเราจะได้คนละ 30เหรียญ!”
เมื่อถึงตาของหวังหยู่ หวังหยู่ก็โบกมืออย่างใจดีและพูด “นายเก็บไว้ซื้อของดื่มเถอะ!”สำหรับคนที่เป็นเจ้าของเงินสองหมื่นเหรียญทองนั้น หวังหยู่ในตอนนี้ก็เป็นผู้เล่นที่ร่ำรวยที่สุดในเกม!
“ไร้สาระ! แน่นอนว่าฉันจะไม่ให้มันกับนายแน่ๆ!”ดาบน้ำแข็งจ้องไปที่หวังหยู่แล้วเขาก็เก็บเงินไป
“น้องกระทิง นื่คือเงินที่ฉันติดหนี้นายไว้เมื่อวาน”รัศมีฤดูใบไม้ผลิพูดแล้วเขาก็หยิบเงินหนึ่งร้อยเหรียญทองออกมาและส่งมันให้กับหวังหยู่
หวังหยู่ก็หัวเราะและพูด “พี่เก็บมันไว้เหอะ ทำมันเหมือนกับว่าเป็นห่อแดงให้พี่กับครอบครัวพี่จากผม…..ยังไงก็ตาม ขอบคุณพี่มากเมื่อวานนี้!”
“หื้อ?”รัศมีฤดูใบไม้ผลิสับสนมาก ทำไมหวังหยู่ถึงขอบคุณเขาอย่างมั่วซั่วงี้
ที่จริงแล้ว รัศมีฤดูใบไม้ผลินั้นไม่ได้รู้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะเขาเตือนหวังหยู่ว่ามันเป็นช่วงวันปีใหม่แล้วนั้น หวังหยู่ก็จะไม่ได้ออกไปหามู่จี่เซียน และถ้าเกิดอะไรขึ้นละก็ เธอก็จะโดนเอาเปรียบ ในสายตาของหวังหยู่แล้ว มู่จี่เซียนนั้นมีค่ามากกว่าเงินทุกเหรียญในโลกใบนี้!
หลังจากแบ่งเงินกันเสร็จแล้ว ไร้ความกลัวก็ตบมือแล้วเขาก็ถามขึ้น “ตั้งแต่ที่พวกเรามีเวลาหลายชั่วโมงจนกระทั่งเควสของวันปีใหม่ มันมีอะไรที่พวกนายต้องการที่จะทำมันไหม?”
“เคลียร์ดันเจี้ยน?”หวังหยู่แนะนำ นอกจากทุกคนในที่นี้นั้น มีเพียงเขาคนเดียวที่ยังไม่เคยเคลียร์ดันเจี้ยนเลยซักครั้ง!
“พวกเรามีแปดคน ไม่สำคัญหรอกว่าพวกเราจะแบ่งคนกันยังไง พวกเราก็ไม่สามารถที่จะมีสองทีมที่มีจำนวนคนเต็มได้!”โบซอนตอบกลับ
“นี่มันเป็นเกมขยะอะไรกันเนี่ย? ดังนั้นพวกเราแปดคนไม่สามารถที่จะเล่นด้วยกันได้สินะ?”
“พวกเราสามารถเล่นได้! ในโบสถ์โชกเลือดอีลิท!”ไร้ความกลัวประกาศ