เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 187 เรือที่โลดแล่นอยู่บนสายธารแห่งกาลเวลา
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 187 เรือที่โลดแล่นอยู่บนสายธารแห่งกาลเวลา
ทั้งหมดทำให้ฟางหยวนคิดไปถึงวิญญาณระดับสี่ ม่านน้ำบุปผาสวรรค์ มันจะกลายเป็นโล่น้ำทรงกลมขนาดใหญ่ที่มีความสามารถในการป้องกันชั้นยอด มันสามารถป้องกันการโจมตีของวิญญาณระดับห้า แต่มันก็ยังมีข้อเสียที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายและไม่สามารถหยุด มันจะปิดกั้นการเข้าออกทั้งหมด นั่นหมายความว่าแม้แต่ผู้ใช้วิญญาณก็ยังไม่สามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ ดังนั้นมันจึงมักจะถูกใช้ในการปกป้องดินแดน
กล่าวโดยสรุป การใช้วิญญาณเป็นเรื่องที่ลึกซึ้ง เพราะวิญญาณเป็นต้นกำเนิดพลังงานแห่งสวรรค์พิภพที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป
แท้จริงแล้วฟางหยวนไม่คุ้นเคยกับวิญญาณกาลเวลามากนัก
ในชีวิตก่อนหน้า เขาเสียชีวิตด้วยการบีบบังคับให้ใช้วิญญาณกาลเวลาโดยกลุ่มผู้เอ่ยอ้างความคุณธรรมหลังจากหลอมสร้างวิญญาณกาลเวลาได้สำเร็จ เขาไม่มีเวลาที่จะทดลองใช้งานมัน นอกจากนั้นวิญญาณกาลเวลาก็ไม่ใช่วิญญาณดวงแรกของเขาเช่นชีวิตนี้ นั่นทำให้คุณลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของมันยังไม่เปิดเผยออกมาทั้งหมด
ในชีวิตนี้ ระดับการบ่มเพาะของเขายังอ่อนด้อย ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าทดลองใช้งานวิญญาณกาลเวลาอย่างไม่ระมัดระวัง
วิญญาณกาลเวลาถูกพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในวิญญาณที่พิเศษและลึกลับที่สุด ข้อมูลในเชิงลึกของมันจึงไม่มีการบันทึกเอาไว้
นอกจากนี้ เมื่อวิญญาณก้าวเข้าสู่ระดับหกหรือเหนือกว่า พวกมันจะกลายเป็นวิญญาณเพียงหนึ่งเดียวของวิญญาณชนิดนั้นๆและจะไม่มีวิญญาณชนิดเดียวกันดวงที่สอง หากบางคนต้องการหลอมสร้างพวกมัน พวกเขาจะมีโอกาสประสบความสำเร็จเพียงเมื่อวิญญาณดวงแรกแตกดับไปแล้วเท่านั้น กล่าวอีกอย่าง พวกเขาจะล้มเหลวอย่างแน่นอน
ดังนั้นมันจึงเป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางหยวนเข้าใจวิญญาณกาลเวลามากขึ้น
'การกำเนิดใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย วิญญาณกาลเวลาซ่อนเร้นภัยพิบัติเอาไว้ ด้วยความเร็วในการฟื้นตัวของมัน แม้จะมีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง ความเร็วในการบ่มเพาะก็ยังไม่สูงพอที่จะตามมันได้ทัน สุดท้ายทะเลวิญญาณก็จะระเบิดเพราะไม่สามารถรองรับพลังอำนาจของวิญญาณระดับหก'
ฟางหยวนกัดฟันแน่น
การกำเนิดใหม่เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม แต่การมีวิญญาณกาลเวลาอยู่ด้วย มันก็ไม่ต่างจากการมีระเบิดเวลาอยู่ในร่างกายเช่นเดียวกับสุดยอดกายาทั้งสิบ
'หากข้าไม่สามารถนำวิญญาณกาลเวลาออกมา นั่นหมายความว่าข้าต้องใช้มันเพื่อถือกำเนิดใหม่อีกครั้งงั้นหรือ?'
นี่ดูเหมือนจะเป็นวิธีเดียวที่ทำให้วิญญาณกาลเวลากลับไปอยู่ในสภาพที่อ่อนแอและยังจะทำให้ฟางหยวนสามารถหลบหนีจากสถานการณ์
วิธีนี้ดูเหมือนจะเป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบ แต่มันกลับแฝงไว้ด้วยปัญหาและอันตรายมากมาย
ประการแรก ไม่มีผู้ใดรับประกันได้ว่าการกำเนิดใหม่จะประสบความสำเร็จ
ฟางหยวนผ่านการกำเนิดใหม่มาครั้งหนึ่งแล้วและสามารถนำประสบการณ์ที่ล้ำค่าติดตัวมาด้วย
ความเข้าใจเกี่ยวกับโลกของเขาก็คือ โลกเป็นพื้นที่สามมิติที่มีแกนเวลาเป็นสิ่งเชื่อมต่อระหว่างอดีตกับอนาคต หากปราศจากเวลา ทุกอย่างจะหยุดนิ่ง การเคลื่อนไหวของทุกสิ่งล้วนเป็นกระบวนการที่บ่งบอกถึงการเดินทางของเวลา
ไม่มีโลกคู่ขนาน การใช้วิญญาณกาลเวลาเพื่อกำเนิดใหม่ก็คือการย้อนกลับไปในแกนเวลาเดิม
อย่างไรก็ตามร่างกายในอนาคตของฟางหยวนไม่มีอยู่ในอดีต
เนื่องจากข้อจำกัดของธรรมชาติ ร่างกายของเขาไม่สามารถย้อนกลับมาและมีเพียงต้องถูกระเบิดทำลายไปเท่านั้น แต่พลังงานจากการระเบิดตนเองก็เป็นแรงขับเคลื่อนให้วิญญาณกาลเวลานำจิตสำนึกของฟางหยวนเดินทางย้อนสายธารแห่งกาลเวลากลับมาในอดีตเช่นเรือที่แล่นทวนกระแสน้ำ
ประสบการณ์ทั้งหมดของผู้ใช้วิญญาณถูกบรรจุไว้ในจิตสำนึก เมื่อจิตสำนึกเดินทางย้อนกลับสู่อดีต ประสบการณ์ทั้งหมดจากอนาคตจึงถูกเติมเต็มเข้าไปยังจิตสำนึกในอดีตของผู้ใช้วิญญาณผู้นั้น
จิตสำนึกจากอนาคตทำให้การกระทำของผู้ใช้วิญญาณในอดีตเปลี่ยนแปลงไป สุดท้ายมันจึงเกิดปรากฏการณ์ผลกระทบปีกผีเสื้อที่ขยายวงกว้างออกไปอย่างไม่สิ้นสุด
ทั้งหมดทำให้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
บางคนกล่าวว่าประวัติศาสตร์ก็เหมือนแม่น้ำที่ทอดตัวยาวออกไปเรื่อยๆ
โลกวิญญาณใบนี้ก็ไม่ต่างกัน ทุกคนสามารถเพียงล่องลอยไปตามกระแสน้ำจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ อย่างไรก็ตามจิตสำนึกของฟางหยวนพึ่งพาวิญญาณกาลเวลาเสมือนเรือที่แล่นทวนกระแสน้ำกลับสู่ต้นน้ำอีกครั้ง
แม้เขาจะเปลี่ยนแปลงหลายสิ่ง มันก็ยังเป็นโลกวิญญาณใบเดิม ที่มีบางแง่มุมต่างออกไปเท่านั้น
อย่างไรก็ตามตอนนี้วิญญาณกาลเวลายังไม่ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ มันก็เหมือนเรือที่ชำรุดและมีรูรั่ว
การบ่มเพาะของฟางหยวนอยู่ในระดับสามขั้นต้น หากเขากระตุ้นใช้งานวิญญาณกาลเวลา แรงระเบิดตัวเองของเขาย่อมไม่เท่ากับในชีวิตก่อนหน้าที่เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหก มันอาจไม่เพียงพอที่จะผลักดันให้วิญญาณกาลเวลาเคลื่อนที่ทวนกระแสน้ำไปในอดีต
'ข้าอาจไม่ประสบความสำเร็จในการย้อนเวลาขณะที่ร่างกายในปัจจุบันถูกระเบิดทำลาย ผู้ใดจะรู้ว่าเรือที่ชำรุดผุพังจะจมลงใต้น้ำหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น จิตสำนึกของข้าอาจสูญหายไปในสายธารแห่งกาลเวลา โดยยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องเรือที่ชำรุด หากต้องการเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จ ผู้ใช้วิญญาณจำเป็นต้องบ่มเพาะจนถึงจุดที่พร้อมใช้งานมันจริงๆ มิฉะนั้นมันก็จะเป็นเพียงการทำลายตนเองเท่านั้น' ฟางหยวนถอนหายใจยาว
สิ่งที่เกิดขึ้นเกินกว่าการคาดหมายของเขา แต่ด้วยประสบการณ์และความฉลาดเฉลียวทั้งหมดของฟางหยวน แน่นอนว่าเขามีแผนรับมือเรียบร้อยแล้ว
ค้างคาวโลหิตบินเข้ามาใกล้ฟางหยวนมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามความสนใจของเขาอยู่ในทะเลวิญญาณเท่านั้น
ทะเลวิญญาณสีเงินยังคงกระจ่างใสราวกับกระจกภายใต้ประกายแสงสีเขียวเหลืองของวิญญาณกาลเวลา แต่กำแพงวิญญาณที่ห่อหุ้มทะเลวิญญาณของฟางหยวนกลับมีรอยร้าวเล็กๆปรากฏอยู่
วิญญาณดวงอื่นหลบอยู่ในส่วนลึกของทะเลวิญญาณเพราะไม่สามารถด้านทานกลิ่นอายของวิญญาณระดับหก
ฟางหยวนใช้พลังจิตควบคุมวิญญาณดวงหนึ่งให้ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างช้าๆ
วิญญาณดวงนี้มีรูปลักษณ์คล้ายลูกเต๋าสีเทา
มันเป็นวิญญาณที่ฟางหยวนขโมยมาจากไป่หนิงปิงและใช้ได้เพียงครั้งเดียว แต่ผลกระทบของมันค่อนข้างพิเศษ หลังจากกระตุ้นใช้งาน กำแพงวิญญาณที่ห่อหุ้มทะเลวิญญาณจะก้าวเข้าสู่ขั้นสูงของระดับนั้นๆทันที
'วิญญาณกำแพงหิน! ระเบิด!'
เพียงหนึ่งความคิดของฟางหยวน วิญญาณกำแพงหินระเบิดตัวเองและส่งฝุ่นละอองสีเทาออกไปปกคลุมทะเลวิญญาณของเขาเอาไว้ทั้งหมด
ฝุ่นละอองสีเทายึดติดกับกำแพงวิญญาณและค่อยๆเปลี่ยนกำแพงแสงให้กลายเป็นกำแพงหินในที่สุด
กำแพงหินระดับสามขั้นสูง!
วิญญาณกาลเวลายังปลดปล่อยแสงสีเขียวเหลืองออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่เวลานี้กำแพงหินสามารถรองรับแรงกดดันจากมันได้ดีขึ้น
'การใช้วิญญาณกำแพงหินหมายถึงการตัดอนาคตของตนเอง มันยากที่จะก้าวเข้าสู่ระดับสี่ แต่มันสามารถรองรับแรงกดดันจากวิญญาณกาลเวลาได้มากขึ้น เดิมทีไป่หนิงปิงต้องการใช้วิญญาณกำแพงหินเพื่อรองรับพลังวิญญาณของสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืด แต่น่าเสียดาย ด้วยความน่าจะเป็นที่ไม่สิ้นสุดของสุดยอดกายาทั้งสิบ กำแพงหินยังไม่สามารถรองรับแรงกดดันดังกล่าว'
ในวินาทีนี้ ค้างคาวโลหิตสามารถเข้าประชิดตัวฟางหยวนได้ในที่สุด
ฟางหยวนก่นเสียงเย็นเย้ยหยันก่อนจะใช้ตะขาบทองคำทำลายล้างสังหารและล่าถอย
โชคดีที่ภายในถ้ำค่อนข้างแคบทำให้ฟางหยวนไม่ต้องเผชิญหน้ากับค้างคาวฝูงใหญ่พร้อมกัน
เสียงการต่อสู้ระหว่างตะขาบทองคำทำลายล้างกับค้างคาวโลหิตดังสะท้อนอยู่ในถ้ำอย่างต่อเนื่อง
นี่เป็นเหตุให้พลังวิญญาณของฟางหยวนลดลงอย่างรวดเร็ว
มีค้างคาวโลหิตอยู่เกือบหนึ่งร้อยตัว แต่ปราศจากผู้ใช้วิญญาณคอยควบคุมพวกมัน ดังนั้นพวกมันจึงไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในความเป็นจริง มันเหมือนกับฟางหยวนต่อสู้กับค้างคาวโลหิตเพียงสามสิบหรือสี่สิบตัวเท่านั้น
อย่างไรก็ตามมันก็ยังไม่ใช่สิ่งที่ฟางหยวนจะสามารถรับมือ
สิ่งที่น่าอึดอัดใจที่สุดก็คือ แม้กำแพงวิญญาณของเขาจะก้าวเข้าสู่ระดับสามขั้นสูง พลังวิญญาณของเขากลับยังอยู่ในระดับสามขั้นต้นเช่นเดิม การลดลงอย่างรวดเร็วของพลังวิญญาณบังคับให้เขาต้องดูดซับพลังงานจากหินวิญญาณ แต่วิธีนี้ไม่เหมาะสมที่จะใช้ในสนามรบ
การเสียสมาธิในการต่อสู้เป็นเรื่องโง่เขลา ขณะเดียวกันประสิทธิภาพในการดูดซับพลังงานจากหินวิญญาณในสถานการณ์เช่นนี้ก็ยังต่ำมาก
วิธีนี้สามารถใช้ได้ดีระหว่างการบ่มเพาะหรือฉวยโอกาสสั้นๆในสนามรบเพื่อกู้คืนพลังวิญญาณอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามเป็นความโชคดีของฟางหยวนที่สามารถครอบครองวิญญาณบัวสมบัติสวรรค์
บัวสมบัติสวรรค์สามารถสร้างหินวิญญาณ แต่ในความเป็นจริงนี่เป็นเพียงผลกระทบตามธรรมชาติของมันเท่านั้น
บัวสมบัติสวรรค์ถูกเรียกว่าน้ำพุจิตวิญญาณธรรมชาติแบบพกพา ความสามารถของมันคือการปลดปล่อยพลังวิญญาณออกมา สุดท้ายมันจึงควบรวมเป็นหินวิญญาณในที่สุด
บัวสมบัติสวรรค์สามารถยกระดับขึ้นเป็นบัวสวรรค์อมตะ
ผู้ใช้วิญญาณระดับหก นักบวชบัวสวรรค์อมตะ ถูกกล่าวขานว่าเป็นบุคคลที่สามารถกู้คืนพลังวิญญาณได้รวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ ในแง่มุมนี้ เขากระทั่งเหนือกว่าผู้ใช้วิญญาณระดับเก้าในเส้นทางของผู้อมตะหรือปีศาจอมตะก็ตาม ทั้งหมดก็เป็นเพราะการคงอยู่ของบัวสวรรค์อมตะนี่เอง
บัวสมบัติสวรรค์นอนอยู่ในส่วนลึกของทะเลวิญญาณของฟางหยวน
เวลานี้มันยังเป็นเพียงวิญญาณระดับสามและพึ่งถูกปรับแต่งโดยฟางหยวน ดังนั้นความสามารถในการปลดปล่อยพลังวิญญาณของมันจึงยังอยู่ในระดับต่ำสุด แต่มันก็ยังส่งพลังวิญญาณให้กับฟางหยวนอย่างต่อเนื่อง
นั่นหมายความว่าทะเลวิญญาณของฟางหยวนจะถูกกู้คืนตลอดเวลาด้วยการคงอยู่ของบัวสมบัติสวรรค์
การดูดซับพลังงานจากหินวิญญาณจำเป็นต้องแบ่งความสนใจให้กับมัน แต่ภายใต้ผลกระทบจากวิญญาณบัวสมบัติสวรรค์ มันสามารถกู้คืนพลังวิญญาณให้กับฟางหยวนอย่างเป็นธรรมชาติด้วยความเร็วที่เทียบเท่ากับการมีพรสวรรค์นภาที่สอง
"ฆ่า!"
ฟางหยวนคำรามเสียงดังก่อนจะเปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้เป็นการบุกโจมตีศัตรูอย่างเต็มที่
ตะขาบทองคำทำลายล้างเคลื่อนไหวไปรอบๆอย่างบ้าคลั่งทำให้เสียงกรีดร้องของค้างคาวโลหิตดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ฟางหยวนเฝ้าสังเกตอย่างระมัดระวังจนในที่สุดแผนลับของเขาก็ประสบความสำเร็จเมื่อเขาค้นพบค้างคาวโลหิตตัวผู้ที่ถูกปรับแต่งโดยผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรก
ค้างคาวโลหิตตัวผู้มีความโดดเด่นกว่าค้างคาวโลหิตตัวเมียเล็กน้อยและมันก็เป็นหัวหน้าฝูงที่ควบคุมค้างคาวโลหิตตัวเมียทั้งหมด
เมื่อค้างคาวโลหิตตัวผู้ตาย ค้างคาวโลหิตทั้งหมดจะกระจัดกระจายแยกย้ายกันไปทันที