บทที่ 58 ยืมมือผู้อื่น 2 (อ่านฟรี)
ในตอนเช้าตรู่ หวังขาเป๋ถูกปลุกให้ตื่นโดยเสียงร้องเรียกของลูกน้องที่เข้ามาบอกกล่าวว่า คนของซ่งเหล่าซื่อเข้ามาเพื่อเก็บเงินในถิ่นของเขา
จริงๆแล้วหวังขาเป๋ไม่ใส่ใจ ด้วยเพราะความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายพึ่งจะเข้าที่เข้าทาง หวังขาเป๋ตอบตกลงที่จะไม่ยุ่มย่ามกับธุรกิจก่อสร้างและรื้อถอน ในขณะที่ซ่งเหล่าซื่อก็รับประกันว่ายื่นมือเข้ามาสอดธุรกิจไนท์คลับ บาร์ และอาบอบนวด
แต่หวังขาเป๋คิดไม่ถึงว่าคนของซ่งเหล่าซื่อจะมารีดไถเก็บเงินจากบริษัทการค้าเล็กๆ สิ่งนี้ทำให้หวังขาเป๋ไม่ค่อยพอใจ ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เศรษฐกิจจะไม่ชะลอตัวลงหรือ? ไม่ใช่ว่าหวังขาเป๋จะเป็นห่วงเรื่องเศรษฐกิจ แต่หากเศรษฐกิจย่ำแย่ จะยังมีใครใช้บริการสถานบันเทิงของเขา?
จากที่รับฟังสถานการณ์ทั้งหมด เขาก็ค้นพบว่าไม่ได้เป็นฝีมือซ่งเหล่าซื่อ แต่เป็นซ่งเสี่ยวเฟิงผู้เป็นหลานชายไม่เอาไหนของซ่งเหล่าซื่อต่างหาก หากเป็นฝีมือของซ่งเหล่าซื่อ เขายังพอไว้หน้าอยู่บ้าง แต่เป็นซ่งเสี่ยวเฟิง ชายหนุ่มรุ่นลูกบังอาจเข้ามารีดไถในอาณาเขตของหวางขาเป๋ นี่เป็นการหยามเกียติเขา
ลูกน้องของหวังขาเป๋ยังกล่าวว่า พวกเขาไม่แน่ใจว่านี่เป็นความคิดของซ่งเหล่าซื่อหรือเปล่า เฮียเคอก็พึ่งพูดไปแล้วไม่จะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องพรรค์นี้ ทั้งยังยอมรับในตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ของซ่งเหล่าซื่อแล้ว หรือที่ซ่งเหล่าซื่อทำเช่นนี้ก็เพื่อดูปฏิกิริยาของหวังขาเป๋อย่างนั้นหรือ?
หวังขาเป๋ยังลังเลอยู่ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าซ่งเหล่าและเฮียเคอร่วมมือกัน ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาจะตกที่นั่งลำบาก อีกอย่าง คนหนุนหลังของซ่งเหล่าซื่อก็ตำแหน่งคงใหญ่กว่าของเขา เขาเพิ่งเข้าสู่วงการนี้
แต่มีใครคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาว่า ในไนต์คลับเมื่อคืนนี้ ซ่งเสี่ยวเฟิงพามิตรสหายมาร้องเล่นเต้นรำ เขาประกาศที่ไนต์คลับว่าถ้าใครกล้าต่อต้านเขา เขาจะทำลายขาของคนผู้นั้น ให้กลายเป็นคนพิการตลอดชีวิต
ประโยคนี้ทำให้หวังขาเป๋โมโหจนฟิวส์ขาด ในเมืองปิง แม้กระทั่งทั้งมณฑลหลงเจียงมีเพียงไม่กี่คนที่กล้าเรียกเขาว่าเป็นคนพิการ อย่างซ่งเสี่ยวเฟิงไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะเรียก
เขากลัวว่าลูกน้องคนนั้นของเขาได้ยินมาผิดๆ ถ้าเขาไปรังแกเด็กอาจจะทำให้ชื่อเสียงมัวหมอง ได้ยินมาว่าวันนี้ซ่งเสี่ยวเฟิงจะไปทำธุระที่บริษัทการค้าไท่หัว เขาจึงตัดสินใจไปพบหน้าเสียหน่อย ไม่ว่าถูกหรือผิดก็ควรพูดคุยให้ชัดเจนกันซึ่งๆหน้า หากซ่งเสี่ยวเฟิงรู้ความและยินยอมขออภัยเขาต่อหน้าเขา เขาก็จะไม่ถือสาและปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป
คิดไม่ถึง เมื่อเขาเพิ่งมาถึงหน้าประตูของบริษัทการค้าไท่หัว ยังไม่ทันเดินผ่านประตูเข้าไปเลยด้วยซ้ำ ก็ได้ยินว่าใครบางคนตะโกนดังว่าจะหักขาของใครสักคน ให้อีกฝ่ายกลายเป็นคนพิการตลอดชีวิต นอกจากนี้ เขายังได้ยินคำพูดหยาบคายเกี่ยวกับเขา ความหมายเป็นนัยยะว่าไม่ช้าก็เร็วเขาจะถูกฆ่าโดยซ่งเหล่าซื่อ
ช่วงเวลานั้นความโกรธเดือดดาลของหวังขาเป๋แทบจะระเบิดจนหมดสิ้น ไม่คิดจะให้อีกฝ่ายอธิบาย ก็ออกคำสั่งให้ลูกน้องลากตัวเจ้าหนุ่มปากไม่มีหูรูดออกมา แล้วเขาก็ลงมือหักขาทั้งสองข้างของเจ้าหนุ่มนั่นด้วยตัวเอง
เรียกว่าข้าว่าขาเป๋ถือไม้เท้า? เออ ข้านี่แหละจะทำให้เอ็งยิ่งกว่าขาเป๋ ทั้งชีวิตของเอ็งก็จงนั่งบนรถเข็นไปซะ
......
คางคกตื่นขึ้นในตอนเช้า เขาจะเป็นตัวแทนซ่งเสี่ยวเฟิงเดินทางไปที่บริษัทการค้าไท่หัวด้วยคิดอยากจะต่อรองบริษัทการค้าไท่หัว เพื่อต่อไปจะได้แบ่งผลกำไร 50% ผลกำไรให้ซ่งเสียวเฟิง
แต่หลังจากที่ไปถึงแล้ว ก็ได้ยินคนของบริษัทคุยกันว่าพวกเขากำลังจะปิดกิจการ นั่นหมายความว่าการค้าไทหัวไม่คิดจะแบ่งกำไร 50เปอร์เซ็นของพวกเขาให้ซ่งเสียวเฟิง คางคกจึงเป็นเดือดเป็นร้อน นี่เท่ากับการหยามเกียติซ่งเสี่ยวเฟิงไม่ใช่หรือ?
คางคกโกรธมาก เขาพูดเป็นมั่นเป็นเหมาะกับซ่งเสี่ยวเฟิงว่าเขาจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ หากไม่ได้เงินจำนวนนี้ เขาจะเอาหน้ากลับไปเจอซ่งเสียวเฟิงได้ยังไง? เขาคิดกับตัวเองว่า "ก็ได้ ถ้าพวกเอ็งต้องการปิดกิจการ เช่นนั้น ข้าจะเอากำไรในเดือนที่แล้วของพวกเอ็ง อย่าคิดว่าจะหลอกพวกข้าได้ เพราะพวกข้ามีเส้นสายที่ทำงานในธนาคาร แค่ตรวจสอบก็รู้แล้วว่าพวกเอ็งได้กำไรเท่าไหร่ต่อเดือน!
เขาไม่รู้ว่าทำไมวันนี้คนแซ่เฝิงจะปากแข็งเป็นพิเศษ ไม่เพียงแค่ปฏิเสธที่จะเงินให้กับคางคก แต่ยังกล่าวอีกว่าเขาจะไม่ให้ซ่งเสี่ยวเฟิงแม้แต่แดงเดียว!
คางคกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาชี้หน้าอีกฝ่ายแล้วด่าตะคอกเสียงดัง ความโมโหเข้าครอบงำ จึงพูดว่าจะหักขาพวกของเฝิงหยู่ ยกตัวอย่างของหวังขาเป๋ แล้วพูดเสียๆหายๆต่อหวังขาเป๋ไปหลายประโยค
เดิมที คางคกไม่ค่อยพูดประโยคแบบนี้ แต่ถึงจะพูดเขาก็ไม่กลัว แม้แต่ตำรวจไม่สามารถทำอะไรให้เขาได้ แต่วันนี้เขาช่างโชคร้ายนัก หวังขาเป๋บังเอิญผ่านทางมาพอดี พอได้ยินประโยคเหล่านั้น ก็กรูกันเข้ามาอย่างไม่พูดไม่จาแล้วหักขาทั้งสองข้างของเขาทันที
เรื่องราวจบเพียงเท่านี้ เขาไม่สามารถทำภารกิจที่ซ่งเสี่ยวเฟิงมอบหมายให้สำเร็จ แต่ยังทำให้หวังขาเป๋โกรธเกลียด นายน้อยซ่งไม่มีเหตุผลที่ต้องออกหน้าแทนเขา เพราะต่อให้นายน้อยซ่งยื่นมือเข้ามาก็ทำอะไรหวังขาเป๋ไม่ได้ นายน้อยซ่งยังอ่อนแอ
......
ตั้งแต่เมื่อคืนก่อน เฝิงหยู่สั่งให้คนของบริษัทไปปล่อยข่าวลือในไนท์คลับหลายแห่ง เนื้อหาในข่าวลือประมาณว่า " เดี๋ยวนี้ ซ่งเสี่ยวเฟิงเหิมเกริมชอบหักขาคนไปทั่ว ทำให้ผู้คนกลายเป็นคนพิการ" แปดในสิบของไนต์คลับในเมืองปิงล้วนเป็นของหวังขาเป๋ ส่วนไนส์คลับที่เหลือก็ส่งเงินให้เขา
ข่าวลือเหล่านี้จึงเข้าหูหวังขาเป๋ได้ไม่ยาก เพราะไนส์คลับทุกๆที่จะมีคนของหวังขาเป๋ไปคุมอยู่เพื่อไม่ให้แขกเมาอาละวาด
พวกของอู๋จื้อกางยังพูดใส่สีตีไข่ว่าซ่งเหล่าซื่อจะตั้งตนเป็นใหญ่ในเมืองปิง และจะเริ่มเก็บค่าคุ้มครอง พวกเขากำลังขยายอาณาเขตมาถึงถิ่นของหวังขาเป๋
อู๋จื้อกางทำให้แน่ใจว่าคนของหวังขาเป๋จะได้ยินข่าวลือเหล่านี้ เพื่อให้พวกเขาไปรายงานหวังขาเป๋ให้รับทราบเรื่องนี้
เช้าตรู่ คางคกซึ่งเป็นลูกน้องของซ่งเสี่ยวเฟิงก้เข้ามา เขาคิดว่าทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว แต่เฝิงหยู่รั้งตัวเขาเอาไว้ ทั้งชวนสูบบุหรี่และดื่มชา ก็เพื่อประวิงเวลา
แต่เมื่อเฝิงหยู่ได้ยินว่าหวังขาเป๋ออกมาแล้ว ท่าทีของเขาเปลี่ยนไป ทั้งยังปฏิเสธข้อเสนอของซ่งเสี่ยวเฟิง เฝิงหยู่ไม่คิดที่จะมอบเงินไห้คางคก
แน่นอน ตอนนั้นคางคกโกรธมาก หากไม่ใช่เพราะที่บริษัทของเฝิงหยู่มีคนมากกว่า บริษัท คางคกคงลงมือจัดการไปแล้ว
เมื่อรถของหวังขาเป๋ขับมาถึงหน้าประตูคลังสินค้า เฝิงหยู่ก็เริ่มพูดหลอกล่อเพื่อให้คางคกพูดคำที่เขาต้องการให้เขาพูด
"ผมก็มีสองขา ถ้าสู้ไม่ได้ แล้วคิดว่าจะหนีไม่ได้เหรอ? ตอนนี้ผมจะปิดธุรกิจของผม พวกนายจะทำอะไรได้อีก? " เฝิงหยู่กล่าวกับคางคก
"เอ็งมีขาสองข้าง? ข้าจะบอกให้เอ็งรู้ไว้ วันนี้ต่อให้เอ็งตกลงหรือไม่ตกลง เอ็งก็ต้องยอมรับข้อตกลงของข้า ! เจ้าคนแซ่เฝิง เอ็งจะเชื่อหรือเปล่าข้าไม่รู้ แต่ถ้าเอ็งออกนอกบ้านเมื่อไหร่ ข้าจะหักขาของเอ็ง และทำให้เอ็งกลายเป็นคนพิการตลอดชีวิต? " คางคกตะโกน
"หึ ต่อให้จะหักขาของฉัน ฉันก็ยังเป็นป๋าถือไม้ตะพดได้!" เฝิงหยู่ตอบ
"ไม้ตะพดก็ไม้เท้า! เอ็งคิดว่านี่เป็นถิ่นของหวังขาเป๋ แล้วข้าไม่กล้าแตะต้องเอ็ง? ข้าจะบอกให้ฟัง แม้แต่หวังขาเป๋ยังกลัวนายป๋าซื่อของพวกข้า ต่อไปภายหน้าก็ไม่มีหวังขาเป๋อีกต่อไป! ถ้าเอ็งไม่เชื่อ ...... อ้า ...... ! พวกเอ็งเป็นใคร? คิดจะทำอะไร? หวัง ......ป๋าไม้ตะพด? " คางคกตะโกน
หวังขาเป๋ไม่ให้โอกาสให้คางคกอธิบาย เขาสั่งให้คนของเขาว่าจะตรึงคางคกเอาไว้ เขายกไม้เท้าเหล็กและหักขาทั้งสองข้างของคางคกด้วยตัวเอง จากนั้นเขาก็สั่งให้คนของเขาโยนคางคกไปยังถิ่นของซ่งเหล่าซื่อ
ตอนนี้แม้แต่ลูกกระจ๊อกยังไม่สั่งสอนให้ดี ข้าก็จัดการแทนให้แกเอง!
ตอนนี้ ขนาดลูกกระจ็อกของซ่งเหล่าซื่อก็กล้าที่จะดูถูกเขา ข่าวลืออาจเป็นความจริง ดูเหมือนว่าซ่งเหล่าซื่อต้องการขยายดินแดนเข้ามาในถิ่นของเขา หึ มาดูกันว่าใครกันแน่จริง
"พวกเธอคือคนของบริษัทการไท่หัวเหรอ? ใครคือเจ้านายของที่นี่? " หวังขาเป๋ถามขณะที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
"สวัสดีครับ ป๋าไม้ตะพด ผมเป็นคนที่ดูแลรับผิดชอบบริษัทนี้ เรียกผมว่าเฝิงหยู่ก็ได้ครับ"เฝิงหยู่กล่าวในขณะที่ส่งบุหรี่ไปให้หวังขาเป๋
"โย่ ยังหนุ่มยังแน่นก็ออกมาทำธุรกิจแล้ว? ไม่เลว. เธอเป็นอะไรกับเจ้าคนเมื่อครู่นี้? " หวังขาเป๋ถาม เขารู้สึกดีเล้กน้อยต่อเฝิงหยู่ เพราะเมื่อก่อนตอนเขาจากบ้านมาทำธุรกิจก็น่าจะอายุเท่าๆเฝิงหยู่ตอนนี้
"คนนั้นเป็นลูกน้องของซ่งเสี่ยวเฟิง เมื่อวานนี้ ซ่งเสี่ยวเฟิงเอารถจากบริษัทของผมไปคันหนึ่ง และตอนนี้เขายังต้องการที่จะทำธุรกิจของผม นั่นเป็นเหตุผลที่เราโต้เถียงกันในตอนนี้ ถกเถียงกันได้สักพัก ป๋าไม้ตะพดก็มาถึงพอดี " เฝิงหยู่ตอบ
"เอาล่ะ วางใจได้ บริเวณนี้เป็นถิ่นของป๋าเอง คนของซ่งเหล่าซื่อคงไม่กล้าเข้ามาระรานเธออีก เธอก็ธุรกิจที่เท่าที่จะทำได้ก็แล้วกัน หามาได้เท่าไหร่ทำได้แค่ไหนก็เมื่อเรื่องของเธอ ถ้ามีคนที่ไม่ปฏิบัติตามกติกา มาบังคับขายหรือขู่เข็ญให้ซื้อ เธอมาหาป๋าได้ เวลาว่างๆก็ไปเต้นรำผ่อนคลายที่ไนท์คลับของป๋าบ้าง คนหนุ่มสาวควรจะหาความสำราญหน่อย " หวังขาเป๋กล่าว
หวังขาเป๋กลับไป เฝิงหยู่และพนักงานของเขาก็โล่งใจ
หวังขาเป๋ก็เหมือนกับข่าวลือ แม้ว่าเขาจะเป็นนักเลง แต่เขาจะไม่ระรานกลุ่มคนธรรมดาและนักธุรกิจอื่นๆ เขาเพียงมุ่งเน้นไปที่ร้านบันเทิงเท่านั้น ส่วนซ่งเหล่าซื่อก็เป็นไปตามข่าวลือเช่นกัน เลวยังไงก็เลวอย่างนั้น ซ่งเสี่ยวเฟิงก็ไม่ต่างกัน
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ สงครามระหว่างซ่งเหล่าซื่อกับหวางขาเป๋ดูเหมือนจะเริ่มแล้ว!
(เจ้าคางคก ต้นฉบับภาษาจีน คือ หามา(蛤蟆) แปลว่า กบ คางคก)